เช้าวันหยุดวันนี้ปราบศึกตื่นขึ้นมาอย่างแสนเซ็ง เมื่อวานนี้หลังจากพลาดนัดกับภารดีชายหนุ่มเดินทางกลับที่พักเลย มานอนดูทีวีคนเดียวเหงาๆ หากความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ที่ทิ้งหญิงสาวคนหนึ่งไว้กลางสายฝนรบกวนจิตใจอย่างหนัก แต่แล้วปราบศึกก็โทษฝ่ายโน้นว่ารั้นลงไปเอง วันหยุดอย่างนี้เขาอยากอยู่กับภารดีประสาคนรัก หากถึงตอนนี้หญิงสาวก็ยังไม่ติดต่อกลับมา ปราบศึกเข้าใจเอาเองว่าเธอมีคิวงานแน่น ขณะนี้ชายหนุ่มนอนยาวบนเตียงอย่างเกียจคร้าน ก่อนเขาดีดตัวลุกเข้าห้องน้ำ เมื่อนึกออก ว่าเขาควรแก้เซ็งด้วยการล้างรถ
ปราบศึกยังอยู่บ้านกับแม่และป้าหรืออาจารย์ผ่องศรี และเขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถย้ายออกมาได้ ผู้หญิงมากวัยสองคนย่อมต้องการคนดูแล เขามีห้องพักของตัวเองในที่ทำงานด้วยเช่นกัน ห้องนี้แหละที่ภารดีมาหา หล่อนไปบ้านใหญ่เพียงครั้งเดียว และไม่ใคร่ประทับใจนัก จึงไม่ยอมไปอีก ขณะปราบศึกก็ตามใจเธอเสมอ
เมื่อลงมาข้างล่างแล้วเขาลากสายยางออกมา และลงมือล้างรถ มันเป็นรถเก๋งญี่ปุ่น ราคาปานกลางเท่าที่เงินเดือนของเขาจะอำนวย ภารดีรบเร้าให้เปลี่ยนเป็นรถยุโรป หากชายหนุ่มยังไม่พร้อม และหล่อนก็ขัดใจอยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่งหญิงสาวถึงขั้นขู่ ว่าถ้ามีคนขับรถซุปเปอร์คาร์มารับ ปราบศึกจะโดนทิ้ง ตอนนั้นเขาหัวเราะเสีย และมองว่าแฟนพูดเล่น
“อ้าว! ผู้กองปราบศึก สวัสดีค่ะ วันนี้อยู่บ้านหรือคะ” เจ๊หวีเมียดาบสมชายเดินผ่านมาพอดีและร้องทัก นางยืดคอมองผ่านเขาเข้าไปในรถ...อย่างอยากรู้!
“หาอะไรหรือฮะ” ปราบศึกถามเสียงเย็น
“อ๋อ ปะ...เปล่าค่ะ พอดีทำแมวหาย” อีกฝ่ายแก้ตัว
“สีอะไรครับ”
“สีขาวค่ะ” เจ๊หวีว่า
“อ้าว! วันก่อนเห็นบอกว่ามีสีน้ำตาลไม่ใช่หรือครับ” ปราบศึกดักคอ เพราะนางเคยใช้มุกแมวหายมาแล้วหลายครั้ง
“อ๋อ... เอ่อ...” เจ๊หวีติดอ่าง “สองค่ะ แฮะๆ แมวมีสองตัว”
“หรือฮะ”
“ใช่ๆ สองตัว” เมียดาบสมชายพยักหน้าแล้วรีบเดินไปด้วยความผิดหวัง ที่ไม่มีข่าวผู้หญิงมาค้างห้องปราบศึกให้ไปเม้าท์มอย แต่ว่า...
นั่นก็ดีแล้วล่ะ...นางยิ้มอย่างมีเลศนัย!
ตราบใดที่ปราบศึกยังไม่แต่งงานเขาก็ถือว่าโสด ใครก็จึงมีสิทธิที่จะดึงเขาไปเป็นลูกเขย!
เมื่ออีกฝ่ายไปแล้วชายหนุ่มทำงานต่อ ปราบศึกดึงแผ่นยางสำหรับวางเท้าออกมาเคาะทำความสะอาด
อะไรบางอย่างวาวแสงร่วงลงพื้น!
