“หุ้นตกขนาดนี้ เกิดจากอะไร แล้วจะทำยังไงดี?”
เมื่อคืนหลายคนคงได้เห็นดาว(โจนส์)ตกระหว่างวันมากที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 1,500 จุด แถมคุณดาวยังมาพาลพาให้ SET และตลาดอื่นทั่วโลกกระหน่ำลงกันได้เร็วและแรงขนาดนี้ (ยังดีที่ปู่ SET มีการรีบาวน์กลับมาบ้างในช่วงท้ายตลาด) ตกลงสาเหตุมันเกิดจากอะไรกันแน่ และเม่าน้อยอย่างเราๆ ควรจะทำตัวยังไงดี
ทำไมหุ้นถึงตกลงมาได้เร็วและแรงขนาดนี้ ขอ 3 คำ
1. ไม่มีเหตุผล! นักวิเคราะห์และสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไอ่ที่ตลาดหุ้นตกมาขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลใดๆ ทางด้านปัจจัยพื้นฐานรองรับอย่างชัดเจน
2. แค่ตกใจ (panic) เหตุผลที่เป็นไปได้คือ เกิดจากจิตวิทยาหมู่ของนักลงทุนที่รู้สึกตกใจกลัวและทิ้งหุ้นโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งยังมีนักลงทุนอีกไม่น้อยที่ใช้การเทรดอัตโนมัติโดยใช้คอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนต์ จึงอาจทำให้การขายหุ้นรุนแรงขึ้น (เช่น เทรดตามสัญญาณตลาด หรืออาจตั้ง cut loss เอาไว้ล่วงหน้า)
3. Fed ก็มีส่วนในการตกครั้งนี้ เพราะได้ออกมาให้ความเห็นตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เงินเฟ้อเริ่มกลับมาแล้ว แถมเมื่อวันศุกร์ยังมีการประกาศตัวเลขจ้างงานและเงินเฟ้อล่าสุดที่ออกมาดีกว่าที่คาดอีก ทำให้ตลาดกลัวว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คิด
5 วิธีรับมือกับภาวะตลาดผันผวน
1. อันดับแรกเลยคือ อย่าตกใจ (หายใจลึกๆ ยาวๆ เข้าไว้) ตลาดปรับฐานประมาณ 10% ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ และการปรับฐานส่วนใหญ่มักจะไม่ทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (bear market) โดยสิ้นเชิง ซึ่งตลาดหมีในที่นี้แปลว่า ดัชนีจะต้องตกลงมากกว่า 20% เลยทีเดียว
พูดง่ายๆ ว่า นี่อาจไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องมาล้างพอร์ตแล้วคิดกลยุทธ์การลงทุนใหม่ซะหมดก็ได้
2. เก็บหุ้นพื้นฐานดี ที่ P/E ต่ำ (หุ้นคุณค่า) เข้าพอร์ต โดยใช้วิธีถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือค่อยๆ ทยอยซื้อไปเรื่อยๆ ยิ่งตลาดลงต่ำ เราก็เก็บหุ้นดีๆ ได้ในราคาที่ถูก
3. อย่าลืมกระจายไปลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้คุณภาพดีบ้าง (ไม่ว่าจะในรูปกองทุนหรือลงทุนโดยตรง) เนื่องจากนักลงทุนมักจะถามหาสินทรัพย์ประเภทนี้ อย่างน้อยก็เอาไว้เป็นที่พักพิงในยามตลาดไม่ดี (safe heaven) ซึ่งช่วยให้พอร์ตเรามีการกระจายการลงทุนมากขึ้น (diversification)
4. หากคิดว่าเงินเฟ้อเริ่มกลับมาจริงๆ เราอาจหันมาลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมัน ทองคำ) ในพอร์ตสักเล็กน้อย เพราะจากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์จะมีผลตอบแทนที่ดีในยามที่เงินเฟ้อสูงขึ้น
5. ถ้าตลาดเกิดตกแรงต่อจนเป็นภาวะตลาดหมีจะทำยังไง คำตอบคือ แกล้งตาย! ในที่นี้คือ เราควรทยอยตัดขาดทุน (หรือขายทำกำไร) แล้วนำเงินสดไปเก็บไว้ในกองทุนตลาดเงินหรือเงินฝากที่ความเสี่ยงต่ำๆ สภาพคล่องสูงๆ รอจังหวะจนตลาดหุ้นเริ่มกลับมาทำรอบใหม่ แล้วค่อยทยอยนำเงินออกมาลงทุน
===============================================
ที่มา: เพจ Invest Me:
https://www.facebook.com/Invest-Me-244466562725439
http://time.com/money/5132906/stock-market-crashing-what-to-do/
https://www.cnbc.com/2018/02/05/why-the-stock-market-plunged-today.html
https://www.investopedia.com/slide-show/survive-bear-market-financial-crisis/
ภาพประกอบจาก survival-spot.com
“หุ้นตกขนาดนี้ เกิดจากอะไร แล้วจะทำยังไงดี?”
