พรหมลิขิตผิดคิว. ..เรื่องราวของ “ปราบศึก” นายตำรวจหนุ่มรักแท้แต่แม่และป้าไม่ปลื้มเพราะควงนางแบบสายเอ็กซ์ เขาเลยขี้หงุดหงิดติดระแวงว่าจะถูกจับคู่ และแล้ววันหนึ่งก็จับพลัดจับผลูเข้าเค้า เมื่อเขาต้องมาเจอ “อุษณา” สาวออฟฟิศธรรมด๊าธรรมดาที่ป้าสนิทสนมอย่างมีเลศนัย เขาผู้มีแฟนแล้วและรักแฟนมากก็เหวี่ยงใส่เลยสิ...จะรออะไร!
ส่วนอุษณาชังน้ำหน้า ‘ผู้ชายปากหมา’ ชนไม่สุภาพคนนี้ในระดับสิบ แฟนเธอที่กำลังจะแต่งงานด้วยน่ะหรือ...หล่อโอปป้าหน้าตาดี แถมดีกรีด็อกเตอร์ 'เลิศเลอเพอร์เฟค' ราวพรหมลิขิต แต่ใครเลยจะคิดว่าบางคราวพระพรหมก็อาจผิดคิวได้ ให้คนที่คิดว่าใช่แท้ทรูกลับไม่ใช่เอาซะดื้อๆ แล้วอย่างนี้อุษณาจะเอายังไงกับชีวิตของเธอดี...ในเมื่อนายคน ‘ชนไม่สุภาพ’ ผู้นี้เธอไม่รับแอดเป็นเฟรนด์...บอกตรง!
หมายเหตุ***
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เจ้าของผลงานขอสงวนสิทธิ์ในการ ห้ามคัดลอก ห้ามดัดแปลง ห้ามทำซ้ำ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดในนิยายไปเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
................................................................
บทนำ...
ห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางกรุงเทพฯ แห่งนี้มีผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติขวักไขว่ สีสันของเสื้อผ้าละลานตา เมื่อเจ้าของห้างได้นำความทันสมัยของทั่วโลกมาย่อส่วนเอาไว้ในนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไวๆ ไปยังบันไดเลื่อน หากจำนวนนักช้อปปิ้งอันจอแจทำให้ต้องรอจังหวะหนึ่งจึงขึ้นได้ เขามีรูปร่างโดดเด่นชวนมองซ้ำ แม้นกริยาก้มหน้างุด แถมออกอาการรำคาญความพลุกพล่าน ด้วยการเดินแซงคนอื่นเร่งรีบ ก็มิได้ลดทอนความน่าดูนี้ พอลงจากบันไดเลื่อนแล้วร่างสูงปราดเปรียวหยุดมองป้ายบอกทางหนึ่งอึดใจ จากนั้นเดินดุ่ม และไม่นานก็เลี้ยวล่วงเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ร้านนั้นตั้งอยู่ปีกหนึ่งของตัวตึก ภายในร้านมีพื้นที่จำกัด แต่กลับแลกว้างขวางหลอกตาจากการตกแต่งเลียนแบบธรรมชาติไว้อย่างดี ให้เหมือนป่าไผ่เขียวร่มรื่นกลางเมืองกรุง เพียงแต่ความเย็นสบายนั้นเกิดจากเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่มิใช่ธรรมชาติพิสุทธิ์
ชายหนุ่มหยุดยืน และหันไปมองรอบๆ ก่อนจะก้าวยาวๆ หาโต๊ะที่ต้องการ โดยมิทันพนักงานของร้านได้เข้ามาต้อนรับ....
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นอย่างว่องไว อันบ่งบอกบุคลิกของเจ้าตัว !
