“ถ้าพูดถึงมาเก๊า ... นึกถึงอะไร?”
นั่นสิ... หลายคนพูดถึงแต่คาสิโน กับ ทาร์ตไข่ แต่เราเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น จึงหาเวลา และ ตั๋วถูก ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง...
เราเดินทางแต่เช้า เพราะมีเวลาแค่ 2 วัน มาเก๊าเป็นเกาะเล็กๆ คนส่วนใหญ่ มักบินไปลงที่ฮ่องกง แล้วนั่งเรือ มาเที่ยวต่อ ที่มาเก๊า แต่เราเคยไปฮ่องกงแล้ว จึงบนตรงลงที่สนามบินมาเก๊าเลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที บินกับแอร์เอเชีย สบายสบายยย ^____^'
หลังจากยิ้มหวาน เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว เราก็ตรงดิ่งไปหาแผนที่ทันที... การเดินทางจาก สนามบิน ไปยังโรงแรมต่างๆ สามารถใช้บริการ Free Shuttle Bus ได้ ให้เราเดินออกจากสนามบิน ไปทางขวามือ จะพบกับลานจอดรถคล้ายๆ กับสถานีขนส่ง จะเป็นที่จอดรถของเหล่าบรรดาโรงแรมมากมาย เราพักโรงแรมไหนก็สามารถขึ้นได้เลย หรือไม่ได้พักก็สามารถขึ้นได้ โดยโปรแกรมแรก เราจะไปที่ The Venetian ก่อน...
The Venetian (เดอะ เวเนเชี่ยน)
ใช้เวลาเดินทางจาก สนามบินประมาณ 5-10 นาที ก็ถึงที่ The Venetian สิ่งที่เจ๋ง มากๆ คือ บนรถบัสจะมี Wi-Fi ให้ใช้กันแบบฟรี ๆ เลยหล่ะ พอลงรถแล้ว ก็เดินเข้าไปด้านใน บอกเลยว่า... ตะลึง กับความสวยงามมากๆ เราละสายตาจากเพดานไม่ได้เลย สีทองอร่ามไปทั่วทางเดิน ภาพวาด รูปปั้น ได้ดู ได้สัมผัสใกล้ๆ ดีใจมากๆ ที่ไม่ได้เห็นแค่ในทีวีอีกต่อไป..
ด้านใน เป็นคาสิโน นักท่องเที่ยว เยอะมาก หลากหลายเชื้อชาติ มารวมตัวกันที่นี้ และเราเองก็เป็นหนึ่งนั้น เราดูเขาเล่นอยู่สักพัก บางอย่างก็ไม่เข้าใจ เรายอมรับ ว่าไม่ถนัดแนวนี้เลย ถือว่า เป็นประสบการณ์ ที่ดีละกัน...
จากนั้น เราขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 3 โซนนี้คือ The Grand Canal Shoppes ซึ่งได้จำลองเวนิสให้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้า ส่วนที่ได้อารมณ์เวนิสมากๆ เห็นจะเป็นเรือ Gondola ที่พายไปมาอยู่ตามคลอง พร้อมกับเสียงเพลงที่ขับขานโดยฝีพาย ส่วนเพดาน เขียนสีเป็นท้องฟ้าสวยงาม ..
โซน The Grand Canal Shoppes นี้ มีร้านค้ามากมาย รวมถึงร้านอาหารให้เลือกลิ้มรสได้ตามต้องการ แต่เราว่าราคาแพงไปหน่อย เราเดินไปเรื่อยๆ จนไปพบร้าน หนึ่งเห็นคนต่อแถวยาว นั่นก็คือ ทาร์ตไข่ ร้าน LORD STOW’S ขายชิ้นละ 10 MOP ขอบอกเลยว่ารสชาติคุ้มค่ามาก บอกเลยว่าชิ้นเดียวไม่พอ!!