เขาย่นคิ้วฉงน ก่อนหยิบของสิ่งนั้นขึ้นดู ปราบศึกพบว่ามันคือตุ้มหูหนึ่งข้าง รูปดอกไม้เล็กๆ ทำด้วยทองคำขาว ฝังเพชรเม็ดกระจิ๋วหลิว ชายหนุ่มส่องดูกับแสงแดด แสงเพชรวาวประกายรุ้ง บ่งบอกว่าของแท้ และน่าจะน้ำดี...
แล้วมันเป็นของใครกัน... ใครทำมันหล่นไว้ในรถของเขา!
ปราบศึกตั้งคำถาม และรีบคิดหาเจ้าของ เขาพุ่งไปที่คนใกล้ตัวก่อน และพบว่าแม่กับป้าของเขาไม่เคยใส่ทองคำขาว ทั้งคู่นิยมทองคำแท้ๆ สีเหลืองอร่าม ส่วนภารดีนั้นใส่เครื่องประดับตามแฟชั่น เน้นชิ้นใหญ่ๆ เข้าว่า หญิงสาวไม่มีของชิ้นเล็กๆ อย่างนี้แน่ แถมแบบสุภาพเสียจนออกเชยในสายตาของเธอ
ชายหนุ่มหมุนตุ้มหูในมือพร้อมทบทวนความทรงจำ ว่าตนทำอะไรมาบ้าง ก่อนเขาคิดถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ภารดีสังสรรค์กับเพื่อนๆ นางแบบ และลากเขาไปด้วย ขากลับมีคนติดรถมาจนเต็มที่นั่ง และชายหนุ่มยังได้ขับพาสาวพวกนั้นส่งตามที่พักของแต่ละคน...
ใครคนใดคนหนึ่งคงทำร่วงเอาไว้ในคืนนั้น…!
ปราบศึกหย่อนตุ้มหูข้างนั้นใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ก่อน จากนั้นล้างรถต่อ หากไม่นานเขาก็ต้องสะดุ้งโหยง…
เจ๊หวีนั่นเองที่กลับมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้นางมาพร้อมด้วยแก้วกาแฟเย็น และเอามันแตะแขนปราบศึกเสียเลย เมื่อเจ๊เรียกชื่อหลายครั้งแต่เขาไม่ขานรับ
“อะไรหรือเจ๊” ชายหนุ่มถาม
“อภินันทนาการค่ะผู้กอง” นางยิ้มเห็นฟันทุกซี่ อย่างจริงใจไร้แผน
“คือ...ผมไม่...”
“รับเอาไว้เถอะค่ะ” นางคะยั้นคะยอ “ไม่ต้องเกรงจงเกรงใจหรอกค่า เรามันคนกันเองทั้งนั้น ผู้กองเป็นนายพี่สมชาย ก็เหมือนเป็นเจ้านายเจ๊”
ว่าไปนั่น...ปราบศึกคิดในใจ เขาบอกขอบคุณและรับเอามา เพื่อป้องกันไม่ให้เจ๊หวีชักแม่น้ำทั้งห้าพูดยาว หากแก้วพลาสติกแบบใส่หูหิ้วมีลายรูปหัวใจสีแดงเป็นดวงๆ ขนาดใหญ่โดยรอบ...!?
“คือ...แฮะๆ กาแฟนี่ของหนูเอค่ะ ลูกสาวเจ๊ฝากมาให้” นางเฉลยพร้อมรอยยิ้มแป้น
“แค่กๆๆ” ปราบศึกที่เผลอดูดเข้าไปถึงสำลัก
“หนูเอไปเรียนชงกาแฟมา และก็เปิดร้านขายวันนี้เป็นวันแรก”
“อ้าว! ลูกสาวเจ๊ยังเรียนไม่จบไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มจำได้ว่าอีกฝ่ายยังใส่ชุดนักเรียนมัธยม
เจ๊หวี ‘มโน’ ทันที ว่านั่นไงล่ะ...ผู้กองรูปหล่อสนใจลูกสาวเธอแน่ๆ เขาจึงรู้ถึงขนาดนั้น!
