สวัสดีค่า เมื่อต้นเดือนธันวาที่ผ่านมา เราไปเที่ยวคันไซกับเพื่อนกัน 2 คนมาค่ะ ด้วยความที่ว่า มาคันไซหลายรอบแล้ว แต่ปกติจะใช้พาสแยกทีละจังหวัดในคันไซ เที่ยวแต่ที่ซ้ำๆ จนเบื่อ ครั้งนี้เราเลยตัดสินใจใช้ Hankyu Tourist pass, Hanshin Tourist pass ที่ไม่เคยใช้มาก่อน และได้ซื้อพาสขึ้นเขา Rokko เพื่อไปเล่นสกีด้วยล่ะ!!
อันนี้เป็นแผนที่ที่พาสนี้ครอบคลุมค่า
ตารางเที่ยวคร่าวๆ ของพวกเราประมาณนี้ค่ะ
วันที่ 1 อุเมดะ-Jizoin วัดต้นกำเนิดอิคคิวซัง-วัดจิ้งหรีด-อาราชิยามะ
https://ppantip.com/topic/37229018
วันที่ 2 ปราสาทนิโจ-ร้านราเมงไฟลุก-เดินเล่น Kawaramachi-ศาลเจ้าYasaka-ดองกี้อุเมดะ
https://ppantip.com/topic/37241485
วันที่ 3 Rokkosan-เล่นสกีที่snow park-Kobe Port Tower & Kobe Harborland-ประดับไฟ Kobe Luminarie
https://ppantip.com/topic/37243596
วันที่ 4 Dotonbori-บุกชั้นขนมใต้ดินห้างฯHankyu- ชิงช้าสวรรค์ HAP FIVE -PABLO-Hankyu 3 bankai
https://ppantip.com/topic/37243625
เอาล่ะ! ตะลุยคันไซ 4 วัน โดยใช้พาส Hankyu pass กับ Hanshin pass (+Rokkosan pass) จะเที่ยวอะไรได้บ้าง!? เพื่อนๆคนไหนกำลังสนใจพาสนี้อยู่ เตรียมจดเลยเด้อออ!
เรามาถึงโอซาก้าตอนเกือบ 10 โมง เก็บกระเป๋าที่โรงแรมNew Hankyu Hotel (เดี๋ยวจะรีวิวโรงแรมอีกทีนะ) จากนั้นก็พุ่งตรงมาที่สถานีHankyu Umeda เลย จากนั้นก็ไปที่ Hankyu Tourist Center เพื่อซื้อบัตรพาสค่ะ
พอเข้ามาก็จะมีแผ่นพับเกี่ยวกับพาสแต่ละประเภทวางอยู่มากมาย โดยเฉพาะHankyu Hanshin pass มีเป็นภาษาไทยด้วย!!! สบายใจละเรา 555
อันนี้เป็นพาส(เกือบทั้งหมด)ที่สามารถซื้อได้ที่นี่ค่ะ
วิธีการซื้อก็ง่ายๆ แค่เอาพาสปอร์ต และเงิน เดินไปที่เคาเตอร์บอกกับพนักงานว่าเราจะซื้ออะไรบ้าง พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยนะ ครั้งนี้ที่เราซื้อไป มีดังนี้
1.Hankyu Tourist Pass 2 day (1,400 เยน)
2.Hanshin Tourist Pass 1 day (700 เยน)
3.Rokkosan Tourist Pass (1,000 เยน)
รวมทั้งหมด 3,100 เยน เท่านั้น!! เหลือเงินไปกินหรูๆดีกว่า กิกิกิ
ก่อนออกจากTourist Center เราก็เหลือบไปเห็นโซนที่ให้ใส่ชุดกิโมโนถ่ายภาพด้วยล่ะ ถ้าใครมีเวลาว่างๆแล้วอยากแต่งเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก็มาที่นี่ได้เลย แต่เราต้องรีบแล้วล่ะ เดี๋ยวไม่ทันรถไฟ!!
