เมื่อกลางเดือนมีนาคม เพิ่งทราบว่ามีวันว่างช่วงสงกรานต์ 5 วัน ปกติไม่ค่อยได้ว่าง 55
ทำอะไรดีล่ะ....
หาที่เที่ยวในช่วงเวลาที่จำกัด.....แล้วที่ไหนดี?
อ่านรีวิวแล้ว มาลงตัวกับโบรโม่-อีเจี้ยน
(Semeru คือภูเขาที่สูงสุดใน3 ลูก ยังปะทุอยู่เป็นระยะ นานๆทีจะเห็น ไกด์บอกใช้เวลาปีนหลายวันเชียว)
แล้วเที่ยวกี่วันดี?
-เท่าที่อ่านมา จริงๆ 3 วันพอ (ไม่รวมวันเดินทาง) แต่เหนื่อยมาก
-ถ้าแนะนำ ควรอยู่ที่ละ 2 วัน....ทำไมล่ะ? เพราะว่าถ้าอากาศแย่ มองไม่เห็นจะได้ซ่อม 555
-ถ้ามีเวลาเพิ่มอีกควรไปบุโรพุธโธ สักวันครึ่ง ก็เป็นอันจบทริปอินโดนีเซียของเกาะนี้
-เส้นทางที่เห็นบ่อยๆ บาหลี-อีเจี้ยน-โบรโม่ กลับจากสุราบาย่า อันนี้ก็ควรใช้เวลาสัก 6 วันเป็นอย่างน้อย ได้ 2 เกาะ
ขั้นตอนหาตั๋ว
คนอยู่กทม มีเที่ยวบินตรงไปสุราบาย่า
-เราอยู่หาดใหญ่ เลยหาเส้นทาง หาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์/ กัวลาลัมเปอร์-สุราบาย่า ของ air asia เวลาต่อกันพอดี
- ถ้าวางแผนล่วงหน้า ตั๋วเครื่องบิน ไม่น่าจะเกิน 4,000 บาท
การเดินทางในเกาะ
-จากสุราบาย่า-โบรโม่ นั่งรถ 4 ชั่วโมง
-โบรโม่-อีเจี้ยน 6-7 ชั่วโมง
-อีเจี้ยน-สุราบาย่า 7-8ชั่วโมง
-เนื่องจากการจราจรที่คับคั่ง ถนนแคบ ขับได้ 40-80 km/hr
-มีทั้งคนที่วางแผนไปที่ไกลๆก่อน แล้วค่อยกับมาใกล้สนามบิน และที่เที่ยวจากโบรโม่ก่อน
แพลนทัวร์ของเรา
- เราถึงสุราบาย่า 20.30 น. นั่งรถไปโบรโม่ ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นวันแรก แต่เหนื่อยหน่อย นั่นหมายความว่าคุณต้องนอนมาในรถ มีเวลาพักเล็กน้อย ตี3 ต้องออก
-นับ วันที่ 1 ดูพระอาทิตย์ขึ้นวิวโบรโม่ นั่งรถจี๊ปไปขึ้นโบรโม่ แวะถ่ายรูป รวมเสร็จประมาณ 10.30น. กลับมากินอาหารเที่ยง บ่ายเดินทางไปน้ำตกอีก เกือบ 2ชั่วโมง กลับมา check-in เข้าที่พัก เย็นไปดูพระอาทิตย์ตก
-วันที่ 2 ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นอีกรอบ สำหรับคนที่ยังถ่ายรูปไม่หนำใจ 11.00 น.เดินทางไปอีเจี้ยน ถึงประมาณ 18.30น. กินอาหารค่ำ แล้วนอน
-วันที่ 3 ตื่นตี2 นั่งรถ 1ชั่วโมงไปขึ้นเขาอีเจี้ยน เปิดให้เข้าตี3 เดินขึ้น 3กิโล แต่เกือบ 15000 ก้าว ใช้เวลา ชั่วโมงครึ่ง เพื่อไปดู blue flame รอพระอาทิตย์ขึ้นถ่ายรูปกับทะเลสาบสีฟ้าสดใส เหนื่อยแต่คุ้ม 10.00น. ออกจากที่พักเดินทางกลับสุราบาย่า ถึงประมาณ6โมงเย็น
-วันที่ 4 เดินทางกลับ
การเลือกทัวร์
