ท้องฟ้าที่อุ้มเมฆอึมครึมอยู่ก่อนหน้าทิ้งฝนลงมาจนได้ เม็ดใหญ่และแรงจนแทบทะลุกระจก ฝนยังส่งให้รถติดยาวเป็นแพไม่ขยับเขยื้อนในทันที ผู้ที่นั่งหลังพวงมาลัยเผลอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเป็นระยะๆ ปราบศึกห่วงเวลานัด ชายหนุ่มอดเคืองผู้โดยสารหนึ่งเดียวที่นั่งคู่ไม่ได้ ร่างเล็กกอดอกนิ่งไม่พูดจา ราวลืมเอาปากมาจากบ้าน หลังจากฝ่ายนั้นพยายามชวนคุยแล้ว และปราบศึก ‘ถามคำตอบคำ’ อย่างเสียไม่ได้
ตอนนั้นป้าผ่องศรีดึง “หนูอุ่น” ให้ขึ้นรถมาด้วย ความจริงหล่อนก็ปฏิเสธแข็งขันอยู่หรอก หากปราบศึกผู้ระแวงเสียแล้วกลับมองว่าหญิงสาวสร้างภาพ เพื่อยกราคาให้ตัวเองดูดี วิสัยตำรวจที่เห็นผู้ร้ายมามาก ทำให้เขาเชื่อมั่น ว่าในครั้งนี้หล่อนและป้าผ่องศรีต่างรู้เห็นเป็นใจ...
ป้าแกล้งรถเสียเพื่อนัดเขาให้พบกับผู้หญิงคนนี้!
เมื่อเขาส่งป้าที่มหาวิทยาลัยแล้ว ป้าจึงสั่งให้เขามาส่งหล่อน เพื่อให้อยู่สองต่อสอง เท่านั้นยังไม่พอ ป้าอาจล่วงรู้นัดระหว่างเขากับภารดี นางจึงตั้งใจกีดกันอย่างเต็มที่ด้วยการส่งก้างตัวเป็นๆมาขวางทาง
ปราบศึกลอบมอง ‘ก้าง’ ที่กำลังเผลอดูอะไรสักอย่างนอกรถ และเห็นอีกครั้ง ว่าเมื่อมองใกล้ๆนั้นเธอสวยจริง แต่งตัวด้วยชุดเสื้อกระโปรงติดกันสีเอิร์ธโทน มันเรียบๆ แต่ดู ‘แพง’ ที่มิใช่แพงแบบตัวเงิน หากหมายถึงมันดูดี ชายหนุ่มยอมรับว่าหล่อนไม่ฉูดฉาดเตะตาเท่าภารดี...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาว่าผู้ชายตาทุกคนต้องมองเห็นสิ่งที่เธอมี!
แล้วทำไมหรือ ทำไมหล่อนจึงหาแฟนไม่ได้ และดันมาใช้วิธีโบราณแบบนี้เพื่อจับเขา...ชายหนุ่มคิดในใจสุดขุ่นเคือง
รถเคลื่อนไปได้บ้างเล็กน้อย ก่อนหยุดอีกครั้ง ข้างนอกนั้นฝนซาเม็ดแล้วเปลี่ยนหล่นปรายโปรย ปราบศึกมองนาฬิการอบที่นับไม่ถ้วน และรู้ตัวว่าเขาไปไม่ทันนัดแน่แล้ว...
ชายหนุ่มเซ็งที่สุด!
“เฮ้อ!” เขาเผลอถอนหายใจ เมื่อคิดถึงว่าภารดีต้องงอนแน่ หรือไม่เธออาจถึงขั้นโกรธตัวเขา
“เอ่อ...ถ้าคุณรีบ คุณจะให้ดิฉันลงตรงนี้ก็ได้นะคะ” จู่ๆ คนที่เหมือนนั่งนิ่งไม่สนใจอะไรก็พูดขึ้น
ฟังแล้วปราบศึกยิ่งระแวงหนัก เขาพยายามอ่านความคิดอุษณา และจับได้ว่าในเมื่อแผนสำเร็จแล้ว หล่อนทำให้เขาพลาดนัดตามที่หล่อนและป้าผ่องศรีต้องการ ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีความจำเป็นจะอยู่ต่อ เพราะเขาไม่สนเธอ...
