สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคนในพันทิป เนื่องด้วยว่ามีโอกาสไปเที่ยวโบรโม่ วันที่ 28-29 Jan 2018 ที่ผ่านมา เลยอยากจะมาเล่าสู่ให้ฟัง
ครั้งนี้ เป็นการเดินทางคนเดียวอีกครั้งค่ะ เนื่องจาก ประจวบเหมาะที่บริษัทที่ทำงานอยู่ ได้ไปจัด Kick off meeting 2018 ที่ Yogyakarta
(ได้ไปเที่ยว Borobudur ด้วยค่ะ) เลย ตัดสินใจ บินไปต่อที่ Surabaya (ค่าใช้จ่ายตรงนี้ ออกเองทั้งหมดค่ะ) เพื่อไปโบรโม่ ที่ๆอยากไป
ขอเล่าในส่วนของ ทริป โบรโม่นะคะ
เนื่องด้วยการเดินทางคนเดียว ผู้หญิงด้วย เราเลยมีแอบหวั่นๆบ้าง เพราะไม่คุ้นเคยกับศาสนาของเขา อาจจะเผลอไปทำสิ่งที่ผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
เราเลยหาข้อมูลเยอะมาก สุดท้าย เราไปเจอกระทู้ท่านหนึ่งในนี้ว่า ได้ติดต่อน้องนักศึกษาที่เรียนที่นู้น พาเที่ยว เราเลยติดต่อไปและได้การตอบรับค่ะ
มาเริ่มกันเลย
บินจาก ยอกยา ไป สุราบายา
จริงๆมันมีเที่ยวบินตรงนะคะ ของ wing air แต่เป็นใบพัด น้ำหนักกระเป๋าให้แค่ 10 กิโล เลยต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่บาหลี ก่อนค่ะ ของ lion air
Bali Banana อร่อยมาก เค้กกล้วยหอม ถ่ายแต่กล่องมา ลืม มัวแต่กิน
Flight จากบาหลีไป สุราบายา จะดีเลย์แทบทุกวัน (ดูจาก flightradar24) และของเราแน่นอน ดีเลย์ค่ะ เนื่องด้วย รอจากไฟลท์อื่นๆที่จะมาเปลี่ยนเครื่อง
ดีเลย์ไปสามชั่วโมง -_-
พอมาถึง ก็นัดเจอน้องเขาที่สนามบินและเดินทางไปโบรโม่เลยค่ะ น้องเขาเช่ารถโตโยต้า avanza นั่งสบายมากค่ะ
การจราจรที่อินโด น่ากลัวมาก ไทยว่าน่ากลัว ในสายตาเรา อินโดแย่กว่า
เดินทางมาได้เลยครึ่งทาง ก็ขอแวะกินข้าวหน่อยค่ะ หิว ตรงจุดนี้เราเลี้ยงน้องเขานะคะ เพราะมันไม่แพง ราวๆคนละ 50บาท
จานนี้ของเราเอง
ไปต่อค่ะ กว่าจะถึงที่พัก 3 ทุ่มได้ เราพักที่ Otix guest house ค่ะ ราคาไม่แพง จุดนี้ เราก็จองให้น้องเขาด้วย เพราะว่าอากาศหนาวมาก
ห้องเราจะมีห้องน้ำในตัว ห้องน้องเขาจะไม่มี ราคา 2ห้อง ราว 900บาท
ส่วนตัว เราโอเคนะ เตียงนุ่ม ห้องน้ำมีน้ำอุ่น อาจจะต้องเปิดน้ำร้อนจากอ่างล้างหน้าเพื่อกระตุ้นก่อน แต่ข้อเสียคือ มันติดถนนเลยอ่ะ เสียงถนนดังมาก
แต่สุดท้าย เราก็หลับพล่อยเลย ตื่นตี2 มาเพื่อออก ตี3..