หลังจากเดินเล่น จนหนำใจแล้ว เราก็จะไปที่พักกัน The Venetian นั้น อยู่ฝั่งไทปา แต่เราจองโรงแรมฝั่งมาเก๊า ฉะนั้น เราต้องนั่งรถไปลงที่ * ท่าเรือเฟอรี่ เพื่อต่อรถเมล์ สาย 3A /10 / 10A ไปลงที่โรงแรม Best Western Sun Sun ค่ารถเมล์ที่มาเก๊า 3.20 MOP ตลอดสาย เตรียมเงินให้พอนะ เพราะโชว์เฟอร์ไม่มีทอน +_+”
* การเดินทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ เราต้องเดินข้ามไปฝั่ง West Lobby (ลากกระเป๋าไปด้วยโลด หรือถ้าอยากจะเดินเที่ยวเล่นใน Venetian ก่อนก็ไปฝากกระเป๋าที่ Main Lobby แต่แจ้งว่าจะไปรับที่ West Lobby ก็ได้) ไปถึงฝั่ง West พอออกจากประตูแล้วเลี้ยวซ้าย มองหาป้าย Ferry Terminal ได้เลย ... ฟรีเหมือนเดิม...
------------------------------------------------------------
“เมืองเล็กๆ แต่เสน่ห์เหลือล้น “
ถึงโรงแรม Check in เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็เตรียมออกไปตะลอนต่อได้ ทริปนี้ เราขอเน้นเดิน เพราะจากที่ดูแผนที่ จุดไฮไลท์เด่น จะอยู่ไม่ไกลกันมาก เดินเรื่อยๆ ชิลล์ ชิลล์ แบบ Slow Life ไป รับรองไม่น่าเบื่อ เมื่อตรงไหนก็แวะตรงนั้น สบาย สบาย ...
Senado Square - Rua da Felicidade
ถ้าหันหน้าออกจากหน้าโรงแรม ให้เดินไปทางซ้าย จะเห็นเนินสูงๆเดินขึ้นเนินไปเลย สักพักจะเจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือที่สอง จะมีซอยที่เรียกว่า Rua da Felicidade หรือ ย่านโคมแดง ที่แห่งนี้ สมัยก่อนเป็น แหล่งรวมหญิงบริการและบ่อนการพนัน แต่ปัจจุบันกลายเป็นย่านที่มีร้านค้าประเภทของชำ ร้านอาหาร ขายมากมาย ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว คือ บ้านเรือน จะทาสีประตูและหน้าต่างเป็นสีแดงเกือบทั้งหมด เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้..
เดินตรงมาสักพัก จะเจอ จตุรัสเซนาโด้ อยู่ฝั่งตรงข้าม สถาปัตยกรรมที่สวยงาม อาคารสีอ่อนๆ กับพื้นลายลอยคลื่นที่โดดเด่นมาก มีร้านค้าหลายร้านให้ได้ช้อปปิ้งกัน ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของที่ระลึก ของกิน ของฝาก ด้านขวามือ คือ ไปรษณีย์ ใครซื้อโปสการ์ด ก็ส่งได้ที่นี่เลย ราคาแสตมป์ ส่งมาเมืองไทยอยู่ที่ 5 MOP
St.Dominic’s Church (โบสถ์เซนต์โดมินิค)
เดินไปเรื่อยๆ จะพบกับโบสถ์สีเหลืองตัดกับประตูหน้าต่างสีเขียว โบสถ์นี้คือ โบสถ์เซนต์โดมินิค เปิดเวลา 10.00 – 18.00 น. สามารถเดินเข้าไปชมความงามด้านในของโบสถ์กันได้
Ruins of St.Paul’s (ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล)
เดินต่อไปไม่ไกลมาก ก็จะถึงแลนด์มาร์กสำคัญของมาเก๊า นั่นก็คือ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล นั่นเอง ที่นี่คนจะเยอะตลอด ถ้าใครอยากถ่ายรูปแบบไม่ค่อยติดคน แนะนำว่าควรจะต้องมาแต่เช้าตรู่นะ
Patio de Chon Sau
พาไปเดินเล่นดูย่าน Art ที่กันบ้าง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล หากหันหน้าเข้าซากประตู ให้เบี่ยงซ้าย จะมีร้าน Starbucks อยู่ ข้างร้าน จะมีบันได ให้เดินลงไป ย่านนี้ Patio de Chon Sau มีร้านน่ารัก งานอาร์ต ทั้งนั้นเลยหล่ะ เงียบๆ เดินเพลินๆ ดี..
