ตะลุย Bromo - Ijen - Bali เพราะอินโดไม่ได้มีดีแค่วัด และภูเขาไฟ


ช่วงหลังๆเห็นคนไปเที่ยวโบรโม่กันแล้วแบบมันสวยมากกกก คือต้องไปให้ได้ก็เลยฟอร์มทีมจองตั๋วล่วงหน้ากันเกือบปี แบบเดินทางยาวๆเก็บโบรโม่ คาวาอิเจี้ยน บาหลี และแวะเที่ยวมาเลด้วยซะเลย

เริ่มจากทัวร์โบรโม่ติดต่อเกือบสิบเจ้า มาจบที่ Arif ที่ใครหลายคนน่าจะรู้จักกันดี ซึ่งทาง Arif เองได้ส่ง Udin ทีมงานมารับถึงสนามบิน ซึ่งนางขับรถดีมาก มีสติสุด ใจดีอยู่ดีๆก็แวะซื้อสละอินโดมาให้พวกเราเป็นโลมาให้ลองชิม รวมถึงแอบไปซื้อของกินมาให้ระหว่างที่พวกเรารอพระอาทิตย์ขึ้น คือนางน่ารักสุดๆ ถึงแม้ภาษาอังกฤษนั้น Udin จะพูดไม่ค่อยได้ สื่อสารบางทีไม่ค่อยเข้าใจกัน แต่คือนางดีจริงๆเหมือนพ่อคนที่สองของพวกเราเลย

หลังจากเจอ Udin เด็ก Gen Y ขาด social media ไม่ได้อย่างพวกเราก็ให้ Udin พาไปซื้อซิม ซึ่งเค้าพาพวกเราไปซื้อที่ร้านในปั้มหน้าสนามบิน ราคานั้นถูกกว่าในสนามบินถึง 3 เท่าแน่ะ จัดมาที่ราคา 55,000 IDR ทางร้านบอกได้เน็ต 12GB แต่พวกเราเพิ่งมาเข้าใจทีหลังว่าจริงๆแล้วมันคือ เน็ต 4G 5 GB และ เน็ต 3G 2 GB ตังหาก ที่เหลืออีก 5 GB คือ hook ไรไม่รู้ ซึ่งให้ทางร้านเปลี่ยนซิม activate ให้เป็นอันจบ อย่าลืมเปิดระบบ 4G ในเครื่องกันด้วยนะ อย่าเหมือนเราที่มาเปิดเอาวันหลังๆฮ่าๆ


ในระหว่างที่ซื้อซิมกันอยู่ เพื่อนคนนึงดันทำพาสปอร์ตหายจ้า คือยังไม่ทันเริ่มทริปก็มีเรื่องเครียดเลยฮะ เลยให้ Udin พาพวกเรากลับไปหาที่สนามบิน ทั้งเดินหาติดต่อเจ้าหน้าที่ โทรกลับไทยเสิจหาข้อมูล จนรู้ว่าถ้าพาสปอร์ตหายที่อินโดต้องบินไปสถานฑูตไทยในเมืองจาการ์ตาลูกเดียวเลยฮะ ตายๆๆเพื่อนหน้าเครียด จนเจ้าหน้าที่ข้างในวอร์ออกมาบอกคนข้างนอกว่าเจอวางทิ้งไว้ตอนเขียนใบตม.จบข่าว 5555 ในที่สุดพวกเราก็ได้ไปต่อค่ะ ตอนนั้นน่าจะ 2 ทุ่มกว่าๆละออกเดินทางไปโบรโม่กัน

ระหว่างทางก็เริ่มหิวให้ Udin แวะพากินข้าว ซึ่งแถวนี้ รวมถึงโบรโม่ อิเจี้ยน อาหารคือมีความหลากหลายน้อยมากค่า และเนื้อสัตว์ไม่ค่อยจะมี หมูนี่ไม่ต้องถามถึง สั่งวนไปค่ะ Nasi goreng, Mie goreng กับเศษไก่ เหมือนข้าวผัดกับผัดมาม่าหรือผัดหมี่แล้วแต่ร้าน เป็นครั้งแรกที่ต้องกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน 555 เพราะรสชาติไม่ได้ถูกปากคนไทยสักเท่าไหร่ แต่อาหารที่นี่ราคาถูกเว่อร์ ถ้าร้านเล็กๆกลางๆ หรือข้างถนนที่ไม่ได้มีชื่ออะไร นี่ตกคนละ 30-100 บาท แบบสั่งหลายๆ อย่างแชร์กันอิ่มแบบกลิ้งกลับบ้านกันเลย