-เนื่องจากเรามีเวลาเตรียมตัวน้อย จึงไม่ได้หาข้อมูลการเดินทางมาก และต้องจองทุกอย่างเอง เลยเลือกเป็นทัวร์ดีกว่า เพราะมีครบทุกอย่าง ตั้งแต่รับส่งสนามบิน หาที่พัก รถและไกด์พาเที่ยวตลอดการเดินทาง การเสียค่าเข้าชม ค่าผ่านทางต่างๆ รวมถึงเสื้อกันฝน หน้ากากกันกลิ่นกำมะถัน
-ราคาที่ค่อนข้างมาตรฐานถ้าไป 2 คน คนละ 3,850,000 IDR แต่ถ้าไปหลายๆคนหารค่ารถ ก็จะตกประมาณ 5000-6000 บาท
-เลือกทัวร์ไหน....ส่วนใหญ่คือเพื่อนแนะนำเพื่อน ส่วนของเราหาเองเพราะที่เพื่อนบอกมานั้นเต็มแล้ว หาได้ตามfacebook และ internet ถูกใจรีวิวไหน ไกด์ไหนถ่ายภาพสวย มีทีลับเฉพาะ ก็ตามไปเลย555 ของเราเลือก Hadi Mps Sumantri ค่ะ
มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
-ข้อดีซื้อทัวร์ คือมารับที่ทางออกสนามบินเลย ไม่ต้องคิดมาก55 (เราไปถึงดีกด้วย ถ้าหารถเองก็คงลำบากนิดหน่อย) แถมมีโรตีบันให้กินด้วยระหว่างนั่งรถ
-การแลกเงิน ของเรากด ATM เอา ของอินโด กดได้ครั้งละ 2500000 IDR เสียค่ากดครั้งละ 100 บาท ลองเทียบเอากับการแลกที่ร้านดูนะคะ
-ถึงโบรโม่ตี1ครึ่ง ไกด์เราฟิตมาก ให้ขึ้นเขาเลย ลงรถแบบง่วงๆ ไม่ทันเตรียมตัว แฟนเราใส่ขาสั้นลงไป ทั้งหนาว และมีฝนตก เดินผ่านทุ่งหญ้า เปียก และโดนข่วนเป็นแผล พลาดจริงๆ
(พลาดข้อ1) เราคิดว่า ถ้าดูข้างขึ้นข้างแรมล่วงหน้าแล้ว ไม่มีทางช้างเผือก โปรแกรมนี้ข้ามไปดีกว่า
-การออกเที่ยวที่โบรโม่จะเริ่มที่ตี3 โดยรถจี๊ป
พลาดข้อ2ของเราคือ ไม่เตรียมอาหารเช้าไป หิวมากกกก ควรเตรียมของขบเคี้ยว ขวดใส่น้ำเก็บความร้อน ผ้าห่ม ไฟฉาย ให้พร้อม เพราะนั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น 2ชั่วโมง หนาวมว๊ากกกกค่ะ ไกด์บางกลุ่มก็เตรียมเตนท์ น้ำร้อนให้พร้อม ลองคุยกันดูค่ะ
-ตอนไปขึ้นเขาโบรโม่ จะมีม้าให้ขี่ เที่ยวละ 50000 IDR ไม่รวมในทัวร์ ใครจะเดินก็ได้ ไม่ไกล เพราะแวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง
พลาดข้อ3 ไม่ได้คุยกะคนจูงม้า พาเราไปเร็วมาก ไม่ได้แชะรูปกับวิวและม้าเลย เสียใจอีกแล้ว เฮ้อ....
(ถ่ายไป เสียวกล้องตกไป ตื่นเต้นดีค่ะ555)
(สิ่งที่อยากได้...คือรูปเท่ห์ๆแบบนี้ แต่หามีไม่ แงๆ อยากไปซ่อมใหม่ซะจริง)
-การขึ้นโบรโม่ มีทางขึ้นบันไดให้ ไม่อันตราย แต่คนเยอะ ต้องรอคิว นานมาก ไกด์เลยพาปีนด้านข้าง แรกๆสนุก หลังๆชันมาก น่ากลัว ดินก็ยุบตัว ใครกลัวความสูงไม่ควรมาทางนี้ค่ะ
(หวังว่าพระเจ้าจะเห็นถึงความตั้งใจของเรานะ 555)
-ขึ้นปากปล่อง เดินได้โดยรอบ แต่ระวังตกนะคะ ทางแคบมาก !!!!
