Light Saber แม้ว่าวิทยาศาสตร์ของการทำ Lightsaber ที่เป็นไปได้จะถูกอธิบายโดยท่าน Michio Kaku แล้ว แต่คำตอบของ Kaku ก็ยังไม่ตอบประเด็นสำคัญของ Lightsaber ได้อยู่ดี โดยเฉพาะที่ Lightsaber ส่วนใบมีด น่าจะมีน้ำหนักเสมือนมวล
ในวัฒนธรรมกระแสหลัก Lightsaber เป็นกระบี่มีแสงเป็นเปลวพลาสม่าที่ใช้ตัดสิ่งต่างๆ แต่มันก็ยังมี Lightsaber ที่พิเศษกว่านั้น เช่นกระบี่แสงล่องหนที่ใช้ Zamian Light Crystal หรือ Darksaber ที่เป็นสมบัติตกทอดในเหล่า Mandalorian อย่างที่เห็นใน Disney's Star Wars Parody เรื่อง Rebels สมบัติการตัดด้วยความร้อนจากพลาสม่า อาจเป็นสมบัติรองจากสมบัติการสร้างใบมีดเสมือนจากความว่างเปล่าด้วยพลังงาน
Dark Saber... อ่า รู้สึกจะผิดเรื่องไงพิกล ผิดๆๆๆๆๆๆ ต้องอันข้างล่างตังหาก
ในแง่ของน้ำหนักของใบมีด เราจะสังเกตได้จากการประดาบ ถ้าใบดาบไม่มีมวล การรับแรงปะทะ จะเป็นภาระกับข้อมือของผู้ใช้กระบี่แสงเป็นอันมากเพราะ ตามกฎของฟิสิกส์เรื่องโมเมนต์ มวล หรือแรงที่กระทำปะทะห่างจากจุดค้ำจุนหรือจุด Fulcrum จะมีขนาดเท่า มวลคูณระยะทาง และแรงต้านของข้อมือจะกลายเป็นการเสียเปรียบเชิงกลอย่างรุนแรง และตามด้วย หลักฐานที่หนักแน่นที่สุดคือการขว้างกระบี่แสงของ Darth Vader ใส่ Luke ในภาค Return of The Jedi จุดศูนย์กลางการหมุนของกระบี่แสงอยู่นอกตัวด้าม แสดงว่า ตัวใบดาบ มีมวลอยู่
ท่าขว้างดาบในตำนาน
ทบทวนความรู้ทางฟิสิกส์กันสักเล็กน้อย การได้เปรียบเชิงกลของคานนับจากแรงคูณระยะทางไปถึง Fulcrum ในกรณีที่กระบี่แสงไม่มีมวล จุด Fulcrum จะลึกลงไปถึงตัวด้ามดาบและผู้ใช้กระบี่แสง จะต้องออกแรงมหาศาลเพื่อที่จะตัดและฟันสิ่งต่างๆ ในกรณีนั้น การออกแบบกระบี่แสงควรมีด้ามที่ยาวเพื่อให้จุด Fulcrum ห่างออกจากจุดที่มือของเจไดถือ และทำให้ออกแรงได้มีประสิทธิภาพสูงกว่าการทำเป็นกระบี่แสงด้ามสั้นๆ
จากข้อสังเกตตรงนี้ แน่นอน สนามแม่เหล็กไม่สามารถสร้างสมบัติเสมือนมวลได้ แม้ว่ามันจะสามารถกักพลาสม่าไว้ได้แต่มันย่อมไม่สามารถอธิบายการที่ดาบล่องหนหรือดาบมืดจะตัดวัตถุต่างๆโดยไม่ต้องใช้พลาสม่า ดังนั้น สนามที่จะกักพลาสม่านี้ไว้ ต้องมีผลที่สร้างสภาพเสมือนการมีอยู่ของมวล สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด มันอาจมีสภาพคล้าย Vacuum solution ของไอน์สไตน์ที่กระบี่แสงเหล่านี้มีการบิดกาลอวกาศให้โค้งจนเก็บพลาสม่าไว้อยู่ในระนาบความโค้งทรงใบดาบ ซึ่งเพราะสมบัติของมวลเกี่ยวพันกับความโค้งของกาลอวกาศ การที่ใบดาบเป็นการบิดโค้งของกาลอวกาศมันก็ย่อมจะเท่ากับใบดาบมีสมบัติเสมือนมีมวล
