ถ้าพูดถึง’มาเก๊า’ใครหลายๆคนอาจจะคิดถึงคาสิโนแต่จริงๆแล้วมาเก๊ามีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเลยนะ และยังเป็นเมืองที่ผสมผสานไปด้วยวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัวและเป็นที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากบ้านเรามากนัก
มาเที่ยวคราวนี้เราได้ไปเที่ยวหลายที่เลยไม่ว่าจะเป็น ประตูโบสถ์เซ็นต์ปอล,วัดอาม่า, หมู่บ้านโคโลอานเวเนเชี่ยนคาสิโน, เซนาโด้แสควร์, หมู่บ้านวัฒนธรรมเทพอาม่า, วัดนาชา, โบสถ์เซนต์ฟรานซิสซาเวียร์,แมนดารินเฮ้าส์, ป้อมปราการเม้าท์, โบสถ์เซนต์โดมินิก,เทศบาลมาเก๊า, จัตุรัสเซนต์ออกัสติน, โรงละครดอม เปโดรที่ห้า, หอสมุดเซอร์โรเบิร์ต โฮ ตุง,โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์...บลาๆๆ
และที่สำคัญทริปนี้เราไปกัน 2คน ค่าใช้จ่ายไม่รวมตั๋วเครื่องบินหมดไปคนละประมาณ 6000บาทเองนะ กับทริป 3วัน 2คืนจะสนุกแค่ไหนไปดูกันน
Day1
เราเดินทางถึงสนามบินมาเก๊าประมาณ 15.25น. เวลาท้องถิ่นที่มาเก๊าจะเร็วกว่าไทยประมาณ1ชั่วโมง
ทริปนี้เราไปกันสองคนค่ะเราแลกเงินมาจากไทยเรียบร้อยแล้ว และที่นี่ไม่ต้องกรอกใบตม.สามารถยื่นพาสปอร์ตได้เลย
หลังจากผ่านตม.เรียบร้อยแล้ว เดินตรงไปตามป้ายเพื่อที่จะไปขึ้น Shuttle bus free ของเวเนเชี่ยนคาสิโน
เพราะว่าเราแพลนจะไปเดินเล่นที่เวเนเชี่ยนกันก่อนค่ะ นั่งรถประมาณ 15 นาทีจากสนามบินมาเก๊าก็มาถึงเวเนเชี่ยนคาสิโน (Venatian Casino) รถจะมาจอดที่ main Lobby เลย สำหรับคนที่อยากสะดวกในการเดินเที่ยวในเวเนเชี่ยน เราสามารถฝากกระเป๋าที่ Main Lobby แล้วแจ้งเค้าว่าเราจะไปรับกระเป๋าที่ West Lobby ได้ค่ะ เนื่องจากเราจะไปขึ้นรถที่นั่นเพื่อต่อไปยังโรงแรม
ค่าฝากกระเป๋าชิ้นละ 10 HKD เค้าจะให้ใบนี้เพื่อไปยื่นตอนรับกระเป๋าที่ฝั่ง west Lobby ค่ะ
หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว เราก็เข้าไปเดินเล่นกันในเวเนเชี่ยนกัน ที่นี่เป็นคาสิโนชื่อดังที่จำลองบรรยากาศคลองเวนิส ประเทศอิตาลีมาไว้ในคาสิโนและสองข้างทางของคลองเวนิสจำลองจะมีร้านค้ามากมาย ทั้งสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าราคาแพง ร้านขายของที่ระลึก
และที่พลาดไม่ได้คือร้านทาร์ตไข่ชื่อดัง ‘Lord Strow’s Bakery & Cafe’ขนมทาร์ตไข่จะขายเป็นชิ้น ชิ้นละ 10 MOP รสชาติอร่อยมากต้องลอง!