เมื่อคืนหลายคนคงได้เห็นดาว(โจนส์)ตกระหว่างวันมากที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 1,500 จุด แถมคุณดาวยังมาพาลพาให้ SET และตลาดอื่นทั่วโลกกระหน่ำลงกันได้เร็วและแรงขนาดนี้ (ยังดีที่ปู่ SET มีการรีบาวน์กลับมาบ้างในช่วงท้ายตลาด) ตกลงสาเหตุมันเกิดจากอะไรกันแน่ และเม่าน้อยอย่างเราๆ ควรจะทำตัวยังไงดี
ทำไมหุ้นถึงตกลงมาได้เร็วและแรงขนาดนี้ ขอ 3 คำ
1. ไม่มีเหตุผล! นักวิเคราะห์และสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไอ่ที่ตลาดหุ้นตกมาขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลใดๆ ทางด้านปัจจัยพื้นฐานรองรับอย่างชัดเจน
2. แค่ตกใจ (panic) เหตุผลที่เป็นไปได้คือ เกิดจากจิตวิทยาหมู่ของนักลงทุนที่รู้สึกตกใจกลัวและทิ้งหุ้นโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งยังมีนักลงทุนอีกไม่น้อยที่ใช้การเทรดอัตโนมัติโดยใช้คอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนต์ จึงอาจทำให้การขายหุ้นรุนแรงขึ้น (เช่น เทรดตามสัญญาณตลาด หรืออาจตั้ง cut loss เอาไว้ล่วงหน้า)
3. Fed ก็มีส่วนในการตกครั้งนี้ เพราะได้ออกมาให้ความเห็นตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เงินเฟ้อเริ่มกลับมาแล้ว แถมเมื่อวันศุกร์ยังมีการประกาศตัวเลขจ้างงานและเงินเฟ้อล่าสุดที่ออกมาดีกว่าที่คาดอีก ทำให้ตลาดกลัวว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คิด
5 วิธีรับมือกับภาวะตลาดผันผวน
1. อันดับแรกเลยคือ อย่าตกใจ (หายใจลึกๆ ยาวๆ เข้าไว้) ตลาดปรับฐานประมาณ 10% ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ และการปรับฐานส่วนใหญ่มักจะไม่ทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (bear market) โดยสิ้นเชิง ซึ่งตลาดหมีในที่นี้แปลว่า ดัชนีจะต้องตกลงมากกว่า 20% เลยทีเดียว
พูดง่ายๆ ว่า นี่อาจไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องมาล้างพอร์ตแล้วคิดกลยุทธ์การลงทุนใหม่ซะหมดก็ได้
2. เก็บหุ้นพื้นฐานดี ที่ P/E ต่ำ (หุ้นคุณค่า) เข้าพอร์ต โดยใช้วิธีถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือค่อยๆ ทยอยซื้อไปเรื่อยๆ ยิ่งตลาดลงต่ำ เราก็เก็บหุ้นดีๆ ได้ในราคาที่ถูก
3. อย่าลืมกระจายไปลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้คุณภาพดีบ้าง (ไม่ว่าจะในรูปกองทุนหรือลงทุนโดยตรง) เนื่องจากนักลงทุนมักจะถามหาสินทรัพย์ประเภทนี้ อย่างน้อยก็เอาไว้เป็นที่พักพิงในยามตลาดไม่ดี (safe heaven) ซึ่งช่วยให้พอร์ตเรามีการกระจายการลงทุนมากขึ้น (diversification)
4. หากคิดว่าเงินเฟ้อเริ่มกลับมาจริงๆ เราอาจหันมาลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมัน ทองคำ) ในพอร์ตสักเล็กน้อย เพราะจากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์จะมีผลตอบแทนที่ดีในยามที่เงินเฟ้อสูงขึ้น
5. ถ้าตลาดเกิดตกแรงต่อจนเป็นภาวะตลาดหมีจะทำยังไง คำตอบคือ แกล้งตาย! ในที่นี้คือ เราควรทยอยตัดขาดทุน (หรือขายทำกำไร) แล้วนำเงินสดไปเก็บไว้ในกองทุนตลาดเงินหรือเงินฝากที่ความเสี่ยงต่ำๆ สภาพคล่องสูงๆ รอจังหวะจนตลาดหุ้นเริ่มกลับมาทำรอบใหม่ แล้วค่อยทยอยนำเงินออกมาลงทุน
===============================================
ที่มา: เพจ Invest Me: https://www.facebook.com/Invest-Me-244466562725439
http://time.com/money/5132906/stock-market-crashing-what-to-do/
https://www.cnbc.com/2018/02/05/why-the-stock-market-plunged-today.html
https://www.investopedia.com/slide-show/survive-bear-market-financial-crisis/
ภาพประกอบจาก survival-spot.com