Battle of Austerlitz สงครามสยบ 2 จักรพรรดิ

ในปลายปี ค.ศ.1804 นโปเลียนตั้งตนเป็นจักรพรรดิ และในปีต่อมาก็สถาปนาตนเป็นกษัตริย์แห่งอิตาลีอีก 1 ตำแหน่ง อังกฤษที่ระหองระแหงกับฝรั่งเศสมานาน ก็ได้ดึงชาติต่างๆยุโรปให้เข้าร่วมสงครามกับฝรั่งเศส ด้วยความเกรงอิทธิพลของนโปเลียนที่มากขึ้น เหล่าชาติในยุโรปได้ทยอยกันประกาศสงครามกับฝรั่งเศสอีกครั้งกลายเป็นสงครามสัมพันธมิตรครั้งที่ 3 หรือ "War of the third coalition" โดยมีหัวหอกใหญ่คือ อังกฤษ , จักรวรรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ออสเตรีย) , รัสเซีย .. นโปเลียนนั้นตั้งใจจะยกพลขึ้นบกที่เกาะอังกฤษ นโปเลียนได้รวบรวมพลที่เมือง Boulogne กว่า 200,000 นาย และตั้งชื่อกองทัพนี้ว่า " Army of England" แต่แล้วฝันของเขาต้องดับสลายเมื่อ กองเรือรบฝรั่งเศส - สเปน ถูกทำลายย่อยยับที่ Trafalgar โดยราชนาวีอังกฤษ

ในขณะเดียวกันฝั่งสัมพันธมิตรได้วางแผนจะรุกรานฝรั่งเศสครั้งใหญ่... โดยกองทัพรัสเซียนั้นจะส่งทหาร 90,000 ไปยังชายแดนปรัสเซียที่เป็นกลางเพื่อบีบให้พวกเขาร่วมสงคราม กองทัพรัสเซีย 50,000 นาย นำโดยจอมพล Mikhail Kutuzov จะเข้าไปในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยเหลือพวกเขา กองทัพผสมสวีเดน - รัสเซียอีก 40,000 จะขึ้นบกที่ทางเหนือของเยอรมัน เพื่อรุกรานกลุ่มประเทศต่ำและตอนเหนือของฝรั่งเศส ส่วนทาง จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ส่งทหาร 100,000 นายเข้าไปในอิตาลีตอนเหนือ นำโดย Archduke Charles น้องชายของ จักรพรรดิฟรานซิสที่ 2 ซึ่งแผนการณ์ทั้งหมดเริ่มดำเนินการณ์ในปี ค.ศ.1805

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจสภาพกองทัพของ 3 ฝ่ายที่จะกำลังจะเข้าประหัตประหารกันก่อน

กองทัพฝรั่งเศสนั้นได้ทำการจัดกำลังพลแบบใหม่ที่ไม่เคยมีชาติใดทำมาก่อนนโปเลียนได้แบ่งกองทัพเป็นกองพลย่อยๆหรือกลุ่มกองกำลังที่เรียกว่า "Corps" แต่ละ Corps จะมีทหารราบ ม้า ปืนใหญ่ในตัวเอง ลละแต่ละ Corps มีการบัญชาการอย่างอิสระ สามารถตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลางทำให้เกิดความคล่องตัวอย่างมาก

กองทัพรัสเซียนั้น ยังเป็นการจัดระบบแบบเก่าคล้ายๆระบบศักดินา นอกจากนี้นายทหารระดับสูงของรัสเซียนั้นยังได้รับเลือกราคาที่จ่ายให้ตำแหน่งมากกว่าความสามารถ ในขณะเดียวกันทหารราบของรัสเซียนั้นได้ชื่อว่าเป็นทหารราบที่ทนทายาดสุดๆในยุโรป

กองทัพออสเตรีย หรือ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์นั้น กำลังจะปฎิรูปครั้งใหญ่ภายใต้ Archdukes Charles แต่เขาไม่ได้รับความนิยมในสภาเท่าไหร่ และตอนเกิดสงครามกับฝรั่งเศสจอมพล Karl Mack von Leiberich ได้รับเลือกเป็นผู้บัญชาการกองทัพออสเตรียแทนเขา

