..“หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม”...
ใช่แล้วค่าา จากคำขวัญ..คราวนี้เรามีโอกาสได้มาเที่ยวเมืองแพร่กัน เมืองที่เราจะได้สโลวไลฟ์ไปกับวัฒนธรรมและผู้คนใจดี รวมไปถึงการได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆที่ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตไปพร้อมๆกัน
ทริปนี้เราได้ไปเที่ยวหลายที่เลยน้าา.. ไม่ว่าจะเป็น คุ้มเจ้าหลวง,วัดพงษ์สุนันท์,บ้านวงศ์บุรี,กาดสามวัย,ร้านก๋วยเตี๋ยวห่อตอง,วัดจอมสวรรค์,วัดพระธาตุดอยเล็ง,กาแฟบ้านเบ้ววว,ถ้ำผานางคอย,อ่างเก็บน้ำแม่ถาง,แพะเมืองผี,ทุ่งปอเทือง,กาดกองเก่า,ประตูชัย,บ้านทุ่งโฮ้ง,คำมีสตูดิโอ,ร้านกาแฟแห่ระเบิด,วัดพระธาตุช่อแฮ กับทริป 3วัน 2 คืนจะสนุกแค่ไหนไปดูกันน^^
Day1
เราเริ่มเดินทางกันตั้งแต่ 8.30น. โดยรถยนต์จาก จ.เชียงใหม่ เราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข11 ตัดเข้าเส้น 1023 ผ่านอำเภอลอง จากนั้นก็ขับไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงตัวเมืองแพร่ค่ะ
เราเข้าไปเช็คอินที่พักกันก่อนเลย เราพักกันที่ Chatawan homestay เราโทรมาจองที่พักกันไว้ก่อนแล้วค่ะ ราคาคืนละ 400 บาท(รวมอาหารเช้า) ป้าเจ้าของโฮมเสตย์เป็นกันเองน่ารักมากเลย แถมยังช่วยแนะนำที่ท่องเที่ยวในเมืองแพร่ให้เราอีกด้วย
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกัน ที่แรกที่เราไปกันคือ "คุ้มเจ้าหลวง" ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากที่พักค่ะ จากที่พักประมาณ 900เมตร
คุ้มเจ้าหลวง เดิมเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2435 โดยเจ้าผู้ครองเมืองแพร่องค์สุดท้าย คือ เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมทรงไทยผสมยุโรป ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่นิยมกันมากในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนต้น เรียกอีกอย่างว่าสถาปัตยกรรมทรงขนมปังขิง ที่นี่ไม่มีค่าเข้านะคะ
ด้านในคุ้มเจ้าหลวงถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงห้องของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต โมเดลจำลอง สถานที่ต่างๆของเมืองแพร่ฯลฯ
วันนี้ที่นี่ค่อนข้างคึกคักเพราะมีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษากันเยอะแยะเลย
หลังจากที่เราเดินเล่นรอบๆแล้วก่อนกลับออกมา เราได้แวะเข้าไปชมด้านล่างของคุ้มเจ้าหลวงที่ที่เคยเป็นคุกใต้ดินมาก่อน **คนแพร่จริงๆแล้วอาจจะทราบกันดีว่า เราจะเข้าประตูนี้โดยการถอยหลังเข้า เพราะคือประตูของผี คนธรรมดาไม่สามารถเข้าได้ เพราะจะเจอกับสิ่งเร้นลับอยู่ก็เป็นได้ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
บรรยากาศด้านในค่อนข้างจะเย็นและวังเวงหน่อยๆ
ถ่ายรูปกันเสร็จเราเดินต่อไปที่ "วัดพงษ์สุนันท์" อยู่ห่างจากคุ้มเจ้าหลวงประมาณ 300 เมตร ภายในวัดประดับประดาด้วยโคมสีสันสวยงาม
