สวัสดีค่ะทุกคนนนน ช่วงปลายปีแบบนี้ใครๆก็อยากสัมผัสอากาศเย็นอะเนอะแต่ดันไม่หนาวสักที เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจไปม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่เค้าโฆษณากันว่าอากาศเย็นทั้งปี ลางานได้ก็ไปโลดดดด
พวกเราออกเดินทางจากหมอชิต คืนวันศุกร์รอบ 20.30 น. จากนั้นก็นอนยาวๆถึงเชียงใหม่เกือบ 6 โมงเช้า
อย่างที่บอกทริปนี้เราจะไปม่อนจองด้วยมอไซค์ ซึ่งมีร้านให้เช่ามากมายแถวอาเขต แต่เนื่องจากตอนนี้นักท่องเที่ยวเยอะเลยเหลือแค่สองคันนี้ คันเล็กวันละ 250 บาท คันใหญ่ 300 บาท รถพร้อม คนพร้อม ออกไปล่าหัวสิงห์กันนนน
จุดหมายแรกของเราคือ ผาช่อ ที่ อ.ดอยหล่อ ระหว่างทางที่จะไปดอยอินทนนท์ พวกเราขี่มอไซค์ออกจากเมืองเชียงใหม่มาทางสันป่าตองเข้า อ.ดอยหล่อ ระหว่างทางจะเจอป้ายเขียนว่า แหล่งท่องเที่ยวผาช่อ ก็ไปตามทางเลยจ้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่งก็ถึงเป้าหมายแรก ก่อนเข้าก็เสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท มอไซค์ 20 บาท รถยนต์ 30 บาท
ผาช่อ อยู่ห่างจากทางเข้าประมาณ 5 กม. จนท.บอกว่าถนนไม่ลาดยาง จะได้เป็นธรรมชาติ...ค่าาา ขี่ออฟโรดขึ้นหลุมลงหลุม มดลูกสะเทือนเลยฮะ แต่ไปเถอะ คุ้ม
เจ้าหน้าที่บอกว่าหลายพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง จนกระทั่งแม่น้ำปิงเปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ก็ถูกยกตัวเป็นเนินเขาสูง และถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตาคล้ายกับแพะเมืองผี หรือละลุในจังหวัดสระแก้ว ถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้วก็แว๊นต่อ
เราออกจากผาช่อประมาณ 11.30 น. มุ่งหน้าไปทาง อ.ฮอด ถึงสามแยกฮอดเลี้ยวขวาจะมีป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติออบหลวงเป็นถนนเลียบขนานไปกับแม่น้ำแม่แจ่มหรือแม่น้ำสลักหินขี่ไปชมวิวไปฟินมากพูดเลย พวกเราถึงออบหลวงประมาณบ่าย 2 แวะพักกินข้าวกลางวันที่ร้านด้านหน้าอุทยานนั่นแหละ นาทีนั้นกินอะไรก็อร่อย หิวมากกกก เสร็จแล้วก็เข้าไปเที่ยวในออบหลวงซะหน่อย ค่าเข้าคนละ 20 บาท
