ความจริงก่อนหน้านี้ทางอังกฤษมีแผนจะส่ง Arthur ไปโจมตีอาณานิคมของสเปนโพ้นทะเล แต่เนื่องด้วยความผันผวนในคาบสมุทรไอบีเรียนั้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ในวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1808 Arthur ได้เดินทางไปที่ เมือง Cork ในไอร์แลนด์ พร้อมกับทหาร 9,000 นาย และเดินทางไปถึง Coruña ทางเหนือของสเปนในวันที่ 12 กรกฎาคม ปีเดียวกัน เขารวบรวมเงินและกองทัพอีกครั้งก่อนเดินไปทางไปยัง โปรตุเกส เขาไปถึงเมือง Porto ที่นั้น เขาก็ได้พบกับเหล่านายพลโปรตุเกส และ นายพลเรืออังกฤษซึ่งพาเข้าล่องเรือไปยังอ่าว Mondego Bay ซึ่งอยู่ใกล้กรุง Lisbon และเขาก็ส่งข้อความไปหา นายพล Brent Spencer นายพลอังกฤษ ซึ่งตั้งกำลังอยู่ใน Gadiz นอกจากนี้ Arthur ยังหวังอีกว่าจะว่าเขาจะได้กำลังเพิ่มจากพันธมิตรชาวโปรตุเกส .. ซึ่งในกรุง Lisbon นั้น มีกองทัพฝรั่งเศสกว่า 3 หมื่นนายของ นายพล Jean-Andoche Junot อยู่ แต่ Arthur นั้นคาดว่า กองทัพของ Junot นั้นอยู่กระจัดกระจายกันไป เกินกว่าจะรวมกำลังได้ ในวันที่ 30 กรกฎาคม เขาได้ข่าวว่า มีกองทัพอังกฤษอีก 5,000 นาย ตามมา สมทบ และ อีก 15,000 นาย ภายใต้การนำของ Sir John Moore และทางอังกฤษนั้นได้แจ้งว่า กองทัพอังกฤษในโปรตุเกสทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การบัญชาการของ Sir John Moore แน่นอนว่า Arthur ในตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกลดความสำคัญลง เขาได้เขียนจดหมายไปถึงท่าน Duke แห่ง Richmond ว่า “พบหวังว่าพบจะเอาชนะ นายพล Junot ได้ก่อน พวกเขาจะเดินทางมาถึง พวกเขาจะได้ให้ผมทำอะไรได้ตามใจชอบสักที!!”
โดยไม่รอกองหนุน Arthur ได้ผนึกกำลังกับ นายพล Spencer ในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1808 และได้รับกำลังจากพันธมิตร โปรตุเกสอีก 6,000 ทำให้เขามีกำลังถึง 15,700 นาย เขานำทัพเคลื่อนไปที่ Lisbon ทันที!! เมื่อ นายพล Junot ได้ข่าวการมาถึงของ กองทัพอังกฤษ เขาได้ส่ง นายพล Henri François Delaborde พร้อมกับทหาร 4,900 นาย เพื่อหน่วงทัพของอังกฤษให้ช้าลงระหว่างที่ เขากำลังรวมรวบกำลังพลฝรั่งเศสในโปรตุเกส Delaborde เลือกตั้งทัพที่หมู่บ้าน Roliça เนื่องจากเห็นว่าเป็นชัยภูมิที่เหมาะตั้งอยู่บนเนินเขา บล็อกทางเข้าสู่กรุง Lisbon พอดี ในวันที่ 16 สิงหาคม Arthur ได้เดินมาถึง Roliça และได้วางแผนเข้าตีเนิน Roliça เข้าตีโอบ กองทัพของฝรั่งเศสเป็น รูปคีมโดย พันเอก Trant คุมกำลังโปรตุเกสเข้าตีซ้ายของฝรั่งเศส และ พลตรี Ferguson เขาตีปีกซ้าย