“ก็นังหนูมันใจร้อนค่ะ มันว่าเสียเวลาหาเงิน มันฝันอยากมีร้านของตัวเอง ส่วนเจ๊ก็สนับสนุน ก็แหม... ผู้กองคิดดูสิคะ คนวัยเท่ากันยังไม่ประสาเลย แบมือขอตังค์พ่อแม่ไปวันๆ แต่ดูหนูเอของเจ๊สิคะ ตอนนี้มีธุรกิจเป็นของตัวเองค่าาา ใครก็ชมกันให้ลึ่ม ว่าเจ๊เลี้ยงลูกเก่งมันเลยมีหัวคิด เนี่ย...ผู้หญิงอย่างนี้สิคะที่น่าเอามาเป็นแฟน” นางเก่งเรื่องพูดก็เลยพูดเมามัน แถมให้คะแนนลูกสาวตัวเอง...แบบหวังผล!
โรงพักแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนใหญ่ ปากทางเข้าชุมชนมีวินมอเตอร์ไซด์อยู่ก่อนแล้ว และซุ้มกาแฟโบราณของลูกสาวเจ๊หวีก็ตั้งอยู่ตรงนั้น
ปราบศึกชักอึดอัด แม้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเจ๊หวีโน้มน้าว ชายหนุ่มมองแก้วกาแฟในมือตัวเองอย่างแหยงๆ ก่อนเขาพูดทำนองตัดบท ว่าเขากำลังยุ่งอยู่
“แต่ว่าผู้กองคะ ผู้กองจะแวะ...”
ปราบศึกชิงวางแก้วกาแฟ และรีบมุดเข้าไปในรถ แล้วแกล้งเช็ดโน่นเช็ดนี่อย่างแข็งขัน
“คือ...” เจ๊หวีไม่ยอมเลิก
ชายหนุ่มทิ้งผ้าเช็ดรถ เปลี่ยนลงนั่งที่นั่งคนขับ ก่อนบิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง เมื่อรออยู่ครูหนึ่งเขาก็ยังไม่ดับเครื่องยนต์ เจ๊หวีจึงเข้าใจจนได้ ว่าเขายุ่งจริง และเสียงเครื่องยนต์ก็ดังมากจนคุยไม่รู้เรื่อง...
เจ๊เลยยอมถอยทัพ!
ปราบศึกออกจากรถเมื่ออีกฝ่ายไปแล้ว เขาหยิบแก้วกาแฟอย่างชั่งใจ ว่าจะทิ้งหรือกินต่อ พลันชายหนุ่มชะงัก เมื่อพบว่ามีหมายเลขโทรศัพท์มือถือตัวโตๆ เขียนด้วยปากกาเมจิกใหม่ๆ หมาดๆ อยู่บนนั้น!
“ยายเจ๊หวี!” ชายหนุ่มส่ายหัว กึ่งขันกึ่งโมโห
พรหมลิขิตผิดคิว (4) โดย ธีมา
ปราบศึกยังอยู่บ้านกับแม่และป้าหรืออาจารย์ผ่องศรี และเขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถย้ายออกมาได้ ผู้หญิงมากวัยสองคนย่อมต้องการคนดูแล เขามีห้องพักของตัวเองในที่ทำงานด้วยเช่นกัน ห้องนี้แหละที่ภารดีมาหา หล่อนไปบ้านใหญ่เพียงครั้งเดียว และไม่ใคร่ประทับใจนัก จึงไม่ยอมไปอีก ขณะปราบศึกก็ตามใจเธอเสมอ
เมื่อลงมาข้างล่างแล้วเขาลากสายยางออกมา และลงมือล้างรถ มันเป็นรถเก๋งญี่ปุ่น ราคาปานกลางเท่าที่เงินเดือนของเขาจะอำนวย ภารดีรบเร้าให้เปลี่ยนเป็นรถยุโรป หากชายหนุ่มยังไม่พร้อม และหล่อนก็ขัดใจอยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่งหญิงสาวถึงขั้นขู่ ว่าถ้ามีคนขับรถซุปเปอร์คาร์มารับ ปราบศึกจะโดนทิ้ง ตอนนั้นเขาหัวเราะเสีย และมองว่าแฟนพูดเล่น
“อ้าว! ผู้กองปราบศึก สวัสดีค่ะ วันนี้อยู่บ้านหรือคะ” เจ๊หวีเมียดาบสมชายเดินผ่านมาพอดีและร้องทัก นางยืดคอมองผ่านเขาเข้าไปในรถ...อย่างอยากรู้!
