แนะวิธีการทำสมาธิเบื้องต้น ให้มุ่งดูที่ใจ

แนะวิธีการทำสมาธิเบื้องต้น ให้มุ่งดูที่ใจ

1    ทีนี้เราก็จะได้เลิกกันไปบำเพ็ญหนอ คุยกันมากนัก สอนกันมากนักมันก็เฟ้อ
เดี๋ยวนี้ธรรมะมันเฟ้อ ฟังที่ไหนก็ธรรมะทั้งนั้น คณะที่มาประชุมเค้าก็คุยธรรมะกันไม่ใช่เล่น
เวลานี้คุยธรรมะกันแทบทุกหย่อมหญ้า แต่ละคนก็เป็นศาสดาคุยกันสอนกัน
แล้วก็ฟังแล้วมันก็เลยเฟ้อไปซะเลย มันมากเกินไป ไปที่ไหนก็คุยธรรมะ ไปที่ไหนก็ธรรมะกันเหลือเกิน
แต่ว่าการปฏิบัติมันไม่เอาไหนกัน ขอให้พวกเราเร่งในการปฏิบัติก็แล้วกัน

2    แต่การปฏิบัตินั้นต้องพยายามมองจิตมองใจของเรา เรามุ่งเพื่อที่จะมาเอาใจชนะกับจิตใจของเรา
ก็แล้วกัน พยายามให้กำหนดอย่างที่พวกเราดำเนินเนี่ยแหละ เอาลมหายใจเข้าออกเนี่ยแหละ
มันเป็นสาธารณะกรรมฐานดี ไม่ได้ขัดข้องวิปริตอะไรทั้งสิ้น นะพยายามเอาลมหายใจเข้าออกเป็นหลักยืน
พุทโธเป็นพระนามของพระพุทธเจ้า พ่อของเรา เราเอาพระนามของพ่อเราเนี่ยแหละ มากังวานไว้ในหน้าอกนี่
พุทโธ พุทโธ ไม่ได้เสียหายอะไร บอกอันนั้นถูก อันนี้ผิด คำบริกรรมนะไม่ได้ถูกได้ผิดอะไรหรอก
แต่ว่าเราเอาพระนามของพ่อเรามาบริกรรมนั้น มันทำให้เกิดความซึ้ง นะขอให้เข้าใจอย่างนั้น
ก็เอาพุทโธ พุทโธ เนี่ยแหละ เป็นบริกรรมะภาวนา ประกอบองค์สมาธิ เอาอย่างนั้นก็แล้วกัน

3    ทีนี้จุดที่ตั้งก็เอาปลายจมูกนั่นแหละเป็นจุดที่ตั้ง เออให้พยายามเอาปลายจมูก
อย่าไปเพ่งอย่าไปสะกดนะ ให้รับรู้เฉยๆ พุทโธ พุทโธ หายใจเข้าก็นึกพุท หายใจออกก็นึกโธ ก็แล้วกัน
พุทโธ พุทโธ คอยคุมจิตของเรา อย่าให้จิตของเราไปต่ออารมณ์สัญญาภายนอกก็แล้วกัน
ถ้าเขาไปต่อก็กลับมากำหนดใหม่ เอาอยู่นั้นแหละ ค่อยๆล้มลุกคลุกคลานไป นานๆเข้าความชำนาญ
มันมีขึ้น สติสตังมันสมบูรณ์ขึ้น ก็สามารถจะควบคุมได้ดีขึ้นเป็นลำดับๆ อันเนี้ยเราต้องพยายาม
มุ่งที่ใจของเรา กำหนดเพื่อจะเอาชนะใจของเรา มุ่งอยู่อย่างเงี้ยตั้งเป้าไว้เลย ตั้งเป้าให้ดีๆ

4    ไปไหนมาไหนก็ตั้งเป้าไว้ที่ใจของเรา พอเขาด่าปุ๊บจับที่ใจเลย มองหัวใจมันจะเป็นยังไง
คอยขู่คอยว่าใจของเรา อย่าให้มันวู่วามไปตามเหตุการณ์ที่เขาด่าเรา พอเขาชมเรา เราก็ดูที่ใจ
เราอย่าไปมองเหตุการณ์ อย่าไปฟังเสียงเขาพูด  ดูใจ มันจะดีใจแค่ไหน มันจะเบิกบานขึ้นมายังไง
เราก็คอยข่มมันไว้ บอกว่านี่คือโลกธรรมเท่านั้น เราก็ต้องพยายามคุมอยู่ที่ใจ ทั้งดีและทั้งชั่ว