นโปเลียนนั้นจึงเปลี่ยนแผนการณ์ เขาได้เรียกกองทัพของเขาใหม่ด้วยชื่อว่า "Grande Armée" หรือ กองทัพใหญ่ ซึ่งแบ่งเป็น 7 กองพลย่อย ในปี ค.ศ.1805 Grande Armée ก็ขยับขยายจนมีจำนวนถึง 350,000 นาย นโปเลียนได้ส่งจอมพล Messana นำทัพกว่า 70,000 เพื่อไปป้องกันอิตาลีจาก Archdukes Charles ส่วนนโปเลียนและกองทัพที่เหลืออีก 220,000 นายจะข้ามแม่น้ำไรน์เข้าไปในเยอรมันอย่างรวดเร็วเพื่อโจมตีกองทัพออสเตรียและเอาชนะพวกเขาก่อนที่พันธมิตรรัสเซียจะมาถึง

ทางด้านจอมพล Mack ผู้บัญชาการกองทัพออสเตรียซึ่งมีกำลังพลราวๆ 80,000 คาดว่าการโจมตีของฝรั่งเศสจะไม่เกิดขึ้นแถบตอนกลางของเยอรมัน โดยเขาพึ่งป่าสนและที่ราบสูง Black Forest ในแถบ Bavaria เขาได้ใช้เมืองป้องปราการคือเมือง Ulm เป็นศูนย์บัญชาการ สิ่งที่เขาต้องทำนั้นคือคุ้มกันออสเตรียจากรุกรานและรอจนกว่ากองหนุนรัสเซียจะมาถึง ทั้ง Mack และสภาออสเตรียต่างคิดว่า นโปเลียนจะมุ่งไปยังอิตาลีเช่นครั้งก่อนๆ (ค.ศ.1796 และ ค.ศ.1800) แต่พวกเขาคิดผิด!! เพราะคราวนี้นโปเลียนกำลังมาที่เยอรมัน!!

จอมพล Murat นำทหารม้าลาดตระเวณไปทั่ว Black Forest และส่วนจอมพล Bernadotte ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 เคลื่อนอ้อมหลังกองทัพออสเตรียไปทางตะวันออกเฉียงใต้เข้ายึดเมือง Ansbach เพื่อตัดขาดการสื่อสารของพวกเขา ในวันที่ 22 กันยายน Mack ยังคงปักหลักอยู่ใน Ulm แต่เขาได้ส่งนายพล Kienmayer เคลื่อนไปยังตะวันออกของฝรั่งเศส ในวันที่ 5 ตุลาคม นโปเลียนได้สั่งให้จอมพล Ney เข้าร่วมกับ Murat , Lannes และ Soult เคลื่อนไปที่ Donauwörth เพื่อปิดทางหนีของกองทัพออสเตรียทั้งกองทัพ กองทัพฝรั่งเศสกว่า 3 กองพลใหญ่ เคลื่อนไปทางตะวันออกและตะวันตกเข้าโอบล้อมรอบกองทัพออสเตรียทั้งหมด

Mack นั้นเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังจะถูกล้อมโดยกองทัพฝรั่งเศสที่มากกว่าเกือบ 3 เท่าตัว เขาได้ทำการรุกตอบโต้ในวันที่ 8 ตุลาคม แต่ก็พ่ายแพ้ทั้งในการยุทธ Wertingen และ Günzburg กองทัพฝรั่งเศสเริ่มไล่ยึดสะพานและถนนหนทางต่างๆเพื่อกระชับวงล้อมให้แน่นสนิท!! กองทัพออสเตรียนั้นแทบจะเหมือนปลาในอวน แต่สิ่งที่ลดทอนกำลังใจฝ่ายออสเตรียสุดๆคือ กองทัพพันธมิตรรัสเซียที่รับปากว่าจะมาแต่ก็ยังไม่มาถึงซะที.... นี้คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของฝ่ายพันธมิตรเนื่องจากรัสเซียนั้นยังใช้ระบบปฎิทินแบบจูเลียน (ตั้งแต่ยุคโรมัน) ซึ่งเวลาคลาดกับระบบปฎิทินแบบเกรเกอเรี่ยนถึง 12 วัน!!! แน่นอนว่าทำให้การติดต่อสื่อสารนั้นคลาดเคลื่อนไปหมด!! ในวันที่ 16 ตุลาคม กองทัพฝรั่งเศสเริ่มเข้าโจมตีเมือง Ulm ในวันที่ 17 นโปเลียนได้ส่งทูตเข้าไปในเมืองหวังให้ Mack ยอมแพ้ เมื่อปราศจากวี่แววของพันธมิตร Mack ยอมจำนนในวันที่ 20 โดยตลอดทั้งการปฎิบัติการณ์นี้กองทัพฝรั่งเศสสูญเสียทหารเพียง 2,000 เท่านั้น ในขณะที่ออสเตรียเสียทหารไปเกือบ 60,000 ซึ่งส่วนใหญ่นั้นยอมแพ้ทั้งหมด เรียกว่า เป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของนโปเลียนโดยที่ยังไม่ลงแรงอะไรมาก ต้องขอบคุณการจัดระบบกองทัพแบบใหม่ทำให้กองทัพฝรั่งเศสนันคล่องตัวกว่าข้าศึกยิ่งนัก แต่นี้กลับเป็นหายนะของกองทัพออสเตรียที่ละลายหายไปทั้งกองทัพเลยทีเดียว!!