หลังจากเราเดินเล่นกินขนมกันแล้ว เราก็ไปรับกระเป๋าที่ฝั่ง West Lobby แล้วเดินออกไปประตูด้านข้างจะเป็นท่ารถเราเรียกแท็กซี่จากตรงนั้นให้ไปส่งที่โรงแรมเลย
เราหมดค่าแท็กซี่ไปประมาณ 119HKD ใช้เวลาประมาณ30นาทีก็ถึงที่พักค่ะแต่ถ้ารถติดอาจจะนานหน่อย วันที่เรามามีรถติดบ้างบางช่วงแถวสะพานข้ามแม่น้ำ
เราจองโรงแรม Happy Family hotel ราคา2,695บาทต่อคืน(ไม่รวมอาหารเช้า) จองผ่านแอพ Agoda ห้องอาจจะเล็กไปหน่อยแต่ทำเลของโรงแรมดีมากเลยสามารถเดินไปแหล่งท่องเที่ยวได้หลายที่
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดินเล่นหาอะไรกินแถว ‘Senado Square’ จากที่พักเดินไปประมาณ 5 นาที ที่นี่ตอนเย็นคนเยอะมาก มีของขายเพียบ
เราเดินเล่นรอบๆหา local food กินกัน ร้านส่วนใหญ่ที่นี่โดยเฉพาะย่านสตรีทฟู้ด อาหารจะมีส่วนผสมของซอสแกงกะหรี่ทั้งลูกชิ้น โอเด้ง และเนื้อตุ๋น รสชาติหอมเครื่องเทศอร่อยดี
จากนั้นเราเดินต่อไปที่ ตึก’คาสิโนลิสบัว(Casino Lisboa)’ ด้านในแสดงงานศิลปะ ของโบราณ ไม่ว่าจะเป็นงานแกะสลักทองคำ งานแกะสลักไม้ฯลฯ งานจริงละเอียด และสวยงามมาก
หลังจากเราเดินเล่นดูรอบๆแล้ว ก็ออกไปถ่ายแสงสียามค่ำคืนกันบริเวณด้านหน้าหน้าโรงแรมกันช่วงนี้อากาศดีมากค่ะประมาณ18-22องศาเดินเล่นสบายเลย จากนั้นก็กลับที่พักค่ะ
Day2
เราตื่นกันตั้งแต่6โมงเช้า เพราะว่าวันนี้แพลนเราแน่นเอี๊ยด55 มื้อเช้าเราซื้ออาหารที่เซเว่นมากินกันที่ห้องเพราะตอนเช้าๆที่นี่ร้านข้าวยังไม่ค่อยเปิด กินข้าวกันเสร็จแล้ว ที่แรกที่เราไปกันคือ ‘ประตูโบสถ์เซ็นต์ปอล(Ruins of St.Paul)’เดินจากที่พักมาประมาณ10นาทีก็ถึง ที่นี่เป็นเหมือนสัญลักษ์ของมาเก๊าเราตั้งใจจะมาเช้าๆหน่อยเพราะจะได้ถ่ายรูปไม่ติดคนมากนัก แต่ก็ไม่ทันเนื่องจากยังมีคนตื่นเช้ากว่าเรา55
โบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อต้นปี คศ. 1700 เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของมาเก๊า โบสถ์แห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนสอนศาสนาที่ชาวตะวันตกนำเข้ามาเผยแผ่ในเอเชีย ต่อมาในปี ค.ศ. 1835 โบสถ์เซนต์ปอลถูกไฟไหม้จนเหลือแต่หน้าประตูโบสถ์ จึงได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ ในปี ค.ศ. 1991 ส่วนซากที่ถูกไฟไหม้ก็มีการเก็บรวบรวมทำเป็นพิพิธภัณฑ์อยู่หลังประตูโบสถ์
หลังจากถ่ายรูปเสร็จเราเดินเข้าไปทางด้านซ้ายของประตูโบสถ์จะเป็น ‘วัดนาชา’(Na Tcha Temple) เป็นที่ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมตะวันตกอย่างลงตัว ตัวของวัดเป็นอาคารเล็กๆแบบจีนโบราณ ตั้งอยู่ติดกับรั้วกำแพงโบราณของโบสถ์เซ็นต์ปอลเป็นกำแพงที่ทำจากดินเหนียว ทราย ฟางข้าว หินบด เปลือกหอย จากวัสดุที่หาได้ง่าย
