ก่อนจะกล่าววีรกรรมของท่านนายพล Arthur Wellesley ต่อนั้น ผมขอเท้าความไปถึงความขัดแย้งในสเปนซึ่งจะนำไปสู่ สงครามคาบสมุทรในเวลาต่อมาล่ะกันครับ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าไอ้หลังการทำสนธิสัญญา Tilsit ฉบับเดียวกับที่ทำกับพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียนั้นแหละครับ นโปเลียนก็ได้บังคับนานาชาติในยุโรปทั้งหลายแหล่ให้เข้าร่วม ระบบภาคพื้นทวีปปิดกันการค้าขายของอังกฤษ หวังทุบเศรษฐกิจอังกฤษให้แหลก ซึ่งผลตอบรับออกมาก็คือส่วนใหญ่นั้นยอมทำตามแต่โดยดีเนื่องด้วยเกรงใจในแสงยานุภาพของฝรั่งเศส แต่ยังมี 1 ประเทศที่ยังอาจหาญไม่เข้าร่วมกับฝรั่งเศส นั้นคือ โปรตุเกส อันเนื่องจาก โปรตุเกสเป็นพันธมิตรกับอังกฤษที่ยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1373 นู่นแหละครับ นับว่าเป็นพันธมิตรที่ยาวนานสุดในโลกกว่าว่าได้...โปรตุเกสยังคงดื้อแพ่งค้าขายกับอังกฤษเช่นเดิม นโปเลียนโกธรจนปืนใหญ่ในมือสั่นรีบส่งกองทัพไปสั่งสอนไม่ให้ประเทศอื่นเอาเยี่ยงอย่าง จึงได้สั่งให้พลตรี Jean-Andoche Junot นำกองทัพกว่า 24,000 นาย พร้อมกับ กองทัพของ สเปนที่เป็นพันธมิตรในขณะนั้นเข้าโจมตี โปรตุเกส ดูเหมือนว่าโปรตุเกสจะรู้ดีว่าไม่มีทางจะสู้แสนยานุภาพของฝรั่งเศสได้ เหล่าราชวงศ์ทั้งหลายนำโดย พระราชินี Maria I แห่งโปรตุเกสรีบหาบข้าวหาบของหนี ออกจาก ลิสบอน ไปยัง บราซิล ภายใต้การช่วยเหลือของ ราชนาวีอังกฤษ เมื่อพันธมิตรฝรั่งเศส – สเปน ยึดโปรตุเกสได้อย่างสบายๆ... พวกเขาก็ได้ลงนามกันในสนธิสัญญา Fontainebleau ในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1807 ว่าด้วยการแบ่ง โปรตุเกสเป็น 3 ส่วน ทุกอย่างสำหรับ พันธมิตรฝรั่งเศส – สเปนกำลังดูสวยหรู แต่ สเปนคงไม่ทันสังเกตว่า ตอนนี้มีทหารฝรั่งเศสนับแสนทะลักเข้ามาในสเปนเต็มไปหมด....