ความหงุดหงิดทำให้ชายหนุ่มพาล และแค่นเสียงว่า
“เฮอะ! ป้าผ่องได้เล่นงานผมปะไร หาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
“แต่ดิฉันว่าไม่น่าจะเป็นไรมั้งคะ” อุษณาแย้งอย่างปรารถนาดี ด้วยเดาได้จากท่าทาง หล่อนว่าเขาต้องมีธุระต่อแน่นอน “คือดิฉันหมายถึงอาจารย์ท่านไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว และอีกอย่างดิฉันก็สมัครใจลงเอง คือ...เอ่อ...ถ้าเผื่อคุณ...เอ่อ...มีนัด”
คำพูดของหล่อนเข้าทางความระแวงของปราบศึก ชายหนุ่มเชื่อทันทีว่าทุกอย่างเป็นแผน...
หล่อนร่วมมือกับป้าผ่องศรีขัดขวางเขากับภารดี!
“คุณรู้ได้ไงว่าผมมีนัด” เสียงปราบศึกห้วนสนิท
“ดิฉันเดาเอาค่ะ”
“จริงหรือ…” ชายหนุ่มหรี่ตา “นี่ผมเชื่อคุณได้แน่นะว่ากำลังพูดความจริง แต่เอ...ผมรู้สึกว่าคุณจะเดาเก่งเกินไปไหมคุณอุษณา”
“ไม่นี่คะ” หญิงสาวยอมรับว่าขัดหู แถมขัดตากิริยาของเขาตั้งแต่แรกพบ หากหล่อนพยายามมองข้าม และอดทน อย่างคนผู้มีมารยาทอันดี
“แต่ผมไม่เชื่อ” หากเขากลับ ‘ฟันธง’ เปรี้ยงออกมาเช่นนี้
“ดิฉันวัดจากความน่าจะเป็นค่ะ คือ...ถ้าหากใครสักคนดูเวลาทุกๆสองนาที ดิฉันว่ามันก็พอเดาได้ไม่ยากไม่ใช่หรือคะ ว่าคนๆนั้นกระวนกระวาย และกำลังรีบ เพื่อจะไปทำอะไรสักอย่าง อย่างเช่น มีนัด เท่านี้เป็นเหตุเป็นผลพอมั้ยคะ แล้วนี่...ตกลงว่าดิฉันจะขอลงเลยได้ใช่ไหมคะ เพื่อว่าจะได้ไม่เสียเวลาคุณ”
อุษณาถามในตอนท้าย หล่อนรู้ตัวเอง ว่าหลานชายอาจารย์ผ่องศรีที่ชื่อปราบศึกคนนี้ ไม่ใคร่ชอบหน้าหล่อนนัก และจะด้วยเหตุผลกลใดก็สุดรู้ ส่วนหญิงสาวเองก็ใช่ว่าอยากเสวนา กับคนไม่มีไมตรีเช่นเขา ถ้าหากไม่ติดมารยาททางสังคม และความเคารพที่หล่อนมีต่อป้าของเขา อุษณาก็คงไม่หลวมตัวมานั่งรถของเขาแน่...
ให้หล่อนเดินไปเองเสียยังจะดีกว่า!