"ออบ” เป็นภาษาท้องถิ่นหมายถึงช่องแคบ “หลวง” หมายถึง ใหญ่ ออบหลวง คือชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกช่องแคบหิน ขนาดยักษ์ที่มีลำน้ำแม่แจ่มแทรกผ่านโดยมีสะพานเชื่อมข้ามไป ถ้าใครกลัวความสูงนะ สะพานนี้ปราบเซียนเลยเพราะมองลงไปเห็นเหวลึก หวิวในท้องเลย
ลุยต่อกันที่สวนสนบ่อแก้วซึ่งอยู่ไม่ไกลจากออบหลวงเท่าไหร่นัก ขี่ไปประมาณ 20 นาที จุดไคลแมกซ์ที่นี่ก็คือทิวต้นสนยาวๆ มโนว่าตัวเองอยู่บนเกาะนามิในซีรี่ส์เกาหลีที่ไหนสักเรื่อง
หลังจากสร้างแลนมาร์คกันไปสามที่ ถึงเวลาของจริงมุ่งหน้าสู่อมก๋อยเกือบร้อยกว่าโลแค่คิดก็สยองล๊าวว พวกเราออกจากสวนสนบ่อแก้ว มุ่งหน้าไปทางบ้านกิ่วลมระยะทาง เลี้ยวซ้ายไปอำเภออมก๋อยใช้ทางหลวง 1099 ก่อนถึงอมก๋อย ทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่อยู่ระหว่างทำผิวถนนและเป็นหลุมเยอะเลยใช้ความเร็วได้ไม่มาก นาทีนั้นคือก้นชา ขาเกร็ง แทบจะหลอมรวมกับเบาะ ร้องไห้หนักมากกก ในที่สุดก็มาถึงอมก๋อยประมาณ 6 โมงเย็น แต่ที่พักที่ดูไว้ดันเต็มหมด นาทีนั้นปลั๊กจะหลุด ออกจากเชียงใหม่กันมาตั้งแต่ 8 โมงเช้า พอมาถึงอมก๋อยต้องมาหาที่พักอีก เฮ้อ...โชคดีที่ยังมีห้องว่างที่สุขแสนรีสอร์ทคืนละ 400 บาท ห้องใหญ่มากดีเลยแหละ แนะนำ (ลืมถ่ายรูปมาตอนนั้นเหนื่อยมาก ขอโทษด้วย T_T)
เช้าวันอาทิตย์ พวกเราไปซื้อเสบียงไว้กินระหว่างทางขึ้นดอยม่อนจองและกินข้าวเช้ากว่าจะออกจากตัวอมก๋อยก็ประมาณ 9 โมงแล้ว
ต้องแว๊นทำเวลาไปศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง (บ้านมูเซอปากทาง) ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 40 กม. พวกเราขี่มอไซไปถึงที่ศูนย์ประมาณ 10 โมงครึ่ง ติดต่อเช่าเต้นท์ 100 บาท ถุงนอน 100 บาท ลูกหาบคนละ 600 บาท เจ้าหน้าที่นำทาง(บังคับจ้าง) 600 บาท และต้องเหมารถขึ้นไปยังจุดเริ่มเดินอีก 2500 บาท
ตอนแรกก็คิดว่า ค่าเหมารถแพงจัง แต่เจอสภาพทางแล้วบอกเลยว่าคุ้มกับที่ต้องจ่าย ทางแย่มาก คิดดูแล้วกันว่าแค่ 15 กม.ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชม.
เห็นทางแล้วอย่าเพิ่งถอดใจไปก่อนน้า 555 ตรงจุดเริ่มเดินมีไม้ค้ำเยอะมากเลือกหยิบได้เลย บอกเลยว่าควรพกไปด้วย ระยะทางจากนี้คือ 6 กม.
