วันนี้พวกเราจะพาไปกินเที่ยวที่แพร่ – น่าน กัน เดิมทีเราเห็นว่าช่วงวันหยุดเข้าพรรษามีวันหยุดหลายวัน อีกทั้งลาพักร้อนยาวด้วย คุณแฟนเลยเสนอมาว่าไปน่าน-บ่อเกลือมั้ย ใจนึงก็กลัวว่าหน้าฝนนะจะเดินทางลำบากรึป่าว แต่เอานะ ไหนๆก็ไหนๆลองเที่ยวน่านหน้าฝนดูสักครั้ง
ทริปนี้พอดีเราหยุดยาวรวม8วัน เลยกะว่าค่อยๆขับไปเรื่อยๆ กันดีกว่า
เริ่มต้นทริป เราไปทำธุระที่สุพรรณก่อน เสร็จธุระราวๆ4โมงเย็นเลยตัดสินใจขับรถไปเลย คืนแรกเราเลยพักที่นครสวรรค์หาของอร่อยทานก่อน วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามาก็ร่นระยะทางไปได้พอสมควรเลยคะ
เรามีแพลนตามนี้ค่ะ
14/07 ออกสตาทร์จากนครสวรรค์เที่ยวแพร่
15/07 เที่ยวน่าน นอนคุ้มภูมินทร์ คืนนึง(เดิมทีจะค้าง2คืน แต่ติดที่คุณสามีอยากไปนอนบ่อเกลือวิว ซึ่งว่างแค่คืนวีนที่16 คืนเดียว
16/17 ขับไปเที่ยวบ่อเกลือ พักค้างคืนบ่อเกลือวิว
17/07 กลับมาเก็บตกตัวเมืองน่าน
18/07 เที่ยวอุตรดิสถ์ ค้างคืนนึง
เริ่มทริปกันเลยคะ ออกจากนครสวรรค์ 8โมงเช้า ใช้เส้นทางนครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิสถ์-แพร่ ใช้เวลาประมาณ3ชม.ครึ่ง
ก่อนเข้าเมืองแพร่เราแวะทานข้าวกลางวันกัน ตรงอ.เด่นชัย ไส้กรอกเผาเตาดิน ครัวไซทอง ร้านดังของเมืองแพร่ ร้านนี้ถ้าเราวิ่งเข้าเมืองแพร่เราต้องกลับรถนะคะ แต่ไม่ไกลค่ะ (แวะก่อนเลยดีกว่าเผื่อขากลับไม่ได้แวะ) ด้วยความอยากลองหลายอย่าง เลยจัดเต็ม ทั้งหมดนี่ราคา300 กว่าบาทเองคะ ไส้อั่ว แหนมอร่อยค่ะ แต่เสียตรงที่ร้านมดเยอะไปนิด ด้วยบรรยากาศของร้านที่ต้นไม้เยอะอ่ะคะ
เติมพลังแล้วเราก็เริ่มลุยเมืองแพร่เลยค่ะ วันนี้เราจะเที่ยวเมืองแพร่ให้ภายในวันนี้นะคะ
เริ่มแรกเอาฤกษ์เอาชัยก่อนไหว้พระที่วัดพระธาตุช่อแฮ
พระธาตุช่อแฮ เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ เป็นพระธาตุประจำปีขาล มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสองค่ะ
หลังไหว้พระเสร็จแล้ว เราจะเข้าตัวเมืองแพร่ค่ะ จากพระธาตุไปใช้เวลาประมาณ20นาที เราแพลนจะไปเที่ยว2ที่ค่ะ คือคุ้มเจ้าหลวงเมืองน่าน และบ้านวงศ์บุรี ที่ถ่ายทำละครเรื่องรอยไหมกันคะ
คุ้มเจ้าหลวง ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ
คุ้มเป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปสมัยรัชกาลที่ 5 ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้าย ภายในคุ้มจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณตามธรรมเนียมเจ้านายฝ่ายเหนือ พร้อมด้วยประวัติเจ้าหลวง
เรื่องราวความลี้ลับของคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ด้วยในอดีตบริเวณใต้ถุนอาคารหลังนี้เคยเป็นที่คุมขังข้าทาส ซึ่งกระทำความผิด ทางเข้าคุกจะเป็นประตูเล็กๆอยู่ข้างบันไดใต้ตึกค่ะ
เลยคุ้มเจ้าหลวงไปหน่อยนึง จะเป็นศาลหลักเมืองแพร่ค่ะสร้าง ปี 2535 ตั้งอยู่คู่กับหลักศิลาจารึกเก่าที่กล่าวถึงการสร้างวัดศรีบุญเริง เดิมชาวบ้านเรียกว่า สะดือเมือง
