
ถ้าให้พูดถึงจังหวัดที่เราไปแล้วชอบที่สุด ณ ตอนนี้เราขอยกให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดที่มีพื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นภูเขา การจะไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนต้องผ่านหลายพันโค้ง กว่าจะถึงสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ บอกเลยว่าถ้าใครเมารถนี่ เตรียมตัวเตรียมยาไปได้เลย จริงๆทริปนี้เป็นทริปแรกของเราที่เคยไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปช่วงเดือนกลางธันวาคมที่ผ่านมา วันที่ 8 -11 ธันวาคม 2564 ไปทั้งหมด 4 วัน 3 คืน เจอหมอกทั้ง 3 วัน วันแรกเจอที่บ้านจ่าโบ่ วันที่ 2 บ้านรักไทย และวันที่ 3 จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ปาย อากาศก็เรียกได้ว่าหนาวเลย อุณหภูมิ ณ วันที่ไป ประมาณ10กว่าองศา เป็นทริปที่ประทับใจสุดๆ สวยทุกจุดที่ไป เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ ในการไปแม่ฮ่องสอนครั้งนี้มาฝากเพื่อนๆ ตามไปดูกันได้เลยครับ
ทริปนี้เราเดินทางโดยเครื่องบินไปลงเชียงใหม่ แล้วเช่ามอเตอร์ไซค์ขับไปแม่ฮ่องสอน เหตุผลที่นั่งเครื่องไปลงเชียงใหม่เพราะค่าตั๋วถูกกว่านั่งไปลงแม่ฮ่องสอน ส่วนขากลับนั่งรถไฟกลับ
แพลนของเราคร่าวๆก็คือ
คืนที่ 1 พักที่บ้านจ่าโบ่
คืนที่ 2 พักที่บ้านรักไทย
คืนที่ 3 พักที่ปาย
ไฮไลท์จุดเช็คอิน
01. จุดชมวิวกิ่วลม
02. บ้านจ่าโบ่
03. ภูผาหมอก
04. ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่
05. จุดชมวิวกิกอคอ บ้านห้วยเฮี๊ยะ
06. ผาหิน บ้านผาเผือก
07. บ้านรักไทย
08. วัดพระธาตุดอยกองมู
09. ถ้ำปลา
10. ปางอุ๋ง
11. สะพานซูตองเป้
12. ถนนคนเดินปาย
13. ทะเลหมอกหยุนไหล
14. บ้านสันติชล
15. น้ำพุร้อนไทรงาม
16. วัดพระธาตุแม่เย็น
17. กองแลน ปายแคนย่อน
18. สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย

มาเริ่มที่การเดินทางของเรากันเลยครับ ทริปนี้เราเดินทางโดยเครื่องบิน ไปลงที่สนามบินเชียงใหม่ ไฟท์ 06.25 น.
ไปถึงสนามบินเชียงใหม่เกือบ 8 โมงเช้า รถมอเตอร์ไซค์เช่าที่จองไว้ มาส่งประมาณ 08.30 น. จากนั้นก็ได้เวลาขับมอเตอร์ไซค์
ไปลุยแม่ฮ่องสอนกันแล้วครับ

ดูจากMap ระยะทางจากสนามบินไปบ้านจ่าโบ่ 188 กม. ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงได้ เราก็ขับไปแบบเรื่อยๆไม่รีบ เมื่อยก็แวะพัก

จุดเช็คอินแรกที่เราแวะเลยก็คือ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย จริงๆแพลนคือจะแวะวันที่มานอนปาย แต่ว่าเราแวะหาอะไรกินตรงสะพานพอดี
เห็นคนไม่ค่อยมี แวะเก็บภาพซะเลย

สะพานเหล็กที่เราเห็นสีเขียวๆนี้ ไม่ใช่สะพานใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นสะพานเหล็กจากสะพานนวรัฐ จังหวัดเชียงใหม่ มาสร้างทดแทนของเดิม
ที่เป็นสะพานไม้ที่ถูกทำลายไป เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่2

เป็นสะพานที่ดูคลาสสิคเลยครับ ถ่ายรูปสวยเลย

จุดที่ 2 ระหว่างทางผ่าน เรามาแวะที่ จุดชมวิวกิ่วลม อยู่ติดถนนปาย-ปางมะผ้า เป็นจุดชมวิว หรือเรียกว่าเป็นจุดพักรถก็ได้
พักเบรกความเมื่อยล้า หลังผ่านมาเป็นพันโค้ง