เนินแรกคือลานสน คือ สวยจนต้องแวะถ่ายรูป จากนั้นก็เดินข้ามเขาเป็นป่าสลับกับทุ่งหญ้าอีก ประมาณ 2 ลูก ถ้าเทียบกับภูกระดึงที่นี่ชันน้อยกว่ามาก
ระหว่างทางจะมีกองหินนี้ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะถ่ายรูปนะยูววว
จุดที่ยากสุดก็เดินขึ้นเนินสนามกอล์ฟนี่แหละ เขาลูกใหญ่ กลั้นใจไว้เดี๋ยวก็ถึง ถึงแล้วเนินทุ่งหญ้าสีทองในฝัน
เราขึ้นมาถึงตรงนี้ประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง แนะนำว่าให้ตรงไปหัวสิงห์เลยนะ เพราะถ้ารอช่วงเย็นฟ้าจะมืดหรือหมอกลงซะก่อนแล้วจะอดไปน้า หัวสิงห์อยู่ห่างจากตรงเนินสนามกอล์ฟไปอีกประมาณ 2 กม. ดูเหมือนใกล้แต่เอาเข้าจริงต้องข้ามไปอีกประมาณ 3 เนินอ่ะคู้นนนน
แต่ในที่สุดก็มาถึงแล้ว 1,929 เมตรที่ดอยม่อนจอง
ตรงหัวสิงห์มีต้นกุหลาบพันปีเยอะมาก กำลังออกดอกสวยเลย
แถมวิวตรงนั้นก็สุดยอดมาก
เราเดินกลับมาที่เนินสนามกอล์ฟเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน สวยจนเหมือนอยู่ในฝันเลย
ส่วนดอกนี้ฝนกับกี๊ด หญิงสาวชาวมูเซอที่มาทำหน้าที่ลูกหาบให้เราเรียกว่า "หญ้าข่มขืน" บอกว่ามีสรรพคุณช่วยแก้โรคเบาหวาน บำรุงหัวใจ แถมมีเฉพาะที่ดอยม่อนจองนี้เท่านั้น!!!
เห็นดอกสวยแบบนี้อย่าพลาดไปชิมเชียว ขมมากกก กี๊ดบอกว่าถ้าเอาไปตากแดดเลเวลความขมจะยิ่งกว่านี้อีก
เมื่อฟ้ามืดก็ถึงเวลาเจ้าที่พักแล้วล่ะ ลูกหาบที่มาถึงนานแล้ว เขาจะช่วยกางเต้นท์ก่อไฟไว้ให้ เราต้องนำอาหารมาเผื่อพวกเขาด้วยนะ อะไรก็ได้ มาม่า ปลากระป๋องได้หมด ข้างบนนี้มีน้ำที่ต่อท่อมา ส่วนห้องน้ำก็เป็นส้วมซึมแต่ต้องไปหาบน้ำมาเอง ส่วนตัวก็คิดว่าที่นี่ไม่ลำบากเท่าไหร่ เดินง่าย สบายมาก ตกดึกก็อย่าลืมพาคนรักไปนั่งดูดาวบนสนามหญ้ามีอากาศหนาวพัดมาให้ฟินกันด้วยนะยูววว ราตรีสวัสดิ์
วันรุ่งขึ้นพวกเรากินอาหารเช้า เก็บของ เริ่มเดินลงมาประมาณ 8.30 ระหว่างทางเจอคู่รักนักเดินป่าวัยเก๋าคู่นี้ คุณลุงอายุ 80 ส่วนคุณป้า 71 แต่เดินลงเขาตัวปลิวเลย คุณลุงบอกว่าก็เดินออกกำลังกายทุกวัน แล้วก็เป็นนักเดินป่ามาก่อนเลยแข็งแรง ไอดอลมากกกจนต้องขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ช่วงเช้าที่เราเดินลงมาจะมีน้ำค้างเยอะ ทำให้ดินที่ปกติก็ค่อนข้างร่วนอยู่แล้วยิ่งลื่นไปอีก
ขากลับ จุดที่เหนื่อยที่สุดก็ต้องยกให้ลานสนแหละฮะ ทั้งยาวและชัน พวกเราลงมาถึงจุดเริ่มเดินประมาณ 10.30 และนั่งรถต่อไปถึงหน่วยเกือบๆเที่ยง แต่มีเวลาพักไม่มากเพราะจองรถเที่ยวกลับไว้รอบ 1 ทุ่ม เราใช้เวลาขี่มอไซถึงอาเขตในเมืองเชียงใหม่ประมาณ 5 โมงครึ่ง แวะพัก 3 ครั้ง คือที่อมก๋อย ออบหลวง และแถวจอมทอง มีเวลาให้พักเหนื่อย อาบน้ำ ก่อนขึ้นรถทัวร์ บ๊าย บาย ม่อนจอง