เนื่องด้วยเอาจริงๆแล้ว นโปเลียนนั้นมองว่า สเปน เป็นพันธมิตรที่ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ และ นโปเลียนก็เคยเอากองเรือ สเปนไปละลายที่ Trafalgar... ซึ่งน่าจะทำให้พวกเขาเคืองมิใช่น้อย กอปรกับสถานการณ์บ้านเมืองใน สเปนที่กำลังวุ่นวาย เนื่องจากประชาชนเองก็ไม่ได้นิยมในตัว พระเจ้า Charles IV เช่นกัน เนื่องด้วยจากนโยบายเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสนี่แหละ ต่อมาเกิดการจลาจลขึ้นที่ Aranjuez ทำให้ พระเจ้า Charles IV ถูกบังคับให้สละราชสมบัติโดยฝีมือลูกชายของเขาเอง พระเจ้า Ferdinand VII หลังจากไล่พ่อออกไปได้ เขาก็ตั้งตนเป็นกษัตริย์ ทางพระเจ้า Charles IV รีบวิ่งแจ้นๆไปหาบอกให้ช่วยกู้บังลังก์คืนให้เขาที่ .... นโปเลียนเลยเรียกตัว 2 พ่อลูกกษัตริย์สเปนมาพบที่เมือง Bayonne ใน เดือน เมษายน ค.ศ. 1808 พร้อมทั้งบังคับให้ทั้ง 2 สละราชบัลลังก์ซซะเลย และแต่งตั้งพี่ชายตนเอง โจเซฟ โบนาร์บาร์ต เป็นกษัตริย์ของสเปนคนใหม่นั้นคือ พระเจ้า Joseph I แห่งราชวงศ์ โบน์บาร์ต!! แต่นั้นยิ่งทำให้ประชาชนเดือดดาลหนักกว่าเดิม ... เนื่องด้วย ชาวสเปน นั้นผูกพันกับศาสนาคริสต์คาทอลิก อย่างเหนียวแน่นทำให้พวกเขานั้นนับถือ พระสันตะปาปา เป็นอย่างยิ่ง แต่การกระทำของ นโปเลียนนั้นแลดูเหมือนเป็น “ผู้ต่อต้านศาสนา” ซะเหลือเกิน ตั้งแต่ตอนที่สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ นโปเลียนก็ได้ทำการสวมมงกุฎให้ตนเอง.เป็นนัยว่าไม่ยอมรับอำนาจจากพระสันตะปาปา ตัวแทนของพระเจ้า นอกจากนี้ยังผนวกรัฐสันตะปาปาอันเป็นรัฐอิสระเข้ารวมเป็นส่วนหนึ่งของ จักรวรรดิฝรั่งเศส เพื่อควบคุมรัฐสันตะปาปาให้อยู่ใต้อำนาจของ นโปเลียน!!! แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ ทำให้ชาวสเปนมองว่า นโปเลียนและกองทัพของเขาเป็น ปีศาจที่ชั่วร้าย...แต่เหล่าชาวสเปนก็พบว่าในเวลานี้ ทหารฝรั่งเศสนั้นกระจายไปทั่วสเปน...และควบคุมสเปนอย่างเบ็ดเสร็จ... อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้เกิดการจลาจลขึ้นทั่วทุกย่อมหญ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจลาจลในกรุง มาดริด เมืองหลวงของสเปน....ซึ่งนองเลือดสุด เหตุการณ์นี้เรียกว่า “Dos de Mayo” ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1808 เมื่อ ชาวสเปนลุกฮือขึ้นจะยึดอำนาจของ โบนาร์ตบาร์ต แต่ก็ถูกปราบลงโดย จอมพล Joachim Murat โดยเหล่าทหารองครักษ์ และทหารม้า มัมลุกร์ ซึ่งการจลาจลนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 600 นาย นอกจากนี้เหล่าแกนนำและผู้จลาจลที่เหลือรอดก็ถูกประหารชีวิตทั้งหมด เหตุการณ์นี้เป็นการจุดประกายทำให้เหล่าประชาชนฝรั่งเศสลุกขึ้นต่อต้านการปกครอง โบนาร์บาร์ตนิยม อย่างดุเดือดรวมถึงเหล่านายพลและกองทัพสเปน บูร์บอง ที่ยังเหลือก็ร่วมกันต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ สงครามคาบสมุทร......