ส่วนปราบศึกผู้มีอารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมถึงกับพาลขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยังหมั่นไส้ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหล่อน เขาเสียงขุ่นว่า
“อย่ามาแกล้งพูดดีหน่อยเลยน่าคุณอุษณา คุณก็รู้แกใจนี่ใช่มั้ย ว่าถึงตอนนี้แล้ว ต่อให้ผมเหาะไปก็ไม่มีทางไปทัน เอาเป็นว่าแผนคุณกับป้าผมสำเร็จ โอเคมั้ยครับ...ผมผิดนัดแฟนแล้ว สะใจหรือยัง”
หากอุษณาไม่เข้าใจ หญิงสาวถามเขากลับว่า
“เดี๋ยวก่อนนะคะ...นี่คุณปราบศึกกำลังพูดเรื่องอะไรคะ แผนหรือ แผนอะไรกันคะ ทำไมต้องมีแผน ไม่เข้าใจค่ะ ว่าคุณหมายถึงอะไร”
“จุ๊ๆ คุณนี่...” ปราบศึกมองใบหน้าเนียนราวผิวเด็กพร้อมสั่นหัว และเลิกรักษามารยาทใดๆ ทั้งสิ้น “ตกลงว่าจะแอ้คติ้งเก่งไปไหนไม่ทราบครับ หน้าแบ๊วตาใสเล่นใหญ่รัชดาลัยเลยคุณ ตีบทแตกกว่าดารามืออาชีพอีกแน่ะ ผมว่าเอารางวัลมันทุกสถาบันไปเลยเหอะ แล้วนี่อย่าบอกนะ ว่าคุณจะพูดว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ก็ใช่น่ะสิคะ” ใบหน้าของหญิงสาวม้านแล้วม้านอีก ทั้งงุนงงอย่างแท้จริง หากสิ่งเดียวที่เธอจับได้คือผู้ชายคนนี้กำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์ และกล่าวหาเธออยู่อย่างร้ายแรง
“โอ้โห...ปากแข็งได้ใจจริงๆ เลยคุณนี่ ยอดเยี่ยมครับ” ชายหนุ่มชมเชยประชด “ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีก เอางี้ดีกว่า เอาออสการ์ไปเลยคุณ เล่นได้ใหญ่ระดับโลกขนาดนี้”
มันจะกล่าวหากันเกินไปแล้ว...! ถึงตอนนี้อุษณาหน้าแดงจัดของขึ้นโดยแท้ หล่อนหรือสู้อุตส่าห์รักษามารยาท หญิงสาวเลิกเกรงใจแล้ว...
“นี่คุณพูดบ้าอะไรไม่ทราบคะ ฉันงง ที่บอกไม่เข้าใจก็คือ...ฉันไม่เข้าใจจริงๆ หมายความตามนั้นในประโยคภาษาไทย นี่ใจคอคุณจะหาเรื่องกันใช่มั้ย”
“ก็แล้วแต่จะคิด” ปราบศึกยักไหล่จนได้
อุษณาอ้าปากค้าง ก่อนเดือดปุดๆ ขึ้นบ้าง นี่หรือคือหลานของอาจารย์ผ่องศรี...ผู้ใหญ่ที่อุษณานับถือ!
“เอาเป็นว่า...ฉันไม่รู้ว่าคุณไม่พอใจอะไรในตัวฉันนะคุณปราบศึก แต่ฉันมั่นใจ ว่าฉันยืนยันตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าฉันจะกลับบ้านเอง แต่ฉันขัดคุณป้าของคุณไม่ได้ ฉันถึงต้องมาด้วย คุณก็เห็นนี่ ใช่มั้ยล่ะคะ”
น่าเชื่อตายล่ะ... ชายหนุ่มคิดอย่างเชื่อตัวเองเท่านั้น ว่าเขาไม่หลงกลเธอหรอก ถึงแม้นเขาจะเห็นกับตา ว่าป้าผ่องศรีคะยั้นคะยอเธอจริงๆ...