The Force หรือพลัง จำจะต้องมีสมบัติที่เกี่ยวพันกับแรงโน้มถ่วงและความโค้งกับกาลอวกาศ ตัวตนของ The Force อาจเป็นสิ่งที่พวกมนุษย์เรียกมันว่า Graviton หรืออนุภาคมูลฐานต้นกำเนิดของแรงโน้มถ่วง และหน้าที่ของ Kyber Crystal ที่สำคัญที่สุดคือการแปลงพลังงานเป็นอนุภาค Graviton ที่สร้างใบดาบ และพลาสม่า หรือแสงของใบดาบ อาจเป็นเพียงผลพลอยได้ของการแปลงพลังงานเป็นสิ่งเสมือนมวล สร้างความร้อนในการตัดวัตถุ แต่ถึงไม่มีพลาสม่า ด้วยการเป็นวัตถุเสมือน Virtual object มันยังมีความคมที่จะตัดสิ่งต่างๆได้อยู่นั่นเอง
Force Projection ที่ลุค สกายวอล์คเกอร์ตุ๋น ไคโล เรน เสียเปื่อย จนเหล่ากบฎกระจอกสามารถหนีการไล่ล่าของพวกปฐมภาคีไปได้
และถ้า The Force เป็นความสามารถในการควบคุมความโค้งของกาลอวกาศ หรือการใช้ Graviton มันจะอธิบาย ความสามารถของ “เจได” และ “ซิธ” ผู้มี “พลัง” หรือ The Force ได้เกือบทั้งหมด Force Telekinesis จะเป็นการสร้างรางด้วยความโค้งของกาลอวกาศในการ เลื่อน เคลื่อนวัตถุ ไปสู่จุดที่ต่ำที่สุดในเชิงระนาบความโค้งของกาลอวกาศ การหยั่งรู้อนาคต ก็จะเป็นการสร้างรูหนอนอวกาศไปสู่อดีตหรืออนาคต ซึ่งเพราะในรูหนอนอวกาศอาจมีมิติที่เชื่อมต่อเพียงจุดเดียว 1 มิติ ผู้ใช้พลังหยั่งรู้จะต้องใช้สมองในการประมวลผลอย่างหนักเพื่อแปลงข้อมูลจากอดีตหรืออนาคตในรูป Pulse 1-2 มิติ มาเป็นการรับรู้ในลักษณะ 4 มิติของมนุษย์เรา ซึ่งนั่นจะอธิบายได้ว่าทำไมเจไดทำสมาธิถึงหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะมันเป็นการเพ่งรวมสมาธิเพื่อใช้สมองในการแปลงข้อมูล ต่างจากการทำสมาธิเพื่อความสงบแบบที่เรามักเห็น ในส่วนของ Force Projection อย่างที่ ลุค สกายวอล์กเกอร์ทำในภาคที่ 8 ยิ่งสามารถอธิบายได้ด้วยการควบคุมการกระจัดของแสงผ่าน Gravitational Lens เพื่อสร้างภาพเสมือนจริงของตัวเองบนพิภพเครท และรับรู้ข้อมูลระยะไกลผ่านรูหนอนอวกาศ นอกจากนี้ มันยังสามารถใช้การควบคุมแรงโน้มถ่วงในการสร้าง Suspension Bridge effect เพื่อช่วยในการสะกดจิตได้อีกด้วย