ทหารม้ามัมลุกร์กำลังปราบการจลาจลใน มาดริด
เนื่องด้วยจากอยู่ในบ้านของตนเองทำให้รู้ที่ทางและชัยภูมิดีกว่าฝรั่งเศส..นั้นทำให้การเกิดดักซุ่มโจมตีฝรั่งเศสไปทั่วหนแห่ง .. ทั้งโจมตีตัดเสบียง โจมตีตอดเล็กตอดน้อยตลอด ทำให้กองทัพฝรั่งเศสอันเกรียงไกรถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว!! ประกอบกับ พระเจ้า Joseph I นั้นไม่ได้ปรีชาด้านการรบเช่นน้องชาย... แต่ที่หน้าอัปยศสุดๆนั้นคือการรบที่ สมรภูมิใหญ่ใน Bailén เมื่อกองทัพฝรั่งเศสราวๆ 24,000 นาย ละลายหายไปทั้งกองทัพ.....นับว่าเป็นความพ่ายแพ้ทางบกครั้งแรก!!! นับตั้งแต่เกิด สงครามนโปเลียนขึ้นมาและทำให้มายาคติอันแข็งแกร่งของฝรั่งเศสเริ่มสั่นคลอน !!!........... ข้ามฝั่งมายัง จักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งยังคงปลอดภัยไร้การรุกราน พวกเขาได้เมียงมองมายังสเปน..และเห็นว่า ในเวลานี้ สเปนเกิดความปั่นป่วนไปหมดด้วยไฟสงคราม.และยังดูเหมือนว่าชาวสเปนจะไม่นิยมใน นโปเลียนเอามากๆเสียด้วย อังกฤษเห็นช่องว่างในการแผ่แสนยานุภาพทางบกบ้าง....แน่นอนว่าการทำสงครามเพื่อปลดปล่อยสเปนและช่วยโปรตุเกสพันธมิตรของพวกเขานั้น ช่างเป็นข้ออ้างในการทำสงครามที่ดูถูกต้องและชอบธรรมมาก นอกจากนี้ยังจะได้การสนับสนุนจากชนในคาบสมุทรไอบีเรียอย่างล้นหลามอีกด้วย แน่นอนว่า นโยบายนี้ผ่านฉลุย...และ 1 ในตัวเลือก ผู้จะบัญชาการกองทัพอังกฤษในสงครามคาบสมุทรนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือท่าน Sir Arthur Wellesley นั้นเองครับ
The "Iron Duke" Part 6 : Peninsular War สงครามคาบสมุทร
เนื่องด้วยเอาจริงๆแล้ว นโปเลียนนั้นมองว่า สเปน เป็นพันธมิตรที่ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ และ นโปเลียนก็เคยเอากองเรือ สเปนไปละลายที่ Trafalgar... ซึ่งน่าจะทำให้พวกเขาเคืองมิใช่น้อย กอปรกับสถานการณ์บ้านเมืองใน สเปนที่กำลังวุ่นวาย เนื่องจากประชาชนเองก็ไม่ได้นิยมในตัว พระเจ้า Charles IV เช่นกัน เนื่องด้วยจากนโยบายเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสนี่แหละ ต่อมาเกิดการจลาจลขึ้นที่ Aranjuez ทำให้ พระเจ้า Charles IV ถูกบังคับให้สละราชสมบัติโดยฝีมือลูกชายของเขาเอง พระเจ้า Ferdinand VII หลังจากไล่พ่อออกไปได้ เขาก็ตั้งตนเป็นกษัตริย์ ทางพระเจ้า Charles IV รีบวิ่งแจ้นๆไปหาบอกให้ช่วยกู้บังลังก์คืนให้เขาที่ .... นโปเลียนเลยเรียกตัว 2 พ่อลูกกษัตริย์สเปนมาพบที่เมือง Bayonne ใน เดือน เมษายน ค.ศ. 1808 พร้อมทั้งบังคับให้ทั้ง 2 สละราชบัลลังก์ซซะเลย และแต่งตั้งพี่ชายตนเอง โจเซฟ โบนาร์บาร์ต เป็นกษัตริย์ของสเปนคนใหม่นั้นคือ พระเจ้า Joseph I แห่งราชวงศ์ โบน์บาร์ต!! แต่นั้นยิ่งทำให้ประชาชนเดือดดาลหนักกว่าเดิม ... เนื่องด้วย ชาวสเปน นั้นผูกพันกับศาสนาคริสต์คาทอลิก อย่างเหนียวแน่นทำให้พวกเขานั้นนับถือ พระสันตะปาปา เป็นอย่างยิ่ง แต่การกระทำของ นโปเลียนนั้นแลดูเหมือนเป็น “ผู้ต่อต้านศาสนา” ซะเหลือเกิน ตั้งแต่ตอนที่สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ นโปเลียนก็ได้ทำการสวมมงกุฎให้ตนเอง.