ตั้งแต่ปีใหม่มา ก็มีหนังเข้าโรงฉายหลายเรื่อง The Shape of Water เป็นเรื่องที่ผมให้ขึ้นอันดับต้นของหนังที่ผมได้ดูในรอบ 1 เดือนเศษกับหนัง 7 เรื่องที่ผมได้ดู หลายเรื่องยังฉายอยู่ แต่วันนี้ขอ รีวิว The Shape of Water ด้วยความชอบส่วนตัวละกันครับ
ตอนแรกที่ได้เห็นโปสเตอร์ และดูแค่ Trailer ก็คิดว่า หนังต้องดูยาก Dark แน่ๆ แต่หลังจากหนังจบแล้ว มากระซิบบอกเลยว่า ไม่ใช่ครับ
หนังเกี่ยวกับ ภารโรงสาวใบ้ ในบัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ ในปี 1962 ที่ทำงานในหน่วยงานที่มีห้องแล็บของรัฐบาล ซึ่งเก็บความลับระดับชาติไว้และได้พบสิ่งมีชีวิตที่ทางหน่วยงานพิเศษ จับมาได้จากอเมริกาใต้ เป็นสายพันธ์ุ กบ หรือคางคกแมนประมาณนั้น ( amphibian ) และเรื่องราวต่างๆก็ได้สานต่อกันเป็นภาพยนตร์บันเทิงแบบ Romance Fantasy ที่ดูสนุกทีเดียว
หนังเดินเรื่องในส่วนของตัวเอกคือ เอลิซ่า ( แซลลี่ ฮอว์คกิ้น ) สาวใบ้กับชีวิตประจำวันที่เธอดำเนินไป พร้อมกับใช้ชีวิตร่วมกับ ชายชรา นักวาดรูป ( ริชาร์ด เจงกินส์ ) แบบดูแลกัน แต่ไม่สัมพันธ์ลึกซึ้ง ซึ่งหนังเผยให้รู้ว่าทำไมไม่ลึกซึ้งตอนกลางๆ ค่อนไปทางท้ายเรื่อง ( ไม่สปอยล์นะครับ )
เอลิซ่า มีเพื่อนรักที่คอยช่วยเธอในที่ทำงาน คือ เดไลล่า ( ออคเตเวีย สเปนเซอร์ ) เหมือนตัวกันชนในที่ทำงาน ที่คอยช่วยงานกัน ไปไหนไปกัน ร่วมหัวจมท้าย จนกระทั่ง การพบกับ ผู้พัน สตริคแลนด์ ( ไมเคิล แชนน่อน ) ผู้จับสิ่งมีชีวิตลึกลับมายังห้องแล็บได้พร้อมกับบุคลิกหน้าตาที่เห็นแล้วบอกได้เลย คนนี้ผู้ร้ายแน่นอน ตรงนี้พอเห็นหน้า ไมเคิล แชนน่อน บทที่เขาได้รับนี้ทำให้นึกถึง หนังเรื่อง Premium Rush จริงๆ และ บุคลิกก็คล้ายกันเสียด้วยสิ
หนังเดินเรื่องกันแบบตรงๆ ไม่มีหลอก ไม่มีลวง ทั้งบุคลิกตัวละครของ นางเอกที่เป็นสาวจิตใจดี มีชีวิตเรียบง่าย แต่มีความฝันบันเจิดซ่อนอยู่ภายใต้บุคลิกเงียบๆ สะท้อนภาพสาวๆในสังคม ที่ว่าเห็นคนเงียบๆเรียบร้อยๆ แต่ถ้าได้รู้จักตัวจริงแล้ว เป็นตรงกันข้ามกับบุคลิกเลยทีเดียว หรือ อย่าง ผู้พันสตริคแลนด์ ที่มีความโหด และทะเยอทะยาน และกิเลสหนา แข็งนอกอ่อนใน แต่ก็เป็นได้แค่เบี้ยของระดับนายพลอีกทีนึง ที่เมื่อถูกคำสั่งให้มาแบบไหน ก็ต้องทำแบบนั้น บีบทีเดียวถึงกับสติแตกทำได้ทุกอย่างเลยทีเดียว
ตัวละครหลักๆ ก็ประมาณนี้ หนังหากจะดูกันแบบบันเทิง ง่ายๆเลยคือ เป็นหนังแฟนตาซีที่ พบเจอสิ่งมีชีวิตผิดจากมนุษย์ และได้พบหญิงสาวที่บกพร่องในการสื่อสาร แต่กลับสื่อสารกันได้ ทำให้หญิงสาวที่มีชีวิตน่าเบื่อ กลับได้ถูกเติมเต็มอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตนี้ สามารถเติมเต็มจินตนาการของเธอ ประดุจดังเธอสามารถพูดส่งเสียง หรือแม้กระทั่งร้องเพลงเต้นรำได้เลยทีเดียว " You Complete Me " คำนี้น่าจะเป็นคำที่ยืมจากหนังอีกเรื่องมาใช้ได้เลย