“อ้าว มาแล้วหรือลูก ปราบศึก” สุภาพสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่นั่งอยู่ก่อนละสายตาจากกระดาษในมือทักทาย
“สวัสดีครับป้าผ่อง” ชายหนุ่ม หรือปราบศึกยกมือไหว้ ก่อนลงนั่งที่เก้าอี้ว่างใกล้กัน ป้าผ่องศรีเป็นพี่สาวคนเดียวของมารดาของเขา เธอเป็นอาจารย์และกำลังจะไปบรรยายพิเศษ ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง หากรถคู่ใจของเธอเข้าอู่ซ่อมกะทันหัน ป้าจึงให้เขามารับ
“เป็นไงบ้างล่ะ วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ย หิวหรือเปล่า ถ้าอยากกินอะไรก็สั่งเลย ป้าไม่รีบ”
เมื่อพ่อของปราบศึกเสียไป บ้านของเขาเหลือสมาชิกเพียงไม่กี่คน คือ มารดา ปกป้องพี่ชาย และตัวเขา คุณพรรณีแม่ของปราบศึกจึงชวนพี่สาวมาอยู่ด้วยกัน อาจารย์ผ่องศรีผู้เป็นสาวโสดก็ไม่ขัดข้อง เธอยังยกบ้านหลังเดิมให้ฝรั่งเช่าเพื่อเป็นรายได้ ในเวลาต่อมาพี่ชายคนเดียวของปราบศึกแต่งงาน และเดินทางไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศกับฝ่ายภรรยา ตอนนี้ปราบศึกจึงกลายเป็นลูกรักและหลานรัก ที่ถูกสุภาพสตรีสูงวัยสองคนเอาใจใส่อย่างแข็งขัน รวมถึง (แอบ) กวดขันเรื่อง...แฟนอีกด้วย!
“ไม่ดีกว่าครับ ผมทานกาแฟเมื่อบ่ายยังอิ่มอยู่เลยฮะ” เขาปฏิเสธ หากความจริงก็คือปราบศึกค่อนข้างรีบ เย็นนี้ชายหนุ่มมีนัดกับภารดีหรือดีดี้แฟนสาว เธอเป็นนางแบบสายเซ็กซี่ จากเวทีประกวดหนังสือแนวปลุกใจเสือป่า ที่ทั้งแม่และป้าของเขาไม่ค่อยปลื้มนัก
‘สองหญิง’ ผู้แสนสำคัญในชีวิตปราบศึกไม่ได้รังเกียจอาชีพใดทั้งสิ้น ถ้าหากเป็นงานที่สุจริต...
แต่การโชว์เนื้อหนังอย่างโจ่งแจ้งจงใจตลอดเวลามันสะท้อนจิตใจเจ้าของ...มารดาของเขากล่าวอย่างถนอมถ้อยคำในครั้งหนึ่ง ตามนิสัยอันนุ่มนวลของนาง ทั้งคู่ยังไม่สบายใจ ที่แฟนของปราบศึกชอบเที่ยวและแต่งตัวจัด...ปราบศึกฟังนั่นแหละ แต่เขาว่ายุคนี้กับสมัยก่อนมันแตกต่าง แฟชั่นของคนสมัยหนึ่งอาจขัดตาคนอีกสมัยอย่างปกติ
มีหนังสือกับซองใส่เอกสาร และกระเป๋าถือสีน้ำตาลเก๋ไก๋ใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“นี่กระเป๋าใครครับป้าผ่อง” ปราบศึกสงสัย ผู้เป็นป้ามองดูกระเป๋า ก่อนตอบว่า
“อ๋อ...ของหนูอุ่นน่ะ”
“อุ่น? อุ่นไหนฮะ” ปราบศึกระแวงขึ้นมาทันที ในเมื่อไม่ชอบแฟนของเขาแต่ก็ห้ามไม่ได้ ดังนั้นทั้งแม่และป้าจึงแสดงเจตนาว่าอยากจับคู่ให้ชายหนุ่มอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะป้าผ่องศรีของเขาที่มักหาเหตุ สร้างนัดบอดมาให้ปราบศึกพบกับผู้หญิง ที่อีกฝ่ายหมายตาอยู่หลายครั้ง
“ก็นั่นไง...” ป้าพยักเพยิดยังทางหนึ่ง “หนูอุ่นเดินมาพอดี”
อา...ป้าผ่องศรีทำอีกแล้ว ป้านัดใครไม่รู้มาให้พบเขาอีกแล้ว...! ปราบศึกคิดอย่างหงุดหงิดหัวใจ และอยากลุกวิ่งหนี เขาทิ้งหางตามองผ่านอย่างเสียไม่ได้ และไม่สนใจจนอีกฝ่ายเดินมาถึงโต๊ะ และนั่งลง
แล้วดูหรือนั่น...ปราบศึกเชื่อยิ่งกว่าเชื่อว่าคือแผน เมื่อหญิงสาวมาใหม่มีท่าทีสบายๆ และไม่แปลกใจสักนิดเมื่อเห็นเขา...เรื่องมันเข้าเค้าว่าแผนนัดบอดแท้จริง!