หลังจากนั้นเราไปต่อกันที่คุ้มวงศ์บุรี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ขับรถสองสามนาทีก็ถึง
คุ้มวงศ์บุรีหรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “บ้านสีชมพู
เป็นอาคาร 2 ชั้นหลังคาทรงปั้นหยาในแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป มีการประดับลวดลายแบบเรือนขนมปังขิง เสียค่าเข้าชม 30 บาท
ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากบ้านเจ้านางมณีรินในละครเรื่อง รอยไหม วันที่ไปพอดีเป็นวันธรรมดาไม่มีคนเลย (แต่เห็ยว่าถ้าเป็นวันหยุดคนจะเยอะมาก) เลยได้มีโอกาศได้คุยกับพี่ผู้หญิงเจ้าของบ้านค่ะ น่ารักมากเล่าเรื่องคุ้มให้ฟังอย่างละเอียด ว่าบ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 โดยแม่เจ้าบัวถาเพื่อเป็นเรือนหอของหลวงพงษ์พิบูลย์ กับเจ้าสุนันตา วงศ์บุรี ปัจจุบันเจ้าของบ้านก็ยังอยู่ที่นี่ด้านหลังค่ะ และที่เก็บค่าเข้าชม เนื่องจาก บ้านหลังนี้เจ้าของไม่ได้ให้ยกให้กรมศิลปากรดูแล จึงต้องเสียค่าบำรุงรักษาเองทั้งหมด
จุดเด่นของอาคารนี้คือลวดลายไม้แกะสลักที่หน้าจั่ว ชายคา ระเบียง ช่องลม ชายน้ำ หน้าต่าง และประตู ที่ประตูด้านหน้าเป็นปูนปั้นรูปแพะ ซึ่งเป็นตัวแทนของหลวงพงษ์พิบูลย์และแม่เจ้าสุนันทา และสีที่ใช้โดยรวมจะเป็นสีชมพูหมด สวยมากเลยคะ
ตอนนี้บริเวณภายนอกบ้านคุ้มวงศ์บุรีมีร้านอาหาร "ครัววงศ์บุรี" ด้วยนะคะ และที่นี่รับจัดงานแต่งงานด้วยคะ
คืนนี้เราพักค้างคืนกันที่ โรงแรมแพร่นครค่ะ ตอนเย็นเราออกมาหาอาหารทานกันที่บริเวณประตูชัย ในตัวเมืองจังหวัดแพร่ ตลาดโต้รุ้งประจำเมือง
เราแวะมาร้าน เย็นตาโฟ ประตูชัย ร้านดังของที่นี่ค่ะ
น้ำรสชาติพอดี เครื่องอาจจะไม่เยอะเท่าแบบในกรุงเทพแต่แป้งทอดไรไม่รู้กรอบๆ กินเพลินดีค่ะ
ข้างๆมีร้านดังอีกร้าน ลูกชิ้นนายอ้วน ลูกชิ้นลูกเล็กๆ เขาจะจิ้มน้ำจิ้มข้นๆ แล้วเอาไปย่างกับเตาถ่านอีกที ไม้ละ5บาท
หลังของคาวมาชิมของหวานขึ้นชื่อที่นี่ ร้านบ๊วยนมสดค่ะ รวมมิตรนมสดอน่อยมากค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปน่านกันต่อค่ะ จากแพร่ใช้เวลาไม่เกิน2ชม.ก็ถึงน่านค่ะ
จุดหมายแรกของจังหวัดน่านเราแวะไหว้พระที่วัดพระธาตุแช่แห้งกันก่อน
พระธาตุแช่แห้ง อำเภอภูเพียง อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตรเป็นปูชนียสถานสำคัญ ศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมืองน่าน มองจากถนนเข้าไปมีบันไดนาคสูงขึ้นไปมองเห็นพระเจดีย์อยู่ไกลๆ สวยมากเลยค่ะ
พระธาตุประจำปีเถาะนะคะ องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริ ภุญไชย
เราแวะไหว้พระทำบุญกันที่นี่สักพักก่อนเดินทางเข้าตัวเมืองน่านค่ะ
จากวัดใช้เวลาเข้าเมืองน่านประมาณ10นาที ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เลยแวะหาอาหารกลางวันทานกันก่อนที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำร้านดังของที่นี่