ตามแผนการ เราจะไป Jizoin วัดต้นกำเนิดอิคคิวซัง ,วัดจิ้งหรีด และอาราชิยามะค่ะ ขึ้นชานชาลาที่ 1 เลยจ้า
เริ่มใช้บัตร Hankyu Tourist Pas 2 Day สีเขียวกันก่อนเลย เก็บบัตรดีๆนะ พรุ่งนี้ยังต้องใช้อีกวัน ตอนซื้อบัตรเค้าจะแถมคู่มือการใช้ และ QR Codeสำหรับสิทธิพิเศษส่วนลดร้านค้าต่างๆด้วย
ถึงสถานี Kami Katsura แล้วจ้า เรากำลังจะไปวัดต้นกำเนิดอิคคิวซังกัน
จากสถานี เดินประมาณ 15 นาที แนะนำให้เปิดกูเกิ้ลแมพเอาเลย พอเข้าซอยที่ดูเป็นบ้านคนเยอะๆ ก็จะมีแผ่นป้ายติดอยู่ แบบในภาพ เราก็เดินตามลูกศรไปเลยจ้า
กรี๊ดดด ทางเข้าวัด Jizoin สวยมากกก!! นี่ต้นเดือนธันวาเข้าไปแล้วนะ ทำไมยังเห็นใบไม้แดงๆส้มๆได้อยู่ล่ะ หยิบกล้องมาถ่ายรัวๆเลยจ้า
ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ เสียค่าเข้า 500 เยน นักเรียนประถมถึงมัธยมปลาย 300 เยน
ภายในวัดร่มรื่นมากๆค่ะ ต้นไผ่สูงๆทั้งนั้นเลย
รูปปั้นของอิคคิวซังและท่านแม่
มาเล่าประวัติย่อๆของอิคคิวซังกันหน่อยดีกว่า เพื่อนๆคงรู้จักการ์ตูนอิคคิวซังกันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ ในการ์ตูนเราอาจจะเห็นความฉลาดต่างๆของอิคคิวซัง แต่ภูมิหลังของอิคคิวซังนั้นช่างน่าสงสาร
หลังจากที่ท่านแม่โดนใส่ร้ายต่างๆนานา ก็พาอิคคิวซังออกจากวังและมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ จากนั้นก็ให้อิคคิวซังบวชเป็นพระ เพื่อปกปิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย ในตอนอายุ 5 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานท่านแม่ก็เสียชีวิต อิคคิวซังก็ใช้ชีวิตเป็นนักบวชอยู่เรื่อยมา ส่วนเรื่องที่อิคคิวซังเจ้าปัญญาอย่างนั้นการ์ตูน เรื่องจริงก็ฉลาดค่ะ แต่ในการ์ตูนอาจจะทำเป็นเรื่องราว เพื่อความสนุกหรือเป็นคติสอนใจมากขึ้นเท่านั้น
เราไม่แปลกใจเลยนะ ว่าทำไมท่านแม่ถึงพาอิคคิวซังมาหลบที่นี่ เพราะวัดนี้เงียบสงบมากๆ ฤดูที่สวยที่สุดเขาบอกว่า คือ ฤดูร้อนแหละ ที่นี่จะเขียวขจี และร่มรื่นมากๆเลย
เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะมีที่ทานชาเขียวด้วย บรรยากาศดีมากๆ ค่าชาคนละ 500 เยน
หลังจากออกมาจากวัด ก็ถึงเวลามื้อกลางวันพอดี เราเลยลงบันไดหินมาจากป้ายรถเมล์
แถวนั้นจะมีร้านอาหารอยู่ ชื่อ “Kokenochaya” เราเลยแวะทานTororo Soba ของขึ้นชื่อแถวนี้ซะเลย