“สองคนรู้จักกันไว้เสียสิ นี่หนูอุ่น อุษณา ทำงานอยู่เซมิน่าฮับ บริษัทรับจัดสัมมนาที่เชิญป้าไปพูดบ่อยๆนั่นไงล่ะ ที่ป้าเคยเล่าให้ฟังไง” ป้าของเขาแนะนำ
ถูกทีเดียว...ปราบศึกระลึกได้ในทันที ว่าชื่อนี้ผ่านหูหลายครั้ง ดูเหมือนป้าผ่องศรีจะชื่นชม ว่าเธอทำงานเก่ง มีมารยาทงาม รู้จักกาลเทศะ และขยันขันแข็ง อันที่ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับภารดี...
ผู้หญิงที่ป้าชอบมักตรงข้ามกับภารดีเสมอ!
“หนูอุ่นจ๊ะ” อาจารย์ผ่องศรีหันหาฝ่ายหญิง “นี่หลานชายอาจารย์เอง ชื่อผู้กองปราบศึก หรือเรียกพี่ปราบก็ได้ เขาทำงานเป็นตำรวจอยู่ในแถวๆนี้แหละจ่ะ”
นั่นไง...ปราบศึกร้องลั่นในใจ ว่าผิดเสียที่ไหนกัน นี่คือแผนดูตัวของป้าแน่นอน เพราะป้าถึงขนาดให้หญิงสาวเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่า...
พี่ปราบ!!!!!!!!!!!
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวคนนั้นยกมือไหว้ น้ำเสียงนุ่มไพเราะที่สื่อว่าจริงใจ หากคนผู้มั่นใจเสียแล้วว่ากำลังถูกจับคู่กลับเชื่อว่าทั้งหมดนั้นคือการแสดง...
แถมหล่อนเล่นได้เนียนกริบระดับมืออาชีพ!
“เช่นกันฮะ” ปราบศึกฝืนทักตอบตามมารยาท แต่...ใบหน้าบอกบุญไม่รับ!
ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็เห็นดวงตาดำขลับ กับแก้มระเรื่อ ผิวเนียนละเอียดด้วยเลือดฝาด ที่เปล่งขึ้นจากแรงขับของการแต่งแต่พองาม มิใช่หอบเครื่องสำอางประโคม ‘โบ๊ะ’...
ก็นับว่าสวยดีอยู่หรอก แต่ทำไมคิดจับผู้ชายด้วยวิธีนี้ หรือว่าหล่อนอาจเป็นพวก ‘สวยแม่ชี’ ที่โลกทัศน์คร่ำครึเย็นชาจนไม่มีใครมาจีบ...เขาคิดอย่างพาลๆ พลันใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นแดงเข้มขึ้น คล้ายเข้าใจสายตากับสิ่งที่เขาคิด
ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ...ปราบศึกพาลต่อ และเกือบจะเผลอยักไหล่!
....................................................
พรหมลิขิตผิดคิว (บทนำ) โดย มีนามาลิน
ส่วนอุษณาชังน้ำหน้า ‘ผู้ชายปากหมา’ ชนไม่สุภาพคนนี้ในระดับสิบ แฟนเธอที่กำลังจะแต่งงานด้วยน่ะหรือ...หล่อโอปป้าหน้าตาดี แถมดีกรีด็อกเตอร์ 'เลิศเลอเพอร์เฟค' ราวพรหมลิขิต แต่ใครเลยจะคิดว่าบางคราวพระพรหมก็อาจผิดคิวได้ ให้คนที่คิดว่าใช่แท้ทรูกลับไม่ใช่เอาซะดื้อๆ แล้วอย่างนี้อุษณาจะเอายังไงกับชีวิตของเธอดี...ในเมื่อนายคน ‘ชนไม่สุภาพ’ ผู้นี้เธอไม่รับแอดเป็นเฟรนด์...บอกตรง!
หมายเหตุ***
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เจ้าของผลงานขอสงวนสิทธิ์ในการ ห้ามคัดลอก ห้ามดัดแปลง ห้ามทำซ้ำ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดในนิยายไปเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
................................................................
บทนำ...