วิวทิวทัศน์ตรงนี้สวยเลย เห็นวิวของภูเขากว้างๆ อากาศดีมีลมโชย ตรงจุดนี้มีอาหารขาย เผื่อว่าใครขับรถจนเพลินแล้วลืมกินข้าว
ก็มาหาอะไรทานตรงจุดนี้ได้

ขับรถมาเรื่อยๆตามเส้นทาง จากปายมาปางมะผ้า เรามาถึงบ้านจ่าโบประมาณ 4 โมงเย็นได้ คืนแรกเรานอนที่ บ้านรัตนา โฮมสเตย์
สำหรับบ้านจ่าโบ ตั้งอยู่ที่ ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า เป็นชุมชนเล็กๆของชาวลาหู่ ตั้งอยู่บนเนินเขาอันเงียบสงบ ที่นี่เปิดเป็นโฮมสเตย์
ราคาหลักร้อยแต่รับรองว่าวิวหลักล้าน อากาศหนาวทั้งปี ยามเช้ามีทะเลหมอกบริเวณหมู่บ้าน

ที่พักของเป็นเต็นท์ เพราะว่าหาไม่ได้พักไม่ได้เลย บ้านเป็นหลังเต็มหมด ทักหาหลายที่มาก สุดท้ายมาได้ที่เต็นท์ ราคาคิดเป็นรายคน
คนละ 400 บาท รวมอาหารเช้าเย็น

ภายในเต็นท์ก็โอเคเลยครับ มีเครื่องนอนให้ ที่นอน หมอน ผ้าห่มครบ

มุมไกลๆ เต็นท์ของเรา เป็นส่วนตัวเลยครับ วิวสวยเลย มีห้องน้ำอยู่ด้านล่าง แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ ในห้องน้ำเป็นถังน้ำตักอาบ
น้ำคือแบบเย็นได้ใจ

หลังจากเก็บของเข้าที่พักเสร็จ 5 โมงเย็น เราขับรถไปที่จุดชมวิว กิกอคอ บ้านห้วยเฮี๊ยะ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากๆ
มีร้านกาแฟเล็กๆ มีเครื่องดื่มขาย

วิวภูเขาสลับซับซ้อนสวยมาก บรรยากาศคือดี

เก็บภาพบรรยากาศกันไปยาวๆครับ

ตรงนี้สามารถกางเต็นท์ได้ด้วยนะ มีหลายจุดเลยครับ ใกล้ๆกันมีโฮมสเตย์

ภาพจากมุมสูงครับ คือเป็นภูเขาทั้งหมดบริเวณนี้ ถ้าขับเลยจุดนี้ไปไม่ไกลก็จะเป็นประเทศพม่า

กลับมาถึงที่พัก คุณลุง คุณป้าเจ้าของที่พักก็ยกอาหารมาเสิร์ฟให้เลย เป็นชุดขันโตก อาหารท้องถิ่น พร้อมก่อกองไฟให้ด้วย
รสชาติอาหารคืออร่อยเลยนะ หิวจนลืมถ่ายรูปมาให้ดู 555

อากาศยามค่ำคืน อากาศหนาวกำลังดี พอเห็นดวงดาวอยู่บ้าง แอบโรแมนติกนิดๆ

หลงรักบรรยากาศแบบนี้เลย ข้อดีของเต็นท์เราเลยก็คือ จะมีกองไฟนี่แหละ หนาวๆนั่งผิงไฟอุ่นๆ แต่ถ้านอนบ้านเป็นหลังจะไม่มี

ตี 5 ครึ่ง คุณลุงเจ้าของที่พัก นัดเราไปขึ้นภูผาหมอก จากโฮมสเตย์ไปประมาณ 750 เมตร เรานั่งรถกระบะของที่พักไปยังตีนเขา
จากจุดเริ่มเดินระยะทางขึ้นน่าจะไม่ถึง 500 เมตร เดินขึ้นใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีก็ถึง ขึ้นไปถึงยังไม่ทันสว่างก็เห็นหมอกเต็มพื้นที่

พอเริ่มสว่างก็เห็นหมอกชัดขึ้น วันที่เราไปโชคดีมาก ทะเลหมอกทั้งแน่นทั้งฟู แต่ที่นี่ก็จะมีทะเลหมอกแบบนี้เกือบทุกวันอยู่แล้วในช่วง
ปลายฝนถึงฤดูหนาว คิดว่าใครไปก็ต้องเจอ