สรุปค่าใช้จ่ายคนละ 3,892 บาท ไปกันทั้งหมด 4 คน
- ค่ารถทัวร์ ขาไป บางกอกบัสไลน์ คนละ 525 บาท
- ค่าเช่ามอไซด์ 3 วัน 750 บาท
- ค่าเข้าผาช่อคนละ 30 บาท
- ค่าอาหาร 600 บาท
- ค่าเข้าออบหลวง 20 บาท
- ค่าที่พักในอมก๋อยคนละ 200 บาท
- ค่าน้ำมันไป-กลับคันละ 300 บาท
- ค่าเต้นท์+ถุงนอน คนละ ค150 บาท
- ค่าลูกหาบ +เจ้าหน้าที่นำทาง 600 บาท
- ค่าเหมารถขึ้นดอย 625 บาท
- ค่ารถทัวร์ ขากลับ นครชัยแอร์ 592 บาท
แต่สำหรับใครที่ไม่ได้แวะเที่ยวแบบพวกเรา มีรถตู้จากเชียงใหม่ สายอมก๋อย แม่ตื่น ถึงศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง (บ้านมูเซอปากทาง) คนละ 200 บาท รถจอดที่หน้าศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ออก 05.00 น. ถึงที่หน่วยประมาณ 9 โมงเช้า
รถโดยสารประจำทาง เชียงใหม่-อำเภออมก๋อย เป็นรภโดยสารสีฟ้าเชียงใหม่-อมก๋อย จากสถานีช้างเผือก-อำเภออมก๋อย ค่าโดยสาร 113 บาท มีวันละ 2 รอบ
ออกจากสถานีช้างเผือก 07.50 สถานีประตูเชียงใหม่ 08.20 ถึงอมก๋อย 13.00 น.
ออกจากสถานีช้างเผือก 13.30 สถานีประตูเชียงใหม่ 14.00 ถึงอมก๋อย 18.30 น.
จากอมก๋อย จะมีรถสองแถวท้องถิ่นวิ่งช่วงเช้าผ่านศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง หรือจะเหมารถจากอมก๋อยให้เข้าไปส่งได้
[CR] แบกเป้ซ้อนมอไซค์เที่ยวผาช่อ-ออบหลวง-สวนสน-ม่อนจอง ด้วยงบ 4,000 บาท
พวกเราออกเดินทางจากหมอชิต คืนวันศุกร์รอบ 20.30 น. จากนั้นก็นอนยาวๆถึงเชียงใหม่เกือบ 6 โมงเช้า
อย่างที่บอกทริปนี้เราจะไปม่อนจองด้วยมอไซค์ ซึ่งมีร้านให้เช่ามากมายแถวอาเขต แต่เนื่องจากตอนนี้นักท่องเที่ยวเยอะเลยเหลือแค่สองคันนี้ คันเล็กวันละ 250 บาท คันใหญ่ 300 บาท รถพร้อม คนพร้อม ออกไปล่าหัวสิงห์กันนนน
จุดหมายแรกของเราคือ ผาช่อ ที่ อ.ดอยหล่อ ระหว่างทางที่จะไปดอยอินทนนท์ พวกเราขี่มอไซค์ออกจากเมืองเชียงใหม่มาทางสันป่าตองเข้า อ.ดอยหล่อ ระหว่างทางจะเจอป้ายเขียนว่า แหล่งท่องเที่ยวผาช่อ ก็ไปตามทางเลยจ้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่งก็ถึงเป้าหมายแรก ก่อนเข้าก็เสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท มอไซค์ 20 บาท รถยนต์ 30 บาท
ผาช่อ อยู่ห่างจากทางเข้าประมาณ 5 กม. จนท.บอกว่าถนนไม่ลาดยาง จะได้เป็นธรรมชาติ...ค่าาา ขี่ออฟโรดขึ้นหลุมลงหลุม มดลูกสะเทือนเลยฮะ แต่ไปเถอะ คุ้ม
เจ้าหน้าที่บอกว่าหลายพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง จนกระทั่งแม่น้ำปิงเปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ก็ถูกยกตัวเป็นเนินเขาสูง และถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตาคล้ายกับแพะเมืองผี หรือละลุในจังหวัดสระแก้ว ถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้วก็แว๊นต่อ