------------------------------------------------------------
“แสงสี Casino”
มาเก๊าขึ้นชื่อเรื่อง คาสิโน เราคิดว่า มาทั้งทีแล้ว ต้องไปลอง(ดู) ให้รู้ เราไม่ใช่แนวนี้เลย เรื่องคิดเลข เรางงมาก คิดว่าถ้าเล่น คงบวกลบคูณหารไม่ทัน _+_” เลยทำได้แค่ มองดู เก็บเกี่ยวความทรงจำไปละกัน ว่าครั้งหนึ่งงงงงงง .... เคยมาแล้วนะ ><”
Grand Lisboa & Casino Lisboa
หากจะไป Grand Lisboa & Casino Lisboa ให้เราหันหน้าออกจากSenado Square แล้วเดินไปทางซ้ายมือเรา เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอที่ตั้งของ Grand Lisboa และ Casino Lisboa แสงสีตระการตาอย่างที่เห็น และคนก็เยอะมากๆ ..
Wynn Casino
ที่ต่อมาพาเดินต่อจาก Casino Lisboa จะเป็นส่วนของโรงแรม ด้านหน้าโรงแรมลิสบัวจะมีทางลงใต้ดิน สามารถเดินไปยัง Wynn Casino ได้เลย พอเดินขึ้นมาก็จะเจอกับที่โชว์น้ำพุแบบนี้ โชว์นี้เรียกว่า “Performance Lake” เป็นการแสดงน้ำพุและไฟเต้นระบำตามจังหวะเพลง แถมยังมีพ่นไฟอีกด้วย มีให้ดูกันเป็นรอบๆ ทุกๆ 15 นาทีเลย .. ฟรีอีกนะจ๊ะ ..
เดินเข้าไปด้านใน Wynn มีสินค้า แบรนด์เนมต่างๆ ที่เรารู้จักกันดี (แต่ยังไม่สามารถซื้อได้หรอก อิอิ O+o”) ทั้ง Louis Vuitton, Hermes, Gucci, Chanel โอ้ย! เยอะแยะเลือกไม่ถูก // เราเดินไปเรื่อยๆ มีโชว์ดี ฟรีๆ ให้ดูที่เรียกว่า “Tree of Prosperity” หรือ “โชว์ต้นไม้แห่งความรุ่งโรจน์” อลังการมาก ซึ่งตอนสุดท้ายเพื่อความเป็นศิริมงคล เราได้โยนเหรียญกันเข้าไปที่ต้นไม้ด้วย หล่ะ..
นอกจากนี้ ใกล้ๆกัน ก็จะมี คาสิโน MGM // Star World Casino ฯลฯ เราเดินชิลล์ไปเรื่อยๆ มันเพลินดี จริงๆ นะ เมื่อยก็แวะพักตรงไหนก็ได้ ชอบจัง..
------------------------------------------------------------
“Pray...”
วัดอาม่า A-Ma Temple
สำหรับใครที่ไปมาเก๊า วัดอาม่า A-Ma Temple ต้องเป็นที่ที่อยู่ในลิสต์ และเราก็ไม่พลาดที่นี่ด้วยเหมือนกัน เรานั่งรถเมล์ สาย 10 จากโรงแรม มาประมาณ 10 นาที หรือใครจะเดินมาเรื่อยๆ ก็ได้ เพราะไม่ได้ไกลจากโรงแรมที่เราพักสักเท่าไหร่
ที่วัดอาม่า คนส่วนใหญ่จะมาขอพร กันตลอดวัน การสักการะขอพรกัน จะใช้ธูปหลายแบบให้เลือก ทั้งธูปขด วน ธูปเล็ก ธูปใหญ่ ธูปใหญ่มาก มีลาย ไม่มีลาย แล้วแต่จะเลือก เรางงๆ ก็เลยยกมือไหว้ขอพรอย่างเดียว
------------------------------------------------------------
[CR] 1st Time in Macau (...มันก็จะประมาณนี้)
นั่นสิ... หลายคนพูดถึงแต่คาสิโน กับ ทาร์ตไข่ แต่เราเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น จึงหาเวลา และ ตั๋วถูก ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง...