กินเสร็จก็เดินทางกันต่อกว่าจะถึงโบรโม่ใช้เวลาจากสนามบิน 4-5 ชม.แน่ะ รถติดเป็นระยะ มีแค่สองเลนสวนกัน ทางขับยากและขึ้นเขาเป็นช่วงๆ นับถือสกิลคนขับรถที่นี่มาก โดยเฉพาะตอนจะขึ้นโบรโม่แล้วทางคือโหดสุด บางจุดแบบไปได้ทีละคัน ทางคดเลี้ยวไปมา มืดและข้างทางเป็นเหวอีก จนมาถึงที่พัก Cemara Indah ตอนเกือบตี 1 ที่พักยอดฮิตของคนไทย ซึ่งใครติดสบายต้องทำใจหน่อย ห้องไม่ได้สะอาด และน้ำก็ไหลเบาๆร้อนบ้างเย็นบ้างงี้ ที่สำคัญพกเสื้อหนาวมาด้วยค่ะ เพราะตอนนอนหนาวมากกกไม่มีฮีทเตอร์นะจ้ะ


เข้าที่พักก็รีบอาบน้ำกัน ยังไม่ทันจะนอน Udin ก็มาเคาะเรียกให้เตรียมตัวออกไปขึ้นรถจีปตอนตี 2 กว่าละฮะ จุดแรกก็แวะดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Penanjakan1 ตอนไปรอนี่มีแต่หมอกและหนาวมากดีที่เช่าเสื้อหนาวจากที่พักไปก่อน รอไปยันสว่างหมอกยังคงหนามากอยู่ดี ในที่สุดคือไม่เห็นอะไรเลยจากตรงนี้ คนแบบมารอเยอะมากก็ต้องผิดหวังกันไป


ระหว่างทางลงจากเขา อ่าวววฟ้าข้างล่างเปิดแล้วว จอดรถสิคะรออะไร ลงไปถ่ายรูปกันสวยจุงงง แต่มุมนี้โบรโม่โดนบังเห็นแต่ควันฮ่าๆ


แล้วพวกเราก็มาถ่ายรูปทำแคมเปญ the face กันต่อข้างล่างค่ะฮ่าๆๆๆ รถจีปคือพร๊อบชั้นดี ประหนึ่งว่าถ้าหลังจากวันนี้ไม่ได้ภาพดีๆกลับไปยังมีรูปตรงรถจีปลงได้อีกเป็นปีฮะ 555 ปล.เจ้าของรถจีปไม่ให้ปีนขึ้นไปนั่งเสียใจ เห็นคันอื่นให้ขึ้นไปนั่ง ปีนป่ายกันมันส์เลยง่อววว


จากนั้นพวกเราก็เตรียมตัวขึ้นปากปล่อง ซึ่งพอไปถึงจะเจอคนจูงม้ามารุมให้ขี่ม้าขึ้นไป ราคาเที่ยวเดียว 50,000 IDR ค่ะ พวกเราเลยตัดสินใจขี่ม้าขาขึ้นและเดินลงแทนเพราะลดเวลาและรักษาร่างกายก่อนไปอิเจี้ยนด้วยฮ่าๆ


พอขึ้นไปถึงข้างบนต้องเดินขึ้นบันไดต่อไปอีกระยะนึงจนถึงปากปล่อง มองลงไปจากจุดที่เราขึ้นมาละแบบไกลมากกกก ถ้าไม่ใช้ม้าคงหอบแฮ่กๆเลยนะนี่ พอเห็นควันจากปากปล่องละหายเหนื่อยเลย มันสวยคือดีและใกล้มากแบบเห้ยยยมันจะปะทุใส่หน้าเรามั้ยนะ คงจะวิ่งหนีไม่ทันเป็นแน่ 555 ถ่ายรูปข้างบนกันสนุกเลยอยู่กันเป็นชม.ก็หามุมกันไปเนาะ