ด้วยกำลังที่เข้มแข็งพร้อมการสนับสนุนจากปืนใหญ่ 6 กระบอก... ปฎิบัตรการณ์นี้เริ่มตอน เวลา 09.00 น . Delaborde เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังถูกล้อมด้วยกองทัพอังกฤษที่มากกว่าเกือบ 3 ต่อ 1 เขาตัดสินใจถอยไปตั้งหลักที่เนินเขา Columbeira ที่อยู่ด้านหลังลึกลงไปอีก พันเอก Lake นั้นได้รีบรุดตามบุกฝรั่งเศสขึ้นเนินไปต่อด้วย กรมทหารราบที่ 29 เพียงลำพัง ทำให้เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดบนเนิน จนกระทั่งเวลา 16.00 น. กองทัพหลักของอังกฤษเดินทางมาถึง ทำให้ Delaborde ถอยทัพกลับไปอย่างเป็นระเบียบ ทำให้กองทัพของเขานั้นไม่แตกพ่าย หลังเสร็จศึกนี้ อังกฤษเสียทหารไปราวๆ 487 นาย ส่วนฝรั่งเศสนั้น 700 นาย ถึงแม้นี่จะเป็นชัยชนะเล็กๆแต่มีผลต่อขวัญกำลังใจของกองทัพอังกฤษมาก เพราะนี้คือครั้งแรกที่พวกเขาเอาชนะฝรั่งเศส นับตั้งแต่สงครามปฎิวัติฝรั่งเศสมา...
การรบที่ Roliça ฝรั่งเศสตั้งมั่นบนเนินที่สูงกว่า
หลังชัยชนะของ Arthur ที่ Roliça ไม่นาน Arthur คาดว่ากองทัพฝรั่งเศสของนายพล Junot ต้องเคลื่อนกำลังมาตีตนอย่างแน่นอน เขาจึงได้จัดวางกำลังมาที่ หมู่บ้าน Vimeiro ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เดิมมาก ชัยภูมิบริเวณโดยรอบนั้นเป็นเทือกเขาและหมู่บ้าน ตั้งอยู่ ตะวันตกเลยไปจะเป็นทะเล โดยเขาวางกำลังไว้รอบๆเนินเขา ทางปีกซ้ายของ Vimeiro จะเป็นเนินเขาซึ่งชื่อ Ventosa .. Arthur ก็วางกำลังไว้ในส่วนนี้เช่นกัน ในตอนนี้เขามีกำลังรวม 18,000 นาย ทหารม้า 250 นาย และปืนใหญ่อีก 17 – 18 กระบอก .......ทางฝากฝั่งฝรั่งเศส ดูเหมือนนายพล Junot จะได้รับข่าวกรองที่ผิดพลาดมาทำให้เขาเชื่อว่า Arthur นั้นมีกำลังเป็นรองตน เขาจึงเร่งรัดจัดทัพออกจากกรุง Lisbon ด้วยกำลังเพียง 14,000 นาย เท่านั้น พร้อมด้วยปืนใหญ่อีก 23 กระบอก Junot เดินทัพมาถึง Vimeiro ในวันที่ 21 สิงหาคม.. เมื่อเข้าเห็นการจัดทัพของอังกฤษ เขาคิดว่าจะนำกำลังเข้าตีเป็น 2 ส่วน นั้นคือ ส่วนหลักนั้นจะบุกขึ้นยึดเนิน Vimeiro... ส่วนที่ 2 นำโดย นายพล Brenier และ นายพล Solignac จะนำกำลัง 2 กองพลน้อย เข้าตีเนินเขา Ventosa เพื่อตัดทางหนี.......... แต่การเดินทัพของทั้ง 2 นายพลนั้นทำให้เกิดฝุ่นคลุ้งจำนวนมาก Arthur รับรู้ได้ว่าจะมีการเข้าตีทางด้านเนินเขา Ventosa จึงรีบย้ายกำลังหนุนไปได้ทัน ในขณะเดียวกันกำลังหลักของกองทัพฝรั่งเศสก็บุกขึ้นไปบนเนินเขา Vimeiro ด้วยการสนับสนุนการยิงจากปืนใหญ่ แต่ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเนินเขากับหมู่บ้านทำให้การยิงจากปืนใหญ่ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ ซ้ำร้าย กรมไรเฟิลที่ 60 และ 95 ของอังกฤษนั้นพวกเขาได้กระจายกันตามภูมิประเทศและระดมยิงใส่ทหารฝรั่งเศสที่พยายามเดินขึ้นมาทุกทิศทาง กลับกลายเป็นว่าการโจมตีครั้งแรกประสบความล้มเหลว.....Junot ยังไม่ยอมแพ้ เขาส่งกองพัน Grenadier อีก 4 กองพันเข้าไปหนุนการโจมตีทันที .... Arthur นั้นได้ส่ง กรมทหารราบที่ 43 มาเป็นกำลังหนุน นอกจากนี้ปืนใหญ่ของฝั่งอังกฤษนั้นยังเน้นการยิงด้วยกระสุนลูกปรายในระยะใกล้ ในที่สุดการโจมตีของฝรั่งเศสครั้งที่ 2 ก็ล้มเหลว พวกเขาถูกผลักดันลงจากเนินอีกครั้งท่ามกลางความสูญเสียจำนวนมาก Arthur รีบสั่งให้ กรมทหารม้า Light Dragoon ที่ 20 เข้ากวาดล้างกำลังฝรั่งเศสที่ถอยหนีทันที แต่ก็แลกกับชีวิตของพันโท Charles Taylor ผู้บังคับกรมทหารม้าที่ 20 เช่นกัน ... เมื่อเห็นว่าหมดหวัง Junot สั่งให้กองทัพของเขาล่าถอยไปทางตะวันออก
ทหารฝรั่งเศสต้องกระจายกันบุกไปตามภูมิประเทศทำให้พวกเขาเสียเปรียบ
ทางด้านเนินเขา Ventosa นายพล Brenier นั้นเดินเลยขึ้นเหนือมากเกินไป..ทำให้เขาขาดการติดต่อกับนายพล Solignac.. นายพล Solignac เข้าโจมตีเนินโดยลำพังและตีโต้กลับด้วย โดยกองพลน้อยของนายพล Ferguson ..... ปืนใหญ่ของนายพล Solignac ถูกยึดได้ 6 กระบอก โดยกรมทหารราบ Highland ที่ 71 และกรมทหารราบที่ 82 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กองพลน้อยของนายพล Brenier เดินวกกลับมาพอดี ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยิงต่อสู้อย่างดุเดือด ในขณะเดียวกัน กรมทหาร Highland ที่ยึดปืนใหญ่ของฝรั่งเศสได้ ก็ใช้ปืนเหล่านั้นยิงใส่ฝรั่งเศสซะเอง ความสูญเสียของฝ่ายฝรั่งเศสมีมากจนในที่สุดพวกเขาก็ถอยไปทางตะวันออกเช่นเดียวกัน... Arthur กำลังจะติดตามไล่ล่ากองทัพฝรั่งเศสที่กำลังถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวน แต่อยู่ดีๆก็ได้รับคำสั่งให้ “หยุด” จาก Sir Harry Burrard เจ้าหน้าที่อาวุโสจากอังกฤษที่เพิ่งเดินทางมาถึง เพราะเห็นว่า Arthur นั้นทำเกินคำสั่งมานานและไม่ยอมรอกองหนุนของ Sir John Moore ที่จะมาบัญชาการกองทัพอังกฤษในโปรตุเกส ทำให้โอกาสในการไล่ติดตามนายพล Junot หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย .วันรุ่งขึ้น Sir John Moore เดินทางมาถึงโปรตุเกสก็มารับตำแหน่งแทน Arthur... แต่ในวันที่ 31 สิงหาคม นายพล Junot ก็ขอเจรจาสงบศึกอย่างมีเงื่อนไข เขาจะยอมถอนตัวออกจากโปรตุเกสซึ่งแน่นอน พวกเขาขอเรือรับทหารของเขาทั้งหมดกลับฝรั่งเศสรวมถึงอาวุธยุทธโธปกรณ์ด้วย และ Sir Hew Dalrymple ผู้ว่าการยิบรอลต้าร์แห่งอังกฤษก็ตกลงตามนั้น!!! แน่นอนว่าการทำสนธิสัญญานี้ทำให้ ชาวอังกฤษไม่พอใจอย่างยิ่ง ทั้ง Dalrymple , Moore รวมถึง Arthur ก็โดนร่างแหซ้ำหรับเรื่องนี้ พวกเขาทั้ง 3 ถูกศาลพิพากษาถึงสนธิสัญญาที่ดูไม่เป็นธรรม เขาเดินทางมาถึงอังกฤษในวันที่ 6 ตุลาคม และเริ่มต้นสู่คดีในศาล ที่ เชลซี ก่อนจะรอดพ้นจากข้อกล่าวหา... ถึงแม้จะทำความดีแทบตายแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเห็นหัว แต่สำหรับการต่อสู้ของ Arthur นั้นยังไม่จบ เพราะอีกไม่นาน เขาได้กลับไปประจำการใน โปรตุเกส อีกคครั้งอย่างแน่นอน
The "Iron Duke" Part 7 : ชัยชนะในโปรตุเกส และ มรสุมชีวิตอีกครั้ง...
โดยไม่รอกองหนุน Arthur ได้ผนึกกำลังกับ นายพล Spencer ในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1808 และได้รับกำลังจากพันธมิตร โปรตุเกสอีก 6,000 ทำให้เขามีกำลังถึง 15,700 นาย เขานำทัพเคลื่อนไปที่ Lisbon ทันที!! เมื่อ นายพล Junot ได้ข่าวการมาถึงของ กองทัพอังกฤษ เขาได้ส่ง นายพล Henri François Delaborde พร้อมกับทหาร 4,900 นาย เพื่อหน่วงทัพของอังกฤษให้ช้าลงระหว่างที่ เขากำลังรวมรวบกำลังพลฝรั่งเศสในโปรตุเกส Delaborde เลือกตั้งทัพที่หมู่บ้าน Roliça เนื่องจากเห็นว่าเป็นชัยภูมิที่เหมาะตั้งอยู่บนเนินเขา บล็อกทางเข้าสู่กรุง Lisbon พอดี ในวันที่ 16 สิงหาคม Arthur ได้เดินมาถึง Roliça และได้วางแผนเข้าตีเนิน Roliça เข้าตีโอบ กองทัพของฝรั่งเศสเป็น รูปคีมโดย พันเอก Trant คุมกำลังโปรตุเกสเข้าตีซ้ายของฝรั่งเศส และ พลตรี Ferguson เขาตีปีกซ้าย ด้วยกำลังที่เข้มแข็งพร้อมการสนับสนุนจากปืนใหญ่ 6 กระบอก... ปฎิบัตรการณ์นี้เริ่มตอน เวลา 09.00 น . Delaborde เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังถูกล้อมด้วยกองทัพอังกฤษที่มากกว่าเกือบ 3 ต่อ 1 เขาตัดสินใจถอยไปตั้งหลักที่เนินเขา Columbeira ที่อยู่ด้านหลังลึกลงไปอีก พันเอก Lake นั้นได้รีบรุดตามบุกฝรั่งเศสขึ้นเนินไปต่อด้วย กรมทหารราบที่ 29 เพียงลำพัง ทำให้เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดบนเนิน จนกระทั่งเวลา 16.00 น. กองทัพหลักของอังกฤษเดินทางมาถึง ทำให้ Delaborde ถอยทัพกลับไปอย่างเป็นระเบียบ ทำให้กองทัพของเขานั้นไม่แตกพ่าย หลังเสร็จศึกนี้ อังกฤษเสียทหารไปราวๆ 487 นาย ส่วนฝรั่งเศสนั้น 700 นาย ถึงแม้นี่จะเป็นชัยชนะเล็กๆแต่มีผลต่อขวัญกำลังใจของกองทัพอังกฤษมาก เพราะนี้คือครั้งแรกที่พวกเขาเอาชนะฝรั่งเศส นับตั้งแต่สงครามปฎิวัติฝรั่งเศสมา...