เราเดินทางแต่เช้า เพราะมีเวลาแค่ 2 วัน มาเก๊าเป็นเกาะเล็กๆ คนส่วนใหญ่ มักบินไปลงที่ฮ่องกง แล้วนั่งเรือ มาเที่ยวต่อ ที่มาเก๊า แต่เราเคยไปฮ่องกงแล้ว จึงบนตรงลงที่สนามบินมาเก๊าเลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที บินกับแอร์เอเชีย สบายสบายยย ^____^'
หลังจากยิ้มหวาน เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว เราก็ตรงดิ่งไปหาแผนที่ทันที... การเดินทางจาก สนามบิน ไปยังโรงแรมต่างๆ สามารถใช้บริการ Free Shuttle Bus ได้ ให้เราเดินออกจากสนามบิน ไปทางขวามือ จะพบกับลานจอดรถคล้ายๆ กับสถานีขนส่ง จะเป็นที่จอดรถของเหล่าบรรดาโรงแรมมากมาย เราพักโรงแรมไหนก็สามารถขึ้นได้เลย หรือไม่ได้พักก็สามารถขึ้นได้ โดยโปรแกรมแรก เราจะไปที่ The Venetian ก่อน...
The Venetian (เดอะ เวเนเชี่ยน)
ใช้เวลาเดินทางจาก สนามบินประมาณ 5-10 นาที ก็ถึงที่ The Venetian สิ่งที่เจ๋ง มากๆ คือ บนรถบัสจะมี Wi-Fi ให้ใช้กันแบบฟรี ๆ เลยหล่ะ พอลงรถแล้ว ก็เดินเข้าไปด้านใน บอกเลยว่า... ตะลึง กับความสวยงามมากๆ เราละสายตาจากเพดานไม่ได้เลย สีทองอร่ามไปทั่วทางเดิน ภาพวาด รูปปั้น ได้ดู ได้สัมผัสใกล้ๆ ดีใจมากๆ ที่ไม่ได้เห็นแค่ในทีวีอีกต่อไป..
ด้านใน เป็นคาสิโน นักท่องเที่ยว เยอะมาก หลากหลายเชื้อชาติ มารวมตัวกันที่นี้ และเราเองก็เป็นหนึ่งนั้น เราดูเขาเล่นอยู่สักพัก บางอย่างก็ไม่เข้าใจ เรายอมรับ ว่าไม่ถนัดแนวนี้เลย ถือว่า เป็นประสบการณ์ ที่ดีละกัน...
จากนั้น เราขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 3 โซนนี้คือ The Grand Canal Shoppes ซึ่งได้จำลองเวนิสให้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้า ส่วนที่ได้อารมณ์เวนิสมากๆ เห็นจะเป็นเรือ Gondola ที่พายไปมาอยู่ตามคลอง พร้อมกับเสียงเพลงที่ขับขานโดยฝีพาย ส่วนเพดาน เขียนสีเป็นท้องฟ้าสวยงาม ..
โซน The Grand Canal Shoppes นี้ มีร้านค้ามากมาย รวมถึงร้านอาหารให้เลือกลิ้มรสได้ตามต้องการ แต่เราว่าราคาแพงไปหน่อย เราเดินไปเรื่อยๆ จนไปพบร้าน หนึ่งเห็นคนต่อแถวยาว นั่นก็คือ ทาร์ตไข่ ร้าน LORD STOW’S ขายชิ้นละ 10 MOP ขอบอกเลยว่ารสชาติคุ้มค่ามาก บอกเลยว่าชิ้นเดียวไม่พอ!!