หลังจากแวะเที่ยว Savannah, Whispering sand แบบเหนื่อยล้าเพราะไม่ได้นอนเสร็จ ก็กลับที่พักกินข้าวเช้าละเตรียมตัวไปเที่ยวน้ำตก Madakaripura กันต่อ โดยนั่งรถจากที่พักไปชม.นึง เสร็จซ้อนมอไซ local guide ไปอีก 10 นาทีได้ แล้วต่อด้วยเดินเท้าอีก 1 โล เห้ยยยถ้ามันจะไกลขนาดนี้ พอใกล้ๆน้ำตกต้องใส่เสื้อกันฝนที่เค้าเตรียมมาให้คนละสีอย่างกับเทเลทับบี้แน่ะ 555 แนะนำว่าต้องใส่ขาสั้นร้องเท้าแตะ เพราะมันเปียกมากต้องเดินลงน้ำแบบจริงจังสูงเกินครึ่งแข้ง (หรือเพราะเราขาสั้นหว่าฮ่าๆ) กว่าจะฝ่าไปใต้น้ำตกได้ มันสวยนะแบบต้องหาโอกาสมากันถ้ามาเที่ยวโบรโม่


และจุดพีคของวันก็มาถึงเมื่อเดินกลับเตรียมไปขึ้นมอไซ อยู่ดีๆไกด์ก็บอกเค้าขอทิปหน่อย พวกเราก็เดี๋ยวให้ที่รถนู้น เค้าก็บอกไม่ได้งี้ขอตอนนี้ตอนแรกจะให้ 50,000 IDR นางทำหน้าไม่โอเคสรุปให้ไป 100,000 IDR พอกลับถึงรถ Udin ให้ทิปไกด์ไปอีกจ้า สรุปนางหลอกพวกเราเอาสองต่อ คือระก็เป็นบทเรียนกันไป เพราะจริงๆในค่าทัวร์รวมพวกทิป local guide ไปหมดละหึหึ

หลังจากนั้นก็กลับที่พักนอนตายตั้งแต่ทุ่มกว่าๆ เหนื่อยสุดละเตรียมตื่นตี 2 กว่า เพื่อมาเตรียมดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อีกจุดนึง ซึ่งฟ้าก็ไม่เต็มใจอีกแล้วจ้า ทะเลหมอกก็มา ถ้าอยู่ภูทับเบิกคงจะฟิน แต่เดี๋ยวนะมันใช่หรออวิวโบรโม่ของพวกเรา ชวดอีกละ T__T ไว้ต้องหาโอกาสเก็บวิวมุมสูงใหม่ ทริปนี้พวกเราดวงไม่ดีเลย


พวกเราเลยกลับมาตายรังชมวิวหน้าที่พักแทน จริงๆที่พักคือวิวดีงาม หมอกไม่ค่อยมีด้วย ถ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่อาจจะสวยอยู่แต่ไม่ทันล้าวววว วันนี้พวกเราก็แอบมีเสบียงมาม่าอินโดนั่นเอง กินไปชมวิวโบรโม่ไปฟินจุงงง จริงๆเพราะอาหารที่พักไม่อร่อยเย็นแข็งรสชาติไม่ค่อยโอ พวกเราเลยไปหาซื้อมาม่ามากันตายฮ่าๆๆ


จากนั้นพวกเราก็มาเก็บของ ออกเดินทางไปยังคาวาอิเจี้ยน นั่งรถจนเมื่อยตูดเลยค่าปาเข้าไป 7 ชม.ได้ ก่อนเข้าที่พักแวะน้ำตก Little Niagara คือมันเป็นน้ำตกเล็กๆในเมืองที่แบบสวยอะ มีความอลังกดชัตเตอร์มันส์จนฟ้าเริ่มมืด


และความพีคของวันนี้ก็มา เมื่อเรามาถึงที่พัก Catimor Hotel เจ้าประจำคนไทยเช่นเดิม คือพวกเราจองผ่าน Agoda จ่ายเงินเรียบร้อยละ แต่ที่พักบอกว่าเต็มจ้า คืออะไรรรตอนนั้นแบบค่ำๆละ แล้วพวกเราจะนอนไหน เมืองคือเล็กมากแทบไม่มีบ้านคนไม่เหมือนตรงโบรโม่ ผ่านไปครึ่งชม.ได้ก็บอกให้เราไปพักที่ Arabika Homestay แทนห่างจากที่นี่ไป 20 นาที เค้าแบบคุยให้แล้วพักฟรีไม่ต้องจ่ายเงินแล้วงี้ พวกเราก็ต้องตามน้ำไม่มีทางเลือกละ พอถึงที่พักก็รีบกินรีบนอน เพราะต้องตื่นเช้าอีกเตรียมไปปีนอิเจี้ยน