5    ได้ยินด้วยหู ได้เห็นด้วยตา สัมผัสมาทางลิ้นทางกาย เราก็พยายามมองใจ เราอย่าไปมองเหตุการณ์
เพราะเรามุ่งเอาชนะที่ใจ สิ่งที่แสดงออกทั้งหมดนั้นคือเหตุการณ์หรือโลกธรรม หากในเมื่อเหตุการณ์
และโลกธรรมเหล่านี้จูงใจของเราให้เป็นไปตามอำนาจของเหตุการณ์และโลกธรรมแล้ว
เราไม่อยากเกิด มันก็ได้เกิด เพราะมันเป็นตัวภพของจิต เพราะเราอยู่ใต้อำนาจของโลก
โลกมันครอบเรา เราก็ต้องอยู่ในโลกนี้ ถ้าเรารู้เท่าหรือชนะได้ ถึงจะเป็นโลกุตตรจิต
เรารู้สภาะความเป็นจริงอันนั้นถูกต้อง จึงจะเป็นโลกวิทูของจิต ร็สภาพความเป็นจริงของโลก
ถ้าเราสามารถเอาชนะได้ มันถึงจะเป็นโลกุตตรจิตพ้นไปเสียจากโลก อันนั้นมันเป็นอย่างนั้น

6    เพราะโลกนี้มันมีอะไรน่าหลง มันมีอะไร ดูกันดีๆซิ อะไรมันน่าหลง ดูซิ ดูให้ดีๆ
เขามีผัวมีเมียกัน มันสุขจริงหรือ ดูซิ เอาอะไรมาเป็นความสุข อ่านดูซิ
พอได้ลูกได้เต้าก็มาความสุขเพลิดเพลิน เอาเหตุแห่งความทุกข์มาสุขเฉยๆ
อันนั้นมันเหตุแห่งความทุกข์ ต่อไปก็เป็นภาระหน้าที่ของผู้ที่สร้างเขาขึ้นมา จะต้องดิ้นรนทุกสิ่งทุกอย่าง
เพื่อให้เขานั้นมีความสุข เพื่อให้เขามีความรู้วิชาการ เพื่อให้เขามีมรดกตกทอด
มีหน้าที่จะต้องเลี้ยงดูตัวเองแล้วครอบครัวต่อไป เราก็ต้องดิ้นรนหรือรับผิดชอบในเหตุการณ์นั้นๆ
โอโห แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ลองมองดูก็แล้วกัน เอาอะไรมาสุขกัน อะไรมันสุขมองดูซิ

7    ความเป็นอยู่ในโลกนี้อะไรมันดี น่าจะหลงอะไรหรือเปล่า ร่างกายสังขารก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าหลง
ร่างกายสังขารนี้มันน่าหลงตรงไหน ไม่เห็นมีตรงไหนน่าหลง กำหนดเข้าไปดูดีๆ อันนี้มันหนัง
ถกหนังมันมีอะไรก็เนื้อ พอเอาหนังออกมาแล้ว หนังที่ถกออกมาว่ามันดีเป็นยังไง
โห่ มันอยากแตะไม่อยากถูก ในเมื่อถกหนังมาแล้วมีเนื้อ เนื้อนั่นเหรอมันสวยงาม ดูซิ
ต่อจากเนื้อไปมันมีอะไรบ้าง เส้นเอ็น กระดูก เข้าไปข้างในมีอะไร ไส้น้อย ไส้ใหญ่
อาหารใหม่ อาหารเก่า มันอะไรสะอาดที่ตรงไหน มันดีตรงไหน สวยตรงไหน มันงามตรงไหน