(ไปค่ะ โดดปล่องกัน)
ขากลับเดินกลับค่ะ นั่งม้าอีก แพง.....
-การนั่งรถจี๊ปควรเตรียมmask ค่ะ เพราะฝุ่นเยอะมาก
พลาด4 5555
-ถ้าอยากถ่ายกับรถจี๊ปสีอะไร ลองขอไกด์ให้จองดูนะคะ เผื่อได้
(เหมือนมาพรีเวดเลยเนอะ คริๆ)
-10.30 กลับมาล้างหน้าล้างตา และกินอาหารเที่ยง ราคาร้านข้างนอกจะถูกกว่าโรงแรม เรากินร้านข้างนอก 2 คน ข้าวและกับข้าว 3 ข้าง น้ำผลไม้2แก้ว ประมาณ 80000 IDR แต่ละมื้อไม่เกินนี้แสน ยิ่งถ้ากินอาหารจานเดียว ราคาอยู่ประมาณ 16000-25000IDR
-ใครอยากนอนที่ lava view ไกด์บอกว่าต้องจองเป็นปี เดือนที่เหมาะเที่ยวคือหน้าร้อน กรกฎาคม จะมีโอกาสเห็นมากสุด ที่เหลือคือสวดมนต์ พกโชคมากเยอะๆค่ะ เราวันแรกไม่เห็น ตอนเย็นก็ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกเพราะอากาศแย่มาก จนท้อใจ ปรากฏว่าเช้าอีกวันฟ้าใสมาก ฉะนั้นอย่าเพิ่งถอดใจค่ะ ข้อดีของเมษาคืออากาศหนาวดี หนีร้อนมาจากไทย
-ที่พัก มีน้ำอุ่น แต่ไม่มีแอร์และเครื่องทำความร้อน ฉะนั้นเตรียมตัวและเตรียมใจดีๆค่ะ ผ้าห่มนวมพอไหว แต่เราใส่ยีนส์และเสื้อกันหนาวนอนเลยค่ะ ไม่ไหวจริงๆ 555
-ที่คาวาอีเจี้ยน ที่พักก็ไม่มีแอร์ พัดลม หรือเครื่องทำความร้อนเช่นกัน แต่ไม่ต้องอะไรมาก เพราะได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง555
-อาหารเช้าที่พักโบรโม่มีแต่ชาและขนมปัง ไม่อิ่มค่ะ เลยพึ่งมาม่าที่พกมาจากไทย แต่ที่อีเจี้ยนมาเป็นชุดพอรองท้องค่ะ
-น้ำตก ลงรถแล้วต้องนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไป และมีไกด์พาเดินเข้าไปประมาณ2กิโลกว่า ควรเตรียมรองเท้าแตะ เพราะเดินลงน้ำ
(พลาด5) และเสื้อกันฝน แต่ใครจะเล่นน้ำก็ได้ ก็เตรียมชุดมาเปลี่ยน เตรียมเงินจ่ายทิปไกด์แยกตะหาก
-เราซื้อซิมการ์ดของอินโด เล่นเน็ตได้ดี แต่ที่อีเจี้ยนสัญญานไม่มีเลย ราคา 100000IDR
-ถ่ายรูปblue flame ที่อีเจี้ยน ไม่ควรใช้แฟลตค่ะ จะถ่ายไม่เห็น เราใช้ I phone5 บวกกับแอฟถ่ายกลางคืนก็พอไหวค่ะ
สว่างแล้วเย้ๆๆๆ
-ควรมีหน้ากากกันกลิ่นกำมะถันค่ะ เพราะกลิ่นแรงมาก mask ธรรมดาเอาไม่อยู่
-ที่ลืมไม่ได้...ห้องน้ำสาธารณะเก็บเงินหมด ครั้งละ 5000IDR ควรแลกเงินย่อยๆไว้
(พลาด6)
-ที่อีเจี้ยนทางเดินชันมาก จะมีปัญหาตอนเดินลง ปวดเข่ามาก ควรเดินช้าๆ มีไม้ค้ำ หรือใครไม่เดินก็มีรถรับจ้างเข็นคนและของ