ร้านนี้นอกจากข้าวซอย ก็จะมีนํ้าเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวหมูแดง บะหมี่หมูแดง
ได้เวลาเช็คอินแล้ว คืนนี้เราพักที่คุ้มภูมินทร์ค่ะ บ้านพักสไตล์โคโลเนียล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่าน ห่างจากวัดภูมินทร์ ประมาณ 50 เมตร
ห้องสวย สะอาด สะดวกสบายมากค่ะ มีจักรยานให้ยืมด้วย
ช่วงที่ไป อากาศที่น่านร้อนมากค่ะ เราแวะพักอาบน้ำให้สดชื่นสักแปบ ก็ออกเที่ยวต่อ
เราออกจากรร.เดินไปวัดภูมินทร์ไม่ไกลเลยค่ะ
ที่นี่เดิมชื่อ"วัดพรหมมินทร์" เป็นวัดที่แปลก กว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยกรมศิลปกรได้สันนิษฐานว่าเป็นพระอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย สร้างขึ้น โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครอง เมืองน่าน
พระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ และภาพ “เสียงกระซิบบันลือโลก” หรือภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน”
เดิมทีเราตั้งใจว่าหลังจากไหว้พระที่วัดภูมินทร์เสร็จ จะไปนั่งรถรางเที่ยวเมืองน่าน ขึ้นที่หน้าวัดภูมินทร์ ราคา 30 บาท/คน
แต่....เมื่อเช้านี้จังหวังมีการแห่เทียนเข้าพรรษา เลยนำรถรางชมเมืองไปใช้แห่เทียน แป่ว...ไม่รู้ไม่งั้นมาค้างน่านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้ดูพิธีแห่เทียนซึ่งมีเด็กมาฟ้อนแบบล้านนากัน อดเลย ทั้งนั่งรถชมเมืองทั้งงานแห่เทียน
เอาไงดีล่ะ เลยต้องกลับมาโรงแรมเอารถออกไปเที่ยวกัน
มึนๆงงๆเราเลยเริ่มจากโฮงเจ้าฟองคำ
เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าศรีตุมมา ที่นี่จะมีคนพาเดินชมบ้าน ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ไม้ที่ถูกนำมาเป็นวัสดุสร้างตัวบ้านนั้นเป็นไม้สักที่ทำการผ่าและซ้อมถากด้วยขวานและมีดใช้วิธีเจาะไม้และเข้าไม้ ชั้นบนของบ้านมีการจัดแสดงของโบราณและความเป็นอยู่แบบในอดีต
ด้านล่าง มีการสาธิตการทอผ้าค่ะ พี่ที่พาชมสอนให้ดูทุกขั้นตอนเลยค่ะ มีผ้าที่ทอลายต่างๆจำหน่ายด้วย แต่ละผืนสวยมากๆ
ชมและเลือกซื้อผ้ากันได้เวลาพอควร วันนี้แดดดีฟ้าสวยเราตั้งใจว่าวันนี้จะไปวัดพระธาตุเขาน้อยกันต่อบนยอดดอยเขาน้อย ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน
ระหว่างทางเราผ่านวัดพญาวัดซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของที่นี่อีกแห่ง เราจึงแวะกันที่นี่ก่อน
วัดพญาวัด เดิมที่ตั้งวัดเป็นเขตศูนย์กลางเมืองน่านในสมัยที่ย้ายเมืองจากพระบรมธาตุแช่แห้งมาตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน มีสถูปเจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงในสมัยพระนางจามเทวี รูปมาจาก จังหวัดลำพูน เก่าแก่และสำคัญของจังหวัดน่าน
ในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระเจ้าฝนแสนห่า” ซึ่งชาวเมืองน่านเคยนำมาแห่ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล
ขับต่อมาขึ้นไปบนเขาน้อย เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุเขาน้อย
องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่อ อิฐถือปูนทั้งองค์ ศิลปะพม่า-ล้านนา บรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บนดอยเบาน้อยสูงจากระดับน้ำทะเล 240 ม. หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น
จากวัดพระธาตุเขาน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน
บริเวณลานชมวิวประดิษฐานพระพุทธมหา อุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ
ลงมาจากเขาน้อยเรายังพอมีเวลาเหลือเลยแวะอีกสักวัด
วัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมืองน่าน ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยพงศ์
ลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถเป็นสีขาวทั้งหมดฝีมือช่างเชียงแสน ประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งอยู่ในศาลาจตุรมุข ด้านหน้าพระอุโบสถ
เริ่มค่ำ คืนนี้มีถนนคนเดิน ด้านข้างของวัดภูมินทร์ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ มีของอร่อย ของที่ระลึกน่ารักมากมาย
งานเข้าพรรษา มีการแสดงจากทหารและนักร้องด้วย เราเลยซื้อขนมและมานั่งทานบนโตก
คืนนี้เราพักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้จะบุกป่าไปเที่ยวบ่อเกลือกันต่อ
กระทู้ น่าน-บ่อเกลือ
http://ppantip.com/topic/35574386
[CR] JR on Tour ตะลุยเที่ยว แพร่-น่าน แล้วชะแว๊บไปลำปาง แวะต่ออุตรดิสถ์
ทริปนี้พอดีเราหยุดยาวรวม8วัน เลยกะว่าค่อยๆขับไปเรื่อยๆ กันดีกว่า
เริ่มต้นทริป เราไปทำธุระที่สุพรรณก่อน เสร็จธุระราวๆ4โมงเย็นเลยตัดสินใจขับรถไปเลย คืนแรกเราเลยพักที่นครสวรรค์หาของอร่อยทานก่อน วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามาก็ร่นระยะทางไปได้พอสมควรเลยคะ
เรามีแพลนตามนี้ค่ะ
14/07 ออกสตาทร์จากนครสวรรค์เที่ยวแพร่
15/07 เที่ยวน่าน นอนคุ้มภูมินทร์ คืนนึง(เดิมทีจะค้าง2คืน แต่ติดที่คุณสามีอยากไปนอนบ่อเกลือวิว ซึ่งว่างแค่คืนวีนที่16 คืนเดียว
16/17 ขับไปเที่ยวบ่อเกลือ พักค้างคืนบ่อเกลือวิว
17/07 กลับมาเก็บตกตัวเมืองน่าน
18/07 เที่ยวอุตรดิสถ์ ค้างคืนนึง
เริ่มทริปกันเลยคะ ออกจากนครสวรรค์ 8โมงเช้า ใช้เส้นทางนครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิสถ์-แพร่ ใช้เวลาประมาณ3ชม.ครึ่ง
ก่อนเข้าเมืองแพร่เราแวะทานข้าวกลางวันกัน ตรงอ.เด่นชัย ไส้กรอกเผาเตาดิน ครัวไซทอง ร้านดังของเมืองแพร่ ร้านนี้ถ้าเราวิ่งเข้าเมืองแพร่เราต้องกลับรถนะคะ แต่ไม่ไกลค่ะ (แวะก่อนเลยดีกว่าเผื่อขากลับไม่ได้แวะ) ด้วยความอยากลองหลายอย่าง เลยจัดเต็ม ทั้งหมดนี่ราคา300 กว่าบาทเองคะ ไส้อั่ว แหนมอร่อยค่ะ แต่เสียตรงที่ร้านมดเยอะไปนิด ด้วยบรรยากาศของร้านที่ต้นไม้เยอะอ่ะคะ