แต่ถ้ามองกันแบบ สะท้อนสังคมสักนิด ตัว สิ่งมีชีวิต Humanoid ที่จับได้ รวมถึงนางเอกที่เป็นใบ้ รวมถึง เดไลล่าห์ ( อ๊อคเทเวียส ) สำหรับ คนอย่างผุ้พันสตริคแลนด์แล้ว ก็คือ อะไรที่แตกต่างจากตัวเอง Difference คงเป็นประเด็นสำคัญ ที่ทำให้ ตั้งแต่การมอง การเหยียด และการปฏิบัติต่อคนที่แตกต่างจากตัวเอง แบบไม่ใช่คน หรือคนที่ด้อยกว่า ซึ่งทุกวันนี้ในสังคม อเมริกัน และทั่วโลกก็ยังปฏิบัติต่อกันแบบนี้มีให้เห็นอยู่ คือ แยก เขา แยกเรา และ เราดีกว่าเขา
แซลลี่ ฮอว์กิ้น เรียกว่ามาเปรี้ยงๆ ในวัย 41 ก็คงจะยังไม่สาย เธอเล่นได้ดู เหนียม เงียบ ดูแล้วคล้าย ทาเลีย แชร์ นางเอกหนัง Rocky ภาคแรกๆ
อ๊อคเทเวีย ในบทสมทบ ไม่มีอะไรมาก เธอทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
ไมเคิล แชนน่อน หรือผู้พัน ซอร์ท จาก Man of Steel นี่สิ ผมเห็นแกแล้ว ผมว่าแกคงไม่พัฒนาการแสดงไปได้ถึงไหน เพราะเหมือนดูหนังเรื่อง Premium Rush คือ เป็นคนไม่ฉลาดเท่าไหร่ และเสียท่าจากความเผลอของตัวเองในที่สุด
ตัว Humanoid ว่าไปไม่มีบทมากนัก ไม่ว่าจะความประหลาด มหัศจรรย์ต่างๆ ถูกกลบโดยเนื้อเรื่องไปได้เกือบหมด
ฉากจบ ทำให้ผมนึกถึงหนังเก่ามากๆของ Tom Hanks เรื่อง Splash ใครไม่เคยดู ไปลองหาดูนะครับ นั่นก็คนกับเงือก และตอนจบก็พากันไปในที่แห่งนึง วิธีจบคล้ายๆกัน แนะนำให้ลองหามาดู หรือใครอยากรู้ว่าพากันไปไหน หาดูไม่ได้ หลังไมค์มาถามได้นะครับ
สรุปว่า The Shape of Water ไม่ใช่หนัง Dark แบบ Pan labyrinth ที่ Del Toro เคยสร้างไว้ แม้โทนสีของหนังจะคล้าย แต่ตอนดูหนังจบเดินออกจากโรงอารมณ์ต่างกัน โดยสิ้นเชิง Totally Difference ครับ อันนี้รับรองได้ ผมว่า Del Toro เก่งและมีแนวทางในเรื่องของ ตัวละครที่มีจินตนาการ และสิ่งที่เป็นแฟนตาซี อย่างตัวละครใน Pan labyrinth นั้นเด็กสาวเป็นคนช่างฝัน ใช้ชีวิตอยุ่ได้ด้วยความฝันบนชีวิตจริงที่โหดร้าย แม้ตายไปแล้วก็ยังคงฝันว่าได้ไปยังดินแดนแห่งฝัน แต่ Shape of Water ต่างกันมากครับ ดูจบแล้วเปิดเพลง Love came for me แบบในหนัง Splash ได้เลยน่ะผมว่า
ไม่ได้สปอยล์อะไรหนังมาก แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่า นี่คือหนังบันเทิงครบรส ดูได้ไม่ต้องคิดมาก หรือ จะเก็บเกี่ยวข้อคิดต่างๆก็มีให้ ถ้ามีเวลาและงบประมาณ ดูหนังได้เรื่องเดียว ก็เชียร์ให้ดูกันครับ The Shape of Water