Tororo ทำมาจากมันป่า หรือ Yamaimo ก่อนกินต้องคนๆๆๆ แล้วก็กิน อร่อยไปอีกแบบค่ะแถวนั้นจะมีร้านอาหารอยู่ ชื่อ “Kokenochaya” เราเลยแวะทานTororo Soba ของขึ้นชื่อแถวนี้ซะเลย
สวนหลังร้าน น่ารักมุ้งมิ้งดูเป็นญี่ปุ่นมากๆ
พอออกจากร้าน เดินเลี้ยวไปนิดเดียว ก็จะเจอวัด suzumushi-dera แปลตรงตัวก็คือ วัดจิ้งหรีด ตรงนี้ฝนเริ่มตกนิดหน่อย แต่บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ
เขาบอกว่า วัดนี้ไม่ว่าจะขออะไร ก็จะสมความปรารถนา ขอแฟนได้แฟน ขอให้สอบผ่านก็สอบผ่าน แต่อย่าขอเยอะนะ เดี๋ยวพระเจ้างง
ที่เรียกว่าวัดจิ้งหรีด เพราะ ภายในวัดมีจิ้งหรีดเยอะมากกก ใส่อยู่ในตู้น่ะ แล้วมันจะร้องระงมตลอดทั้งปี เด็กกรุงอย่างเราเพิ่งเคยได้ยินเสียงจิ้งหรีดเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย
ระหว่างดื่มชาก็นั่งฟังพระคุยเรื่องสนุกเฮฮาไป ซึ่งเราก็ฟังไม่ค่อยออกหรอก พูดเร็วมาก แต่คนญี่ปุ่นขำกันใหญ่เลย 55
เราออกจากวัดจิ้งหรีด เดินมาเรื่อยๆประมาณ 15 นาทีเพื่อมายังสถานี Matsuo-Taisha เป็นสถานีเล็กๆแต่น่ารักมาก ตรงนี้เรารอรถไฟเพื่อไปอาราชิยามะค่ะ
ถึงแล้วววว!! สถานีอาราชิยามะ ตอนนี้ก็ 4 โมงเย็นแล้ว หน้าหนาวฟ้ามืดเร็ว เขาเลยเริ่มเปิดไฟแล้ว บอกเลยว่า สวยมาก!!
[CR] [รีวิวรูปเยอะ] ตะลอนเที่ยวแวะเล่นสกีที่เกียวโต-โกเบ-โอซาก้าใน 4 วัน {Part 1}
อันนี้เป็นแผนที่ที่พาสนี้ครอบคลุมค่า
ตารางเที่ยวคร่าวๆ ของพวกเราประมาณนี้ค่ะ
วันที่ 1 อุเมดะ-Jizoin วัดต้นกำเนิดอิคคิวซัง-วัดจิ้งหรีด-อาราชิยามะ
https://ppantip.com/topic/37229018
วันที่ 2 ปราสาทนิโจ-ร้านราเมงไฟลุก-เดินเล่น Kawaramachi-ศาลเจ้าYasaka-ดองกี้อุเมดะ
https://ppantip.com/topic/37241485
วันที่ 3 Rokkosan-เล่นสกีที่snow park-Kobe Port Tower & Kobe Harborland-ประดับไฟ Kobe Luminarie
https://ppantip.com/topic/37243596
วันที่ 4 Dotonbori-บุกชั้นขนมใต้ดินห้างฯHankyu- ชิงช้าสวรรค์ HAP FIVE -PABLO-Hankyu 3 bankai
https://ppantip.com/topic/37243625
เอาล่ะ! ตะลุยคันไซ 4 วัน โดยใช้พาส Hankyu pass กับ Hanshin pass (+Rokkosan pass) จะเที่ยวอะไรได้บ้าง!? เพื่อนๆคนไหนกำลังสนใจพาสนี้อยู่ เตรียมจดเลยเด้อออ!
