ขอท้าวความกลับไปที่ทริปบึงกาฬสักหน่อยว่าเป็นทริปที่มีความตั้งใจอย่างมากที่จะไปดูความสวยงามของภูเขาที่เค้าว่ากันว่าเหมือนงูหรือเหมือนพญานาคตามความเชื่อ และในความเห็นส่วนตัวของนกอีก๋อยนั้นนั่นก็เป็นจินตนาการที่ไม่เกินความคาดหมายสักนิด..และสำหรับการได้เลยไปเที่ยวสกลนครถือว่าเป็นกำไรก็ว่าได้เพราะเป็นจังหวัดที่อยู่นอกลิสท์ที่ไม่เคยคิดจะไปด้วยซ้ำ แต่ไม่น่าเชื่อว่าสกลนครเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด
+++ เราใช้เวลาในการเดินขึ้นถ้ำนาคาตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนกลับมายังจุดขึ้นเขาก็ราวๆ บ่ายสาม การขึ้นถ้ำนาคาทั้งเหนื่อยทั้งเหนียวตัวจนต้องหาที่อาบน้ำกันก่อน ซึ่งไม่ต้องกังวลเพราะสองข้างทางตั้งแต่เข้าเขตน้ำตกตาดวิมานทิพย์ ก็จะมีร้านให้บริการอาบน้ำตลอดสองฝั่งให้เลือกตามอัธยาศัย +++
/// ทีนี้ต้องออกเดินทางไปต่อกันที่สกลนครซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากบึงกาฬ โดยนกอีก๋อยกับอ้ายกากเราเดินทางจากบึงโขงหลงไปสกลฯ ใช้เวลาราว 2 ชม. (110 กม.) เส้นทางขับง่ายเพราะรถน้อย อาจมีขับผ่านเส้นทางในหมู่บ้านบ้างแต่ก็ถือว่าไม่ยากลำบากอย่างใดแถมได้ชมบรรยากาศบ้านเรือนสองข้างทาง ที่สำคัญอากาศไม่ร้อนเพราะเมฆเยอะมาก สังเกตได้จากภาพถ่ายนั้นก็เห็นแต่ท้องฟ้ามืดทะมึนเกือบตลอดสาย ///
+++ และแล้วเราก็มาถึงสกลนครเกือบห้าโมงเย็น check-in โรงแรม Vince Sakon ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวอยู่ติดถนนหลัก ทำเลโอเคเลยล่ะ ห้องพักกว้างขวาง โต๊ะตู้เตียงที่นอนโอเคไม่ขี้เหร่กับราคามาตรฐานโดยทั่วไป เรทไว้ 8/10 +++
/// หลังจากอาบน้ำอาบท่านอนไถมือถือเล่นจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ได้เวลาหิว 555..ว่าแล้วก็ไปหาอะไรกินอร่อยๆ ดีกว่า แต่ดูเวลาเกือบทุ่มแล้วจะมีอะไรให้กินบ้างหนอยามนี้ ///
/// จะว่าไปเราก็เดินทางมาตั้งไกลแถมอากาศก็เย็นสบาย อาหารสไตล์จิ้มจุ่มก็ดูเข้าท่าดี..หลังขับรถวนไปวนมาอยู่สามรอบ ก็ได้พาร่างอันเหนื่อยล้าไปหย่อนที่ร้าน BK แจ่วฮ้อน (บขส. ใหม่) ร้านนี้คงดังอยู่พอสมควรสังเกตได้จากคนเดินเข้าออกคึกคักตั้งแต่หัวค่ำจนดึก ซึ่งถ้าชอบร้านอาหารบรรยากาศดีๆ จะมาแบบคู่หรือแบบครอบครัวก็ถือว่าตอบโจทย์ นอกจากจิ้มจุ่มก็มีเมนูอีกสารพัดให้เลือก ที่สำคัญได้กินมื้อค่ำเคล้าเสียงดนตรีโฟล์คเพราะๆ..มิชชั่นคอมพลีทแล้วมื้อนี้ ///
/// แต่นอกจากจิ้มจุ่มเราได้ลองสั่งแกงหวายมาซิมเบิ่ง รสชาติคล้ายแกงเห็ดหรือแกงเปรอะนั่นแหละ หวายผิวสัมผัสเมื่อลองเคี้ยวจะคล้ายยอดมะพร้าวอ่อนกรุบๆ แต่รสชาติจะติดขมที่ปลายลิ้นหน่อยๆ แต่โดยรวมถือว่าอร่อยใช้ได้.. ///
/// นกอีก๋อยกับอ้ายกากนั่งฟังดนตรีกันอยู่พักใหญ่จนหนังตามันต่อต้านกับแรงดึงดูดจึงเช็คบิลกลับที่พัก..ซึ่งวันรุ่งขึ้นเราจะมีเวลาเที่ยวสกลนครทั้งวันแบบไม่รีบร้อน..///
+++ เช้าวันใหม่มาเรียกแล้ว แม้ไม่ค่อยอยากจะตื่นแต่ก็ต้องตื่นก่อนที่จะสายเกินไป 555 ดูเวลาแล้วเจ็ดโมงกว่า โปรแกรมที่ตั้งใจว่าจะไปก็มีหลายที่เหลือเกิน...แต่ก่อนจะเที่ยวแวะหามื้อเช้าแซ่บๆ กันก่อน...ยอมรับว่าแพ้ใจให้อาหารสไตล์นี้ สตูไก่ตุ๋นเปื่อยจนเนื้อไก่ละลายในปากเสิร์ฟกับน้ำปลาพริกง่ายๆ อ้อๆๆ แถมด้วยไข่กะทะเพิ่มโปรตีนกันอีกนิด..ฟิน! เดินทางได้ +++
/// จริงๆ เราแพลนตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าหลังออกพรรษาอยากเข้าวัดทำบุญกันให้เต็มที่..และนี่จึงเป็นที่มาของทริปสกลฯ ที่สายบุญและสายมูไม่ควรพลาดนะจ๊ะๆ ///
+++ เริ่มจากวันพระธาตเชิงชุม ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาตั้งแต่โบราณ +++