เราออกจากผาช่อประมาณ 11.30 น. มุ่งหน้าไปทาง อ.ฮอด ถึงสามแยกฮอดเลี้ยวขวาจะมีป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติออบหลวงเป็นถนนเลียบขนานไปกับแม่น้ำแม่แจ่มหรือแม่น้ำสลักหินขี่ไปชมวิวไปฟินมากพูดเลย พวกเราถึงออบหลวงประมาณบ่าย 2 แวะพักกินข้าวกลางวันที่ร้านด้านหน้าอุทยานนั่นแหละ นาทีนั้นกินอะไรก็อร่อย หิวมากกกก เสร็จแล้วก็เข้าไปเที่ยวในออบหลวงซะหน่อย ค่าเข้าคนละ 20 บาท
"ออบ” เป็นภาษาท้องถิ่นหมายถึงช่องแคบ “หลวง” หมายถึง ใหญ่ ออบหลวง คือชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกช่องแคบหิน ขนาดยักษ์ที่มีลำน้ำแม่แจ่มแทรกผ่านโดยมีสะพานเชื่อมข้ามไป ถ้าใครกลัวความสูงนะ สะพานนี้ปราบเซียนเลยเพราะมองลงไปเห็นเหวลึก หวิวในท้องเลย
ลุยต่อกันที่สวนสนบ่อแก้วซึ่งอยู่ไม่ไกลจากออบหลวงเท่าไหร่นัก ขี่ไปประมาณ 20 นาที จุดไคลแมกซ์ที่นี่ก็คือทิวต้นสนยาวๆ มโนว่าตัวเองอยู่บนเกาะนามิในซีรี่ส์เกาหลีที่ไหนสักเรื่อง
หลังจากสร้างแลนมาร์คกันไปสามที่ ถึงเวลาของจริงมุ่งหน้าสู่อมก๋อยเกือบร้อยกว่าโลแค่คิดก็สยองล๊าวว พวกเราออกจากสวนสนบ่อแก้ว มุ่งหน้าไปทางบ้านกิ่วลมระยะทาง เลี้ยวซ้ายไปอำเภออมก๋อยใช้ทางหลวง 1099 ก่อนถึงอมก๋อย ทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่อยู่ระหว่างทำผิวถนนและเป็นหลุมเยอะเลยใช้ความเร็วได้ไม่มาก นาทีนั้นคือก้นชา ขาเกร็ง แทบจะหลอมรวมกับเบาะ ร้องไห้หนักมากกก ในที่สุดก็มาถึงอมก๋อยประมาณ 6 โมงเย็น แต่ที่พักที่ดูไว้ดันเต็มหมด นาทีนั้นปลั๊กจะหลุด ออกจากเชียงใหม่กันมาตั้งแต่ 8 โมงเช้า พอมาถึงอมก๋อยต้องมาหาที่พักอีก เฮ้อ...โชคดีที่ยังมีห้องว่างที่สุขแสนรีสอร์ทคืนละ 400 บาท ห้องใหญ่มากดีเลยแหละ แนะนำ (ลืมถ่ายรูปมาตอนนั้นเหนื่อยมาก ขอโทษด้วย T_T)
เช้าวันอาทิตย์ พวกเราไปซื้อเสบียงไว้กินระหว่างทางขึ้นดอยม่อนจองและกินข้าวเช้ากว่าจะออกจากตัวอมก๋อยก็ประมาณ 9 โมงแล้ว
ต้องแว๊นทำเวลาไปศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง (บ้านมูเซอปากทาง) ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 40 กม. พวกเราขี่มอไซไปถึงที่ศูนย์ประมาณ 10 โมงครึ่ง ติดต่อเช่าเต้นท์ 100 บาท ถุงนอน 100 บาท ลูกหาบคนละ 600 บาท เจ้าหน้าที่นำทาง(บังคับจ้าง) 600 บาท และต้องเหมารถขึ้นไปยังจุดเริ่มเดินอีก 2500 บาท
ตอนแรกก็คิดว่า ค่าเหมารถแพงจัง แต่เจอสภาพทางแล้วบอกเลยว่าคุ้มกับที่ต้องจ่าย ทางแย่มาก คิดดูแล้วกันว่าแค่ 15 กม.ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชม.