ภายในวัดวันนี้คนไม่ค่อยเยอะมากบรรยากาศดูเงียบสงบดีค่ะ
หลังจากนั่งพักเหนื่อยกันแล้วเราเดินต่อไปทางด้านขวาของประตูโบสถ์เซนต์ปอล จะมีทางขึ้นไปยัง ป้อมปราการเม้าท์ (Mount Fortress) และพิพิธภัณฑ์มาเก๊า เราไม่ได้เข้าไปดูด้านในพิพิธภัณฑ์เพราะว่าเรามาเช้ามากที่นี่ยังไม่เปิดค่ะ
ด้านบนป้อมปราการ สามารถชมทัศนียภาพของมาเก๊าได้ 360 องศา
บรรยากาศรอบๆจะมีชาวบ้านมานั่งเล่นพักผ่อนและออกกำลังกายตอนเช้าๆ
หลังจากถ่ายรูปที่ป้อมปราการเสร็จแล้วเราเดินไปตามถนนเล็กๆด้านหน้าซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล เพื่อมุ่งหน้าไปยัง ‘เซนาโด้แสควร์(Senado Square)’ ระหว่างทางจะเป็นถนนคนเดินที่รวบรวมขนมชื่อดังของเกาะมาเก๊าเอาไว้ เราเดินเล่นซื้อของฝากกันเพลินเลย
เดินตามถนนคนเดินไม่นานก็มาถึง ‘เซนาโด้แสควร์(Senado Square)’ ตรงนี้จะเป็นจะจุดนัดพบใจกลางเมืองของมาเก๊าปกติคนก็เยอะอยู่แล้วแต่เรามาวันเสาร์อาทิตย์ยิ่งเยอะกว่าเดิมอีก55
บริเวณรอบๆจะเป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างจากสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค และยังเป็นศูนย์รวมร้านจำหน่ายเครื่องประดับ ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นและร้านอาหารอีกด้วย
ถัดจากเซเนโด้จะเป็น ‘โบสถ์เซนต์โดมินิก(St.Dominic’s Church)’ ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามทางศิลปกรรมทางศาสนามากที่สุด
เราสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปด้านในโบสถ์ได้ค่ะ แต่ต้องสำรวมนิดนึงเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูความเรียบร้อยอยู่
[CR] ลุยเที่ยว Macao : เมืองที่ผสมผสานไปด้วยวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว
มาเที่ยวคราวนี้เราได้ไปเที่ยวหลายที่เลยไม่ว่าจะเป็น ประตูโบสถ์เซ็นต์ปอล,วัดอาม่า, หมู่บ้านโคโลอานเวเนเชี่ยนคาสิโน, เซนาโด้แสควร์, หมู่บ้านวัฒนธรรมเทพอาม่า, วัดนาชา, โบสถ์เซนต์ฟรานซิสซาเวียร์,แมนดารินเฮ้าส์, ป้อมปราการเม้าท์, โบสถ์เซนต์โดมินิก,เทศบาลมาเก๊า, จัตุรัสเซนต์ออกัสติน, โรงละครดอม เปโดรที่ห้า, หอสมุดเซอร์โรเบิร์ต โฮ ตุง,โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์...บลาๆๆ
และที่สำคัญทริปนี้เราไปกัน 2คน ค่าใช้จ่ายไม่รวมตั๋วเครื่องบินหมดไปคนละประมาณ 6000บาทเองนะ กับทริป 3วัน 2คืนจะสนุกแค่ไหนไปดูกันน