-ควรเตรียมรองเท้าที่ใส่สบาย พื้นยึดเกาะดีไม่ลื่น
-การเตรียมร่างกาย ควรออกกำลังกายมาก่อนซักพัก เพื่อฝึกให้หัวใจแข็งแรงไม่เหนื่อยง่าย กล้ามเนื้อขาไม่ล้า แต่ก่อนเราเดินเที่ยวแล้วปวดเมื่อยมาก พอมาเริ่มวิ่งและฟิตเนสได้ประมาณ4 เดือนรู้สึกได้ว่าแข็งแรงขึ้น มีแรงเที่ยวได้อีกหลายที่555 ฉะนั้นถ้าคุณเดินได้วันละ2หมื่นก้าว แค่นี้ชิวๆมาก T T
-แต่เที่ยวได้ทุกอายุนะคะ ไม่ฟิตก็เที่ยวได้ ค่อยๆไปก็ถึงเหมือนกันค่ะ
(น้ำตกใกล้ที่พักอีเจี้ยนค่ะ จิ๋วแต่แจ๋วเลย)
-แนะนำของกินค่ะ ข้าวผัด และข้าวไก่ย่าง กินได้แน่ๆ รสชาติอร่อยเหมือนบ้านเราค่ะ และที่ในเมืองสุราบาย่าห้ามพลาดลองน้ำปั่นอโวกาโด้และทุเรียนค่ะ แปลกดีและราคาถูก เพียงแก้วละ 10000IDR ที่บ้านเราอโวกาโด้ลูกละเกือบร้อยนะคะ และทุเรียนปั่นยังไม่เห็นใครทำ 555
-สุดท้ายนี้พกดวงมาเยอะๆนะคะ เพราะถ้าให้มาซ่อมเราคงไม่มาแล้ว555 แต่สวยคุ้มค่าจริงๆค่ะ และอย่าทำอะไรเสี่ยงอันตราย ต้องรู้ลิมิตของร่างกายเราค่ะ
ขอให้ทุกคนโชคดี เดินทางปลอดภัยนะคะ
[CR] โบรโม่-คาวาอีเจี้ยน ฟิตแค่ไหนถึงไปได้
ทำอะไรดีล่ะ....
หาที่เที่ยวในช่วงเวลาที่จำกัด.....แล้วที่ไหนดี?
อ่านรีวิวแล้ว มาลงตัวกับโบรโม่-อีเจี้ยน
(Semeru คือภูเขาที่สูงสุดใน3 ลูก ยังปะทุอยู่เป็นระยะ นานๆทีจะเห็น ไกด์บอกใช้เวลาปีนหลายวันเชียว)
แล้วเที่ยวกี่วันดี?
-เท่าที่อ่านมา จริงๆ 3 วันพอ (ไม่รวมวันเดินทาง) แต่เหนื่อยมาก
-ถ้าแนะนำ ควรอยู่ที่ละ 2 วัน....ทำไมล่ะ? เพราะว่าถ้าอากาศแย่ มองไม่เห็นจะได้ซ่อม 555
-ถ้ามีเวลาเพิ่มอีกควรไปบุโรพุธโธ สักวันครึ่ง ก็เป็นอันจบทริปอินโดนีเซียของเกาะนี้
-เส้นทางที่เห็นบ่อยๆ บาหลี-อีเจี้ยน-โบรโม่ กลับจากสุราบาย่า อันนี้ก็ควรใช้เวลาสัก 6 วันเป็นอย่างน้อย ได้ 2 เกาะ
ขั้นตอนหาตั๋ว
คนอยู่กทม มีเที่ยวบินตรงไปสุราบาย่า
-เราอยู่หาดใหญ่ เลยหาเส้นทาง หาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์/ กัวลาลัมเปอร์-สุราบาย่า ของ air asia เวลาต่อกันพอดี
- ถ้าวางแผนล่วงหน้า ตั๋วเครื่องบิน ไม่น่าจะเกิน 4,000 บาท
การเดินทางในเกาะ
-จากสุราบาย่า-โบรโม่ นั่งรถ 4 ชั่วโมง
-โบรโม่-อีเจี้ยน 6-7 ชั่วโมง
-อีเจี้ยน-สุราบาย่า 7-8ชั่วโมง
-เนื่องจากการจราจรที่คับคั่ง ถนนแคบ ขับได้ 40-80 km/hr
-มีทั้งคนที่วางแผนไปที่ไกลๆก่อน แล้วค่อยกับมาใกล้สนามบิน และที่เที่ยวจากโบรโม่ก่อน