วิทยาศาสตร์ของ Lightsaber และ The Force
Light Saber แม้ว่าวิทยาศาสตร์ของการทำ Lightsaber ที่เป็นไปได้จะถูกอธิบายโดยท่าน Michio Kaku แล้ว แต่คำตอบของ Kaku ก็ยังไม่ตอบประเด็นสำคัญของ Lightsaber ได้อยู่ดี โดยเฉพาะที่ Lightsaber ส่วนใบมีด น่าจะมีน้ำหนักเสมือนมวล
ในวัฒนธรรมกระแสหลัก Lightsaber เป็นกระบี่มีแสงเป็นเปลวพลาสม่าที่ใช้ตัดสิ่งต่างๆ แต่มันก็ยังมี Lightsaber ที่พิเศษกว่านั้น เช่นกระบี่แสงล่องหนที่ใช้ Zamian Light Crystal หรือ Darksaber ที่เป็นสมบัติตกทอดในเหล่า Mandalorian อย่างที่เห็นใน Disney's Star Wars Parody เรื่อง Rebels สมบัติการตัดด้วยความร้อนจากพลาสม่า อาจเป็นสมบัติรองจากสมบัติการสร้างใบมีดเสมือนจากความว่างเปล่าด้วยพลังงาน
Dark Saber... อ่า รู้สึกจะผิดเรื่องไงพิกล ผิดๆๆๆๆๆๆ ต้องอันข้างล่างตังหาก
ในแง่ของน้ำหนักของใบมีด เราจะสังเกตได้จากการประดาบ ถ้าใบดาบไม่มีมวล การรับแรงปะทะ จะเป็นภาระกับข้อมือของผู้ใช้กระบี่แสงเป็นอันมากเพราะ ตามกฎของฟิสิกส์เรื่องโมเมนต์ มวล หรือแรงที่กระทำปะทะห่างจากจุดค้ำจุนหรือจุด Fulcrum จะมีขนาดเท่า มวลคูณระยะทาง และแรงต้านของข้อมือจะกลายเป็นการเสียเปรียบเชิงกลอย่างรุนแรง และตามด้วย หลักฐานที่หนักแน่นที่สุดคือการขว้างกระบี่แสงของ Darth Vader ใส่ Luke ในภาค Return of The Jedi จุดศูนย์กลางการหมุนของกระบี่แสงอยู่นอกตัวด้าม แสดงว่า ตัวใบดาบ มีมวลอยู่
ทบทวนความรู้ทางฟิสิกส์กันสักเล็กน้อย การได้เปรียบเชิงกลของคานนับจากแรงคูณระยะทางไปถึง Fulcrum ในกรณีที่กระบี่แสงไม่มีมวล จุด Fulcrum จะลึกลงไปถึงตัวด้ามดาบและผู้ใช้กระบี่แสง จะต้องออกแรงมหาศาลเพื่อที่จะตัดและฟันสิ่งต่างๆ ในกรณีนั้น การออกแบบกระบี่แสงควรมีด้ามที่ยาวเพื่อให้จุด Fulcrum ห่างออกจากจุดที่มือของเจไดถือ และทำให้ออกแรงได้มีประสิทธิภาพสูงกว่าการทำเป็นกระบี่แสงด้ามสั้นๆ
จากข้อสังเกตตรงนี้ แน่นอน สนามแม่เหล็กไม่สามารถสร้างสมบัติเสมือนมวลได้ แม้ว่ามันจะสามารถกักพลาสม่าไว้ได้แต่มันย่อมไม่สามารถอธิบายการที่ดาบล่องหนหรือดาบมืดจะตัดวัตถุต่างๆโดยไม่ต้องใช้พลาสม่า ดังนั้น สนามที่จะกักพลาสม่านี้ไว้ ต้องมีผลที่สร้างสภาพเสมือนการมีอยู่ของมวล สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด มันอาจมีสภาพคล้าย Vacuum solution ของไอน์สไตน์ที่กระบี่แสงเหล่านี้มีการบิดกาลอวกาศให้โค้งจนเก็บพลาสม่าไว้อยู่ในระนาบความโค้งทรงใบดาบ ซึ่งเพราะสมบัติของมวลเกี่ยวพันกับความโค้งของกาลอวกาศ การที่ใบดาบเป็นการบิดโค้งของกาลอวกาศมันก็ย่อมจะเท่ากับใบดาบมีสมบัติเสมือนมีมวล