เพจ>>https://www.facebook.com/wejourneys
Instagram>> https://www.instagram.com/ou.wejourney
เพราะว่าเราแพลนจะไปเดินเล่นที่เวเนเชี่ยนกันก่อนค่ะ นั่งรถประมาณ 15 นาทีจากสนามบินมาเก๊าก็มาถึงเวเนเชี่ยนคาสิโน (Venatian Casino) รถจะมาจอดที่ main Lobby เลย สำหรับคนที่อยากสะดวกในการเดินเที่ยวในเวเนเชี่ยน เราสามารถฝากกระเป๋าที่ Main Lobby แล้วแจ้งเค้าว่าเราจะไปรับกระเป๋าที่ West Lobby ได้ค่ะ เนื่องจากเราจะไปขึ้นรถที่นั่นเพื่อต่อไปยังโรงแรม
หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว เราก็เข้าไปเดินเล่นกันในเวเนเชี่ยนกัน ที่นี่เป็นคาสิโนชื่อดังที่จำลองบรรยากาศคลองเวนิส ประเทศอิตาลีมาไว้ในคาสิโนและสองข้างทางของคลองเวนิสจำลองจะมีร้านค้ามากมาย ทั้งสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าราคาแพง ร้านขายของที่ระลึก
และที่พลาดไม่ได้คือร้านทาร์ตไข่ชื่อดัง ‘Lord Strow’s Bakery & Cafe’ขนมทาร์ตไข่จะขายเป็นชิ้น ชิ้นละ 10 MOP รสชาติอร่อยมากต้องลอง!
หลังจากเราเดินเล่นกินขนมกันแล้ว เราก็ไปรับกระเป๋าที่ฝั่ง West Lobby แล้วเดินออกไปประตูด้านข้างจะเป็นท่ารถเราเรียกแท็กซี่จากตรงนั้นให้ไปส่งที่โรงแรมเลย
เราหมดค่าแท็กซี่ไปประมาณ 119HKD ใช้เวลาประมาณ30นาทีก็ถึงที่พักค่ะแต่ถ้ารถติดอาจจะนานหน่อย วันที่เรามามีรถติดบ้างบางช่วงแถวสะพานข้ามแม่น้ำ
เราจองโรงแรม Happy Family hotel ราคา2,695บาทต่อคืน(ไม่รวมอาหารเช้า) จองผ่านแอพ Agoda ห้องอาจจะเล็กไปหน่อยแต่ทำเลของโรงแรมดีมากเลยสามารถเดินไปแหล่งท่องเที่ยวได้หลายที่
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดินเล่นหาอะไรกินแถว ‘Senado Square’ จากที่พักเดินไปประมาณ 5 นาที ที่นี่ตอนเย็นคนเยอะมาก มีของขายเพียบ
เราเดินเล่นรอบๆหา local food กินกัน ร้านส่วนใหญ่ที่นี่โดยเฉพาะย่านสตรีทฟู้ด อาหารจะมีส่วนผสมของซอสแกงกะหรี่ทั้งลูกชิ้น โอเด้ง และเนื้อตุ๋น รสชาติหอมเครื่องเทศอร่อยดี
จากนั้นเราเดินต่อไปที่ ตึก’คาสิโนลิสบัว(Casino Lisboa)’ ด้านในแสดงงานศิลปะ ของโบราณ ไม่ว่าจะเป็นงานแกะสลักทองคำ งานแกะสลักไม้ฯลฯ งานจริงละเอียด และสวยงามมาก
หลังจากเราเดินเล่นดูรอบๆแล้ว ก็ออกไปถ่ายแสงสียามค่ำคืนกันบริเวณด้านหน้าหน้าโรงแรมกันช่วงนี้อากาศดีมากค่ะประมาณ18-22องศาเดินเล่นสบายเลย จากนั้นก็กลับที่พักค่ะ