ฮึ! เตี๊ยมกันนั่นแหละ แผนทั้งนั้น...! ปราบศึกมั่นใจ ก่อนเขาเผลอคาดคั้น อย่างที่เคยสอบสวนผู้ร้ายว่า
“คุณบอกผมมาดีกว่าคุณอุษณา ว่าคุณรู้ใช่มั้ยว่าป้าผ่องนัดคุณให้มาเจอผมวันนี้ ผมจะบอกอะไรให้นะ ว่าคุณป้าผมท่านก็เป็นอย่างนี้แหละ ชอบคนง่าย และพอเจอใครที่เอ็นดูก็มักหาทางจะจับคู่ให้ผมอยู่เรื่อย แต่ป้ากับผมมันคนละคนกัน ขอให้เข้าใจไว้ด้วย ถ้าป้าชอบ...ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบด้วย คุณเก็ตนะ แล้วผู้หญิงในแบบของผมน่ะ ผมขอสูงยาวขาวเอ็กซ์หน้าเด็กแต่ดู้มๆ หน่อย พวกคนตัวเล็กๆ ผอมเป็นกุ้งอย่างคุณ เอาตรงๆ เลยนะ...ไม่ใช่สเปก”
“นี่คุณมัน...อื้อหือ... คุณ” อุษณาชี้หน้า โกรธจนคิดหาคำพูดไม่ทัน
“ทำไมครับ ผมมันทำไมไม่ทราบ นี่คงแทงใจดำล่ะสิคุณจึงถึงกับพูดไม่ถูก ปากคอสั่นไปหมด” ปราบศึกก็อารมณ์บูดได้ที่ “อ้อ...แล้วมือน่ะ ช่วยเอาลงด้วย อยู่กันสองคนแค่นี้ ทำไม่ต้องชี้หน้ากันด้วย เดี๋ยวนิ้วคุณก็จิ้มตาผมบอดพอดี”
“เออ...ให้มันบอดไปเลยยิ่งดี เพราะคนใจบอด โลกบอด พวกหลงตัวเอง นั่งอยู่ยอดตึกอย่างคุณน่ะ มันไม่สมควรมีตาเลยแม้แต่น้อย”
“อย่านะครับ อย่าได้คิดทำ ผมขอเตือนเสียก่อน ว่าข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานเชียวนะคุณ นี่ผมพูดจริงนะ ผมเอาจริงด้วย” อีกฝ่ายขู่
“ฮึ กลัวตายล่ะ” อุษณาลมออกหู
“นี่คุณอย่ามาท้าผมนะคุณอุ่น”
“อุษณา...” หล่อนแก้ทันควัน “ส่วนชื่ออุ่นน่ะ ฉันกันไว้ให้คนชอบพอกัน กับสุภาพชนเรียกเท่านั้น ส่วนพวกชนไม่สุภาพอย่างคุณ ฉันไม่รับแอดเป็นเฟรนด์ เพราะฉะนั้นอย่ามาเนียนตีสนิท”
พรหมลิขิตผิดคิว (บทที่2) โดย ธีมา
ตอนนั้นป้าผ่องศรีดึง “หนูอุ่น” ให้ขึ้นรถมาด้วย ความจริงหล่อนก็ปฏิเสธแข็งขันอยู่หรอก หากปราบศึกผู้ระแวงเสียแล้วกลับมองว่าหญิงสาวสร้างภาพ เพื่อยกราคาให้ตัวเองดูดี วิสัยตำรวจที่เห็นผู้ร้ายมามาก ทำให้เขาเชื่อมั่น ว่าในครั้งนี้หล่อนและป้าผ่องศรีต่างรู้เห็นเป็นใจ...
ป้าแกล้งรถเสียเพื่อนัดเขาให้พบกับผู้หญิงคนนี้!
เมื่อเขาส่งป้าที่มหาวิทยาลัยแล้ว ป้าจึงสั่งให้เขามาส่งหล่อน เพื่อให้อยู่สองต่อสอง เท่านั้นยังไม่พอ ป้าอาจล่วงรู้นัดระหว่างเขากับภารดี นางจึงตั้งใจกีดกันอย่างเต็มที่ด้วยการส่งก้างตัวเป็นๆมาขวางทาง
ปราบศึกลอบมอง ‘ก้าง’ ที่กำลังเผลอดูอะไรสักอย่างนอกรถ และเห็นอีกครั้ง ว่าเมื่อมองใกล้ๆนั้นเธอสวยจริง แต่งตัวด้วยชุดเสื้อกระโปรงติดกันสีเอิร์ธโทน มันเรียบๆ แต่ดู ‘แพง’ ที่มิใช่แพงแบบตัวเงิน หากหมายถึงมันดูดี ชายหนุ่มยอมรับว่าหล่อนไม่ฉูดฉาดเตะตาเท่าภารดี...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาว่าผู้ชายตาทุกคนต้องมองเห็นสิ่งที่เธอมี!