The Force หรือพลัง จำจะต้องมีสมบัติที่เกี่ยวพันกับแรงโน้มถ่วงและความโค้งกับกาลอวกาศ ตัวตนของ The Force อาจเป็นสิ่งที่พวกมนุษย์เรียกมันว่า Graviton หรืออนุภาคมูลฐานต้นกำเนิดของแรงโน้มถ่วง และหน้าที่ของ Kyber Crystal ที่สำคัญที่สุดคือการแปลงพลังงานเป็นอนุภาค Graviton ที่สร้างใบดาบ และพลาสม่า หรือแสงของใบดาบ อาจเป็นเพียงผลพลอยได้ของการแปลงพลังงานเป็นสิ่งเสมือนมวล สร้างความร้อนในการตัดวัตถุ แต่ถึงไม่มีพลาสม่า ด้วยการเป็นวัตถุเสมือน Virtual object มันยังมีความคมที่จะตัดสิ่งต่างๆได้อยู่นั่นเอง
Force Projection ที่ลุค สกายวอล์คเกอร์ตุ๋น ไคโล เรน เสียเปื่อย จนเหล่ากบฎกระจอกสามารถหนีการไล่ล่าของพวกปฐมภาคีไปได้
และถ้า The Force เป็นความสามารถในการควบคุมความโค้งของกาลอวกาศ หรือการใช้ Graviton มันจะอธิบาย ความสามารถของ “เจได” และ “ซิธ” ผู้มี “พลัง” หรือ The Force ได้เกือบทั้งหมด Force Telekinesis จะเป็นการสร้างรางด้วยความโค้งของกาลอวกาศในการ เลื่อน เคลื่อนวัตถุ ไปสู่จุดที่ต่ำที่สุดในเชิงระนาบความโค้งของกาลอวกาศ การหยั่งรู้อนาคต ก็จะเป็นการสร้างรูหนอนอวกาศไปสู่อดีตหรืออนาคต ซึ่งเพราะในรูหนอนอวกาศอาจมีมิติที่เชื่อมต่อเพียงจุดเดียว 1 มิติ ผู้ใช้พลังหยั่งรู้จะต้องใช้สมองในการประมวลผลอย่างหนักเพื่อแปลงข้อมูลจากอดีตหรืออนาคตในรูป Pulse 1-2 มิติ มาเป็นการรับรู้ในลักษณะ 4 มิติของมนุษย์เรา ซึ่งนั่นจะอธิบายได้ว่าทำไมเจไดทำสมาธิถึงหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะมันเป็นการเพ่งรวมสมาธิเพื่อใช้สมองในการแปลงข้อมูล ต่างจากการทำสมาธิเพื่อความสงบแบบที่เรามักเห็น ในส่วนของ Force Projection อย่างที่ ลุค สกายวอล์กเกอร์ทำในภาคที่ 8 ยิ่งสามารถอธิบายได้ด้วยการควบคุมการกระจัดของแสงผ่าน Gravitational Lens เพื่อสร้างภาพเสมือนจริงของตัวเองบนพิภพเครท และรับรู้ข้อมูลระยะไกลผ่านรูหนอนอวกาศ นอกจากนี้ มันยังสามารถใช้การควบคุมแรงโน้มถ่วงในการสร้าง Suspension Bridge effect เพื่อช่วยในการสะกดจิตได้อีกด้วย