“หาอะไรหรือฮะ” ปราบศึกถามเสียงเย็น
“อ๋อ ปะ...เปล่าค่ะ พอดีทำแมวหาย” อีกฝ่ายแก้ตัว
“สีอะไรครับ”
“สีขาวค่ะ” เจ๊หวีว่า
“อ้าว! วันก่อนเห็นบอกว่ามีสีน้ำตาลไม่ใช่หรือครับ” ปราบศึกดักคอ เพราะนางเคยใช้มุกแมวหายมาแล้วหลายครั้ง
“อ๋อ... เอ่อ...” เจ๊หวีติดอ่าง “สองค่ะ แฮะๆ แมวมีสองตัว”
“หรือฮะ”
“ใช่ๆ สองตัว” เมียดาบสมชายพยักหน้าแล้วรีบเดินไปด้วยความผิดหวัง ที่ไม่มีข่าวผู้หญิงมาค้างห้องปราบศึกให้ไปเม้าท์มอย แต่ว่า...
นั่นก็ดีแล้วล่ะ...นางยิ้มอย่างมีเลศนัย!
ตราบใดที่ปราบศึกยังไม่แต่งงานเขาก็ถือว่าโสด ใครก็จึงมีสิทธิที่จะดึงเขาไปเป็นลูกเขย!
เมื่ออีกฝ่ายไปแล้วชายหนุ่มทำงานต่อ ปราบศึกดึงแผ่นยางสำหรับวางเท้าออกมาเคาะทำความสะอาด
อะไรบางอย่างวาวแสงร่วงลงพื้น!
เขาย่นคิ้วฉงน ก่อนหยิบของสิ่งนั้นขึ้นดู ปราบศึกพบว่ามันคือตุ้มหูหนึ่งข้าง รูปดอกไม้เล็กๆ ทำด้วยทองคำขาว ฝังเพชรเม็ดกระจิ๋วหลิว ชายหนุ่มส่องดูกับแสงแดด แสงเพชรวาวประกายรุ้ง บ่งบอกว่าของแท้ และน่าจะน้ำดี...
แล้วมันเป็นของใครกัน... ใครทำมันหล่นไว้ในรถของเขา!
ปราบศึกตั้งคำถาม และรีบคิดหาเจ้าของ เขาพุ่งไปที่คนใกล้ตัวก่อน และพบว่าแม่กับป้าของเขาไม่เคยใส่ทองคำขาว ทั้งคู่นิยมทองคำแท้ๆ สีเหลืองอร่าม ส่วนภารดีนั้นใส่เครื่องประดับตามแฟชั่น เน้นชิ้นใหญ่ๆ เข้าว่า หญิงสาวไม่มีของชิ้นเล็กๆ อย่างนี้แน่ แถมแบบสุภาพเสียจนออกเชยในสายตาของเธอ
ชายหนุ่มหมุนตุ้มหูในมือพร้อมทบทวนความทรงจำ ว่าตนทำอะไรมาบ้าง ก่อนเขาคิดถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ภารดีสังสรรค์กับเพื่อนๆ นางแบบ และลากเขาไปด้วย ขากลับมีคนติดรถมาจนเต็มที่นั่ง และชายหนุ่มยังได้ขับพาสาวพวกนั้นส่งตามที่พักของแต่ละคน...
ใครคนใดคนหนึ่งคงทำร่วงเอาไว้ในคืนนั้น…!
ปราบศึกหย่อนตุ้มหูข้างนั้นใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ก่อน จากนั้นล้างรถต่อ หากไม่นานเขาก็ต้องสะดุ้งโหยง…
เจ๊หวีนั่นเองที่กลับมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้นางมาพร้อมด้วยแก้วกาแฟเย็น และเอามันแตะแขนปราบศึกเสียเลย เมื่อเจ๊เรียกชื่อหลายครั้งแต่เขาไม่ขานรับ
“อะไรหรือเจ๊” ชายหนุ่มถาม
“อภินันทนาการค่ะผู้กอง” นางยิ้มเห็นฟันทุกซี่ อย่างจริงใจไร้แผน
“คือ...ผมไม่...”