แล้วทำไมหรือ ทำไมหล่อนจึงหาแฟนไม่ได้ และดันมาใช้วิธีโบราณแบบนี้เพื่อจับเขา...ชายหนุ่มคิดในใจสุดขุ่นเคือง
รถเคลื่อนไปได้บ้างเล็กน้อย ก่อนหยุดอีกครั้ง ข้างนอกนั้นฝนซาเม็ดแล้วเปลี่ยนหล่นปรายโปรย ปราบศึกมองนาฬิการอบที่นับไม่ถ้วน และรู้ตัวว่าเขาไปไม่ทันนัดแน่แล้ว...
ชายหนุ่มเซ็งที่สุด!
“เฮ้อ!” เขาเผลอถอนหายใจ เมื่อคิดถึงว่าภารดีต้องงอนแน่ หรือไม่เธออาจถึงขั้นโกรธตัวเขา
“เอ่อ...ถ้าคุณรีบ คุณจะให้ดิฉันลงตรงนี้ก็ได้นะคะ” จู่ๆ คนที่เหมือนนั่งนิ่งไม่สนใจอะไรก็พูดขึ้น
ฟังแล้วปราบศึกยิ่งระแวงหนัก เขาพยายามอ่านความคิดอุษณา และจับได้ว่าในเมื่อแผนสำเร็จแล้ว หล่อนทำให้เขาพลาดนัดตามที่หล่อนและป้าผ่องศรีต้องการ ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีความจำเป็นจะอยู่ต่อ เพราะเขาไม่สนเธอ...
ความหงุดหงิดทำให้ชายหนุ่มพาล และแค่นเสียงว่า
“เฮอะ! ป้าผ่องได้เล่นงานผมปะไร หาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
“แต่ดิฉันว่าไม่น่าจะเป็นไรมั้งคะ” อุษณาแย้งอย่างปรารถนาดี ด้วยเดาได้จากท่าทาง หล่อนว่าเขาต้องมีธุระต่อแน่นอน “คือดิฉันหมายถึงอาจารย์ท่านไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว และอีกอย่างดิฉันก็สมัครใจลงเอง คือ...เอ่อ...ถ้าเผื่อคุณ...เอ่อ...มีนัด”
คำพูดของหล่อนเข้าทางความระแวงของปราบศึก ชายหนุ่มเชื่อทันทีว่าทุกอย่างเป็นแผน...
หล่อนร่วมมือกับป้าผ่องศรีขัดขวางเขากับภารดี!
“คุณรู้ได้ไงว่าผมมีนัด” เสียงปราบศึกห้วนสนิท
“ดิฉันเดาเอาค่ะ”
“จริงหรือ…” ชายหนุ่มหรี่ตา “นี่ผมเชื่อคุณได้แน่นะว่ากำลังพูดความจริง แต่เอ...ผมรู้สึกว่าคุณจะเดาเก่งเกินไปไหมคุณอุษณา”
“ไม่นี่คะ” หญิงสาวยอมรับว่าขัดหู แถมขัดตากิริยาของเขาตั้งแต่แรกพบ หากหล่อนพยายามมองข้าม และอดทน อย่างคนผู้มีมารยาทอันดี
“แต่ผมไม่เชื่อ” หากเขากลับ ‘ฟันธง’ เปรี้ยงออกมาเช่นนี้
“ดิฉันวัดจากความน่าจะเป็นค่ะ คือ...ถ้าหากใครสักคนดูเวลาทุกๆสองนาที ดิฉันว่ามันก็พอเดาได้ไม่ยากไม่ใช่หรือคะ ว่าคนๆนั้นกระวนกระวาย และกำลังรีบ เพื่อจะไปทำอะไรสักอย่าง อย่างเช่น มีนัด เท่านี้เป็นเหตุเป็นผลพอมั้ยคะ แล้วนี่...ตกลงว่าดิฉันจะขอลงเลยได้ใช่ไหมคะ เพื่อว่าจะได้ไม่เสียเวลาคุณ”
อุษณาถามในตอนท้าย หล่อนรู้ตัวเอง ว่าหลานชายอาจารย์ผ่องศรีที่ชื่อปราบศึกคนนี้ ไม่ใคร่ชอบหน้าหล่อนนัก และจะด้วยเหตุผลกลใดก็สุดรู้ ส่วนหญิงสาวเองก็ใช่ว่าอยากเสวนา กับคนไม่มีไมตรีเช่นเขา ถ้าหากไม่ติดมารยาททางสังคม และความเคารพที่หล่อนมีต่อป้าของเขา อุษณาก็คงไม่หลวมตัวมานั่งรถของเขาแน่...