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชื่อว่า "พระเจ้าแสนสุข" มีอายุราว 568 ปี และด้านบนฝาผนังยังมีภาพวาดปีนักษัตรต่างๆ
และภายในบริเวณวัดจะมีพระนอนองค์ใหญ่สีทองอร่าม วิหารแก้วองค์พระธาตุเจดีย์ 108 ยอด ที่เป็นวิหารสีขาวทั้งหลังสวยงามมากค่ะ
เดินมาอีกหน่อยจะเป็น "คุ้มวงศ์บุรี หรือ บ้านวงศ์บุรี" เป็นอาคารสีชมพูโดดเด่นสวยงามมากๆ บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.2440 โดยช่างชาวจีนมาจากมณฑลกวางตุ้ง เป็นบ้านแบบยุโรปประยุกต์ ที่นี่เป็นบ้านของแม่เจ้าบัวถา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย เพื่อเป็นของกำนัลในการเสกสมรส ระหว่างเจ้าสุนันตา ผู้เป็นบุตรีเจ้าบุรีรัตน์ และหลวงพงษ์ ที่นี่มีค่าเข้าคนละ 30฿นะคะ
หลังจากชมความงามรอบๆแล้วก็เข้าไปดูด้านในกัน ภายในบ้านตกแต่งด้วยสิ่งของเครื่องใช้เก่าแก่ของตระกูลที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุ ได้แก่ เครื่องเรือน เครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา เอกสารที่สำคัญต่างๆ
จากบ้านวงศ์บุรีเราเดินหาอะไรกินกันสักหน่อย เรามากันที่ร้านนี้ค่ะ "ร้านก๋วยเตี๋ยวคงห่อตอง" เราไปถึงประมาณ 3 โมงเย็น ร้านกำลังจะปิดดีที่มาทัน55
เอกลักษณ์ของที่นี่ก็นอกจากใช้ใบตองห่อก๋วยเตี๋ยวแห้งแล้ว ในเรื่องของรสชาตินั้นก็ถือว่าอร่อยแบบไม่ต้องปรุง ราคาชามละ 30บาทค่ะ
หลังจากกินกันเสร็จแล้วเราเดินเล่นดูบรรยากาศในเมืองจนไปถึงที่จอดรถ จากนั้นก็ขับรถไปที่ "
วัดจอมสวรรค์" วัดนี้สร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นศิลปะล้านนาผสมกับศิลปะพม่าตัวอาคารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีหลังคาเล็กใหญ่ลดหลั่นกันเป็นชั้นรวม 9 ชั้น ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวเงี้ยวซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในพม่าและเดินทางเข้ามาค้าขายที่เมืองแพร่ พอเกิดเหตุการณ์เงี้ยวปล้นเมืองแพร่ วัดนี้เลยจึงถูกปล่อยร้าง ทรุดโทรม และต่อมาได้รับการบูรณะจากชาวไทยใหญ่ นับเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆเลยค่ะ
บรรยากาศภายในวัดมีชาวบ้านแวะเวียนมาไหว้พระกันอยู่ตลอด
และด้านในยังมีการประดับตกแต่งด้วยกระจกสีตรงด้านบนเพดานและเสาทุกต้นสวยงามมากค่ะ
ที่ต่อไปก็ที่เราจะไปกันคือวัดพระธาตุดอยเล็ง ระหว่างทางขึ้นวัดเราผ่านร้านกาแฟร้านนึงชื่อว่า "
ร้านม่อนกล่ำcoffee" เห็นป้ายหน้าร้านเขียนว่า วันนี้เปิดเป็นวันแรก เราเลยลองแวะกินน้ำกินขนมกันสักหน่อย
บรรยากาศร้านน่ารักดีค่ะเป็นร้านกาแฟเล็กๆที่เน้นการตกแต่งเหมือนบ้าน เมนูทางร้านมีทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็น ที่นั่งมีทั้งโซนด้านในที่เป็นห้องแอร์ และโซนด้านนอกที่เป็นบรรยากาศสวน
เรานั่งเล่นสักพักก็ได้เวลาไปไหว้พระกันที่วัดกัน "
วัดพระธาตุดอยเล็ง" เป็นวัดพระธาตุเก่าแก่ ที่จัดเป็นปูชนียสถานที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่ค่ะ