แพลนทัวร์ของเรา
- เราถึงสุราบาย่า 20.30 น. นั่งรถไปโบรโม่ ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นวันแรก แต่เหนื่อยหน่อย นั่นหมายความว่าคุณต้องนอนมาในรถ มีเวลาพักเล็กน้อย ตี3 ต้องออก
-นับ วันที่ 1 ดูพระอาทิตย์ขึ้นวิวโบรโม่ นั่งรถจี๊ปไปขึ้นโบรโม่ แวะถ่ายรูป รวมเสร็จประมาณ 10.30น. กลับมากินอาหารเที่ยง บ่ายเดินทางไปน้ำตกอีก เกือบ 2ชั่วโมง กลับมา check-in เข้าที่พัก เย็นไปดูพระอาทิตย์ตก
-วันที่ 2 ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นอีกรอบ สำหรับคนที่ยังถ่ายรูปไม่หนำใจ 11.00 น.เดินทางไปอีเจี้ยน ถึงประมาณ 18.30น. กินอาหารค่ำ แล้วนอน
-วันที่ 3 ตื่นตี2 นั่งรถ 1ชั่วโมงไปขึ้นเขาอีเจี้ยน เปิดให้เข้าตี3 เดินขึ้น 3กิโล แต่เกือบ 15000 ก้าว ใช้เวลา ชั่วโมงครึ่ง เพื่อไปดู blue flame รอพระอาทิตย์ขึ้นถ่ายรูปกับทะเลสาบสีฟ้าสดใส เหนื่อยแต่คุ้ม 10.00น. ออกจากที่พักเดินทางกลับสุราบาย่า ถึงประมาณ6โมงเย็น
-วันที่ 4 เดินทางกลับ
การเลือกทัวร์
-เนื่องจากเรามีเวลาเตรียมตัวน้อย จึงไม่ได้หาข้อมูลการเดินทางมาก และต้องจองทุกอย่างเอง เลยเลือกเป็นทัวร์ดีกว่า เพราะมีครบทุกอย่าง ตั้งแต่รับส่งสนามบิน หาที่พัก รถและไกด์พาเที่ยวตลอดการเดินทาง การเสียค่าเข้าชม ค่าผ่านทางต่างๆ รวมถึงเสื้อกันฝน หน้ากากกันกลิ่นกำมะถัน
-ราคาที่ค่อนข้างมาตรฐานถ้าไป 2 คน คนละ 3,850,000 IDR แต่ถ้าไปหลายๆคนหารค่ารถ ก็จะตกประมาณ 5000-6000 บาท
-เลือกทัวร์ไหน....ส่วนใหญ่คือเพื่อนแนะนำเพื่อน ส่วนของเราหาเองเพราะที่เพื่อนบอกมานั้นเต็มแล้ว หาได้ตามfacebook และ internet ถูกใจรีวิวไหน ไกด์ไหนถ่ายภาพสวย มีทีลับเฉพาะ ก็ตามไปเลย555 ของเราเลือก Hadi Mps Sumantri ค่ะ
มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
-ข้อดีซื้อทัวร์ คือมารับที่ทางออกสนามบินเลย ไม่ต้องคิดมาก55 (เราไปถึงดีกด้วย ถ้าหารถเองก็คงลำบากนิดหน่อย) แถมมีโรตีบันให้กินด้วยระหว่างนั่งรถ
-การแลกเงิน ของเรากด ATM เอา ของอินโด กดได้ครั้งละ 2500000 IDR เสียค่ากดครั้งละ 100 บาท ลองเทียบเอากับการแลกที่ร้านดูนะคะ