หลังจากเดินเล่น จนหนำใจแล้ว เราก็จะไปที่พักกัน The Venetian นั้น อยู่ฝั่งไทปา แต่เราจองโรงแรมฝั่งมาเก๊า ฉะนั้น เราต้องนั่งรถไปลงที่ * ท่าเรือเฟอรี่ เพื่อต่อรถเมล์ สาย 3A /10 / 10A ไปลงที่โรงแรม Best Western Sun Sun ค่ารถเมล์ที่มาเก๊า 3.20 MOP ตลอดสาย เตรียมเงินให้พอนะ เพราะโชว์เฟอร์ไม่มีทอน +_+”
* การเดินทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ เราต้องเดินข้ามไปฝั่ง West Lobby (ลากกระเป๋าไปด้วยโลด หรือถ้าอยากจะเดินเที่ยวเล่นใน Venetian ก่อนก็ไปฝากกระเป๋าที่ Main Lobby แต่แจ้งว่าจะไปรับที่ West Lobby ก็ได้) ไปถึงฝั่ง West พอออกจากประตูแล้วเลี้ยวซ้าย มองหาป้าย Ferry Terminal ได้เลย ... ฟรีเหมือนเดิม...
ถึงโรงแรม Check in เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็เตรียมออกไปตะลอนต่อได้ ทริปนี้ เราขอเน้นเดิน เพราะจากที่ดูแผนที่ จุดไฮไลท์เด่น จะอยู่ไม่ไกลกันมาก เดินเรื่อยๆ ชิลล์ ชิลล์ แบบ Slow Life ไป รับรองไม่น่าเบื่อ เมื่อตรงไหนก็แวะตรงนั้น สบาย สบาย ...
Senado Square - Rua da Felicidade
ถ้าหันหน้าออกจากหน้าโรงแรม ให้เดินไปทางซ้าย จะเห็นเนินสูงๆเดินขึ้นเนินไปเลย สักพักจะเจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือที่สอง จะมีซอยที่เรียกว่า Rua da Felicidade หรือ ย่านโคมแดง ที่แห่งนี้ สมัยก่อนเป็น แหล่งรวมหญิงบริการและบ่อนการพนัน แต่ปัจจุบันกลายเป็นย่านที่มีร้านค้าประเภทของชำ ร้านอาหาร ขายมากมาย ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว คือ บ้านเรือน จะทาสีประตูและหน้าต่างเป็นสีแดงเกือบทั้งหมด เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้..
เดินตรงมาสักพัก จะเจอ จตุรัสเซนาโด้ อยู่ฝั่งตรงข้าม สถาปัตยกรรมที่สวยงาม อาคารสีอ่อนๆ กับพื้นลายลอยคลื่นที่โดดเด่นมาก มีร้านค้าหลายร้านให้ได้ช้อปปิ้งกัน ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของที่ระลึก ของกิน ของฝาก ด้านขวามือ คือ ไปรษณีย์ ใครซื้อโปสการ์ด ก็ส่งได้ที่นี่เลย ราคาแสตมป์ ส่งมาเมืองไทยอยู่ที่ 5 MOP
St.Dominic’s Church (โบสถ์เซนต์โดมินิค)
เดินไปเรื่อยๆ จะพบกับโบสถ์สีเหลืองตัดกับประตูหน้าต่างสีเขียว โบสถ์นี้คือ โบสถ์เซนต์โดมินิค เปิดเวลา 10.00 – 18.00 น. สามารถเดินเข้าไปชมความงามด้านในของโบสถ์กันได้
Ruins of St.Paul’s (ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล)
เดินต่อไปไม่ไกลมาก ก็จะถึงแลนด์มาร์กสำคัญของมาเก๊า นั่นก็คือ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล นั่นเอง ที่นี่คนจะเยอะตลอด ถ้าใครอยากถ่ายรูปแบบไม่ค่อยติดคน แนะนำว่าควรจะต้องมาแต่เช้าตรู่นะ
Patio de Chon Sau
พาไปเดินเล่นดูย่าน Art ที่กันบ้าง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล หากหันหน้าเข้าซากประตู ให้เบี่ยงซ้าย จะมีร้าน Starbucks อยู่ ข้างร้าน จะมีบันได ให้เดินลงไป ย่านนี้ Patio de Chon Sau มีร้านน่ารัก งานอาร์ต ทั้งนั้นเลยหล่ะ เงียบๆ เดินเพลินๆ ดี..