และจุดชมวิวด้านบนของที่นี่สามารถชมวิวสวยๆได้แบบพาโนรามา บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่เยอะมากเราเลือกมาเวลาเย็นเพราะจะมาเก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินกัน
ก่อนกลับที่พักเราแวะเดินเล่นกันที่ "กาดสามวัย" ตลาดนี้มีมีจุดเด่นด้านอาหารการกิน และสินค้าของพื้นเมืองต่างๆ ที่สำคัญบนเวทียังมีการแสดงและการประกวดต่างๆให้ชมอีกด้วย ส่วนพื้นที่ด้านล่างที่เป็นลานโล่ง มีการนำเสื่อมาปู มีขันโตกเปล่า ๆ มาวางไว้เป็นจุด ๆ เพื่อให้ชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อของกินสามารถนั่งกินกันกลางลานที่จัดไว้ให้ได้เลย พร้อมชมการแสดงบนเวทีได้อีกด้วย ตลาดมีทุกวันศุกร์นะคะ
[CR] Summer นี้ที่แพร่ : เมืองเล็กๆที่ใครก็ตกหลุมรัก
ทริปนี้เราได้ไปเที่ยวหลายที่เลยน้าา.. ไม่ว่าจะเป็น คุ้มเจ้าหลวง,วัดพงษ์สุนันท์,บ้านวงศ์บุรี,กาดสามวัย,ร้านก๋วยเตี๋ยวห่อตอง,วัดจอมสวรรค์,วัดพระธาตุดอยเล็ง,กาแฟบ้านเบ้ววว,ถ้ำผานางคอย,อ่างเก็บน้ำแม่ถาง,แพะเมืองผี,ทุ่งปอเทือง,กาดกองเก่า,ประตูชัย,บ้านทุ่งโฮ้ง,คำมีสตูดิโอ,ร้านกาแฟแห่ระเบิด,วัดพระธาตุช่อแฮ กับทริป 3วัน 2 คืนจะสนุกแค่ไหนไปดูกันน^^
เพจ>>https://www.facebook.com/wejourneys
Instagram>> https://www.instagram.com/ou.wejourney
เราเริ่มเดินทางกันตั้งแต่ 8.30น. โดยรถยนต์จาก จ.เชียงใหม่ เราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข11 ตัดเข้าเส้น 1023 ผ่านอำเภอลอง จากนั้นก็ขับไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงตัวเมืองแพร่ค่ะ
เราเข้าไปเช็คอินที่พักกันก่อนเลย เราพักกันที่ Chatawan homestay เราโทรมาจองที่พักกันไว้ก่อนแล้วค่ะ ราคาคืนละ 400 บาท(รวมอาหารเช้า) ป้าเจ้าของโฮมเสตย์เป็นกันเองน่ารักมากเลย แถมยังช่วยแนะนำที่ท่องเที่ยวในเมืองแพร่ให้เราอีกด้วย
คุ้มเจ้าหลวง เดิมเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2435 โดยเจ้าผู้ครองเมืองแพร่องค์สุดท้าย คือ เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมทรงไทยผสมยุโรป ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่นิยมกันมากในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนต้น เรียกอีกอย่างว่าสถาปัตยกรรมทรงขนมปังขิง ที่นี่ไม่มีค่าเข้านะคะ
ด้านในคุ้มเจ้าหลวงถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงห้องของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต โมเดลจำลอง สถานที่ต่างๆของเมืองแพร่ฯลฯ
หลังจากที่เราเดินเล่นรอบๆแล้วก่อนกลับออกมา เราได้แวะเข้าไปชมด้านล่างของคุ้มเจ้าหลวงที่ที่เคยเป็นคุกใต้ดินมาก่อน **คนแพร่จริงๆแล้วอาจจะทราบกันดีว่า เราจะเข้าประตูนี้โดยการถอยหลังเข้า เพราะคือประตูของผี คนธรรมดาไม่สามารถเข้าได้ เพราะจะเจอกับสิ่งเร้นลับอยู่ก็เป็นได้ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