มาค่ะ ตื่นตี 3 พร้อมชุดจัดเต็ม เสื้อหนาวผ้าร่มกันลม ข้างในเสื้อคอเต่า ถุงมือ รองเท้าเทรล (เนื่องจากอ้วน รองเท้าเทรล รองรับน้ำหนักได้ดีมาก)
รถจี๊ปที่น้องจองไว้ก็มาถึง อันนี้ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 600,000 IDR
ที่ออกตี 3 ก็คือเพื่อมาจับจองที่บนยอดเขาจุดชมวิว และชาวมุสลิมจะละหมาดด้วย แต่คือมันลมแรงมาก หมอกมาเต็ม คือไม่เห็นแน่พระอาทิตย์
ดีนะเสื้อพร้อม แต่แบบเออ ชึ้นมาทำอะไรบนเขา อยากกลับไปห้องแล้วออกมาใหม่
ดีนะ เอา mask มาด้วย กันลมกระแทกหน้าได้ดี แต่อยากจะบอกว่า หน้าแสบมาก หลังจากกลับมาแล้ว ต้องเอาครีมบำรุงโบะเลย
นี่คือตอนตี 5 ที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงแรกก โอ้ว สว่างทีเถอะ อยากเห็นวิว
แต่สิ่งที่เห็น
55 หมอกบังหม๊ดดด ใจเสียเลย ตอนแรก เอาวะ โชคไม่เข้าข้าง แต่อีกใจ อดทนรออีกนิด เผื่อลมจะพัดหมอกไป ก็เลยรออีกสักพัก จนได้เท่านี้
จากนั้นก็ลงเขาค่ะ อ้อ เป็นบันไดเดินง่ายค่ะ
ขอแวะร้านกาแฟแป้ป ก่อนไปโบรโม่ตัวเป็นๆ ขออนุญาตติดรูปพี่คนไทยนะคะ ถ้ามาเจอในกระทู้นี้
จากนั้น รถก็ลงเขา ขับลงบริเวณพื้นราบที่ๆภูเขาไฟโบรโม่ตั้งอยู่ค่ะ แล้วเราก็เดินเข้าไป ตรงจุดนี้มีม้าไว้คอยบริการ
ภูเขาที่ไม่มีสีเขียว นั่นแหละค่า โบรโม่
ปากปล่อง อีกยาวไกล (จริงๆไม่ไกลค่ะ เดินๆเดี๋ยวก็ถึงค่ะ)
นั่งม้าได้นะคะ
แต่น แต๊น นี่คือปากปล่องค่า
จะบอกว่า วันที่เราไป ลมแรงมาก กลัวตกปล่องมาก หมอกมา หลังจากได้ภาพนี้ก็ไม่ได้อีกเลยค่ะ หมอกมา
ลมก็แรง เราไม่กล้ายืนเลย ได้แต่นั่งยอง รอลมสงบ แต่ไม่เลย รอจนรู้สึกเออ ไม่รอก็ได้ เลยตัดสินใจลงดีกว่าค่ะ
ขากลับเราได้ลองนั่งม้าดู น้องที่มาด้วยกัน อยากให้ลอง ฉนนอยู่ที่ 50,000 IDR ครั้งแรก ตื่นเต้น กลัวด้วย 55
จากนั้น เราก็ถ่ายรูปบริเวณนั้นอีกนิดหน่อยค่ะ ก่อนจะกลับที่พัก เพื่อ check out
จากนั้น ก็เดินทางกลับค่ะ จบทริปนี้ด้วยความประทับใจ ครั้งหน้าเราอยากไป ลอมบอก ค่ะ หาโอกาสอยู่
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน สวัสดีค่ะ
[CR] มาเล่าให้ฟัง ไปโบรโม่ ผู้หญิงคนเดียว
ครั้งนี้ เป็นการเดินทางคนเดียวอีกครั้งค่ะ เนื่องจาก ประจวบเหมาะที่บริษัทที่ทำงานอยู่ ได้ไปจัด Kick off meeting 2018 ที่ Yogyakarta
(ได้ไปเที่ยว Borobudur ด้วยค่ะ) เลย ตัดสินใจ บินไปต่อที่ Surabaya (ค่าใช้จ่ายตรงนี้ ออกเองทั้งหมดค่ะ) เพื่อไปโบรโม่ ที่ๆอยากไป
ขอเล่าในส่วนของ ทริป โบรโม่นะคะ
เนื่องด้วยการเดินทางคนเดียว ผู้หญิงด้วย เราเลยมีแอบหวั่นๆบ้าง เพราะไม่คุ้นเคยกับศาสนาของเขา อาจจะเผลอไปทำสิ่งที่ผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
เราเลยหาข้อมูลเยอะมาก สุดท้าย เราไปเจอกระทู้ท่านหนึ่งในนี้ว่า ได้ติดต่อน้องนักศึกษาที่เรียนที่นู้น พาเที่ยว เราเลยติดต่อไปและได้การตอบรับค่ะ
มาเริ่มกันเลย
บินจาก ยอกยา ไป สุราบายา
จริงๆมันมีเที่ยวบินตรงนะคะ ของ wing air แต่เป็นใบพัด น้ำหนักกระเป๋าให้แค่ 10 กิโล เลยต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่บาหลี ก่อนค่ะ ของ lion air
Bali Banana อร่อยมาก เค้กกล้วยหอม ถ่ายแต่กล่องมา ลืม มัวแต่กิน
Flight จากบาหลีไป สุราบายา จะดีเลย์แทบทุกวัน (ดูจาก flightradar24) และของเราแน่นอน ดีเลย์ค่ะ เนื่องด้วย รอจากไฟลท์อื่นๆที่จะมาเปลี่ยนเครื่อง
ดีเลย์ไปสามชั่วโมง -_-
พอมาถึง ก็นัดเจอน้องเขาที่สนามบินและเดินทางไปโบรโม่เลยค่ะ น้องเขาเช่ารถโตโยต้า avanza นั่งสบายมากค่ะ
การจราจรที่อินโด น่ากลัวมาก ไทยว่าน่ากลัว ในสายตาเรา อินโดแย่กว่า
เดินทางมาได้เลยครึ่งทาง ก็ขอแวะกินข้าวหน่อยค่ะ หิว ตรงจุดนี้เราเลี้ยงน้องเขานะคะ เพราะมันไม่แพง ราวๆคนละ 50บาท
จานนี้ของเราเอง
ไปต่อค่ะ กว่าจะถึงที่พัก 3 ทุ่มได้ เราพักที่ Otix guest house ค่ะ ราคาไม่แพง จุดนี้ เราก็จองให้น้องเขาด้วย เพราะว่าอากาศหนาวมาก
ห้องเราจะมีห้องน้ำในตัว ห้องน้องเขาจะไม่มี ราคา 2ห้อง ราว 900บาท
ส่วนตัว เราโอเคนะ เตียงนุ่ม ห้องน้ำมีน้ำอุ่น อาจจะต้องเปิดน้ำร้อนจากอ่างล้างหน้าเพื่อกระตุ้นก่อน แต่ข้อเสียคือ มันติดถนนเลยอ่ะ เสียงถนนดังมาก
แต่สุดท้าย เราก็หลับพล่อยเลย ตื่นตี2 มาเพื่อออก ตี3..
