...
ถ้าเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า แล้วจะรู้ว่า
เหนื่อยกว่าเก่าอีก ฮ่าๆๆๆ นี่ตูมาทำอะไรที่นี่เนี่ย อยู่บ้านดีๆไม่ชอบ ประโยคนี้จะลอยมาเสมอ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่อ่อนล้าและเดินต่อไปไม่ไหว แต่สุดท้ายเรายังคงก้าวต่อไปช้าๆ เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็เดินต่อ เพื่อไปพบเจอสิ่งที่สวยงามที่รอเราอยู่บนนั้น... " ม่ อ น จ อ ง " 🌾🌾🌾
เราคิดถึงเขาอีกแล้ว 🌳🌲 เราไปขึ้นเขากันเถอะ ร่างกายต้องการความท้าทายในชีวิต ฮ่าๆๆๆ
ลิสรายชื่อสถานที่มาเยอะแยะ สุดท้ายจบลงที่ม่อนจอง เราจะไปหาเขาที่เป็นทุ่งหญ้าสีทองกัน ต้องมาช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ถึงจะได้บรรยากาศชิคๆแบบนี้ แต่ช่วงหน้าฝนก็จะเขียวๆมีเสน่ห์ออกไปอีกแบบ
...
ช่วงหน้าหนาวเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การกางเต็นท์และเดินป่ามาก อากาศที่เย็นกำลังดี (อันที่จริงตอนกลางดึกโคตรหนาวอ่ะ ดีที่ถุงนอนช่วยชีวิตไว้) ไม่มีฝนอะไรที่เป็นอุปสรรคในการเดิน แต่ถ้าฝนหลงฤดูมา ☔ นี่ถือว่าเป็นความซวยละกันนะ ฮ่าๆๆๆ
...
ทริปนี้รวมพลได้ 4 คน เราติดต่อไปกับทัวร์ ใบสน 2 ใบ คนละ 3,400 บาท รวมทุกอย่างตั้งแต่การเดินทางจากกรุงเทพไปอมก๋อย 🚐 ค่าลูกหาบส่วนกลาง ค่าอาหารทั้งหมด 6 มื้อ 🚙 ค่ารถโฟร์วิวไปยังจุดเดินเท้า ค่าเข้า คือเรียกได้ว่ารวมทุกอย่าง แค่เอาตัวเองไปก็พอ 😆😁
✏สำหรับเราบางสถานที่ซื้อทัวร์ไปก็ดีนะ เพราะการเดินทางบางอย่างมันต้องต่อรถหลายต่อ ค่านำทาง ของกินอะไรอีก ถ้าคิดๆแล้วมันพอๆกัน หรือต่างกันน้อยมากจริงก็ไปกับทัวร์เยอะ เซฟพลังงานของเราเอาไว้เดินขึ้นเขาดีกว่านะเราว่า
ทริปนี้เราไปกัน 4 คนอย่างที่บอก👭👫 มีสมาชิกมาเพิ่มอีก 2 คน 👫เป็นพี่ที่เค้าจองมากับทัวร์ ประเด็นคือต่างคนต่างมาด้วยจ้า เก๋ไปอีกไปเที่ยวเขาคนเดียว สุดยอดมาก ดังนั้นทริปนี้เราจะมีพักพวกขึ้นม่อนจองด้วยกัน 6 คน ส่วนพี่ไกด์ที่จะพาเราไป ชื่อพี่หยอง (พี่แกน่ารักเป็นกันเอง และดูแลพวกเราดีมาก กะว่าทริปหน้าใช้บริการกับทัวร์ ใบสน 2 ใบอีกแน่นอน)
นัดกันที่บิ๊กซี สะพานควาย เพื่อรวมพล ล้อหมุน 20.30 น. เราก็หลับๆตื่นๆ จนถึง อมก๋อย
แวะทานมื้อเช้า ก่อนเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านมูเซอ เพื่อจ้างลูกหาบและเปลี่ยนเป็นรถโฟร์วิว (บอกก่อนเลยว่า 📶 DTAC ตายตั้งแต่รถออกจากตัวเมืองอมก๋อย ส่วน📶 AIS ยังมีสัญญานอยู่บ้าง ตามยอดเขา)
...