เป็นนัยว่าไม่ยอมรับอำนาจจากพระสันตะปาปา ตัวแทนของพระเจ้า นอกจากนี้ยังผนวกรัฐสันตะปาปาอันเป็นรัฐอิสระเข้ารวมเป็นส่วนหนึ่งของ จักรวรรดิฝรั่งเศส เพื่อควบคุมรัฐสันตะปาปาให้อยู่ใต้อำนาจของ นโปเลียน!!! แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ ทำให้ชาวสเปนมองว่า นโปเลียนและกองทัพของเขาเป็น ปีศาจที่ชั่วร้าย...แต่เหล่าชาวสเปนก็พบว่าในเวลานี้ ทหารฝรั่งเศสนั้นกระจายไปทั่วสเปน...และควบคุมสเปนอย่างเบ็ดเสร็จ... อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้เกิดการจลาจลขึ้นทั่วทุกย่อมหญ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจลาจลในกรุง มาดริด เมืองหลวงของสเปน....ซึ่งนองเลือดสุด เหตุการณ์นี้เรียกว่า “Dos de Mayo” ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1808 เมื่อ ชาวสเปนลุกฮือขึ้นจะยึดอำนาจของ โบนาร์ตบาร์ต แต่ก็ถูกปราบลงโดย จอมพล Joachim Murat โดยเหล่าทหารองครักษ์ และทหารม้า มัมลุกร์ ซึ่งการจลาจลนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 600 นาย นอกจากนี้เหล่าแกนนำและผู้จลาจลที่เหลือรอดก็ถูกประหารชีวิตทั้งหมด เหตุการณ์นี้เป็นการจุดประกายทำให้เหล่าประชาชนฝรั่งเศสลุกขึ้นต่อต้านการปกครอง โบนาร์บาร์ตนิยม อย่างดุเดือดรวมถึงเหล่านายพลและกองทัพสเปน บูร์บอง ที่ยังเหลือก็ร่วมกันต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ สงครามคาบสมุทร......
เนื่องด้วยจากอยู่ในบ้านของตนเองทำให้รู้ที่ทางและชัยภูมิดีกว่าฝรั่งเศส..นั้นทำให้การเกิดดักซุ่มโจมตีฝรั่งเศสไปทั่วหนแห่ง .. ทั้งโจมตีตัดเสบียง โจมตีตอดเล็กตอดน้อยตลอด ทำให้กองทัพฝรั่งเศสอันเกรียงไกรถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว!! ประกอบกับ พระเจ้า Joseph I นั้นไม่ได้ปรีชาด้านการรบเช่นน้องชาย... แต่ที่หน้าอัปยศสุดๆนั้นคือการรบที่ สมรภูมิใหญ่ใน Bailén เมื่อกองทัพฝรั่งเศสราวๆ 24,000 นาย ละลายหายไปทั้งกองทัพ.....นับว่าเป็นความพ่ายแพ้ทางบกครั้งแรก!!! นับตั้งแต่เกิด สงครามนโปเลียนขึ้นมาและทำให้มายาคติอันแข็งแกร่งของฝรั่งเศสเริ่มสั่นคลอน !!!........... ข้ามฝั่งมายัง จักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งยังคงปลอดภัยไร้การรุกราน พวกเขาได้เมียงมองมายังสเปน..และเห็นว่า ในเวลานี้ สเปนเกิดความปั่นป่วนไปหมดด้วยไฟสงคราม.และยังดูเหมือนว่าชาวสเปนจะไม่นิยมใน นโปเลียนเอามากๆเสียด้วย อังกฤษเห็นช่องว่างในการแผ่แสนยานุภาพทางบกบ้าง....แน่นอนว่าการทำสงครามเพื่อปลดปล่อยสเปนและช่วยโปรตุเกสพันธมิตรของพวกเขานั้น ช่างเป็นข้ออ้างในการทำสงครามที่ดูถูกต้องและชอบธรรมมาก นอกจากนี้ยังจะได้การสนับสนุนจากชนในคาบสมุทรไอบีเรียอย่างล้นหลามอีกด้วย แน่นอนว่า นโยบายนี้ผ่านฉลุย...และ 1 ในตัวเลือก ผู้จะบัญชาการกองทัพอังกฤษในสงครามคาบสมุทรนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือท่าน Sir Arthur Wellesley นั้นเองครับ