จอมพล Karl Mack von Leiberich ยอมจำนนต่อนโปเลียนที่เมือง Ulm



และนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งต่อไปของนโปเลียนที่กำลังจะเกิดขึ้น!!


เมื่อข่าวการยอมจำนนของจอมพล Mack มาถึงหูรัสเซีย พวกเขาจึงถอยไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อช่วยทหารออสเตรียที่เหลือ ในขณะเดียวกันพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซียได้เดินทางมาพบ จอมพล Kutozov ในวันที่ 9 กันยายน และได้มีการปรับปรุงแผนการณ์หลายอย่าง ทางฝรั่งเศสนั้นรีบติดตามกองทัพของ Kutozov ไปแต่ก็พบพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากขึ้น ปรัสเซียในตอนนี้นั้นเริ่มส่อแววจะไม่เป็นกลางในขณะที่สายการส่งกำลังบำรุงของฝรั่งเศสก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ... นโปเลียนต้องรีบเอาชนะพวกเขาให้ได้โดยเร็ว




จอมพล Mikhail Kutozov "จอมพลเฒ่าแห่งรัสเซีย"



ทาง Kutuzov นั้นทราบดีว่านโปเลียนต้องการรบ เขาจึงทำถอยไปเรื่อยๆจนกระทั่งทิ้งกรุงเวียนนาไว้ให้จอมพล Pyotr Bagration กับทหารเพียง 600 นาย เฝ้าเอาไว้ถ่วงเวลาทหารฝรั่งเศส .. จอมพล Murat เคลื่อนพลมาถึงเวียนนา และได้เข้าต่อสู้กับทหารของ Bagration เขาคิดว่าตัวเองกำลังสู้กับทหารรัสเซียทั้งกองทัพ..แต่ นโปเลียนรู้ว่านั้นมันเป็นเรื่องหลอกลวงเขาสั่งให้ ไล่ตามกองทัพพันธมิตรไปอย่างรวดเร็ว....กองทัพพันธมิตรในตอนนี้มาถึง Olmutz ทางตะวันออกของ Austerlitz เขาได้รวมพลกับกองทัพออสเตรียที่เหลือและกองทัพรัสเซียของนายพล Buxhowden รวมทั้งสิ้นมีทหารราวๆ 89,000....แผนการณ์ของ Kutuzov คือถอยไปทางตะวันออกต่อถึงแคว้น Carpathians ที่เป็นภูเขาแล้วค่อยทำการรบ..