8    ดูซิ มันน่าหลงรึเปล่าร่างกายอันนี้ ดูให้ดีๆซิ ถ้าเรามองตามสภาพความเป็นจริง
จิตของเรายอมรับจริงๆ ซึ่งเรายัดเยียดให้จิตของเรายอมรับ หรือบังคับให้จิตของเรายอมรับ
สภาพความเป็นจริงใดแล้ว มันมีอะไรน่าหลง มันไม่มีอะไรน่าหลงสักนิดหนึ่ง
มองดูดีๆก็แล้วกัน อ่านดีๆ เพราะนั้นผู้ภาวนาอย่าหนีไปจากสิ่งเหล่านี้
อันนี้มันเป็นของจริง ถ้าเราภาวนาไปเห็นไปมองหาเทวบุตรเทวดา หรือไปมองหาความสวยงามอื่นๆนั้น
มันภาวนาหลงโลก มันหลงรูป ภาวนาสร้างภพสร้างชาติให้กับตัวเอง อันนั้น

9    ถ้าภาวนาเพื่อต้องการจะออกจากภพชาติ เราต้องดูสภาพความเป็นจริงทุกอย่าง
ว่าโลกนี้มีอะไรน่าหลง อะไรที่จะทำให้เรามาเกิด อันนั้นมันน่าหลงจริงหรือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกาย ยกเอาขึ้นมาซิ มาดูเขาให้ดีๆ ว่ามันน่าหลงจริงไหม
มองให้มันดีๆ ในเมื่อเรามองละเอียดละออดีแล้ว มันไม่มีสิ่งน่าหลงในเรื่องร่างกาย
มันเป็นของสกปรกโสโครก มองแล้วโธ่เอ๊ย ถ้าเรามองให้ถูกต้อง ตามความเป็นจริงของเขาแล้วนั่น
แหม่ มันน่าเศร้าสลด สำหรับผู้หลงทั้งหลาย อันเนี้ยเรามองดูดีๆก็แล้วกัน

10    อ่านให้ดีๆ การภาวนาละก็ต้องอย่างงี้ มันถึงจะสอนจิตของเราให้พ้นไปจากความหลง
เวลานี้จิตของเรามันหลงซะจนไม่รู้จะหลงยังไง แต่ละท่านแต่ละคนทั้งผู้พูดนี่แหละ
มันก็เกิดมาไม่รู้กี่ล้านกี่แสนชาติ เกิดมาแล้วก็ต้องมาเผชิญกับความทุกข์
ทรมานดิ้นรนกายไปเถอะตามเรื่องตามราว ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ แล้วก็ตาย
เกิดขึ้นมาใหม่ สู้กันใหม่ ทุกข์ใหม่ เกิดขึ้นมาอีก สู้กันใหม่ ทุกข์ใหม่
ไม่รู้กี่แสนชาติ คนจนก็เคยเป็น คนรวยก็เคยเป็น เศรษฐี มหาเศรษฐีเคยเป็น
ขอทานก็เคยเป็น พระราชามหากษัตริย์ พวกเราเคยเป็นกันมาทั้งนั้น

11    ไม่ใช่ไม่เคยเป็น จนกระทั่งสัตว์เดรัจฉานทุกประเภท เราผ่านมาทั้งหมด
แม้แต่สัตว์ที่สกปรก หนอน เราก็เคยเป็น อู้ย ตั้งแต่ปฏิสนธิจิตเบื้องต้น
มันมาตั้งแต่สัตว์ตัวเล็กๆ มันเกิดขึ้นมา ก็ค่อยเติบโตขึ้นมา จนกว่าจะมาเป็นสัตว์ใหญ่
เป็นมนุษย์ได้ ผ่านมากี่ล้านชาติ เรานับกันไม่ถ้วน แต่แล้วทุกชาติที่เกิดมา
ก็มีแต่ความทุกข์เป็นหลักยืน ไม่ใช่ความสุข นอกจากจะไปยึดเอาความทุกข์
มาเป็นความสุขเท่านั้น ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ ทรมานทั้งกายทั้งใจ

12    ทุกสิ่งทุกอย่างมันทับถม มาให้เราเนี่ยได้รับ มากมายเหลือเกิน เราจะต้องเผชิญ
แต่ละชาติจนกว่าจะจบชีวิต นับไม่ถ้วน ร้องไห้น้ำตานี่ คงจะได้หลายตุ่มซะกระมั้ง
หลายๆภพ หลายๆชาติ มารวมกัน เพราะนั้นเรามองตามสภาพความเป็นจริงเถอะ
เราเคยเป็นมาหมดแล้วทุกอย่าง แล้วจะเอาอะไรอีกทีนี้ มนุษย์เราก็เคยเป็นมาแล้ว
เทวดาเราก็เคยเป็นมาแล้ว อะไรๆที่เราไม่ได้เป็นมันเป็นมาทั้งนั้น