ค่าบริการ สำหรับคนที่มาเอง
-คนนำทาง เที่ยวละ 600 บาท
-ค่าบริการลูกหาบ 2 วัน 1 คืน (ไป-กลับ) คิด 600 บาท จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อคน
-ค่ารถโฟร์วิวไปยังจุดเดินเท้า 2500-3000 บาท
แต่พวกเรามากับทัวร์เค้าจัดการให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่พวกเราจ้างลูกหาบ 1 คน หาร 4 ก็ตกคนละ 150 บาทเอง ไม่ต้องแบกกระเป๋า 🎒ให้ปวดหลัง
...
จากหมู่บ้านมูเซอต้องนั่งรถโฟร์วิว ไปจุดเดินเท้าใช้เวลา 1 ชั่วโมง เรียกได้ว่าทางนี่โหดมาก ขึ้นเขาลงเขาทางเป็นดินลูกรัง ฝุ่นนี่มาเต็มอ่ะ
🌳 ระยะทางจากจุดเริ่มถึงจุดตั้งแคมป์ ขึ้นสู่ยอดดอยระยะทาง 4 กม ใช้เวลา เดินเท้าประมาณ 3-4 ชั่วโมง เดินข้ามภูเขา 5 ลูก อ่านไม่ผิด ลูกหาบบอก ข้ามเขาประมาณ 5 ลูก แค่ได้ยินก็เหนื่อยแล้ว แต่ไม่เป็นไร ขนมเราตุนมาเต็มเป้
🏃 เราเริ่มเดินเท้า 10.20 น. ถึงจุดกางเต๊นท์ 13.20 น ประมาณ 3 ชั่วโมง ถือว่าเวลากำลังดี เดินไม่ไกลมากพอไหว
ถ้าเดินมาประมาณครึ่งทางจะเจอ "ลานหินช่อ" เป็นจุดถ่ายรูป บวกกับเป็นจุดพักเหนื่อยไปในตัว ต้องปีนขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน ถึงจะได้รูปเก๋ๆไว้อัพอวดเพื่อนฝูง
หลายคนคงคิดว่าเดินมาก็ไกล😶🙄 เหนื่อยก็เหนื่อย ยังต้องปีนอีกหรอ ถูกต้องค่ะ แต่รูปที่ได้มันสวยจริงนะ ถ้าไม่มีรูปมุมนี้รับรองว่าต้องมาเสียใจทีหลังแน่
จากลานหินช่อเดินมาเรื่อยจะเจอด่านวัดใจสุดท้าย " ดอยหมาหอบ " 😨😧แค่ชื่อฟังดูแล้ว ไม่น่ารอด 555
ยืนทำใจกันสักพัก แต่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ ก็จะถึง ลานสนามกอล์ฟช้างแล้ว 🌾🌾อีกนิดเดียวๆ ท่องไว้ๆ
ดอยหมาหอบ ดูเหมือนไม่ชัน แต่แ_่งชันมากกกกกกกก ความชันน่าจะสัก 60 องศาได้
ไม่อยากจะคิดว่าหน้าฝน ☔ คงลื่นกันมันมากจริง มีตูดระบมแน่ๆ 555
เดิน 5 ก้าว ต้องหยุดพักที ไปต่อไม่ไหว 😂🙄
📷 ทำท่าแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ป่าวหรอก เราเหนื่อย ขอพักหายใจหายคอแปป
🌱🌳จุดหมายของเราคือ สันเขาด้านบน ที่เขาเรียกกันว่า " สนามกอล์ฟช้าง " เป็นลานทุ่งหญ้าสีทองเป็นลานกว้างๆ เป็นลานค่อนข้างโล่งและยาว ลักษณะเป็นเนินเขาขึ้นๆ ลงๆ ด้านบนสนามกอล์ฟช้างจะมีทางแยกเป็น 2 ทาง คือตรงไปกับเลี้ยวซ้าย ถ้าตรงไปจะไปผาหัวสิงห์ 🦁ส่วนเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเดินลงหุบเขาเป็นจุดกางเต็นท์ ⛺
⛺ เดินถึงจุดกางเต็นท์ พี่หยองกับพี่ลูกหาบ กำลังจัดแจงที่พัก กางเต็นท์ให้เรา พอเราถึงนี่ก็นอนแผ่กันเลย แบบเหนื่อยใช้ได้นะ แต่ถือว่าไม่หนักมาก เมื่อเทียบกับเขาอื่นๆที่ผ่านมา