พื้นที่ด้านบนค่อนข้างแคบ แนะนำว่าให้ไปเช้ามืดจะดีสุด ไปจับจองที่นั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ดูทะเลหมอกสวยๆยามเช้า

เรารอจนพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปเสร็จ เราก็ลงไปข้างล่าง แล้วเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยว

จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ ตรงร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา วิวสวยมาก

กินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา พร้อมวิวทะเลหมอกสุดปัง แต่ละคนก็ต่างจับจองที่นั่ง สั่งก๋วยเตี๋ยวมาทาน

มาถึงแล้วก็ต้องลอง จะบอกว่า ก๋วยเตี๋ยวอร่อยเลยนะ ไม่ได้มีดีแค่วิวเพียงเดียว แต่รสชาติผ่านเลย

มาถึงบ้านพักของเราหมอกยังอยู่เลย

หมอกปังมากครับวันนี้

เวลาน่าจะแปดโมงกว่าๆได้ หมอกก็ยังอยู่

ภาพมุมสูงของหมู่บ้านจ่าโบ

สายๆก่อนเช็คเอาท์ เราไปกันที่ ผาหิน บ้านผาเผือก เป็นจุดเช็คอินลับที่คนไม่ค่อยรู้จัก ตั้งอยู่ที่บ้านผาเผือก ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า
อยู่เลยบ้านจ่าโบไปประมาณ 10 กม.

ความพิเศษของที่นี่เลยก็คือ คือภูเขาตรงจุดนี้นอกจากจะมีต้นไม้ใบหญ้าแล้ว จะมีกองหิน ก้อนหินน้อยใหญ่ เรียงรายตามภูเขา
เหมือนมีคนเอาหินไปวางฝังไว้ แต่ไม่ใช่เลย เกิดจากธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา มองไปสวยแปลกตา เหมือนอยู่ต่างประเทศเลย