เติมพลังแล้วเราก็เริ่มลุยเมืองแพร่เลยค่ะ วันนี้เราจะเที่ยวเมืองแพร่ให้ภายในวันนี้นะคะ
เริ่มแรกเอาฤกษ์เอาชัยก่อนไหว้พระที่วัดพระธาตุช่อแฮ
พระธาตุช่อแฮ เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ เป็นพระธาตุประจำปีขาล มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสองค่ะ
หลังไหว้พระเสร็จแล้ว เราจะเข้าตัวเมืองแพร่ค่ะ จากพระธาตุไปใช้เวลาประมาณ20นาที เราแพลนจะไปเที่ยว2ที่ค่ะ คือคุ้มเจ้าหลวงเมืองน่าน และบ้านวงศ์บุรี ที่ถ่ายทำละครเรื่องรอยไหมกันคะ
คุ้มเจ้าหลวง ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ
คุ้มเป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปสมัยรัชกาลที่ 5 ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้าย ภายในคุ้มจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณตามธรรมเนียมเจ้านายฝ่ายเหนือ พร้อมด้วยประวัติเจ้าหลวง
เรื่องราวความลี้ลับของคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ด้วยในอดีตบริเวณใต้ถุนอาคารหลังนี้เคยเป็นที่คุมขังข้าทาส ซึ่งกระทำความผิด ทางเข้าคุกจะเป็นประตูเล็กๆอยู่ข้างบันไดใต้ตึกค่ะ
เลยคุ้มเจ้าหลวงไปหน่อยนึง จะเป็นศาลหลักเมืองแพร่ค่ะสร้าง ปี 2535 ตั้งอยู่คู่กับหลักศิลาจารึกเก่าที่กล่าวถึงการสร้างวัดศรีบุญเริง เดิมชาวบ้านเรียกว่า สะดือเมือง
หลังจากนั้นเราไปต่อกันที่คุ้มวงศ์บุรี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ขับรถสองสามนาทีก็ถึง
คุ้มวงศ์บุรีหรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “บ้านสีชมพู
เป็นอาคาร 2 ชั้นหลังคาทรงปั้นหยาในแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป มีการประดับลวดลายแบบเรือนขนมปังขิง เสียค่าเข้าชม 30 บาท
ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากบ้านเจ้านางมณีรินในละครเรื่อง รอยไหม วันที่ไปพอดีเป็นวันธรรมดาไม่มีคนเลย (แต่เห็ยว่าถ้าเป็นวันหยุดคนจะเยอะมาก) เลยได้มีโอกาศได้คุยกับพี่ผู้หญิงเจ้าของบ้านค่ะ น่ารักมากเล่าเรื่องคุ้มให้ฟังอย่างละเอียด ว่าบ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 โดยแม่เจ้าบัวถาเพื่อเป็นเรือนหอของหลวงพงษ์พิบูลย์ กับเจ้าสุนันตา วงศ์บุรี ปัจจุบันเจ้าของบ้านก็ยังอยู่ที่นี่ด้านหลังค่ะ และที่เก็บค่าเข้าชม เนื่องจาก บ้านหลังนี้เจ้าของไม่ได้ให้ยกให้กรมศิลปากรดูแล จึงต้องเสียค่าบำรุงรักษาเองทั้งหมด
จุดเด่นของอาคารนี้คือลวดลายไม้แกะสลักที่หน้าจั่ว ชายคา ระเบียง ช่องลม ชายน้ำ หน้าต่าง และประตู ที่ประตูด้านหน้าเป็นปูนปั้นรูปแพะ ซึ่งเป็นตัวแทนของหลวงพงษ์พิบูลย์และแม่เจ้าสุนันทา และสีที่ใช้โดยรวมจะเป็นสีชมพูหมด สวยมากเลยคะ
ตอนนี้บริเวณภายนอกบ้านคุ้มวงศ์บุรีมีร้านอาหาร "ครัววงศ์บุรี" ด้วยนะคะ และที่นี่รับจัดงานแต่งงานด้วยคะ