แต่นโปเลียนคิดสร้างอุบายออกมาเพื่อล่อให้กองทัพพันธมิตรโจมตี โดยทำให้กองทัพฝรั่งเศสนั้นดูอ่อนแออยู่ในสภาพไม่พร้อมรบ....นโปเลียนพร้อมด้วยทหาร 53,000 นายเดินมาถึง Austerlitz เขาสั่งให้ 3 จอมพล Murat , Lannes และ Soult เข้ายึด Austerlitz และถนนหนทางหมู่บ้านรอบๆบริเวณรวมถึงเนินเขา Pratzen อันเป็นเนินสูง นโปเลียนอยากให้พันธมิตรคาดว่าฝรั่งเศสมีทหารแค่นี้จริงๆ แต่หารู้ไม่ว่านโปเลียนจะได้ กองหนุนจาก จอมพล Bernadotte, Mortier และ Davout ที่กำลังเดินทางมาทำให้เขามีทหารถึง 73,200 นาย นอกจากนี้ในวันที่ 25 พฤศจิกายน นโปเลียนได้ส่งนายพล Savary ไปที่ค่ายพันธมิตรเพื่อเจรจาขอพักรบ ซึ่งพระเจ้าฟรานซิสที่ 2 ก็ตกลงตามนั้นแต่นั้นเป็นสัญญาณแสดงความอ่อนแอของฝรั่งเศส และนโปเลียนยังสั่งให้ถอนทหารทิ้งเนินเขา Pratzen และ Austerltiz ปล่อยให้ฝ่ายพันธมิตรยกทัพเข้ามายึดอย่างง่ายดายยิ่งชี้ความอ่อนแอและไม่พร้อมรบอย่างยิ่ง



Tsar Alexander I of Russia


Francis II "Emperor of Holy Roman Empire"



ทางฝั่งพันธมิตรดูเหมือนจะตกเข้าไปในกับดักของนโปเลียน ถึงแม้ Kutuzov จะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพพันธมิตรก็จริง แต่ในทางปฎิบัติแล้วพระเจ้าซาร์ดูจะมีอำนาจเหนือกว่า ซึ่งเขาเชื่อเหล่าที่ปรึกษาหนุ่มของเขามากกว่าจะเชื่อคำจากจอมพลเฒ่า พวกเขาเหล่านั้นต้องการโจมตีกองทัพฝรั่งเศสให้ได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้นายทหารออสเตรียทั้งหลายรวมถึงพระเจ้าฟรานซิส ต่างสนับสนุนให้โจมตีกองทัพฝรั่งเศสอย่างรวดเร็วและรีบยึดเวิยนนาคืน!! แผนการณ์ถอยไปที่ Carpathians ถูกยกเลิกในที่สุด!!


การวางกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย (ดูแผนที่ประกอบด้วยจะช่วยให้ท่านเข้าใจดีขึ้น)


นโปเลียนนั้นต้องการให้ทหารพันธมิตรทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าตีปีกขวาของตนที่อ่อนแอ เพื่อให้ศูนย์กลางของกองทัพรัสเซียนั้นเบาบาง นโปเลียนส่งกองทัพส่วนใหญ่นำโดยกองพลที่ 4 ของจอมพล Soult จำนวน 16,000 บุกเข้าไปตรงกลางกองทัพรัสเซียยึดเนิน Pratzen คืนบีบกองทัพพันธมิตรจากด้านหลังและด้านหน้าและทำลายพวกเขา... เพื่อไม่ให้ปีกขวาของเขาแตกก่อนจะยึดเนินได้ นโปเลียนได้สั่งให้จอมพล Davout นำกองพลที่ 3 จำนวน 6,000 - 8,000 นายเดินทางติดต่อกัน 2 วัน เป็นระยะทาง 110 กิโลเมตรให้มาถึงสนามรบได้ทันเวลา ปีกขวาของฝรั่งเศสนั้นมีทหารน้อยที่สุดถูกบัญชาการโดยนายพล Legrand กองกำลังองครักษ์และกองพลที่ 1 ของจอมพล Bernadotte จะเป็นกองหนุน 13,000 นาย ในขณะที่กองพลที่ 5 ภายใต้จอมพล Lannes จะดูแลปีกซ้ายของฝรั่งเศส 13,000 นาย เหตุที่นโปเลียนเชื่อว่าพันธมิตรจะเข้าตีปีกขวาเนื่องจากบริเวณนั้นเป็นถนนที่มุ่งเข้าสู่เวียนนา ถ้าตีปีกขวากองทัพของฝรั่งเศสแตกจะเท่ากับตัดฝรั่งเศสออกจากกรุงเวียนนา แต่อย่างไรก็ตามปีกขวาของฝรั่งเศสนั้นมีปราการธรรมชาติเช่น ปราสาท ลำธาร และทะเลสาบ ซึ่งช่วยสนับสนุนการตั้งรับ



Marshal of French Empire "Jean-de-Dieu Soult"


Marshal of French Empire "Joachim Murat"


Marshal of French Empire "Louis-Nicolas Davout"


Marshal of French Empire "Jean Lannes"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่