ใครไปบ้านจ่าโบ่ ก็อย่าลืมแวะไปเช็คอินดูครับ อยู่เลยบ้านจ่าโบ่ไปแค่นิดเดียว
[CR] เที่ยวแม่ฮ่องสอน 4 วัน 3 คืน (บ้านรักไทย ปางอุ๋ง บ้านจ่าโบ่ ปาย)
ถ้าให้พูดถึงจังหวัดที่เราไปแล้วชอบที่สุด ณ ตอนนี้เราขอยกให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดที่มีพื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นภูเขา การจะไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนต้องผ่านหลายพันโค้ง กว่าจะถึงสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ บอกเลยว่าถ้าใครเมารถนี่ เตรียมตัวเตรียมยาไปได้เลย จริงๆทริปนี้เป็นทริปแรกของเราที่เคยไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปช่วงเดือนกลางธันวาคมที่ผ่านมา วันที่ 8 -11 ธันวาคม 2564 ไปทั้งหมด 4 วัน 3 คืน เจอหมอกทั้ง 3 วัน วันแรกเจอที่บ้านจ่าโบ่ วันที่ 2 บ้านรักไทย และวันที่ 3 จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ปาย อากาศก็เรียกได้ว่าหนาวเลย อุณหภูมิ ณ วันที่ไป ประมาณ10กว่าองศา เป็นทริปที่ประทับใจสุดๆ สวยทุกจุดที่ไป เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ ในการไปแม่ฮ่องสอนครั้งนี้มาฝากเพื่อนๆ ตามไปดูกันได้เลยครับ
ทริปนี้เราเดินทางโดยเครื่องบินไปลงเชียงใหม่ แล้วเช่ามอเตอร์ไซค์ขับไปแม่ฮ่องสอน เหตุผลที่นั่งเครื่องไปลงเชียงใหม่เพราะค่าตั๋วถูกกว่านั่งไปลงแม่ฮ่องสอน ส่วนขากลับนั่งรถไฟกลับ
แพลนของเราคร่าวๆก็คือ
คืนที่ 1 พักที่บ้านจ่าโบ่
คืนที่ 2 พักที่บ้านรักไทย
คืนที่ 3 พักที่ปาย
ไฮไลท์จุดเช็คอิน
01. จุดชมวิวกิ่วลม
02. บ้านจ่าโบ่
03. ภูผาหมอก
04. ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่
05. จุดชมวิวกิกอคอ บ้านห้วยเฮี๊ยะ
06. ผาหิน บ้านผาเผือก
07. บ้านรักไทย
08. วัดพระธาตุดอยกองมู
09. ถ้ำปลา
10. ปางอุ๋ง
11. สะพานซูตองเป้
12. ถนนคนเดินปาย
13. ทะเลหมอกหยุนไหล
14. บ้านสันติชล
15. น้ำพุร้อนไทรงาม
16. วัดพระธาตุแม่เย็น
17. กองแลน ปายแคนย่อน
18. สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย
มาเริ่มที่การเดินทางของเรากันเลยครับ ทริปนี้เราเดินทางโดยเครื่องบิน ไปลงที่สนามบินเชียงใหม่ ไฟท์ 06.25 น.
ไปถึงสนามบินเชียงใหม่เกือบ 8 โมงเช้า รถมอเตอร์ไซค์เช่าที่จองไว้ มาส่งประมาณ 08.30 น. จากนั้นก็ได้เวลาขับมอเตอร์ไซค์
ไปลุยแม่ฮ่องสอนกันแล้วครับ
ดูจากMap ระยะทางจากสนามบินไปบ้านจ่าโบ่ 188 กม. ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงได้ เราก็ขับไปแบบเรื่อยๆไม่รีบ เมื่อยก็แวะพัก
จุดเช็คอินแรกที่เราแวะเลยก็คือ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย จริงๆแพลนคือจะแวะวันที่มานอนปาย แต่ว่าเราแวะหาอะไรกินตรงสะพานพอดี
เห็นคนไม่ค่อยมี แวะเก็บภาพซะเลย
สะพานเหล็กที่เราเห็นสีเขียวๆนี้ ไม่ใช่สะพานใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นสะพานเหล็กจากสะพานนวรัฐ จังหวัดเชียงใหม่ มาสร้างทดแทนของเดิม
ที่เป็นสะพานไม้ที่ถูกทำลายไป เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่2
เป็นสะพานที่ดูคลาสสิคเลยครับ ถ่ายรูปสวยเลย
จุดที่ 2 ระหว่างทางผ่าน เรามาแวะที่ จุดชมวิวกิ่วลม อยู่ติดถนนปาย-ปางมะผ้า เป็นจุดชมวิว หรือเรียกว่าเป็นจุดพักรถก็ได้
พักเบรกความเมื่อยล้า หลังผ่านมาเป็นพันโค้ง
วิวทิวทัศน์ตรงนี้สวยเลย เห็นวิวของภูเขากว้างๆ อากาศดีมีลมโชย ตรงจุดนี้มีอาหารขาย เผื่อว่าใครขับรถจนเพลินแล้วลืมกินข้าว
ก็มาหาอะไรทานตรงจุดนี้ได้
ขับรถมาเรื่อยๆตามเส้นทาง จากปายมาปางมะผ้า เรามาถึงบ้านจ่าโบประมาณ 4 โมงเย็นได้ คืนแรกเรานอนที่ บ้านรัตนา โฮมสเตย์
สำหรับบ้านจ่าโบ ตั้งอยู่ที่ ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า เป็นชุมชนเล็กๆของชาวลาหู่ ตั้งอยู่บนเนินเขาอันเงียบสงบ ที่นี่เปิดเป็นโฮมสเตย์