คืนนี้เราพักค้างคืนกันที่ โรงแรมแพร่นครค่ะ ตอนเย็นเราออกมาหาอาหารทานกันที่บริเวณประตูชัย ในตัวเมืองจังหวัดแพร่ ตลาดโต้รุ้งประจำเมือง
เราแวะมาร้าน เย็นตาโฟ ประตูชัย ร้านดังของที่นี่ค่ะ
น้ำรสชาติพอดี เครื่องอาจจะไม่เยอะเท่าแบบในกรุงเทพแต่แป้งทอดไรไม่รู้กรอบๆ กินเพลินดีค่ะ
ข้างๆมีร้านดังอีกร้าน ลูกชิ้นนายอ้วน ลูกชิ้นลูกเล็กๆ เขาจะจิ้มน้ำจิ้มข้นๆ แล้วเอาไปย่างกับเตาถ่านอีกที ไม้ละ5บาท
หลังของคาวมาชิมของหวานขึ้นชื่อที่นี่ ร้านบ๊วยนมสดค่ะ รวมมิตรนมสดอน่อยมากค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปน่านกันต่อค่ะ จากแพร่ใช้เวลาไม่เกิน2ชม.ก็ถึงน่านค่ะ
จุดหมายแรกของจังหวัดน่านเราแวะไหว้พระที่วัดพระธาตุแช่แห้งกันก่อน
พระธาตุแช่แห้ง อำเภอภูเพียง อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตรเป็นปูชนียสถานสำคัญ ศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมืองน่าน มองจากถนนเข้าไปมีบันไดนาคสูงขึ้นไปมองเห็นพระเจดีย์อยู่ไกลๆ สวยมากเลยค่ะ
พระธาตุประจำปีเถาะนะคะ องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริ ภุญไชย
เราแวะไหว้พระทำบุญกันที่นี่สักพักก่อนเดินทางเข้าตัวเมืองน่านค่ะ
จากวัดใช้เวลาเข้าเมืองน่านประมาณ10นาที ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เลยแวะหาอาหารกลางวันทานกันก่อนที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำร้านดังของที่นี่
ร้านนี้นอกจากข้าวซอย ก็จะมีนํ้าเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวหมูแดง บะหมี่หมูแดง
ได้เวลาเช็คอินแล้ว คืนนี้เราพักที่คุ้มภูมินทร์ค่ะ บ้านพักสไตล์โคโลเนียล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่าน ห่างจากวัดภูมินทร์ ประมาณ 50 เมตร
ห้องสวย สะอาด สะดวกสบายมากค่ะ มีจักรยานให้ยืมด้วย
ช่วงที่ไป อากาศที่น่านร้อนมากค่ะ เราแวะพักอาบน้ำให้สดชื่นสักแปบ ก็ออกเที่ยวต่อ
เราออกจากรร.เดินไปวัดภูมินทร์ไม่ไกลเลยค่ะ
ที่นี่เดิมชื่อ"วัดพรหมมินทร์" เป็นวัดที่แปลก กว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยกรมศิลปกรได้สันนิษฐานว่าเป็นพระอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย สร้างขึ้น โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครอง เมืองน่าน
พระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ และภาพ “เสียงกระซิบบันลือโลก” หรือภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน”
เดิมทีเราตั้งใจว่าหลังจากไหว้พระที่วัดภูมินทร์เสร็จ จะไปนั่งรถรางเที่ยวเมืองน่าน ขึ้นที่หน้าวัดภูมินทร์ ราคา 30 บาท/คน
แต่....เมื่อเช้านี้จังหวังมีการแห่เทียนเข้าพรรษา เลยนำรถรางชมเมืองไปใช้แห่เทียน แป่ว...ไม่รู้ไม่งั้นมาค้างน่านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้ดูพิธีแห่เทียนซึ่งมีเด็กมาฟ้อนแบบล้านนากัน อดเลย ทั้งนั่งรถชมเมืองทั้งงานแห่เทียน