พวกเรานั่งรถไปถึงตรงอิเจี้ยนเกือบๆตี 3 อากาศหนาวมาก แต่คำเตือนไม่ต้องใส่เสื้อหนาวไปเยอะ เพราะเดินๆไปคุณจะได้ถอดออกทีละชิ้น เหงื่อแตกสิครัชชฮ่าๆ ก่อนขึ้นเขามีห้องน้ำแถวยาว จริงๆควรเข้ามาจากที่พักเลยดีที่สุด กว่าพวกเราจะได้ปีนเขาปาเข้าไปตี 3 กว่า เดินขึ้นพร้อมกับ local guide ชื่อ Hery นางก็ฮามากจ้า และอดทนกับพวกเรามากเดินขึ้น 5 นาทีขอพักรัวๆ เดินหอบแฮ่ก อย่าลืมเตรียมไฟฉายไปด้วยน้าทางแบบมืดมาก ทางแบบ 1-2 โลแรกยังซอฟๆชันระดับนึง อีโลสุดท้ายนี่ใจจะขาดถ้าจะชันขนาดนี้ทรงตัวไม่อยู่มีกลิ้งลงมาได้เลยนะ 555 ระหว่างทางก็จะมีบริการ taxi คือให้เรานั่งบนรถเข็นละลากขึ้นไป ถ้าขึ้นตั้งแต่ต้นราคาอยู่ที่ 900,000 IDR ถ้าสักครึ่งทางก็คิดที่ 450,000 IDR แต่พวกเราสู้ค่ะเดินขึ้นไปจนถึง แล้วช่วง 500 เมตรสุดท้าย ฟ้าจะสว่างละแบบต้องรีบวิ่งไปเพราะจะไม่ทันเห็น Blue Fire ซึ่งอดเห็นจริงๆด้วยง่อวววว พวกเราเดินช้าแล้วก็เริ่มเดินสายแล้วด้วย แนะนำใครที่ต้องพักบ่อยๆ ออกตัวตั้งแต่ตี 2 เลยค่ะไปทันชัวร์ ก็เลยอาศัยถามชาวบ้านแถวนั้น Blue Fire เป็นไงเค้าก็บอกเหมือนไฟเวลาเปิดเตาแก็ส โอเคคค งั้นเดี๋ยวกลับไปดูเตาแก๊สที่บ้านก็ได้ T___T พลาดอีกแล้ว ก็เลยถ่ายวิวน้ำมาแทนก็สวยดีนะ มีแค่นี้ยังอยู่เป็นชม.เช่นเดิมค่ะ ที่นี่ก็จะมีคนงานแบกก้อนกำมะถันซึ่งมันหนักมากจริงๆ ก้อนเหลืองๆในตระกร้าเลยค่า


พอถ่ายรูปไปสักพัก หมอกมาอีกแล้วจ้า นี่พวกเราเป็นตัวเรียกหมอกหรือไร ตามมาตั้งแต่โบรโม่ละฮ่าๆๆ


พอเดินลงเขาซึ่งบอกเลยว่าทางมันชันมากจริงๆ ด้วยสกิลการทรงตัวที่ห่วยขั้นเทพแล้ว คือลื่นประมาณสิบรอบได้ 555 เดินลงจนปวดเข่าเลยค่า เสร็จพวกเราให้ Udin ไปส่งที่ท่าเรือ เตรียมข้ามไปยังบาหลี ซึ่งค่าเรือนั้นถูกมากนั่งตั้ง 45 นาที เพียง 6,000 IDR เท่านั้น หรือประมาณ 16 บาทถูกว่ารถเมล์แอร์บ้านเราอีกมั้ง เป็นเรือที่ค่อนข้างดูน่ากลัวไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เหมือนเป็นเรือขนคนงานที่นั่นซะมากกว่า เค้าก็มองพวกเราแบบแปลกๆที่ลากกระเป๋าใบใหญ่ไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่