เห็นทางแล้วอย่าเพิ่งถอดใจไปก่อนน้า 555 ตรงจุดเริ่มเดินมีไม้ค้ำเยอะมากเลือกหยิบได้เลย บอกเลยว่าควรพกไปด้วย ระยะทางจากนี้คือ 6 กม.
เนินแรกคือลานสน คือ สวยจนต้องแวะถ่ายรูป จากนั้นก็เดินข้ามเขาเป็นป่าสลับกับทุ่งหญ้าอีก ประมาณ 2 ลูก ถ้าเทียบกับภูกระดึงที่นี่ชันน้อยกว่ามาก
ระหว่างทางจะมีกองหินนี้ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะถ่ายรูปนะยูววว
จุดที่ยากสุดก็เดินขึ้นเนินสนามกอล์ฟนี่แหละ เขาลูกใหญ่ กลั้นใจไว้เดี๋ยวก็ถึง ถึงแล้วเนินทุ่งหญ้าสีทองในฝัน
เราขึ้นมาถึงตรงนี้ประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง แนะนำว่าให้ตรงไปหัวสิงห์เลยนะ เพราะถ้ารอช่วงเย็นฟ้าจะมืดหรือหมอกลงซะก่อนแล้วจะอดไปน้า หัวสิงห์อยู่ห่างจากตรงเนินสนามกอล์ฟไปอีกประมาณ 2 กม. ดูเหมือนใกล้แต่เอาเข้าจริงต้องข้ามไปอีกประมาณ 3 เนินอ่ะคู้นนนน
แต่ในที่สุดก็มาถึงแล้ว 1,929 เมตรที่ดอยม่อนจอง
ตรงหัวสิงห์มีต้นกุหลาบพันปีเยอะมาก กำลังออกดอกสวยเลย
แถมวิวตรงนั้นก็สุดยอดมาก
เราเดินกลับมาที่เนินสนามกอล์ฟเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน สวยจนเหมือนอยู่ในฝันเลย
ส่วนดอกนี้ฝนกับกี๊ด หญิงสาวชาวมูเซอที่มาทำหน้าที่ลูกหาบให้เราเรียกว่า "หญ้าข่มขืน" บอกว่ามีสรรพคุณช่วยแก้โรคเบาหวาน บำรุงหัวใจ แถมมีเฉพาะที่ดอยม่อนจองนี้เท่านั้น!!!