-ถึงโบรโม่ตี1ครึ่ง ไกด์เราฟิตมาก ให้ขึ้นเขาเลย ลงรถแบบง่วงๆ ไม่ทันเตรียมตัว แฟนเราใส่ขาสั้นลงไป ทั้งหนาว และมีฝนตก เดินผ่านทุ่งหญ้า เปียก และโดนข่วนเป็นแผล พลาดจริงๆ(พลาดข้อ1) เราคิดว่า ถ้าดูข้างขึ้นข้างแรมล่วงหน้าแล้ว ไม่มีทางช้างเผือก โปรแกรมนี้ข้ามไปดีกว่า
-การออกเที่ยวที่โบรโม่จะเริ่มที่ตี3 โดยรถจี๊ป พลาดข้อ2ของเราคือ ไม่เตรียมอาหารเช้าไป หิวมากกกก ควรเตรียมของขบเคี้ยว ขวดใส่น้ำเก็บความร้อน ผ้าห่ม ไฟฉาย ให้พร้อม เพราะนั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น 2ชั่วโมง หนาวมว๊ากกกกค่ะ ไกด์บางกลุ่มก็เตรียมเตนท์ น้ำร้อนให้พร้อม ลองคุยกันดูค่ะ
-ตอนไปขึ้นเขาโบรโม่ จะมีม้าให้ขี่ เที่ยวละ 50000 IDR ไม่รวมในทัวร์ ใครจะเดินก็ได้ ไม่ไกล เพราะแวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง พลาดข้อ3 ไม่ได้คุยกะคนจูงม้า พาเราไปเร็วมาก ไม่ได้แชะรูปกับวิวและม้าเลย เสียใจอีกแล้ว เฮ้อ....
(ถ่ายไป เสียวกล้องตกไป ตื่นเต้นดีค่ะ555)
(สิ่งที่อยากได้...คือรูปเท่ห์ๆแบบนี้ แต่หามีไม่ แงๆ อยากไปซ่อมใหม่ซะจริง)
-การขึ้นโบรโม่ มีทางขึ้นบันไดให้ ไม่อันตราย แต่คนเยอะ ต้องรอคิว นานมาก ไกด์เลยพาปีนด้านข้าง แรกๆสนุก หลังๆชันมาก น่ากลัว ดินก็ยุบตัว ใครกลัวความสูงไม่ควรมาทางนี้ค่ะ
(หวังว่าพระเจ้าจะเห็นถึงความตั้งใจของเรานะ 555)
-ขึ้นปากปล่อง เดินได้โดยรอบ แต่ระวังตกนะคะ ทางแคบมาก !!!!
(ไปค่ะ โดดปล่องกัน)
ขากลับเดินกลับค่ะ นั่งม้าอีก แพง.....
-การนั่งรถจี๊ปควรเตรียมmask ค่ะ เพราะฝุ่นเยอะมาก พลาด4 5555
-ถ้าอยากถ่ายกับรถจี๊ปสีอะไร ลองขอไกด์ให้จองดูนะคะ เผื่อได้
(เหมือนมาพรีเวดเลยเนอะ คริๆ)
-10.30 กลับมาล้างหน้าล้างตา และกินอาหารเที่ยง ราคาร้านข้างนอกจะถูกกว่าโรงแรม เรากินร้านข้างนอก 2 คน ข้าวและกับข้าว 3 ข้าง น้ำผลไม้2แก้ว ประมาณ 80000 IDR แต่ละมื้อไม่เกินนี้แสน ยิ่งถ้ากินอาหารจานเดียว ราคาอยู่ประมาณ 16000-25000IDR
-ใครอยากนอนที่ lava view ไกด์บอกว่าต้องจองเป็นปี เดือนที่เหมาะเที่ยวคือหน้าร้อน กรกฎาคม จะมีโอกาสเห็นมากสุด ที่เหลือคือสวดมนต์ พกโชคมากเยอะๆค่ะ เราวันแรกไม่เห็น ตอนเย็นก็ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกเพราะอากาศแย่มาก จนท้อใจ ปรากฏว่าเช้าอีกวันฟ้าใสมาก ฉะนั้นอย่าเพิ่งถอดใจค่ะ ข้อดีของเมษาคืออากาศหนาวดี หนีร้อนมาจากไทย
-ที่พัก มีน้ำอุ่น แต่ไม่มีแอร์และเครื่องทำความร้อน ฉะนั้นเตรียมตัวและเตรียมใจดีๆค่ะ ผ้าห่มนวมพอไหว แต่เราใส่ยีนส์และเสื้อกันหนาวนอนเลยค่ะ ไม่ไหวจริงๆ 555