นอนเล่นกันสักพัก บ่าย 3 ได้เวลาไปจุดเช็คพ็อยอีกที่ คือ ผาหัวสิงห์ ต้องเดินจากสนามกอล์ช้างไปประมาณ 2 กิโลได้ ตอนแรกกะว่าชิลๆ น่าจะเป็นทางลาด เดินเรื่อยๆเอื่อยๆได้ แต่ความจริงแล้วนั้น เดินขึ้นเนินลงเนินเป็นว่าเล่น เหนื่อยโ_ตร ยิ่งก่อนถึงผาหัวสิงห์นะ เป็นทางชัน แต่ก็กลั้นหายใจว่า เอาว่ะ จะถึงละอีกนิดเดียว
ผาหัวสิงห์ ในมุมใกล้ๆ
ตรงทางขึ้นผาหัวสิงห์จะมีต้นกุหลาบพันปี 🌳🌹 ยังมีดอกให้เห็นอยู่ แต่ก็เริ่มโรยราแล้ว ช่วงธันวาคม-มกราคมเป็นช่วงที่กุหลาบพันปีกำลัง ออกดอกแย้มกลีบบานสะพรั่ง เราหยุดแวะถ่ายรูปพอเป็นพิธี พักให้หายเหนื่อยแล้วก็ปีนกันต่อ
บนผาหัวสิงห์จะมีป้าย " จุดสูงสุดดอยม่อนจอง " ไว้ให้ถ่ายรูปกัน มาม่อนจองไม่ได้มาถ่ายรูปกะป้ายนี้เหมือนมาไม่ถึงนะเนี่ย 🙂😃
ที่เรียก ผาหัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต 🦁 สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร
นั่งเล่นรับลม ถ่ายวิว ถ่ายรูปกันให้เต็มที่ ก่อนเร่งฝีเท้าเดินกลับไปรอดู🌥 พระอาทิตย์ตกกันบริเวณสนามกอล์ฟช้าง 🌾🌾🌾
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลง ⛅☀ แสงสีส้มกำลังสาดส่องมายังต้นหญ้าบนม่อนจอง 🌾🌾มันเป็นภาพที่สวยมาก เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปไว้อัพลงโซเชียลได้อีกยาว ฮ่าๆๆๆ
ให้ภาพเล่าเรื่องนะ
🍴🍗ท้องเริ่มร้อง ได้เวลามื้อเย็น พี่หยองจะทำอะไรให้เรากินบ้างน้าาาาา เก็บของเคลื่อนพลกลับจุดกางเต๊นท์ 🏕⛺
มื้อเย็นนี้มีเมนู ต้มยำไก่ 🍗ขาหมู 🍖ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว🍳 กับข้าวสวยร้อนๆ คือกับข้าวอร่อยมาก แถมเติมได้ไม่อั้นด้วยนะเออ ดีไปอีก
[CR] ทริปตามใจ ม่อนจองดินแดนทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ถ้าคิดถึงเขา ก็ออกไปหาเขา 10-11 ก.พ. 61
เราคิดถึงเขาอีกแล้ว 🌳🌲 เราไปขึ้นเขากันเถอะ ร่างกายต้องการความท้าทายในชีวิต ฮ่าๆๆๆ
ลิสรายชื่อสถานที่มาเยอะแยะ สุดท้ายจบลงที่ม่อนจอง เราจะไปหาเขาที่เป็นทุ่งหญ้าสีทองกัน ต้องมาช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ถึงจะได้บรรยากาศชิคๆแบบนี้ แต่ช่วงหน้าฝนก็จะเขียวๆมีเสน่ห์ออกไปอีกแบบ
...
ช่วงหน้าหนาวเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การกางเต็นท์และเดินป่ามาก อากาศที่เย็นกำลังดี (อันที่จริงตอนกลางดึกโคตรหนาวอ่ะ ดีที่ถุงนอนช่วยชีวิตไว้) ไม่มีฝนอะไรที่เป็นอุปสรรคในการเดิน แต่ถ้าฝนหลงฤดูมา ☔ นี่ถือว่าเป็นความซวยละกันนะ ฮ่าๆๆๆ
...