“รับเอาไว้เถอะค่ะ” นางคะยั้นคะยอ “ไม่ต้องเกรงจงเกรงใจหรอกค่า เรามันคนกันเองทั้งนั้น ผู้กองเป็นนายพี่สมชาย ก็เหมือนเป็นเจ้านายเจ๊”
ว่าไปนั่น...ปราบศึกคิดในใจ เขาบอกขอบคุณและรับเอามา เพื่อป้องกันไม่ให้เจ๊หวีชักแม่น้ำทั้งห้าพูดยาว หากแก้วพลาสติกแบบใส่หูหิ้วมีลายรูปหัวใจสีแดงเป็นดวงๆ ขนาดใหญ่โดยรอบ...!?
“คือ...แฮะๆ กาแฟนี่ของหนูเอค่ะ ลูกสาวเจ๊ฝากมาให้” นางเฉลยพร้อมรอยยิ้มแป้น
“แค่กๆๆ” ปราบศึกที่เผลอดูดเข้าไปถึงสำลัก
“หนูเอไปเรียนชงกาแฟมา และก็เปิดร้านขายวันนี้เป็นวันแรก”
“อ้าว! ลูกสาวเจ๊ยังเรียนไม่จบไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มจำได้ว่าอีกฝ่ายยังใส่ชุดนักเรียนมัธยม
เจ๊หวี ‘มโน’ ทันที ว่านั่นไงล่ะ...ผู้กองรูปหล่อสนใจลูกสาวเธอแน่ๆ เขาจึงรู้ถึงขนาดนั้น!
“ก็นังหนูมันใจร้อนค่ะ มันว่าเสียเวลาหาเงิน มันฝันอยากมีร้านของตัวเอง ส่วนเจ๊ก็สนับสนุน ก็แหม... ผู้กองคิดดูสิคะ คนวัยเท่ากันยังไม่ประสาเลย แบมือขอตังค์พ่อแม่ไปวันๆ แต่ดูหนูเอของเจ๊สิคะ ตอนนี้มีธุรกิจเป็นของตัวเองค่าาา ใครก็ชมกันให้ลึ่ม ว่าเจ๊เลี้ยงลูกเก่งมันเลยมีหัวคิด เนี่ย...ผู้หญิงอย่างนี้สิคะที่น่าเอามาเป็นแฟน” นางเก่งเรื่องพูดก็เลยพูดเมามัน แถมให้คะแนนลูกสาวตัวเอง...แบบหวังผล!
โรงพักแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนใหญ่ ปากทางเข้าชุมชนมีวินมอเตอร์ไซด์อยู่ก่อนแล้ว และซุ้มกาแฟโบราณของลูกสาวเจ๊หวีก็ตั้งอยู่ตรงนั้น
ปราบศึกชักอึดอัด แม้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเจ๊หวีโน้มน้าว ชายหนุ่มมองแก้วกาแฟในมือตัวเองอย่างแหยงๆ ก่อนเขาพูดทำนองตัดบท ว่าเขากำลังยุ่งอยู่
“แต่ว่าผู้กองคะ ผู้กองจะแวะ...”
ปราบศึกชิงวางแก้วกาแฟ และรีบมุดเข้าไปในรถ แล้วแกล้งเช็ดโน่นเช็ดนี่อย่างแข็งขัน
“คือ...” เจ๊หวีไม่ยอมเลิก
ชายหนุ่มทิ้งผ้าเช็ดรถ เปลี่ยนลงนั่งที่นั่งคนขับ ก่อนบิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง เมื่อรออยู่ครูหนึ่งเขาก็ยังไม่ดับเครื่องยนต์ เจ๊หวีจึงเข้าใจจนได้ ว่าเขายุ่งจริง และเสียงเครื่องยนต์ก็ดังมากจนคุยไม่รู้เรื่อง...
เจ๊เลยยอมถอยทัพ!
ปราบศึกออกจากรถเมื่ออีกฝ่ายไปแล้ว เขาหยิบแก้วกาแฟอย่างชั่งใจ ว่าจะทิ้งหรือกินต่อ พลันชายหนุ่มชะงัก เมื่อพบว่ามีหมายเลขโทรศัพท์มือถือตัวโตๆ เขียนด้วยปากกาเมจิกใหม่ๆ หมาดๆ อยู่บนนั้น!
“ยายเจ๊หวี!” ชายหนุ่มส่ายหัว กึ่งขันกึ่งโมโห