[CR] 555 Review : The Shape of Water
ตั้งแต่ปีใหม่มา ก็มีหนังเข้าโรงฉายหลายเรื่อง The Shape of Water เป็นเรื่องที่ผมให้ขึ้นอันดับต้นของหนังที่ผมได้ดูในรอบ 1 เดือนเศษกับหนัง 7 เรื่องที่ผมได้ดู หลายเรื่องยังฉายอยู่ แต่วันนี้ขอ รีวิว The Shape of Water ด้วยความชอบส่วนตัวละกันครับ
ตอนแรกที่ได้เห็นโปสเตอร์ และดูแค่ Trailer ก็คิดว่า หนังต้องดูยาก Dark แน่ๆ แต่หลังจากหนังจบแล้ว มากระซิบบอกเลยว่า ไม่ใช่ครับ
หนังเกี่ยวกับ ภารโรงสาวใบ้ ในบัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ ในปี 1962 ที่ทำงานในหน่วยงานที่มีห้องแล็บของรัฐบาล ซึ่งเก็บความลับระดับชาติไว้และได้พบสิ่งมีชีวิตที่ทางหน่วยงานพิเศษ จับมาได้จากอเมริกาใต้ เป็นสายพันธ์ุ กบ หรือคางคกแมนประมาณนั้น ( amphibian ) และเรื่องราวต่างๆก็ได้สานต่อกันเป็นภาพยนตร์บันเทิงแบบ Romance Fantasy ที่ดูสนุกทีเดียว
หนังเดินเรื่องในส่วนของตัวเอกคือ เอลิซ่า ( แซลลี่ ฮอว์คกิ้น ) สาวใบ้กับชีวิตประจำวันที่เธอดำเนินไป พร้อมกับใช้ชีวิตร่วมกับ ชายชรา นักวาดรูป ( ริชาร์ด เจงกินส์ ) แบบดูแลกัน แต่ไม่สัมพันธ์ลึกซึ้ง ซึ่งหนังเผยให้รู้ว่าทำไมไม่ลึกซึ้งตอนกลางๆ ค่อนไปทางท้ายเรื่อง ( ไม่สปอยล์นะครับ )
เอลิซ่า มีเพื่อนรักที่คอยช่วยเธอในที่ทำงาน คือ เดไลล่า ( ออคเตเวีย สเปนเซอร์ ) เหมือนตัวกันชนในที่ทำงาน ที่คอยช่วยงานกัน ไปไหนไปกัน ร่วมหัวจมท้าย จนกระทั่ง การพบกับ ผู้พัน สตริคแลนด์ ( ไมเคิล แชนน่อน ) ผู้จับสิ่งมีชีวิตลึกลับมายังห้องแล็บได้พร้อมกับบุคลิกหน้าตาที่เห็นแล้วบอกได้เลย คนนี้ผู้ร้ายแน่นอน ตรงนี้พอเห็นหน้า ไมเคิล แชนน่อน บทที่เขาได้รับนี้ทำให้นึกถึง หนังเรื่อง Premium Rush จริงๆ และ บุคลิกก็คล้ายกันเสียด้วยสิ
หนังเดินเรื่องกันแบบตรงๆ ไม่มีหลอก ไม่มีลวง ทั้งบุคลิกตัวละครของ นางเอกที่เป็นสาวจิตใจดี มีชีวิตเรียบง่าย แต่มีความฝันบันเจิดซ่อนอยู่ภายใต้บุคลิกเงียบๆ สะท้อนภาพสาวๆในสังคม ที่ว่าเห็นคนเงียบๆเรียบร้อยๆ แต่ถ้าได้รู้จักตัวจริงแล้ว เป็นตรงกันข้ามกับบุคลิกเลยทีเดียว หรือ อย่าง ผู้พันสตริคแลนด์ ที่มีความโหด และทะเยอทะยาน และกิเลสหนา แข็งนอกอ่อนใน แต่ก็เป็นได้แค่เบี้ยของระดับนายพลอีกทีนึง ที่เมื่อถูกคำสั่งให้มาแบบไหน ก็ต้องทำแบบนั้น บีบทีเดียวถึงกับสติแตกทำได้ทุกอย่างเลยทีเดียว
ตัวละครหลักๆ ก็ประมาณนี้ หนังหากจะดูกันแบบบันเทิง ง่ายๆเลยคือ เป็นหนังแฟนตาซีที่ พบเจอสิ่งมีชีวิตผิดจากมนุษย์ และได้พบหญิงสาวที่บกพร่องในการสื่อสาร แต่กลับสื่อสารกันได้ ทำให้หญิงสาวที่มีชีวิตน่าเบื่อ กลับได้ถูกเติมเต็มอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตนี้ สามารถเติมเต็มจินตนาการของเธอ ประดุจดังเธอสามารถพูดส่งเสียง หรือแม้กระทั่งร้องเพลงเต้นรำได้เลยทีเดียว " You Complete Me " คำนี้น่าจะเป็นคำที่ยืมจากหนังอีกเรื่องมาใช้ได้เลย