ราคาหลักร้อยแต่รับรองว่าวิวหลักล้าน อากาศหนาวทั้งปี ยามเช้ามีทะเลหมอกบริเวณหมู่บ้าน
ที่พักของเป็นเต็นท์ เพราะว่าหาไม่ได้พักไม่ได้เลย บ้านเป็นหลังเต็มหมด ทักหาหลายที่มาก สุดท้ายมาได้ที่เต็นท์ ราคาคิดเป็นรายคน
คนละ 400 บาท รวมอาหารเช้าเย็น
ภายในเต็นท์ก็โอเคเลยครับ มีเครื่องนอนให้ ที่นอน หมอน ผ้าห่มครบ
มุมไกลๆ เต็นท์ของเรา เป็นส่วนตัวเลยครับ วิวสวยเลย มีห้องน้ำอยู่ด้านล่าง แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ ในห้องน้ำเป็นถังน้ำตักอาบ
น้ำคือแบบเย็นได้ใจ
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเสร็จ 5 โมงเย็น เราขับรถไปที่จุดชมวิว กิกอคอ บ้านห้วยเฮี๊ยะ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากๆ
มีร้านกาแฟเล็กๆ มีเครื่องดื่มขาย
วิวภูเขาสลับซับซ้อนสวยมาก บรรยากาศคือดี
เก็บภาพบรรยากาศกันไปยาวๆครับ
ตรงนี้สามารถกางเต็นท์ได้ด้วยนะ มีหลายจุดเลยครับ ใกล้ๆกันมีโฮมสเตย์
ภาพจากมุมสูงครับ คือเป็นภูเขาทั้งหมดบริเวณนี้ ถ้าขับเลยจุดนี้ไปไม่ไกลก็จะเป็นประเทศพม่า
กลับมาถึงที่พัก คุณลุง คุณป้าเจ้าของที่พักก็ยกอาหารมาเสิร์ฟให้เลย เป็นชุดขันโตก อาหารท้องถิ่น พร้อมก่อกองไฟให้ด้วย
รสชาติอาหารคืออร่อยเลยนะ หิวจนลืมถ่ายรูปมาให้ดู 555
อากาศยามค่ำคืน อากาศหนาวกำลังดี พอเห็นดวงดาวอยู่บ้าง แอบโรแมนติกนิดๆ
หลงรักบรรยากาศแบบนี้เลย ข้อดีของเต็นท์เราเลยก็คือ จะมีกองไฟนี่แหละ หนาวๆนั่งผิงไฟอุ่นๆ แต่ถ้านอนบ้านเป็นหลังจะไม่มี
ตี 5 ครึ่ง คุณลุงเจ้าของที่พัก นัดเราไปขึ้นภูผาหมอก จากโฮมสเตย์ไปประมาณ 750 เมตร เรานั่งรถกระบะของที่พักไปยังตีนเขา
จากจุดเริ่มเดินระยะทางขึ้นน่าจะไม่ถึง 500 เมตร เดินขึ้นใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีก็ถึง ขึ้นไปถึงยังไม่ทันสว่างก็เห็นหมอกเต็มพื้นที่
พอเริ่มสว่างก็เห็นหมอกชัดขึ้น วันที่เราไปโชคดีมาก ทะเลหมอกทั้งแน่นทั้งฟู แต่ที่นี่ก็จะมีทะเลหมอกแบบนี้เกือบทุกวันอยู่แล้วในช่วง
ปลายฝนถึงฤดูหนาว คิดว่าใครไปก็ต้องเจอ
พื้นที่ด้านบนค่อนข้างแคบ แนะนำว่าให้ไปเช้ามืดจะดีสุด ไปจับจองที่นั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ดูทะเลหมอกสวยๆยามเช้า
เรารอจนพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปเสร็จ เราก็ลงไปข้างล่าง แล้วเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยว
จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ ตรงร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา วิวสวยมาก
กินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา พร้อมวิวทะเลหมอกสุดปัง แต่ละคนก็ต่างจับจองที่นั่ง สั่งก๋วยเตี๋ยวมาทาน
มาถึงแล้วก็ต้องลอง จะบอกว่า ก๋วยเตี๋ยวอร่อยเลยนะ ไม่ได้มีดีแค่วิวเพียงเดียว แต่รสชาติผ่านเลย
มาถึงบ้านพักของเราหมอกยังอยู่เลย
หมอกปังมากครับวันนี้
เวลาน่าจะแปดโมงกว่าๆได้ หมอกก็ยังอยู่
ภาพมุมสูงของหมู่บ้านจ่าโบ
สายๆก่อนเช็คเอาท์ เราไปกันที่ ผาหิน บ้านผาเผือก เป็นจุดเช็คอินลับที่คนไม่ค่อยรู้จัก ตั้งอยู่ที่บ้านผาเผือก ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า
อยู่เลยบ้านจ่าโบไปประมาณ 10 กม.
ความพิเศษของที่นี่เลยก็คือ คือภูเขาตรงจุดนี้นอกจากจะมีต้นไม้ใบหญ้าแล้ว จะมีกองหิน ก้อนหินน้อยใหญ่ เรียงรายตามภูเขา
เหมือนมีคนเอาหินไปวางฝังไว้ แต่ไม่ใช่เลย เกิดจากธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา มองไปสวยแปลกตา เหมือนอยู่ต่างประเทศเลย
ใครไปบ้านจ่าโบ่ ก็อย่าลืมแวะไปเช็คอินดูครับ อยู่เลยบ้านจ่าโบ่ไปแค่นิดเดียว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้