-ที่คาวาอีเจี้ยน ที่พักก็ไม่มีแอร์ พัดลม หรือเครื่องทำความร้อนเช่นกัน แต่ไม่ต้องอะไรมาก เพราะได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง555
-อาหารเช้าที่พักโบรโม่มีแต่ชาและขนมปัง ไม่อิ่มค่ะ เลยพึ่งมาม่าที่พกมาจากไทย แต่ที่อีเจี้ยนมาเป็นชุดพอรองท้องค่ะ
-น้ำตก ลงรถแล้วต้องนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไป และมีไกด์พาเดินเข้าไปประมาณ2กิโลกว่า ควรเตรียมรองเท้าแตะ เพราะเดินลงน้ำ (พลาด5) และเสื้อกันฝน แต่ใครจะเล่นน้ำก็ได้ ก็เตรียมชุดมาเปลี่ยน เตรียมเงินจ่ายทิปไกด์แยกตะหาก
-เราซื้อซิมการ์ดของอินโด เล่นเน็ตได้ดี แต่ที่อีเจี้ยนสัญญานไม่มีเลย ราคา 100000IDR
-ถ่ายรูปblue flame ที่อีเจี้ยน ไม่ควรใช้แฟลตค่ะ จะถ่ายไม่เห็น เราใช้ I phone5 บวกกับแอฟถ่ายกลางคืนก็พอไหวค่ะ
สว่างแล้วเย้ๆๆๆ
-ควรมีหน้ากากกันกลิ่นกำมะถันค่ะ เพราะกลิ่นแรงมาก mask ธรรมดาเอาไม่อยู่
-ที่ลืมไม่ได้...ห้องน้ำสาธารณะเก็บเงินหมด ครั้งละ 5000IDR ควรแลกเงินย่อยๆไว้ (พลาด6)
-ที่อีเจี้ยนทางเดินชันมาก จะมีปัญหาตอนเดินลง ปวดเข่ามาก ควรเดินช้าๆ มีไม้ค้ำ หรือใครไม่เดินก็มีรถรับจ้างเข็นคนและของ
-ควรเตรียมรองเท้าที่ใส่สบาย พื้นยึดเกาะดีไม่ลื่น
-การเตรียมร่างกาย ควรออกกำลังกายมาก่อนซักพัก เพื่อฝึกให้หัวใจแข็งแรงไม่เหนื่อยง่าย กล้ามเนื้อขาไม่ล้า แต่ก่อนเราเดินเที่ยวแล้วปวดเมื่อยมาก พอมาเริ่มวิ่งและฟิตเนสได้ประมาณ4 เดือนรู้สึกได้ว่าแข็งแรงขึ้น มีแรงเที่ยวได้อีกหลายที่555 ฉะนั้นถ้าคุณเดินได้วันละ2หมื่นก้าว แค่นี้ชิวๆมาก T T
-แต่เที่ยวได้ทุกอายุนะคะ ไม่ฟิตก็เที่ยวได้ ค่อยๆไปก็ถึงเหมือนกันค่ะ
(น้ำตกใกล้ที่พักอีเจี้ยนค่ะ จิ๋วแต่แจ๋วเลย)
-แนะนำของกินค่ะ ข้าวผัด และข้าวไก่ย่าง กินได้แน่ๆ รสชาติอร่อยเหมือนบ้านเราค่ะ และที่ในเมืองสุราบาย่าห้ามพลาดลองน้ำปั่นอโวกาโด้และทุเรียนค่ะ แปลกดีและราคาถูก เพียงแก้วละ 10000IDR ที่บ้านเราอโวกาโด้ลูกละเกือบร้อยนะคะ และทุเรียนปั่นยังไม่เห็นใครทำ 555
-สุดท้ายนี้พกดวงมาเยอะๆนะคะ เพราะถ้าให้มาซ่อมเราคงไม่มาแล้ว555 แต่สวยคุ้มค่าจริงๆค่ะ และอย่าทำอะไรเสี่ยงอันตราย ต้องรู้ลิมิตของร่างกายเราค่ะ
ขอให้ทุกคนโชคดี เดินทางปลอดภัยนะคะ