แต่ถ้ามองกันแบบ สะท้อนสังคมสักนิด ตัว สิ่งมีชีวิต Humanoid ที่จับได้ รวมถึงนางเอกที่เป็นใบ้ รวมถึง เดไลล่าห์ ( อ๊อคเทเวียส ) สำหรับ คนอย่างผุ้พันสตริคแลนด์แล้ว ก็คือ อะไรที่แตกต่างจากตัวเอง Difference คงเป็นประเด็นสำคัญ ที่ทำให้ ตั้งแต่การมอง การเหยียด และการปฏิบัติต่อคนที่แตกต่างจากตัวเอง แบบไม่ใช่คน หรือคนที่ด้อยกว่า ซึ่งทุกวันนี้ในสังคม อเมริกัน และทั่วโลกก็ยังปฏิบัติต่อกันแบบนี้มีให้เห็นอยู่ คือ แยก เขา แยกเรา และ เราดีกว่าเขา
แซลลี่ ฮอว์กิ้น เรียกว่ามาเปรี้ยงๆ ในวัย 41 ก็คงจะยังไม่สาย เธอเล่นได้ดู เหนียม เงียบ ดูแล้วคล้าย ทาเลีย แชร์ นางเอกหนัง Rocky ภาคแรกๆ
อ๊อคเทเวีย ในบทสมทบ ไม่มีอะไรมาก เธอทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
ไมเคิล แชนน่อน หรือผู้พัน ซอร์ท จาก Man of Steel นี่สิ ผมเห็นแกแล้ว ผมว่าแกคงไม่พัฒนาการแสดงไปได้ถึงไหน เพราะเหมือนดูหนังเรื่อง Premium Rush คือ เป็นคนไม่ฉลาดเท่าไหร่ และเสียท่าจากความเผลอของตัวเองในที่สุด
ตัว Humanoid ว่าไปไม่มีบทมากนัก ไม่ว่าจะความประหลาด มหัศจรรย์ต่างๆ ถูกกลบโดยเนื้อเรื่องไปได้เกือบหมด
ฉากจบ ทำให้ผมนึกถึงหนังเก่ามากๆของ Tom Hanks เรื่อง Splash ใครไม่เคยดู ไปลองหาดูนะครับ นั่นก็คนกับเงือก และตอนจบก็พากันไปในที่แห่งนึง วิธีจบคล้ายๆกัน แนะนำให้ลองหามาดู หรือใครอยากรู้ว่าพากันไปไหน หาดูไม่ได้ หลังไมค์มาถามได้นะครับ
สรุปว่า The Shape of Water ไม่ใช่หนัง Dark แบบ Pan labyrinth ที่ Del Toro เคยสร้างไว้ แม้โทนสีของหนังจะคล้าย แต่ตอนดูหนังจบเดินออกจากโรงอารมณ์ต่างกัน โดยสิ้นเชิง Totally Difference ครับ อันนี้รับรองได้ ผมว่า Del Toro เก่งและมีแนวทางในเรื่องของ ตัวละครที่มีจินตนาการ และสิ่งที่เป็นแฟนตาซี อย่างตัวละครใน Pan labyrinth นั้นเด็กสาวเป็นคนช่างฝัน ใช้ชีวิตอยุ่ได้ด้วยความฝันบนชีวิตจริงที่โหดร้าย แม้ตายไปแล้วก็ยังคงฝันว่าได้ไปยังดินแดนแห่งฝัน แต่ Shape of Water ต่างกันมากครับ ดูจบแล้วเปิดเพลง Love came for me แบบในหนัง Splash ได้เลยน่ะผมว่า
ไม่ได้สปอยล์อะไรหนังมาก แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่า นี่คือหนังบันเทิงครบรส ดูได้ไม่ต้องคิดมาก หรือ จะเก็บเกี่ยวข้อคิดต่างๆก็มีให้ ถ้ามีเวลาและงบประมาณ ดูหนังได้เรื่องเดียว ก็เชียร์ให้ดูกันครับ The Shape of Water