เราตื่นกันตั้งแต่6โมงเช้า เพราะว่าวันนี้แพลนเราแน่นเอี๊ยด55 มื้อเช้าเราซื้ออาหารที่เซเว่นมากินกันที่ห้องเพราะตอนเช้าๆที่นี่ร้านข้าวยังไม่ค่อยเปิด กินข้าวกันเสร็จแล้ว ที่แรกที่เราไปกันคือ ‘ประตูโบสถ์เซ็นต์ปอล(Ruins of St.Paul)’เดินจากที่พักมาประมาณ10นาทีก็ถึง ที่นี่เป็นเหมือนสัญลักษ์ของมาเก๊าเราตั้งใจจะมาเช้าๆหน่อยเพราะจะได้ถ่ายรูปไม่ติดคนมากนัก แต่ก็ไม่ทันเนื่องจากยังมีคนตื่นเช้ากว่าเรา55
โบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อต้นปี คศ. 1700 เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของมาเก๊า โบสถ์แห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนสอนศาสนาที่ชาวตะวันตกนำเข้ามาเผยแผ่ในเอเชีย ต่อมาในปี ค.ศ. 1835 โบสถ์เซนต์ปอลถูกไฟไหม้จนเหลือแต่หน้าประตูโบสถ์ จึงได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ ในปี ค.ศ. 1991 ส่วนซากที่ถูกไฟไหม้ก็มีการเก็บรวบรวมทำเป็นพิพิธภัณฑ์อยู่หลังประตูโบสถ์
หลังจากถ่ายรูปเสร็จเราเดินเข้าไปทางด้านซ้ายของประตูโบสถ์จะเป็น ‘วัดนาชา’(Na Tcha Temple) เป็นที่ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมตะวันตกอย่างลงตัว ตัวของวัดเป็นอาคารเล็กๆแบบจีนโบราณ ตั้งอยู่ติดกับรั้วกำแพงโบราณของโบสถ์เซ็นต์ปอลเป็นกำแพงที่ทำจากดินเหนียว ทราย ฟางข้าว หินบด เปลือกหอย จากวัสดุที่หาได้ง่าย
หลังจากนั่งพักเหนื่อยกันแล้วเราเดินต่อไปทางด้านขวาของประตูโบสถ์เซนต์ปอล จะมีทางขึ้นไปยัง ป้อมปราการเม้าท์ (Mount Fortress) และพิพิธภัณฑ์มาเก๊า เราไม่ได้เข้าไปดูด้านในพิพิธภัณฑ์เพราะว่าเรามาเช้ามากที่นี่ยังไม่เปิดค่ะ
หลังจากถ่ายรูปที่ป้อมปราการเสร็จแล้วเราเดินไปตามถนนเล็กๆด้านหน้าซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล เพื่อมุ่งหน้าไปยัง ‘เซนาโด้แสควร์(Senado Square)’ ระหว่างทางจะเป็นถนนคนเดินที่รวบรวมขนมชื่อดังของเกาะมาเก๊าเอาไว้ เราเดินเล่นซื้อของฝากกันเพลินเลย
เดินตามถนนคนเดินไม่นานก็มาถึง ‘เซนาโด้แสควร์(Senado Square)’ ตรงนี้จะเป็นจะจุดนัดพบใจกลางเมืองของมาเก๊าปกติคนก็เยอะอยู่แล้วแต่เรามาวันเสาร์อาทิตย์ยิ่งเยอะกว่าเดิมอีก55
บริเวณรอบๆจะเป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างจากสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค และยังเป็นศูนย์รวมร้านจำหน่ายเครื่องประดับ ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นและร้านอาหารอีกด้วย
ถัดจากเซเนโด้จะเป็น ‘โบสถ์เซนต์โดมินิก(St.Dominic’s Church)’ ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามทางศิลปกรรมทางศาสนามากที่สุด