เดินมาอีกหน่อยจะเป็น "คุ้มวงศ์บุรี หรือ บ้านวงศ์บุรี" เป็นอาคารสีชมพูโดดเด่นสวยงามมากๆ บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.2440 โดยช่างชาวจีนมาจากมณฑลกวางตุ้ง เป็นบ้านแบบยุโรปประยุกต์ ที่นี่เป็นบ้านของแม่เจ้าบัวถา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ฯ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย เพื่อเป็นของกำนัลในการเสกสมรส ระหว่างเจ้าสุนันตา ผู้เป็นบุตรีเจ้าบุรีรัตน์ และหลวงพงษ์ ที่นี่มีค่าเข้าคนละ 30฿นะคะ
หลังจากชมความงามรอบๆแล้วก็เข้าไปดูด้านในกัน ภายในบ้านตกแต่งด้วยสิ่งของเครื่องใช้เก่าแก่ของตระกูลที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุ ได้แก่ เครื่องเรือน เครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา เอกสารที่สำคัญต่างๆ
หลังจากกินกันเสร็จแล้วเราเดินเล่นดูบรรยากาศในเมืองจนไปถึงที่จอดรถ จากนั้นก็ขับรถไปที่ "วัดจอมสวรรค์" วัดนี้สร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นศิลปะล้านนาผสมกับศิลปะพม่าตัวอาคารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีหลังคาเล็กใหญ่ลดหลั่นกันเป็นชั้นรวม 9 ชั้น ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวเงี้ยวซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในพม่าและเดินทางเข้ามาค้าขายที่เมืองแพร่ พอเกิดเหตุการณ์เงี้ยวปล้นเมืองแพร่ วัดนี้เลยจึงถูกปล่อยร้าง ทรุดโทรม และต่อมาได้รับการบูรณะจากชาวไทยใหญ่ นับเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆเลยค่ะ
ที่ต่อไปก็ที่เราจะไปกันคือวัดพระธาตุดอยเล็ง ระหว่างทางขึ้นวัดเราผ่านร้านกาแฟร้านนึงชื่อว่า "ร้านม่อนกล่ำcoffee" เห็นป้ายหน้าร้านเขียนว่า วันนี้เปิดเป็นวันแรก เราเลยลองแวะกินน้ำกินขนมกันสักหน่อย
บรรยากาศร้านน่ารักดีค่ะเป็นร้านกาแฟเล็กๆที่เน้นการตกแต่งเหมือนบ้าน เมนูทางร้านมีทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็น ที่นั่งมีทั้งโซนด้านในที่เป็นห้องแอร์ และโซนด้านนอกที่เป็นบรรยากาศสวน
เรานั่งเล่นสักพักก็ได้เวลาไปไหว้พระกันที่วัดกัน "วัดพระธาตุดอยเล็ง" เป็นวัดพระธาตุเก่าแก่ ที่จัดเป็นปูชนียสถานที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่ค่ะ
และจุดชมวิวด้านบนของที่นี่สามารถชมวิวสวยๆได้แบบพาโนรามา บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่เยอะมากเราเลือกมาเวลาเย็นเพราะจะมาเก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินกัน
ก่อนกลับที่พักเราแวะเดินเล่นกันที่ "กาดสามวัย" ตลาดนี้มีมีจุดเด่นด้านอาหารการกิน และสินค้าของพื้นเมืองต่างๆ ที่สำคัญบนเวทียังมีการแสดงและการประกวดต่างๆให้ชมอีกด้วย ส่วนพื้นที่ด้านล่างที่เป็นลานโล่ง มีการนำเสื่อมาปู มีขันโตกเปล่า ๆ มาวางไว้เป็นจุด ๆ เพื่อให้ชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อของกินสามารถนั่งกินกันกลางลานที่จัดไว้ให้ได้เลย พร้อมชมการแสดงบนเวทีได้อีกด้วย ตลาดมีทุกวันศุกร์นะคะ