มาค่ะ ตื่นตี 3 พร้อมชุดจัดเต็ม เสื้อหนาวผ้าร่มกันลม ข้างในเสื้อคอเต่า ถุงมือ รองเท้าเทรล (เนื่องจากอ้วน รองเท้าเทรล รองรับน้ำหนักได้ดีมาก)
รถจี๊ปที่น้องจองไว้ก็มาถึง อันนี้ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 600,000 IDR
ที่ออกตี 3 ก็คือเพื่อมาจับจองที่บนยอดเขาจุดชมวิว และชาวมุสลิมจะละหมาดด้วย แต่คือมันลมแรงมาก หมอกมาเต็ม คือไม่เห็นแน่พระอาทิตย์
ดีนะเสื้อพร้อม แต่แบบเออ ชึ้นมาทำอะไรบนเขา อยากกลับไปห้องแล้วออกมาใหม่
ดีนะ เอา mask มาด้วย กันลมกระแทกหน้าได้ดี แต่อยากจะบอกว่า หน้าแสบมาก หลังจากกลับมาแล้ว ต้องเอาครีมบำรุงโบะเลย
นี่คือตอนตี 5 ที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงแรกก โอ้ว สว่างทีเถอะ อยากเห็นวิว
แต่สิ่งที่เห็น
55 หมอกบังหม๊ดดด ใจเสียเลย ตอนแรก เอาวะ โชคไม่เข้าข้าง แต่อีกใจ อดทนรออีกนิด เผื่อลมจะพัดหมอกไป ก็เลยรออีกสักพัก จนได้เท่านี้
จากนั้นก็ลงเขาค่ะ อ้อ เป็นบันไดเดินง่ายค่ะ
ขอแวะร้านกาแฟแป้ป ก่อนไปโบรโม่ตัวเป็นๆ ขออนุญาตติดรูปพี่คนไทยนะคะ ถ้ามาเจอในกระทู้นี้
จากนั้น รถก็ลงเขา ขับลงบริเวณพื้นราบที่ๆภูเขาไฟโบรโม่ตั้งอยู่ค่ะ แล้วเราก็เดินเข้าไป ตรงจุดนี้มีม้าไว้คอยบริการ
ภูเขาที่ไม่มีสีเขียว นั่นแหละค่า โบรโม่
ปากปล่อง อีกยาวไกล (จริงๆไม่ไกลค่ะ เดินๆเดี๋ยวก็ถึงค่ะ)
นั่งม้าได้นะคะ
แต่น แต๊น นี่คือปากปล่องค่า
จะบอกว่า วันที่เราไป ลมแรงมาก กลัวตกปล่องมาก หมอกมา หลังจากได้ภาพนี้ก็ไม่ได้อีกเลยค่ะ หมอกมา
ลมก็แรง เราไม่กล้ายืนเลย ได้แต่นั่งยอง รอลมสงบ แต่ไม่เลย รอจนรู้สึกเออ ไม่รอก็ได้ เลยตัดสินใจลงดีกว่าค่ะ
ขากลับเราได้ลองนั่งม้าดู น้องที่มาด้วยกัน อยากให้ลอง ฉนนอยู่ที่ 50,000 IDR ครั้งแรก ตื่นเต้น กลัวด้วย 55
จากนั้น เราก็ถ่ายรูปบริเวณนั้นอีกนิดหน่อยค่ะ ก่อนจะกลับที่พัก เพื่อ check out
จากนั้น ก็เดินทางกลับค่ะ จบทริปนี้ด้วยความประทับใจ ครั้งหน้าเราอยากไป ลอมบอก ค่ะ หาโอกาสอยู่
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน สวัสดีค่ะ