13    จนกว่าเราจะมาเป็นมนุษย์ผู้สมบูรณ์ จนมาถึงพระรัตนตรัย หรือเอาตัวเข้ามาบวชในบวร
พระพุทธศาสนานั้น แสดงว่าพวกเรานี่เคยเจอพุทธศาสนามา มากมายนับไม่ถ้วน
เพราะนั้น จึงเรียกว่าเป็นคนที่บางจากกิเลส มองสภาพความเป็นจริงของโลก
ชักจะเลือนลาง เริ่มๆจะออกแล้ว ความสุขอันเป็นโลกียวิสัยนั้น เราก็เริ่มมองออกแล้ว
ว่ามันไม่มีสุข มันมีแต่ทุกข์กับทุกข์ อันนี้เราเห็นแล้ว จึงสามารถเอาตนเข้ามาบวชในบวรพุทธศาสนา
แล้วตั้งใจประพฤติปฏิบัติให้พ้นไปเสียจากทุกข์ทรมาน อันนี้แสดงว่าบารมีเนี่ย จวนเจียนเต็มที
ความดีใกล้เต็มที แสดงว่าเรานี่ผ่านพุทธศาสนามา มากเหลือเกิน สร้างบารมีมาไม่รู้กี่ชาติมาแล้ว

14    จึงเป็นมาได้อย่างนี้ หากในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เราก็ต้องรีบพยายามซิ พยายามดูเขา
ดูสิ่งที่มันหลง มันหลงเรื่องอะไรเอามาพิจารณา ให้มันเห็นตามสภาพความเป็นจริง
แล้วโลกนี้มันมีอะไรน่าหลง เนี่ย เราต้องเอากันอยู่ตรงเนี้ย เร่งกันอยู่ตรงนี้ เราภาวนาเพื่อแก้หลง
อะไรมันหลง ใจน่ะมันหลง แก้ความหลงของใจ มันหลง มันมืดมันบอดมันมิด จนไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว
ไม่รู้สุข ไม่รู้ทุกข์ เพราะนั้นการภาวนาเรานั้น เราต้องเอาอย่างนี้ ต้องพยายามอย่างนี้

15    ขยำจิตของเราทุกวัน สอนจิตของเราทุกวัน เหตุการณ์ที่ประสบไม่ต้องมอง มองใจ สอนใจ ด่าใจ
ว่าเราเอง ด่าเราเอง ไม่ต้องด่าคนอื่น ด่าคนอื่นมันมีเรื่อง ด่าเจ้าของว่าไปเถอะ ขู่มันไปเถอะ ด่าไปเถอะ
วันหนึ่งข้างหน้าคอยดูเถอะมันจะยอม ในเมื่อมันยอมแล้ว โอ๊ย พ่อพระคุณ เอ้ย แสนสบาย แสนสบาย
ขอให้ตั้งใจกันนะ ตั้งอกตั้งใจทุกท่านทุกคน ภาวนากันให้ดีก็ละกัน วันนี้เล่าสู่ฟังแค่นี้ละนะ
ก็ขอยุติแค่นี้ แล้วก็ขอให้เลิกกันไปบำเพ็ญนะ พระภิกษุสงฆ์ องค์สามเณร ก็นิมนต์ครับ
จุดเดิม นิมนต์จุดเดิม ห้าหรือหกทุ่มนะครับ ทางคณะแม่ชีและผู้ประพฤติธรรมทั้งหลาย
ก็พยายามเข้าจุดกันนะ จุดใครจุดเรา เร่งกันปฏิบัติกัน เอาให้ดีที่สุดก็ละกัน


พระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณ พระวิสุทธิญาณเถร
(หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) ผู้ก่อตั้งวัดเขาสุกิม

ไฟล์ 23 samathi แนะวิธีการทำสมาธิเบื้องต้น ให้มุ่งดูที่ใจ

ดาวน์โหลดได้ใต้คำอธิบายของคลิป
https://www.youtube.com/watch?v=neCouVe2tt0

ถ้าพิมพ์ผิด พิมพ์ตกหล่นยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่