เห็นดอกสวยแบบนี้อย่าพลาดไปชิมเชียว ขมมากกก กี๊ดบอกว่าถ้าเอาไปตากแดดเลเวลความขมจะยิ่งกว่านี้อีก
เมื่อฟ้ามืดก็ถึงเวลาเจ้าที่พักแล้วล่ะ ลูกหาบที่มาถึงนานแล้ว เขาจะช่วยกางเต้นท์ก่อไฟไว้ให้ เราต้องนำอาหารมาเผื่อพวกเขาด้วยนะ อะไรก็ได้ มาม่า ปลากระป๋องได้หมด ข้างบนนี้มีน้ำที่ต่อท่อมา ส่วนห้องน้ำก็เป็นส้วมซึมแต่ต้องไปหาบน้ำมาเอง ส่วนตัวก็คิดว่าที่นี่ไม่ลำบากเท่าไหร่ เดินง่าย สบายมาก ตกดึกก็อย่าลืมพาคนรักไปนั่งดูดาวบนสนามหญ้ามีอากาศหนาวพัดมาให้ฟินกันด้วยนะยูววว ราตรีสวัสดิ์
วันรุ่งขึ้นพวกเรากินอาหารเช้า เก็บของ เริ่มเดินลงมาประมาณ 8.30 ระหว่างทางเจอคู่รักนักเดินป่าวัยเก๋าคู่นี้ คุณลุงอายุ 80 ส่วนคุณป้า 71 แต่เดินลงเขาตัวปลิวเลย คุณลุงบอกว่าก็เดินออกกำลังกายทุกวัน แล้วก็เป็นนักเดินป่ามาก่อนเลยแข็งแรง ไอดอลมากกกจนต้องขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ช่วงเช้าที่เราเดินลงมาจะมีน้ำค้างเยอะ ทำให้ดินที่ปกติก็ค่อนข้างร่วนอยู่แล้วยิ่งลื่นไปอีก
ขากลับ จุดที่เหนื่อยที่สุดก็ต้องยกให้ลานสนแหละฮะ ทั้งยาวและชัน พวกเราลงมาถึงจุดเริ่มเดินประมาณ 10.30 และนั่งรถต่อไปถึงหน่วยเกือบๆเที่ยง แต่มีเวลาพักไม่มากเพราะจองรถเที่ยวกลับไว้รอบ 1 ทุ่ม เราใช้เวลาขี่มอไซถึงอาเขตในเมืองเชียงใหม่ประมาณ 5 โมงครึ่ง แวะพัก 3 ครั้ง คือที่อมก๋อย ออบหลวง และแถวจอมทอง มีเวลาให้พักเหนื่อย อาบน้ำ ก่อนขึ้นรถทัวร์ บ๊าย บาย ม่อนจอง
สรุปค่าใช้จ่ายคนละ 3,892 บาท ไปกันทั้งหมด 4 คน
- ค่ารถทัวร์ ขาไป บางกอกบัสไลน์ คนละ 525 บาท
- ค่าเช่ามอไซด์ 3 วัน 750 บาท
- ค่าเข้าผาช่อคนละ 30 บาท
- ค่าอาหาร 600 บาท
- ค่าเข้าออบหลวง 20 บาท
- ค่าที่พักในอมก๋อยคนละ 200 บาท
- ค่าน้ำมันไป-กลับคันละ 300 บาท
- ค่าเต้นท์+ถุงนอน คนละ ค150 บาท
- ค่าลูกหาบ +เจ้าหน้าที่นำทาง 600 บาท
- ค่าเหมารถขึ้นดอย 625 บาท
- ค่ารถทัวร์ ขากลับ นครชัยแอร์ 592 บาท
แต่สำหรับใครที่ไม่ได้แวะเที่ยวแบบพวกเรา มีรถตู้จากเชียงใหม่ สายอมก๋อย แม่ตื่น ถึงศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง (บ้านมูเซอปากทาง) คนละ 200 บาท รถจอดที่หน้าศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ออก 05.00 น. ถึงที่หน่วยประมาณ 9 โมงเช้า
รถโดยสารประจำทาง เชียงใหม่-อำเภออมก๋อย เป็นรภโดยสารสีฟ้าเชียงใหม่-อมก๋อย จากสถานีช้างเผือก-อำเภออมก๋อย ค่าโดยสาร 113 บาท มีวันละ 2 รอบ
ออกจากสถานีช้างเผือก 07.50 สถานีประตูเชียงใหม่ 08.20 ถึงอมก๋อย 13.00 น.
ออกจากสถานีช้างเผือก 13.30 สถานีประตูเชียงใหม่ 14.00 ถึงอมก๋อย 18.30 น.
จากอมก๋อย จะมีรถสองแถวท้องถิ่นวิ่งช่วงเช้าผ่านศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง หรือจะเหมารถจากอมก๋อยให้เข้าไปส่งได้