ให้หล่อนเดินไปเองเสียยังจะดีกว่า!
ส่วนปราบศึกผู้มีอารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมถึงกับพาลขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยังหมั่นไส้ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหล่อน เขาเสียงขุ่นว่า
“อย่ามาแกล้งพูดดีหน่อยเลยน่าคุณอุษณา คุณก็รู้แกใจนี่ใช่มั้ย ว่าถึงตอนนี้แล้ว ต่อให้ผมเหาะไปก็ไม่มีทางไปทัน เอาเป็นว่าแผนคุณกับป้าผมสำเร็จ โอเคมั้ยครับ...ผมผิดนัดแฟนแล้ว สะใจหรือยัง”
หากอุษณาไม่เข้าใจ หญิงสาวถามเขากลับว่า
“เดี๋ยวก่อนนะคะ...นี่คุณปราบศึกกำลังพูดเรื่องอะไรคะ แผนหรือ แผนอะไรกันคะ ทำไมต้องมีแผน ไม่เข้าใจค่ะ ว่าคุณหมายถึงอะไร”
“จุ๊ๆ คุณนี่...” ปราบศึกมองใบหน้าเนียนราวผิวเด็กพร้อมสั่นหัว และเลิกรักษามารยาทใดๆ ทั้งสิ้น “ตกลงว่าจะแอ้คติ้งเก่งไปไหนไม่ทราบครับ หน้าแบ๊วตาใสเล่นใหญ่รัชดาลัยเลยคุณ ตีบทแตกกว่าดารามืออาชีพอีกแน่ะ ผมว่าเอารางวัลมันทุกสถาบันไปเลยเหอะ แล้วนี่อย่าบอกนะ ว่าคุณจะพูดว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ก็ใช่น่ะสิคะ” ใบหน้าของหญิงสาวม้านแล้วม้านอีก ทั้งงุนงงอย่างแท้จริง หากสิ่งเดียวที่เธอจับได้คือผู้ชายคนนี้กำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์ และกล่าวหาเธออยู่อย่างร้ายแรง
“โอ้โห...ปากแข็งได้ใจจริงๆ เลยคุณนี่ ยอดเยี่ยมครับ” ชายหนุ่มชมเชยประชด “ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีก เอางี้ดีกว่า เอาออสการ์ไปเลยคุณ เล่นได้ใหญ่ระดับโลกขนาดนี้”
มันจะกล่าวหากันเกินไปแล้ว...! ถึงตอนนี้อุษณาหน้าแดงจัดของขึ้นโดยแท้ หล่อนหรือสู้อุตส่าห์รักษามารยาท หญิงสาวเลิกเกรงใจแล้ว...
“นี่คุณพูดบ้าอะไรไม่ทราบคะ ฉันงง ที่บอกไม่เข้าใจก็คือ...ฉันไม่เข้าใจจริงๆ หมายความตามนั้นในประโยคภาษาไทย นี่ใจคอคุณจะหาเรื่องกันใช่มั้ย”
“ก็แล้วแต่จะคิด” ปราบศึกยักไหล่จนได้
อุษณาอ้าปากค้าง ก่อนเดือดปุดๆ ขึ้นบ้าง นี่หรือคือหลานของอาจารย์ผ่องศรี...ผู้ใหญ่ที่อุษณานับถือ!