ข้อมูลโดยย่อ : วัดพระธาตุเชิงชุม เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร ภายในวัดมีองค์พระธาตุเชิงชุมตั้งหันหน้าไปทางหนองหารซึ่งอยู่ทิศตะวันออก สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยม ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยมไม่มีลวดลายประดับ ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 247 บาท มีซุ้มประตู 4 ด้าน ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาทข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลงและหินทรายแดง มีซุ้มประตูหลอกแบบขอมด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก ส่วนซุ้มประตูทางเข้าจริงอยู่ด้านทิศตะวันออก องค์พระธาตุสร้างครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันทะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระโคดมหรือพระศรีอริยเมตไตรย
/// มีข้อสันนิษฐานว่าแต่เดิมพระธาตุเชิงชุมอาจเป็นปราสาทหินทรายศิลปะสมัยขอม เนื่องจากภายในกรอบประตูทางเข้าอุโมงค์ด้านขวามือ พบจารึกพระธาตุเชิงชุมอักษรขอมโบราณราวพุทธศตวรรษที่ 16 แต่องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้าง เนื่องด้วยอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างแผ่เข้ามาบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยราวพุทธศตวรรษที่ 19 และได้มีการบูรณะองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่ ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ฐานมีความสูง 1.35 เมตร หน้าตักองค์พระกว้าง 2 เมตร วัดจากหน้าตักถึงยอดพระเกศสูง 3.2 เมตร เป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในเวลาค่ำ มักมีประชาชนไปกราบไหว้องค์พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์แสนเป็นจำนวนมาก ///
https://thai.tourismthailand.org/Attraction
/// จากวัดพระธาตุเชิงชุมเราไปต่อกันที่วัดป่าสุทธาวาส..อันนี้พิเศษจริงๆ เพราะส่วนตัวนกอีก๋อยมีความศรัทธาในหลวงปู่มั่นมากๆ ด้วยจริยวัตรของท่านที่งดงามในสมณเพศและไร้มลทินจวบจนสิ้นอายุขัย..สาธุ ///
ข้อมูลโดยย่อ : วัดป่าสุทธาวาส ตั้งอยู่ใกล้เทือกเขาภูพาน เดิมที่ตรงนี้เรียกว่า “ดงบาก” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๙ โดยหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ซึ่งท่านธุดงค์มาพักเป็นองค์แรก ต่อมาขุนอุพัทธ์ระบิล (เพชร ภูลวรรณ) จ่าศาลคนแรกของจังหวัดสกลนคร เกิดศรัทธา จึงยกกรรมสิทธิ์ที่ดินของตนถวายให้ปลูกกุฏิเป็นที่พักสงฆ์จนต่อมาเป็นวัด และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๖ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๙๒ เริ่มสร้างอุโบสถ ใน พ.ศ.๒๔๙๔ การก่อสร้างแล้วเสร็จและฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐
/// นี่ลูกอะไรใครรู้บ้าง ตกใส่หัวเจ็บน่าดูเลย 555 ///
/// สถานที่สำคัญในวัด อาทิ พิพิธภัณฑ์อัฐบริขาร พระอาจารย์มั่นภูริทัตโต สืบเนื่องจากหลวงปู่มั่น เป็นพระอาจารย์ใหญ่สายธรรมยุต มีปฏิปทาควรค่าแก่การเทิดทูนเคารพบูชาของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสานุศิษย์ของท่าน ฉะนั้นบรรดาอัฐบริขารและเครื่องใช้สอยต่างๆ จึงมีคุณค่าทางจิตใจและในด้านอนุสสติในตัวท่านภายหลังจากฌาปนกิจศพของท่านแล้ว ปรากฏว่าเครื่องอัฐบริขารและสิ่งของเครื่องใช้ได้กระจายไปอยู่ในที่ต่างๆหลายแห่ง เพราะบรรดาลูกศิษย์ได้นำไปเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นการเคารพบูชาและเป็นอนุสสติหรือความเป็นสิริมงคล ///
- ยังมีต่ออีกหน่อยจ้า -
เที่ยวสกลฯ สนุกเกิ๊น (22-23 ก.ค. 2567)