เรามาถึงโอซาก้าตอนเกือบ 10 โมง เก็บกระเป๋าที่โรงแรมNew Hankyu Hotel (เดี๋ยวจะรีวิวโรงแรมอีกทีนะ) จากนั้นก็พุ่งตรงมาที่สถานีHankyu Umeda เลย จากนั้นก็ไปที่ Hankyu Tourist Center เพื่อซื้อบัตรพาสค่ะ
พอเข้ามาก็จะมีแผ่นพับเกี่ยวกับพาสแต่ละประเภทวางอยู่มากมาย โดยเฉพาะHankyu Hanshin pass มีเป็นภาษาไทยด้วย!!! สบายใจละเรา 555
อันนี้เป็นพาส(เกือบทั้งหมด)ที่สามารถซื้อได้ที่นี่ค่ะ
วิธีการซื้อก็ง่ายๆ แค่เอาพาสปอร์ต และเงิน เดินไปที่เคาเตอร์บอกกับพนักงานว่าเราจะซื้ออะไรบ้าง พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยนะ ครั้งนี้ที่เราซื้อไป มีดังนี้
1.Hankyu Tourist Pass 2 day (1,400 เยน)
2.Hanshin Tourist Pass 1 day (700 เยน)
3.Rokkosan Tourist Pass (1,000 เยน)
รวมทั้งหมด 3,100 เยน เท่านั้น!! เหลือเงินไปกินหรูๆดีกว่า กิกิกิ
ก่อนออกจากTourist Center เราก็เหลือบไปเห็นโซนที่ให้ใส่ชุดกิโมโนถ่ายภาพด้วยล่ะ ถ้าใครมีเวลาว่างๆแล้วอยากแต่งเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก็มาที่นี่ได้เลย แต่เราต้องรีบแล้วล่ะ เดี๋ยวไม่ทันรถไฟ!!
ตามแผนการ เราจะไป Jizoin วัดต้นกำเนิดอิคคิวซัง ,วัดจิ้งหรีด และอาราชิยามะค่ะ ขึ้นชานชาลาที่ 1 เลยจ้า
เริ่มใช้บัตร Hankyu Tourist Pas 2 Day สีเขียวกันก่อนเลย เก็บบัตรดีๆนะ พรุ่งนี้ยังต้องใช้อีกวัน ตอนซื้อบัตรเค้าจะแถมคู่มือการใช้ และ QR Codeสำหรับสิทธิพิเศษส่วนลดร้านค้าต่างๆด้วย
ถึงสถานี Kami Katsura แล้วจ้า เรากำลังจะไปวัดต้นกำเนิดอิคคิวซังกัน
จากสถานี เดินประมาณ 15 นาที แนะนำให้เปิดกูเกิ้ลแมพเอาเลย พอเข้าซอยที่ดูเป็นบ้านคนเยอะๆ ก็จะมีแผ่นป้ายติดอยู่ แบบในภาพ เราก็เดินตามลูกศรไปเลยจ้า
กรี๊ดดด ทางเข้าวัด Jizoin สวยมากกก!! นี่ต้นเดือนธันวาเข้าไปแล้วนะ ทำไมยังเห็นใบไม้แดงๆส้มๆได้อยู่ล่ะ หยิบกล้องมาถ่ายรัวๆเลยจ้า
ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ เสียค่าเข้า 500 เยน นักเรียนประถมถึงมัธยมปลาย 300 เยน
ภายในวัดร่มรื่นมากๆค่ะ ต้นไผ่สูงๆทั้งนั้นเลย
รูปปั้นของอิคคิวซังและท่านแม่
มาเล่าประวัติย่อๆของอิคคิวซังกันหน่อยดีกว่า เพื่อนๆคงรู้จักการ์ตูนอิคคิวซังกันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ ในการ์ตูนเราอาจจะเห็นความฉลาดต่างๆของอิคคิวซัง แต่ภูมิหลังของอิคคิวซังนั้นช่างน่าสงสาร