ทริปนี้รวมพลได้ 4 คน เราติดต่อไปกับทัวร์ ใบสน 2 ใบ คนละ 3,400 บาท รวมทุกอย่างตั้งแต่การเดินทางจากกรุงเทพไปอมก๋อย 🚐 ค่าลูกหาบส่วนกลาง ค่าอาหารทั้งหมด 6 มื้อ 🚙 ค่ารถโฟร์วิวไปยังจุดเดินเท้า ค่าเข้า คือเรียกได้ว่ารวมทุกอย่าง แค่เอาตัวเองไปก็พอ 😆😁
✏สำหรับเราบางสถานที่ซื้อทัวร์ไปก็ดีนะ เพราะการเดินทางบางอย่างมันต้องต่อรถหลายต่อ ค่านำทาง ของกินอะไรอีก ถ้าคิดๆแล้วมันพอๆกัน หรือต่างกันน้อยมากจริงก็ไปกับทัวร์เยอะ เซฟพลังงานของเราเอาไว้เดินขึ้นเขาดีกว่านะเราว่า
ทริปนี้เราไปกัน 4 คนอย่างที่บอก👭👫 มีสมาชิกมาเพิ่มอีก 2 คน 👫เป็นพี่ที่เค้าจองมากับทัวร์ ประเด็นคือต่างคนต่างมาด้วยจ้า เก๋ไปอีกไปเที่ยวเขาคนเดียว สุดยอดมาก ดังนั้นทริปนี้เราจะมีพักพวกขึ้นม่อนจองด้วยกัน 6 คน ส่วนพี่ไกด์ที่จะพาเราไป ชื่อพี่หยอง (พี่แกน่ารักเป็นกันเอง และดูแลพวกเราดีมาก กะว่าทริปหน้าใช้บริการกับทัวร์ ใบสน 2 ใบอีกแน่นอน)
นัดกันที่บิ๊กซี สะพานควาย เพื่อรวมพล ล้อหมุน 20.30 น. เราก็หลับๆตื่นๆ จนถึง อมก๋อย
แวะทานมื้อเช้า ก่อนเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านมูเซอ เพื่อจ้างลูกหาบและเปลี่ยนเป็นรถโฟร์วิว (บอกก่อนเลยว่า 📶 DTAC ตายตั้งแต่รถออกจากตัวเมืองอมก๋อย ส่วน📶 AIS ยังมีสัญญานอยู่บ้าง ตามยอดเขา)
...
ค่าบริการ สำหรับคนที่มาเอง
-คนนำทาง เที่ยวละ 600 บาท
-ค่าบริการลูกหาบ 2 วัน 1 คืน (ไป-กลับ) คิด 600 บาท จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อคน
-ค่ารถโฟร์วิวไปยังจุดเดินเท้า 2500-3000 บาท
แต่พวกเรามากับทัวร์เค้าจัดการให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่พวกเราจ้างลูกหาบ 1 คน หาร 4 ก็ตกคนละ 150 บาทเอง ไม่ต้องแบกกระเป๋า 🎒ให้ปวดหลัง
...
จากหมู่บ้านมูเซอต้องนั่งรถโฟร์วิว ไปจุดเดินเท้าใช้เวลา 1 ชั่วโมง เรียกได้ว่าทางนี่โหดมาก ขึ้นเขาลงเขาทางเป็นดินลูกรัง ฝุ่นนี่มาเต็มอ่ะ
🌳 ระยะทางจากจุดเริ่มถึงจุดตั้งแคมป์ ขึ้นสู่ยอดดอยระยะทาง 4 กม ใช้เวลา เดินเท้าประมาณ 3-4 ชั่วโมง เดินข้ามภูเขา 5 ลูก อ่านไม่ผิด ลูกหาบบอก ข้ามเขาประมาณ 5 ลูก แค่ได้ยินก็เหนื่อยแล้ว แต่ไม่เป็นไร ขนมเราตุนมาเต็มเป้
🏃 เราเริ่มเดินเท้า 10.20 น. ถึงจุดกางเต๊นท์ 13.20 น ประมาณ 3 ชั่วโมง ถือว่าเวลากำลังดี เดินไม่ไกลมากพอไหว
ถ้าเดินมาประมาณครึ่งทางจะเจอ "ลานหินช่อ" เป็นจุดถ่ายรูป บวกกับเป็นจุดพักเหนื่อยไปในตัว ต้องปีนขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน ถึงจะได้รูปเก๋ๆไว้อัพอวดเพื่อนฝูง
หลายคนคงคิดว่าเดินมาก็ไกล😶🙄 เหนื่อยก็เหนื่อย ยังต้องปีนอีกหรอ ถูกต้องค่ะ แต่รูปที่ได้มันสวยจริงนะ ถ้าไม่มีรูปมุมนี้รับรองว่าต้องมาเสียใจทีหลังแน่
จากลานหินช่อเดินมาเรื่อยจะเจอด่านวัดใจสุดท้าย " ดอยหมาหอบ " 😨😧แค่ชื่อฟังดูแล้ว ไม่น่ารอด 555