“เอาเป็นว่า...ฉันไม่รู้ว่าคุณไม่พอใจอะไรในตัวฉันนะคุณปราบศึก แต่ฉันมั่นใจ ว่าฉันยืนยันตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าฉันจะกลับบ้านเอง แต่ฉันขัดคุณป้าของคุณไม่ได้ ฉันถึงต้องมาด้วย คุณก็เห็นนี่ ใช่มั้ยล่ะคะ”
น่าเชื่อตายล่ะ... ชายหนุ่มคิดอย่างเชื่อตัวเองเท่านั้น ว่าเขาไม่หลงกลเธอหรอก ถึงแม้นเขาจะเห็นกับตา ว่าป้าผ่องศรีคะยั้นคะยอเธอจริงๆ...
ฮึ! เตี๊ยมกันนั่นแหละ แผนทั้งนั้น...! ปราบศึกมั่นใจ ก่อนเขาเผลอคาดคั้น อย่างที่เคยสอบสวนผู้ร้ายว่า
“คุณบอกผมมาดีกว่าคุณอุษณา ว่าคุณรู้ใช่มั้ยว่าป้าผ่องนัดคุณให้มาเจอผมวันนี้ ผมจะบอกอะไรให้นะ ว่าคุณป้าผมท่านก็เป็นอย่างนี้แหละ ชอบคนง่าย และพอเจอใครที่เอ็นดูก็มักหาทางจะจับคู่ให้ผมอยู่เรื่อย แต่ป้ากับผมมันคนละคนกัน ขอให้เข้าใจไว้ด้วย ถ้าป้าชอบ...ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบด้วย คุณเก็ตนะ แล้วผู้หญิงในแบบของผมน่ะ ผมขอสูงยาวขาวเอ็กซ์หน้าเด็กแต่ดู้มๆ หน่อย พวกคนตัวเล็กๆ ผอมเป็นกุ้งอย่างคุณ เอาตรงๆ เลยนะ...ไม่ใช่สเปก”
“นี่คุณมัน...อื้อหือ... คุณ” อุษณาชี้หน้า โกรธจนคิดหาคำพูดไม่ทัน
“ทำไมครับ ผมมันทำไมไม่ทราบ นี่คงแทงใจดำล่ะสิคุณจึงถึงกับพูดไม่ถูก ปากคอสั่นไปหมด” ปราบศึกก็อารมณ์บูดได้ที่ “อ้อ...แล้วมือน่ะ ช่วยเอาลงด้วย อยู่กันสองคนแค่นี้ ทำไม่ต้องชี้หน้ากันด้วย เดี๋ยวนิ้วคุณก็จิ้มตาผมบอดพอดี”
“เออ...ให้มันบอดไปเลยยิ่งดี เพราะคนใจบอด โลกบอด พวกหลงตัวเอง นั่งอยู่ยอดตึกอย่างคุณน่ะ มันไม่สมควรมีตาเลยแม้แต่น้อย”
“อย่านะครับ อย่าได้คิดทำ ผมขอเตือนเสียก่อน ว่าข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานเชียวนะคุณ นี่ผมพูดจริงนะ ผมเอาจริงด้วย” อีกฝ่ายขู่
“ฮึ กลัวตายล่ะ” อุษณาลมออกหู
“นี่คุณอย่ามาท้าผมนะคุณอุ่น”
“อุษณา...” หล่อนแก้ทันควัน “ส่วนชื่ออุ่นน่ะ ฉันกันไว้ให้คนชอบพอกัน กับสุภาพชนเรียกเท่านั้น ส่วนพวกชนไม่สุภาพอย่างคุณ ฉันไม่รับแอดเป็นเฟรนด์ เพราะฉะนั้นอย่ามาเนียนตีสนิท”