เอาไงดีล่ะ เลยต้องกลับมาโรงแรมเอารถออกไปเที่ยวกัน
มึนๆงงๆเราเลยเริ่มจากโฮงเจ้าฟองคำ
เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าศรีตุมมา ที่นี่จะมีคนพาเดินชมบ้าน ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ไม้ที่ถูกนำมาเป็นวัสดุสร้างตัวบ้านนั้นเป็นไม้สักที่ทำการผ่าและซ้อมถากด้วยขวานและมีดใช้วิธีเจาะไม้และเข้าไม้ ชั้นบนของบ้านมีการจัดแสดงของโบราณและความเป็นอยู่แบบในอดีต
ด้านล่าง มีการสาธิตการทอผ้าค่ะ พี่ที่พาชมสอนให้ดูทุกขั้นตอนเลยค่ะ มีผ้าที่ทอลายต่างๆจำหน่ายด้วย แต่ละผืนสวยมากๆ
ชมและเลือกซื้อผ้ากันได้เวลาพอควร วันนี้แดดดีฟ้าสวยเราตั้งใจว่าวันนี้จะไปวัดพระธาตุเขาน้อยกันต่อบนยอดดอยเขาน้อย ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน
ระหว่างทางเราผ่านวัดพญาวัดซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของที่นี่อีกแห่ง เราจึงแวะกันที่นี่ก่อน
วัดพญาวัด เดิมที่ตั้งวัดเป็นเขตศูนย์กลางเมืองน่านในสมัยที่ย้ายเมืองจากพระบรมธาตุแช่แห้งมาตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน มีสถูปเจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงในสมัยพระนางจามเทวี รูปมาจาก จังหวัดลำพูน เก่าแก่และสำคัญของจังหวัดน่าน
ในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระเจ้าฝนแสนห่า” ซึ่งชาวเมืองน่านเคยนำมาแห่ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล
ขับต่อมาขึ้นไปบนเขาน้อย เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุเขาน้อย
องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่อ อิฐถือปูนทั้งองค์ ศิลปะพม่า-ล้านนา บรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บนดอยเบาน้อยสูงจากระดับน้ำทะเล 240 ม. หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น
จากวัดพระธาตุเขาน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน
บริเวณลานชมวิวประดิษฐานพระพุทธมหา อุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ
ลงมาจากเขาน้อยเรายังพอมีเวลาเหลือเลยแวะอีกสักวัด
วัดมิ่งเมือง ศาลหลักเมืองน่าน ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยพงศ์
ลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถเป็นสีขาวทั้งหมดฝีมือช่างเชียงแสน ประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งอยู่ในศาลาจตุรมุข ด้านหน้าพระอุโบสถ
เริ่มค่ำ คืนนี้มีถนนคนเดิน ด้านข้างของวัดภูมินทร์ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ มีของอร่อย ของที่ระลึกน่ารักมากมาย
งานเข้าพรรษา มีการแสดงจากทหารและนักร้องด้วย เราเลยซื้อขนมและมานั่งทานบนโตก
คืนนี้เราพักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้จะบุกป่าไปเที่ยวบ่อเกลือกันต่อ
กระทู้ น่าน-บ่อเกลือ
http://ppantip.com/topic/35574386