The Shape Of Water - (7.5/10)
______________________________
.
"ความรักต่างเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้มีอะไรใหม่"
.
เรียกได้ว่ามาแรงมากสำหรับกระแสของหนังเรื่องนี้ หลังจากที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มากมายหลายสาขา แต่ขอบอกจากใจเลยว่า หลังดูจบรู้สึกได้ว่าหนังธรรมดามากๆ เป็นแค่รักต่างเผ่าพันธุ์ทั่วไป ที่มีโปรดักชั่นที่ดีเยี่ยม
.
ส่วนตัวรู้สึกได้ว่าหนังมีการเล่าเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาดี โดยดำเนินผ่านตัวละครนางเอกเป็นหลัก ซึ่งต้องขอชมเลยว่า Sally Hawkins (Elisa) เล่นได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าทำให้คนดูเชื่อเรื่องราวและความคิดต่างๆที่ออกมาจากตัวเธอเลยในทันที รวมไปถึงตัวร้ายอย่าง Michael Shannon ที่ตีบทความสติแตกและความบ้าได้อย่างดีเยี่ยม (จริงๆคือชอบทุกฉากที่มี Shannon ออกมา) และบรรยากาศโทนสีโปรดักชั่นต่างๆในเรื่องที่ชวนให้เห็นถึงความหม่นหมองแบบสมัยสงครามเย็น
.
แต่นอกจากนั้นแล้ว หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเด่นออกไปมากเลยจากพลอตแบบแนวเดิมๆ เพลงประกอบที่มีการชื่นชมกันอย่างมาก แต่ส่วนตัวแล้วกลับมองว่าเหมือนเพลงที่เปิดตามร้านกาแฟแถวๆอารีย์ คือหนังพยายามจะทำให้มีฟีลแบบ retro แต่ก็รู้สึกว่ามันผิวเผินมากๆ เพราะหนังไม่ได้ไปแตะอะไรที่เป็นแก่นหรือบทของเรื่องเลย เหมือนแค่แต่งหน้าทาปากเท่านั้นเอง
.
ส่วนการดำเนินเนื้อเรื่องของหนังที่เป็นไปอย่างงงๆในช่วงแรกที่ไม่รู้ว่าหนังจะไปในแนวทางไหนกันแน่ กว่าจะเข้าเรื่องก็ใช้แวลาพอสมควร ซึ่งสิ่งที่ปูมาตอนแรกก็ไม่ได้มีประโยชน์ในการต่อยอดแต่อย่างใด จนแอบเสียดายโปรดักชั่นของเรื่องนี้มากๆ เหมือนเป็นหนัง Netflix เรื่องนึงเท่านั้นเอง
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/
[CR] The Shape Of Water (7.5/10) - ความรักต่างเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้มีอะไรใหม่
______________________________
.
"ความรักต่างเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้มีอะไรใหม่"
.
เรียกได้ว่ามาแรงมากสำหรับกระแสของหนังเรื่องนี้ หลังจากที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มากมายหลายสาขา แต่ขอบอกจากใจเลยว่า หลังดูจบรู้สึกได้ว่าหนังธรรมดามากๆ เป็นแค่รักต่างเผ่าพันธุ์ทั่วไป ที่มีโปรดักชั่นที่ดีเยี่ยม
.
ส่วนตัวรู้สึกได้ว่าหนังมีการเล่าเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาดี โดยดำเนินผ่านตัวละครนางเอกเป็นหลัก ซึ่งต้องขอชมเลยว่า Sally Hawkins (Elisa) เล่นได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าทำให้คนดูเชื่อเรื่องราวและความคิดต่างๆที่ออกมาจากตัวเธอเลยในทันที รวมไปถึงตัวร้ายอย่าง Michael Shannon ที่ตีบทความสติแตกและความบ้าได้อย่างดีเยี่ยม (จริงๆคือชอบทุกฉากที่มี Shannon ออกมา) และบรรยากาศโทนสีโปรดักชั่นต่างๆในเรื่องที่ชวนให้เห็นถึงความหม่นหมองแบบสมัยสงครามเย็น
.
แต่นอกจากนั้นแล้ว หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเด่นออกไปมากเลยจากพลอตแบบแนวเดิมๆ เพลงประกอบที่มีการชื่นชมกันอย่างมาก แต่ส่วนตัวแล้วกลับมองว่าเหมือนเพลงที่เปิดตามร้านกาแฟแถวๆอารีย์ คือหนังพยายามจะทำให้มีฟีลแบบ retro แต่ก็รู้สึกว่ามันผิวเผินมากๆ เพราะหนังไม่ได้ไปแตะอะไรที่เป็นแก่นหรือบทของเรื่องเลย เหมือนแค่แต่งหน้าทาปากเท่านั้นเอง
.
ส่วนการดำเนินเนื้อเรื่องของหนังที่เป็นไปอย่างงงๆในช่วงแรกที่ไม่รู้ว่าหนังจะไปในแนวทางไหนกันแน่ กว่าจะเข้าเรื่องก็ใช้แวลาพอสมควร ซึ่งสิ่งที่ปูมาตอนแรกก็ไม่ได้มีประโยชน์ในการต่อยอดแต่อย่างใด จนแอบเสียดายโปรดักชั่นของเรื่องนี้มากๆ เหมือนเป็นหนัง Netflix เรื่องนึงเท่านั้นเอง
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/