หลังชัยชนะของ Arthur ที่ Roliça ไม่นาน Arthur คาดว่ากองทัพฝรั่งเศสของนายพล Junot ต้องเคลื่อนกำลังมาตีตนอย่างแน่นอน เขาจึงได้จัดวางกำลังมาที่ หมู่บ้าน Vimeiro ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เดิมมาก ชัยภูมิบริเวณโดยรอบนั้นเป็นเทือกเขาและหมู่บ้าน ตั้งอยู่ ตะวันตกเลยไปจะเป็นทะเล โดยเขาวางกำลังไว้รอบๆเนินเขา ทางปีกซ้ายของ Vimeiro จะเป็นเนินเขาซึ่งชื่อ Ventosa .. Arthur ก็วางกำลังไว้ในส่วนนี้เช่นกัน ในตอนนี้เขามีกำลังรวม 18,000 นาย ทหารม้า 250 นาย และปืนใหญ่อีก 17 – 18 กระบอก .......ทางฝากฝั่งฝรั่งเศส ดูเหมือนนายพล Junot จะได้รับข่าวกรองที่ผิดพลาดมาทำให้เขาเชื่อว่า Arthur นั้นมีกำลังเป็นรองตน เขาจึงเร่งรัดจัดทัพออกจากกรุง Lisbon ด้วยกำลังเพียง 14,000 นาย เท่านั้น พร้อมด้วยปืนใหญ่อีก 23 กระบอก Junot เดินทัพมาถึง Vimeiro ในวันที่ 21 สิงหาคม.. เมื่อเข้าเห็นการจัดทัพของอังกฤษ เขาคิดว่าจะนำกำลังเข้าตีเป็น 2 ส่วน นั้นคือ ส่วนหลักนั้นจะบุกขึ้นยึดเนิน Vimeiro... ส่วนที่ 2 นำโดย นายพล Brenier และ นายพล Solignac จะนำกำลัง 2 กองพลน้อย เข้าตีเนินเขา Ventosa เพื่อตัดทางหนี.......... แต่การเดินทัพของทั้ง 2 นายพลนั้นทำให้เกิดฝุ่นคลุ้งจำนวนมาก Arthur รับรู้ได้ว่าจะมีการเข้าตีทางด้านเนินเขา Ventosa จึงรีบย้ายกำลังหนุนไปได้ทัน ในขณะเดียวกันกำลังหลักของกองทัพฝรั่งเศสก็บุกขึ้นไปบนเนินเขา Vimeiro ด้วยการสนับสนุนการยิงจากปืนใหญ่ แต่ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเนินเขากับหมู่บ้านทำให้การยิงจากปืนใหญ่ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ ซ้ำร้าย กรมไรเฟิลที่ 60 และ 95 ของอังกฤษนั้นพวกเขาได้กระจายกันตามภูมิประเทศและระดมยิงใส่ทหารฝรั่งเศสที่พยายามเดินขึ้นมาทุกทิศทาง กลับกลายเป็นว่าการโจมตีครั้งแรกประสบความล้มเหลว.....Junot ยังไม่ยอมแพ้ เขาส่งกองพัน Grenadier อีก 4 กองพันเข้าไปหนุนการโจมตีทันที .... Arthur นั้นได้ส่ง กรมทหารราบที่ 43 มาเป็นกำลังหนุน นอกจากนี้ปืนใหญ่ของฝั่งอังกฤษนั้นยังเน้นการยิงด้วยกระสุนลูกปรายในระยะใกล้ ในที่สุดการโจมตีของฝรั่งเศสครั้งที่ 2 ก็ล้มเหลว พวกเขาถูกผลักดันลงจากเนินอีกครั้งท่ามกลางความสูญเสียจำนวนมาก Arthur รีบสั่งให้ กรมทหารม้า Light Dragoon ที่ 20 เข้ากวาดล้างกำลังฝรั่งเศสที่ถอยหนีทันที แต่ก็แลกกับชีวิตของพันโท Charles Taylor ผู้บังคับกรมทหารม้าที่ 20 เช่นกัน ... เมื่อเห็นว่าหมดหวัง Junot สั่งให้กองทัพของเขาล่าถอยไปทางตะวันออก