ห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางกรุงเทพฯ แห่งนี้มีผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติขวักไขว่ สีสันของเสื้อผ้าละลานตา เมื่อเจ้าของห้างได้นำความทันสมัยของทั่วโลกมาย่อส่วนเอาไว้ในนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไวๆ ไปยังบันไดเลื่อน หากจำนวนนักช้อปปิ้งอันจอแจทำให้ต้องรอจังหวะหนึ่งจึงขึ้นได้ เขามีรูปร่างโดดเด่นชวนมองซ้ำ แม้นกริยาก้มหน้างุด แถมออกอาการรำคาญความพลุกพล่าน ด้วยการเดินแซงคนอื่นเร่งรีบ ก็มิได้ลดทอนความน่าดูนี้ พอลงจากบันไดเลื่อนแล้วร่างสูงปราดเปรียวหยุดมองป้ายบอกทางหนึ่งอึดใจ จากนั้นเดินดุ่ม และไม่นานก็เลี้ยวล่วงเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ร้านนั้นตั้งอยู่ปีกหนึ่งของตัวตึก ภายในร้านมีพื้นที่จำกัด แต่กลับแลกว้างขวางหลอกตาจากการตกแต่งเลียนแบบธรรมชาติไว้อย่างดี ให้เหมือนป่าไผ่เขียวร่มรื่นกลางเมืองกรุง เพียงแต่ความเย็นสบายนั้นเกิดจากเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่มิใช่ธรรมชาติพิสุทธิ์
ชายหนุ่มหยุดยืน และหันไปมองรอบๆ ก่อนจะก้าวยาวๆ หาโต๊ะที่ต้องการ โดยมิทันพนักงานของร้านได้เข้ามาต้อนรับ....
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นอย่างว่องไว อันบ่งบอกบุคลิกของเจ้าตัว !
“อ้าว มาแล้วหรือลูก ปราบศึก” สุภาพสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่นั่งอยู่ก่อนละสายตาจากกระดาษในมือทักทาย
“สวัสดีครับป้าผ่อง” ชายหนุ่ม หรือปราบศึกยกมือไหว้ ก่อนลงนั่งที่เก้าอี้ว่างใกล้กัน ป้าผ่องศรีเป็นพี่สาวคนเดียวของมารดาของเขา เธอเป็นอาจารย์และกำลังจะไปบรรยายพิเศษ ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง หากรถคู่ใจของเธอเข้าอู่ซ่อมกะทันหัน ป้าจึงให้เขามารับ
“เป็นไงบ้างล่ะ วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ย หิวหรือเปล่า ถ้าอยากกินอะไรก็สั่งเลย ป้าไม่รีบ”
เมื่อพ่อของปราบศึกเสียไป บ้านของเขาเหลือสมาชิกเพียงไม่กี่คน คือ มารดา ปกป้องพี่ชาย และตัวเขา คุณพรรณีแม่ของปราบศึกจึงชวนพี่สาวมาอยู่ด้วยกัน อาจารย์ผ่องศรีผู้เป็นสาวโสดก็ไม่ขัดข้อง เธอยังยกบ้านหลังเดิมให้ฝรั่งเช่าเพื่อเป็นรายได้ ในเวลาต่อมาพี่ชายคนเดียวของปราบศึกแต่งงาน และเดินทางไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศกับฝ่ายภรรยา ตอนนี้ปราบศึกจึงกลายเป็นลูกรักและหลานรัก ที่ถูกสุภาพสตรีสูงวัยสองคนเอาใจใส่อย่างแข็งขัน รวมถึง (แอบ) กวดขันเรื่อง...แฟนอีกด้วย!
“ไม่ดีกว่าครับ ผมทานกาแฟเมื่อบ่ายยังอิ่มอยู่เลยฮะ” เขาปฏิเสธ หากความจริงก็คือปราบศึกค่อนข้างรีบ เย็นนี้ชายหนุ่มมีนัดกับภารดีหรือดีดี้แฟนสาว เธอเป็นนางแบบสายเซ็กซี่ จากเวทีประกวดหนังสือแนวปลุกใจเสือป่า ที่ทั้งแม่และป้าของเขาไม่ค่อยปลื้มนัก
‘สองหญิง’ ผู้แสนสำคัญในชีวิตปราบศึกไม่ได้รังเกียจอาชีพใดทั้งสิ้น ถ้าหากเป็นงานที่สุจริต...
