All The Money In The World - (9/10)
_____________________________________
.
"การคืนฟอร์มอีกครั้งของ Ridley Scott"
.
สร้างจากเรื่องราวจริงของการเรียกค่าไถ่สุดอื้อฉาวระกับโลกเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว เมื่อหลานของผู้ที่เรียกได้ว่า รวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ถูกลักพาตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่ที่มีราคาสูงถึง 17 ล้านเหรียญ ซึ่งถ้าหากใครพอจะรู้เรื่องราวจริงๆของเรื่องนี้อยู่แล้วละก็ ก็คงจะรู้ว่าเรื่องนี้ไปมายังไง และจบยังไง เพราะหนังก็เล่าได้ค่อนข้างตรงอยู่พอสมควร แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมผกก.มากๆเลย คือการกำกับหนังเรื่องนี้ต่างหาก
.
จริงอยู่ที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังอ้างอิงจากเรื่องจริง ทำให้คนดูพอจะรู้อยู่แล้วว่าหนังจะจบลงอย่างไร แต่ด้วยการกำกับที่มากฝีมือของ Ridley Scott ทำให้หนังลักพาตัวเรียกค่าไถ่เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เริ่มจากการคุมโทนและมูดของบรรยากาศโดยรวมนั้นถือว่าดีเยี่ยม ทำให้คนดูรู้สึกได้จริงๆว่าอยู่ในช่วงยุค 70 จริงๆ ความสมจริงของถนนหนทางการใช้ชีวิตของผู้คน แม้กระทั่งบทสนทนาเองด้วยเช่นกัน แค่การเล่าเรื่องตอนเปิดเรื่องก็ถือว่ากินขาดแล้ว
.
ต่อมาด้วยนักแสดงที่แสดงได้สมบทบาททำให้รู้สึกอินไปตามเรื่อง การเล่นน้อยแต่ได้มากนี่เห็นภาพจริงๆกับหนังเรื่องนี้ แววตาที่แสดงออกมา การชักสีหน้า ท่าทางต่างๆมันบ่งบอกถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ตลอดเวลา โดยหนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครไม่มากนัก จึงเรียกได้ว่านักแสดงอาจจะรับบทหนักเป็นพิเศษ ซึ่งก่อนหน้าที่พลัมเมอร์จะมารับบทเป็น J.P.Getty นั้นก็ได้ Kevin Spacey มาเล่นไปก่อนแล้ว แต่เกิดเหตุคดีความที่ส่งผลเสียแก่ชื่อเสียง Spacey จึงทำให้ต้องถ่ายใหม่ โดยให้ Christopher Plummer มารับบทแทน โดยที่เขาไม่ยอมดูซีนที่ Spacey เล่นไปก่อนแล้วด้วย เพราะต้องการจะแสดงบทบทาของ J.P. Getty ในแบบฉบับของเขาเอง และเขาก็ทำมันออกมาได้ดีเยี่ยม แต่คนที่เล่นได้ดีที่สุดในเรื่องนี้คงต้องขอยกให้ Michelle Williams ที่รับบทเป็น เกล แม่ของพอล เธอเล่นอย่างสุดตัว เข้าถึงบทบทาขั้นสุด ทำให้เราเข้าใจหัวอกของคนที่เป็นแม่ได้อย่างดีเยี่ยม การแสดงของเธอไม่ได้ทำให้เราเข้าใจว่าเป็นการลักพาตัวเด็กธรรมดา แต่เป็นคนในตระกูลของเก็ตติและเป็นลูกของเธอเอง ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากรอบด้านและการวางชั้นเชิงเพื่อจะหาทางเอาลูกเธอกลับมานั้นถือว่าดีมากๆ
.
กลับมาที่การดำเนินเรื่องและบท เรียกได้ว่าบีบคั้นอารมณ์อย่างมาก ทำให้คนดูช่วยเอาใจลุ้นช่วยพอลอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าพอลมันจะทำหน้าตายทั้งเรื่อง ซึ่งจริงๆแล้วบทตัวละครอีกตัวหนึ่งที่ช่วยผลักดันคือทั้ง Mark Wahlberg และ Romain Duris (หนึ่งในคนลักพาตัว) นั้นเป็นบทที่ช่วยเสริม ให้หนังดูมีมิติมากขึ้นและทำให้เนื้อเรื่องเดินต่อไปได้อย่างสมเหตุสมผล ทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงแสงสว่างที่ค่อยๆริบหรี่ลงเรื่อยๆของพอล การเอาชีวิตรอดที่ยากลำบากแสนเข็ญ
.
การนำเสนอภาพต่างๆให้คนเห็นเป็น symbol นั้นก็ยิ่งแสดงถึงความเยี่ยมยอดของผกก.ได้อย่างชัดเจน อย่างการนำเสนอบุคลิดตัวละครอย่าง J.P. Getty ที่มีคฤหาสน์ใหญ่โตแต่กลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แสงไฟสลัวๆที่น่าสงสัยอยู่ตลอดเวลา ราวกับคนที่มีเงินล้นฟ้าแต่ความสุขหามีไม่ การนำสนอภาพบรรยากาศต่างๆนั้นถูกคิดมาเป็นอย่างดี เป็นหนังที่ตามหามานานแสนนาน หนังที่มีบทพูดที่น่าสนใจชวนติดตามตลอดเวลา บรรยากาศต่างๆที่ให้อารมณ์ร่วมและช่วยผลักดันบทธรรมดาให้ดูน่าเกรงขามและหวาดหวั่น ถ้าเทียบแล้วบทพูดของตัวละครต่างๆในเรื่องนี้กลับชอบมากกว่า Blade Runner 2049 เสียอีก เพราะมันเป็นการพูดถึงสิ่งธรรมดาทั่วไปไม่ต้องเติมแต่งให้เหนือจินตนาการ แต่ลึกซึ้งจนยากเกินกว่าที่จะหลุดความสนใจไปได้

สามารถติดตามได้ที่เพจ facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/