หลังจากที่ท่านแม่โดนใส่ร้ายต่างๆนานา ก็พาอิคคิวซังออกจากวังและมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ จากนั้นก็ให้อิคคิวซังบวชเป็นพระ เพื่อปกปิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย ในตอนอายุ 5 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานท่านแม่ก็เสียชีวิต อิคคิวซังก็ใช้ชีวิตเป็นนักบวชอยู่เรื่อยมา ส่วนเรื่องที่อิคคิวซังเจ้าปัญญาอย่างนั้นการ์ตูน เรื่องจริงก็ฉลาดค่ะ แต่ในการ์ตูนอาจจะทำเป็นเรื่องราว เพื่อความสนุกหรือเป็นคติสอนใจมากขึ้นเท่านั้น
เราไม่แปลกใจเลยนะ ว่าทำไมท่านแม่ถึงพาอิคคิวซังมาหลบที่นี่ เพราะวัดนี้เงียบสงบมากๆ ฤดูที่สวยที่สุดเขาบอกว่า คือ ฤดูร้อนแหละ ที่นี่จะเขียวขจี และร่มรื่นมากๆเลย
เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะมีที่ทานชาเขียวด้วย บรรยากาศดีมากๆ ค่าชาคนละ 500 เยน
หลังจากออกมาจากวัด ก็ถึงเวลามื้อกลางวันพอดี เราเลยลงบันไดหินมาจากป้ายรถเมล์
แถวนั้นจะมีร้านอาหารอยู่ ชื่อ “Kokenochaya” เราเลยแวะทานTororo Soba ของขึ้นชื่อแถวนี้ซะเลย
Tororo ทำมาจากมันป่า หรือ Yamaimo ก่อนกินต้องคนๆๆๆ แล้วก็กิน อร่อยไปอีกแบบค่ะแถวนั้นจะมีร้านอาหารอยู่ ชื่อ “Kokenochaya” เราเลยแวะทานTororo Soba ของขึ้นชื่อแถวนี้ซะเลย
สวนหลังร้าน น่ารักมุ้งมิ้งดูเป็นญี่ปุ่นมากๆ
พอออกจากร้าน เดินเลี้ยวไปนิดเดียว ก็จะเจอวัด suzumushi-dera แปลตรงตัวก็คือ วัดจิ้งหรีด ตรงนี้ฝนเริ่มตกนิดหน่อย แต่บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ
เขาบอกว่า วัดนี้ไม่ว่าจะขออะไร ก็จะสมความปรารถนา ขอแฟนได้แฟน ขอให้สอบผ่านก็สอบผ่าน แต่อย่าขอเยอะนะ เดี๋ยวพระเจ้างง
ที่เรียกว่าวัดจิ้งหรีด เพราะ ภายในวัดมีจิ้งหรีดเยอะมากกก ใส่อยู่ในตู้น่ะ แล้วมันจะร้องระงมตลอดทั้งปี เด็กกรุงอย่างเราเพิ่งเคยได้ยินเสียงจิ้งหรีดเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย
ระหว่างดื่มชาก็นั่งฟังพระคุยเรื่องสนุกเฮฮาไป ซึ่งเราก็ฟังไม่ค่อยออกหรอก พูดเร็วมาก แต่คนญี่ปุ่นขำกันใหญ่เลย 55
เราออกจากวัดจิ้งหรีด เดินมาเรื่อยๆประมาณ 15 นาทีเพื่อมายังสถานี Matsuo-Taisha เป็นสถานีเล็กๆแต่น่ารักมาก ตรงนี้เรารอรถไฟเพื่อไปอาราชิยามะค่ะ
ถึงแล้วววว!! สถานีอาราชิยามะ ตอนนี้ก็ 4 โมงเย็นแล้ว หน้าหนาวฟ้ามืดเร็ว เขาเลยเริ่มเปิดไฟแล้ว บอกเลยว่า สวยมาก!!