มาเก๊าขึ้นชื่อเรื่อง คาสิโน เราคิดว่า มาทั้งทีแล้ว ต้องไปลอง(ดู) ให้รู้ เราไม่ใช่แนวนี้เลย เรื่องคิดเลข เรางงมาก คิดว่าถ้าเล่น คงบวกลบคูณหารไม่ทัน _+_” เลยทำได้แค่ มองดู เก็บเกี่ยวความทรงจำไปละกัน ว่าครั้งหนึ่งงงงงงง .... เคยมาแล้วนะ ><”
Grand Lisboa & Casino Lisboa
หากจะไป Grand Lisboa & Casino Lisboa ให้เราหันหน้าออกจากSenado Square แล้วเดินไปทางซ้ายมือเรา เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอที่ตั้งของ Grand Lisboa และ Casino Lisboa แสงสีตระการตาอย่างที่เห็น และคนก็เยอะมากๆ ..
Wynn Casino
ที่ต่อมาพาเดินต่อจาก Casino Lisboa จะเป็นส่วนของโรงแรม ด้านหน้าโรงแรมลิสบัวจะมีทางลงใต้ดิน สามารถเดินไปยัง Wynn Casino ได้เลย พอเดินขึ้นมาก็จะเจอกับที่โชว์น้ำพุแบบนี้ โชว์นี้เรียกว่า “Performance Lake” เป็นการแสดงน้ำพุและไฟเต้นระบำตามจังหวะเพลง แถมยังมีพ่นไฟอีกด้วย มีให้ดูกันเป็นรอบๆ ทุกๆ 15 นาทีเลย .. ฟรีอีกนะจ๊ะ ..
เดินเข้าไปด้านใน Wynn มีสินค้า แบรนด์เนมต่างๆ ที่เรารู้จักกันดี (แต่ยังไม่สามารถซื้อได้หรอก อิอิ O+o”) ทั้ง Louis Vuitton, Hermes, Gucci, Chanel โอ้ย! เยอะแยะเลือกไม่ถูก // เราเดินไปเรื่อยๆ มีโชว์ดี ฟรีๆ ให้ดูที่เรียกว่า “Tree of Prosperity” หรือ “โชว์ต้นไม้แห่งความรุ่งโรจน์” อลังการมาก ซึ่งตอนสุดท้ายเพื่อความเป็นศิริมงคล เราได้โยนเหรียญกันเข้าไปที่ต้นไม้ด้วย หล่ะ..
นอกจากนี้ ใกล้ๆกัน ก็จะมี คาสิโน MGM // Star World Casino ฯลฯ เราเดินชิลล์ไปเรื่อยๆ มันเพลินดี จริงๆ นะ เมื่อยก็แวะพักตรงไหนก็ได้ ชอบจัง..
วัดอาม่า A-Ma Temple
สำหรับใครที่ไปมาเก๊า วัดอาม่า A-Ma Temple ต้องเป็นที่ที่อยู่ในลิสต์ และเราก็ไม่พลาดที่นี่ด้วยเหมือนกัน เรานั่งรถเมล์ สาย 10 จากโรงแรม มาประมาณ 10 นาที หรือใครจะเดินมาเรื่อยๆ ก็ได้ เพราะไม่ได้ไกลจากโรงแรมที่เราพักสักเท่าไหร่
ที่วัดอาม่า คนส่วนใหญ่จะมาขอพร กันตลอดวัน การสักการะขอพรกัน จะใช้ธูปหลายแบบให้เลือก ทั้งธูปขด วน ธูปเล็ก ธูปใหญ่ ธูปใหญ่มาก มีลาย ไม่มีลาย แล้วแต่จะเลือก เรางงๆ ก็เลยยกมือไหว้ขอพรอย่างเดียว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น