ทางด้านเนินเขา Ventosa นายพล Brenier นั้นเดินเลยขึ้นเหนือมากเกินไป..ทำให้เขาขาดการติดต่อกับนายพล Solignac.. นายพล Solignac เข้าโจมตีเนินโดยลำพังและตีโต้กลับด้วย โดยกองพลน้อยของนายพล Ferguson ..... ปืนใหญ่ของนายพล Solignac ถูกยึดได้ 6 กระบอก โดยกรมทหารราบ Highland ที่ 71 และกรมทหารราบที่ 82 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กองพลน้อยของนายพล Brenier เดินวกกลับมาพอดี ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยิงต่อสู้อย่างดุเดือด ในขณะเดียวกัน กรมทหาร Highland ที่ยึดปืนใหญ่ของฝรั่งเศสได้ ก็ใช้ปืนเหล่านั้นยิงใส่ฝรั่งเศสซะเอง ความสูญเสียของฝ่ายฝรั่งเศสมีมากจนในที่สุดพวกเขาก็ถอยไปทางตะวันออกเช่นเดียวกัน... Arthur กำลังจะติดตามไล่ล่ากองทัพฝรั่งเศสที่กำลังถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวน แต่อยู่ดีๆก็ได้รับคำสั่งให้ “หยุด” จาก Sir Harry Burrard เจ้าหน้าที่อาวุโสจากอังกฤษที่เพิ่งเดินทางมาถึง เพราะเห็นว่า Arthur นั้นทำเกินคำสั่งมานานและไม่ยอมรอกองหนุนของ Sir John Moore ที่จะมาบัญชาการกองทัพอังกฤษในโปรตุเกส ทำให้โอกาสในการไล่ติดตามนายพล Junot หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย .วันรุ่งขึ้น Sir John Moore เดินทางมาถึงโปรตุเกสก็มารับตำแหน่งแทน Arthur... แต่ในวันที่ 31 สิงหาคม นายพล Junot ก็ขอเจรจาสงบศึกอย่างมีเงื่อนไข เขาจะยอมถอนตัวออกจากโปรตุเกสซึ่งแน่นอน พวกเขาขอเรือรับทหารของเขาทั้งหมดกลับฝรั่งเศสรวมถึงอาวุธยุทธโธปกรณ์ด้วย และ Sir Hew Dalrymple ผู้ว่าการยิบรอลต้าร์แห่งอังกฤษก็ตกลงตามนั้น!!! แน่นอนว่าการทำสนธิสัญญานี้ทำให้ ชาวอังกฤษไม่พอใจอย่างยิ่ง ทั้ง Dalrymple , Moore รวมถึง Arthur ก็โดนร่างแหซ้ำหรับเรื่องนี้ พวกเขาทั้ง 3 ถูกศาลพิพากษาถึงสนธิสัญญาที่ดูไม่เป็นธรรม เขาเดินทางมาถึงอังกฤษในวันที่ 6 ตุลาคม และเริ่มต้นสู่คดีในศาล ที่ เชลซี ก่อนจะรอดพ้นจากข้อกล่าวหา... ถึงแม้จะทำความดีแทบตายแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเห็นหัว แต่สำหรับการต่อสู้ของ Arthur นั้นยังไม่จบ เพราะอีกไม่นาน เขาได้กลับไปประจำการใน โปรตุเกส อีกคครั้งอย่างแน่นอน