แต่การโชว์เนื้อหนังอย่างโจ่งแจ้งจงใจตลอดเวลามันสะท้อนจิตใจเจ้าของ...มารดาของเขากล่าวอย่างถนอมถ้อยคำในครั้งหนึ่ง ตามนิสัยอันนุ่มนวลของนาง ทั้งคู่ยังไม่สบายใจ ที่แฟนของปราบศึกชอบเที่ยวและแต่งตัวจัด...ปราบศึกฟังนั่นแหละ แต่เขาว่ายุคนี้กับสมัยก่อนมันแตกต่าง แฟชั่นของคนสมัยหนึ่งอาจขัดตาคนอีกสมัยอย่างปกติ
มีหนังสือกับซองใส่เอกสาร และกระเป๋าถือสีน้ำตาลเก๋ไก๋ใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“นี่กระเป๋าใครครับป้าผ่อง” ปราบศึกสงสัย ผู้เป็นป้ามองดูกระเป๋า ก่อนตอบว่า
“อ๋อ...ของหนูอุ่นน่ะ”
“อุ่น? อุ่นไหนฮะ” ปราบศึกระแวงขึ้นมาทันที ในเมื่อไม่ชอบแฟนของเขาแต่ก็ห้ามไม่ได้ ดังนั้นทั้งแม่และป้าจึงแสดงเจตนาว่าอยากจับคู่ให้ชายหนุ่มอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะป้าผ่องศรีของเขาที่มักหาเหตุ สร้างนัดบอดมาให้ปราบศึกพบกับผู้หญิง ที่อีกฝ่ายหมายตาอยู่หลายครั้ง
“ก็นั่นไง...” ป้าพยักเพยิดยังทางหนึ่ง “หนูอุ่นเดินมาพอดี”
อา...ป้าผ่องศรีทำอีกแล้ว ป้านัดใครไม่รู้มาให้พบเขาอีกแล้ว...! ปราบศึกคิดอย่างหงุดหงิดหัวใจ และอยากลุกวิ่งหนี เขาทิ้งหางตามองผ่านอย่างเสียไม่ได้ และไม่สนใจจนอีกฝ่ายเดินมาถึงโต๊ะ และนั่งลง
แล้วดูหรือนั่น...ปราบศึกเชื่อยิ่งกว่าเชื่อว่าคือแผน เมื่อหญิงสาวมาใหม่มีท่าทีสบายๆ และไม่แปลกใจสักนิดเมื่อเห็นเขา...เรื่องมันเข้าเค้าว่าแผนนัดบอดแท้จริง!
“สองคนรู้จักกันไว้เสียสิ นี่หนูอุ่น อุษณา ทำงานอยู่เซมิน่าฮับ บริษัทรับจัดสัมมนาที่เชิญป้าไปพูดบ่อยๆนั่นไงล่ะ ที่ป้าเคยเล่าให้ฟังไง” ป้าของเขาแนะนำ
ถูกทีเดียว...ปราบศึกระลึกได้ในทันที ว่าชื่อนี้ผ่านหูหลายครั้ง ดูเหมือนป้าผ่องศรีจะชื่นชม ว่าเธอทำงานเก่ง มีมารยาทงาม รู้จักกาลเทศะ และขยันขันแข็ง อันที่ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับภารดี...
ผู้หญิงที่ป้าชอบมักตรงข้ามกับภารดีเสมอ!
“หนูอุ่นจ๊ะ” อาจารย์ผ่องศรีหันหาฝ่ายหญิง “นี่หลานชายอาจารย์เอง ชื่อผู้กองปราบศึก หรือเรียกพี่ปราบก็ได้ เขาทำงานเป็นตำรวจอยู่ในแถวๆนี้แหละจ่ะ”
นั่นไง...ปราบศึกร้องลั่นในใจ ว่าผิดเสียที่ไหนกัน นี่คือแผนดูตัวของป้าแน่นอน เพราะป้าถึงขนาดให้หญิงสาวเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่า...
พี่ปราบ!!!!!!!!!!!
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวคนนั้นยกมือไหว้ น้ำเสียงนุ่มไพเราะที่สื่อว่าจริงใจ หากคนผู้มั่นใจเสียแล้วว่ากำลังถูกจับคู่กลับเชื่อว่าทั้งหมดนั้นคือการแสดง...
แถมหล่อนเล่นได้เนียนกริบระดับมืออาชีพ!
“เช่นกันฮะ” ปราบศึกฝืนทักตอบตามมารยาท แต่...ใบหน้าบอกบุญไม่รับ!
ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็เห็นดวงตาดำขลับ กับแก้มระเรื่อ ผิวเนียนละเอียดด้วยเลือดฝาด ที่เปล่งขึ้นจากแรงขับของการแต่งแต่พองาม มิใช่หอบเครื่องสำอางประโคม ‘โบ๊ะ’...
ก็นับว่าสวยดีอยู่หรอก แต่ทำไมคิดจับผู้ชายด้วยวิธีนี้ หรือว่าหล่อนอาจเป็นพวก ‘สวยแม่ชี’ ที่โลกทัศน์คร่ำครึเย็นชาจนไม่มีใครมาจีบ...เขาคิดอย่างพาลๆ พลันใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นแดงเข้มขึ้น คล้ายเข้าใจสายตากับสิ่งที่เขาคิด
ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ...ปราบศึกพาลต่อ และเกือบจะเผลอยักไหล่!
....................................................