ยืนทำใจกันสักพัก แต่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ ก็จะถึง ลานสนามกอล์ฟช้างแล้ว 🌾🌾อีกนิดเดียวๆ ท่องไว้ๆ
ดอยหมาหอบ ดูเหมือนไม่ชัน แต่แ_่งชันมากกกกกกกก ความชันน่าจะสัก 60 องศาได้
ไม่อยากจะคิดว่าหน้าฝน ☔ คงลื่นกันมันมากจริง มีตูดระบมแน่ๆ 555
เดิน 5 ก้าว ต้องหยุดพักที ไปต่อไม่ไหว 😂🙄
📷 ทำท่าแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ป่าวหรอก เราเหนื่อย ขอพักหายใจหายคอแปป
🌱🌳จุดหมายของเราคือ สันเขาด้านบน ที่เขาเรียกกันว่า " สนามกอล์ฟช้าง " เป็นลานทุ่งหญ้าสีทองเป็นลานกว้างๆ เป็นลานค่อนข้างโล่งและยาว ลักษณะเป็นเนินเขาขึ้นๆ ลงๆ ด้านบนสนามกอล์ฟช้างจะมีทางแยกเป็น 2 ทาง คือตรงไปกับเลี้ยวซ้าย ถ้าตรงไปจะไปผาหัวสิงห์ 🦁ส่วนเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเดินลงหุบเขาเป็นจุดกางเต็นท์ ⛺
⛺ เดินถึงจุดกางเต็นท์ พี่หยองกับพี่ลูกหาบ กำลังจัดแจงที่พัก กางเต็นท์ให้เรา พอเราถึงนี่ก็นอนแผ่กันเลย แบบเหนื่อยใช้ได้นะ แต่ถือว่าไม่หนักมาก เมื่อเทียบกับเขาอื่นๆที่ผ่านมา
นอนเล่นกันสักพัก บ่าย 3 ได้เวลาไปจุดเช็คพ็อยอีกที่ คือ ผาหัวสิงห์ ต้องเดินจากสนามกอล์ช้างไปประมาณ 2 กิโลได้ ตอนแรกกะว่าชิลๆ น่าจะเป็นทางลาด เดินเรื่อยๆเอื่อยๆได้ แต่ความจริงแล้วนั้น เดินขึ้นเนินลงเนินเป็นว่าเล่น เหนื่อยโ_ตร ยิ่งก่อนถึงผาหัวสิงห์นะ เป็นทางชัน แต่ก็กลั้นหายใจว่า เอาว่ะ จะถึงละอีกนิดเดียว
ผาหัวสิงห์ ในมุมใกล้ๆ
ตรงทางขึ้นผาหัวสิงห์จะมีต้นกุหลาบพันปี 🌳🌹 ยังมีดอกให้เห็นอยู่ แต่ก็เริ่มโรยราแล้ว ช่วงธันวาคม-มกราคมเป็นช่วงที่กุหลาบพันปีกำลัง ออกดอกแย้มกลีบบานสะพรั่ง เราหยุดแวะถ่ายรูปพอเป็นพิธี พักให้หายเหนื่อยแล้วก็ปีนกันต่อ
บนผาหัวสิงห์จะมีป้าย " จุดสูงสุดดอยม่อนจอง " ไว้ให้ถ่ายรูปกัน มาม่อนจองไม่ได้มาถ่ายรูปกะป้ายนี้เหมือนมาไม่ถึงนะเนี่ย 🙂😃
ที่เรียก ผาหัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต 🦁 สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร
นั่งเล่นรับลม ถ่ายวิว ถ่ายรูปกันให้เต็มที่ ก่อนเร่งฝีเท้าเดินกลับไปรอดู🌥 พระอาทิตย์ตกกันบริเวณสนามกอล์ฟช้าง 🌾🌾🌾
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลง ⛅☀ แสงสีส้มกำลังสาดส่องมายังต้นหญ้าบนม่อนจอง 🌾🌾มันเป็นภาพที่สวยมาก เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปไว้อัพลงโซเชียลได้อีกยาว ฮ่าๆๆๆ
ให้ภาพเล่าเรื่องนะ
🍴🍗ท้องเริ่มร้อง ได้เวลามื้อเย็น พี่หยองจะทำอะไรให้เรากินบ้างน้าาาาา เก็บของเคลื่อนพลกลับจุดกางเต๊นท์ 🏕⛺
มื้อเย็นนี้มีเมนู ต้มยำไก่ 🍗ขาหมู 🍖ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว🍳 กับข้าวสวยร้อนๆ คือกับข้าวอร่อยมาก แถมเติมได้ไม่อั้นด้วยนะเออ ดีไปอีก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น