จขกท. อายุ 28 ปีครับ ปัจจุบันทำงาน IT อยู่ในกรุงเทพ ครับ พักนี้รู้สึกมีความเครียดกับหลายๆเรื่องเลยครับ ไม่รู้จะไประบายที่ไหนดี คนในบ้านก็คุยด้วยไม่ได้สักคน และยังเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความเครียดด้วยครับ ปัญหาของเรามีหลายเรื่องครับ อาจจะดูหนักหนาสาหัสเกินที่ใครสักคนตะรับไหวก็เป็นได้ ขอสรุปเป็นย่อหน้าก็แล้วกันนะครับ
ยอมรับว่าสมัยเราเด็กๆ ครอบครัวมีฐานะที่ยากจนมากๆ ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองเลย พ่อแม่เราเองก็มาจากครอบครัวที่มีปัญหาแตกแยกกัน จิตใจก็เลยไม่ค่อยปกติเสียเท่าไหร่ พ่อเรามาจากครอบครัวที่ปู่กับย่าเลิกกัน พ่ออาศัยอยู่กับปู่และแม่เลี้ยงของเค้า ทุกวันปู่มักจะหาเรื่องด่าว่า ทุบตี ถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้ง พ่อทะเลาะกับปู่ประจำ และเคยถูกย่าชวดใช้ไม้ไผ่ตีกลางศีรษะเป็นแผลเป็นบนหัว พ่อเราก็เลนมีอาการทางประสาทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางครั้งก็มีนิสัยตบหัวแล้วลูกหลัง ส่วนแม่เราก็เลิกกับสามีเก่าที่ยายบังคับให้แต่งงานด้วย เพื่อเพิ่มฐานะทางการเงินให้ดีขึ้น แต่สุดท้ายไปกันไม่รอดเพราะอายุห่างกับสามีเก่า 20 กว่าปี แม่ก็มีลูกติดจากสามีเก่าคนนึง แรกๆมาเจอพ่อ พ่อถามว่าเคยมีลูกมีผัวมาก่อนไหม แม่บอกตัวคนเดียวไม่เคยมีใคร พอได้มาอยู่ด้วยกัน ได้เสียกัน ก็เลยบอกตอนหลังว่ามีลูกมีผัวมาก่อนแล้ว พ่อก็เลยเสียใจและไม่ค่อยเชื่อใจแม่ตั้งแต่นั้นมา
เรื่องหนี้สินครอบครัว แม่เราก่อหนี้สินครอบครัวขึ้นมาจำนวนมาก โดยที่ไม่ได้ปรึกษาคนในบ้านเลย เหตุผลเป็นเพราะว่าช่วงนั้นประมาณปี 2540 เศรษฐกิจตกต่ำ พ่อเราตกงาน และไม่ยอมออกทำมาหากินอะไรเลย วันๆเอาแต่นอนพักอยู่ในบ้าน ปล่อยให้แม่หาเงินมาจุนเจือครอบครัวฝ่ายเดียว เป็นเวลาประมาณ 12 ปี พอเราจะขึ้นมหาลัยจึงยอมที่จะออกไปทำมาหากิน แต่กว่าจะออกไปได้ก็ทะเลาะกับแม่บ้านแทบแตก พอเราเรียนจบ พ่อกับแม่ก็ได้เที่ยวไปอวดโอ้กับชาวบ้านว่าเราเรียนจบปริญญาตรีแล้ว โดยอวดไม่เว้นแม้แต่เจ้าหนี้รายใหญ่ และก็บอกเค้าว่าพอลูกเรียนจบจะใช้หนี้ทันที เจ้าหนี้เห็นแบบนั้นก็เลยรู้สึกหมันไส้ก็เลยทวงเงินคืนกับแม่หนักมาก ด่าว่าแม่ จนแม่เครียด มาอารมณ์เสียกับเราตอนเราจบใหม่ๆได้ไม่ถึง 1 เดือน ยังหางานไม่ได้ แม่ด่าเราว่าขี้เกียจทำมาหากิน ขี้เกียจสันหลังยาว เลือดแม่ให้มันมีอยู่บ้าง เลือดพ่อเยอะเกินไปมั้ย เราทะเลาะกับแม่เรื่องงานอยู่ประมาณ 1 ปีครึ่ง จนได้งานทำที่แรก ซึ่งเป็นงานีที่ไม่ได้ชอบเลย แต่ก็ต้องฝืนใจทำ ให้พ่อแม่เลิกบ่น และตอนช่วงแรกๆที่เราว่างงาน จะให้เราไปเป็นเด็กล้างรถยนต์ เปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ในปั้มแห่งหนึ่ง เพื่อหาเงินมาให้เค้าใช้หนี้ให้ได้ จนทุกวันนี้ก็กำลังผ่อนใช้อยู่ครับ แต่มันก็คงต้องใช้เวลามากสักหน่อย เพราะแม่เราก็หนี้ไว้มหาศาล ทั้งหนี้ในครอบครัว และหนี้ในส่วนของลูกติดสามีเก่า ที่ซื้อรถจนติดแบล็กลิสต์ถึงสามคัน ซึ่งต้องส่วนนี้แม่เองก็เก็บเป็นความลับ บอกหมดไม่ได้ แต่เราก็รับรู้และจะช่วยใช้หนี้แค่ที่แม่บอกเท่านั้น นอกเหนือจากที่ไม่บอกแม่คงต้องจ่ายเอง
ปัจจุบันพ่อเราอายุ 55 ปี อาการวัยทองของพ่อ ดูจะรุนแรงมากขึ้นทุกวันๆ ชอบหาเรื่องทะเลาะกับแม่ เรา และน้องอยู่เรื่อยๆ บางครั้งก็ดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย วันๆไม่ว่าจะมีเวลาว่างหรือกลับจากทำงาน เค้าก็มักจะมาด่าว่าเรื่องปู่กับย่าให้เราฟังเสมอด้วยถ้อยคำแรงๆ ด่าว่าปู่ด้วยคำต่ำๆ แต่ก็ยอมรับนะ เพราะเราเจอปู่ ปู่เราเค้าก็ไม่ดีจริงๆแหละ แต่สำหรับเราเองก็ไม่อยากรับฟังเรื่องแบบนี้บ่อยๆเท่าไหร่ มันเสียสุขภาพจิตเอามากๆ วันๆไม่อยากอยู่บ้านเลย บางทีเรากลับบ้านดึก ประมาณ 18.45-19.00 ก็มักจะโทรมาจุกจิกกับเราว่าอยู่ที่ไหนทำอะไร ดึกดื่นป่านนี้ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง ด้วยความรำคาญเราก็พูดแรงๆใส่พ่อไปบ้างให้เค้ารู้สึกตัวจนเค้าก็เงียบไป ทุกวันนี้คนในบ้าน ไม่อยากคุยกับเค้า พอเรากลับจากทำงานมา ไม่เดินขึ้นบ้านเลย เราก็ไปเล่นกับแมวที่เลี้ยงไว้ก่อนขึ้นบ้าน พยายามเลี่ยงที่จะไม่คุยกับพ่อ เพราะคุยแล้วก็มีแต่จะทะเลาะ เพราะคุยด้วยก็มักจะด่าเราก่อนแล้วค่อยตอบ บางครั้งต้องคุยด้วยแบบจำเป็นจริงๆ เราถามเค้า เค้าก็ทำมองๆ ทำเฉย บางทีต้องถามถึงสองครั้งถึงจะตอบ แบบอารมณ์ประมาณกวนประสาทเรา ว่าไม่คุยด้วยก็ไม่คุยด้วยให้ได้ตลอดสิ ประมาณนั้น บางวันเราไปทำงานก็เอา notebook เรามาเปิดดูว่าเราทำอะไรอยู่บ้าน ทั้งใน Pantip facebook พอตกเย็นก็เอามาถามว่า คนนี้ใคร คอมเม้นอะไร ทำไมมาคอมเม้นบ่อยจัง เราเป็นอะไรกับมัน ทำไมต้องมาเม้นบ่อย อย่าไปยุ่งกับคนๆนั้นมากเค้ามีสามีแล้ว อะไรของพ่อก็ไม่รู้ครับ น่ารำคาญมาก ทุกวันนี้อยู่บ้านแทบไม่มีความสุขเลยเวลาพ่ออยู่ จนตอนนี้ก็หาทางจะย้ายออกมาอยู่คนเดียว แต่ก็ยังกลัวๆจะลำบาก แล้วก็ยังหางานใหม่ไม่ได้
เรื่องงานประจำที่ทำอยู่ ทำมาได้ 3 ปีกว่าแล้วครับ ตัวงานดี แต่เจ้านายและเพื่อนร่วมงานไม่ดีเลย เจ้านายเป็นคนเจ้าอารมณ์ วันนี้คิดอีกอย่าง พรุ่งนี้คิดอีกอย่าง เวลาจะเอาอะไรต้องได้ตามใจเค้า ไม่ยอมรับฟังความเห็นของลูกน้อง ส่วนคนในทีมเราเค้าก็หวงวิชา ไม่ยอมถ่ายทอดหน้าที่งานบางอย่างที่สำคัญให้เราได้เรียนรู้เลย แม้แต่รหัสผ่านของระบบที่พอจะเป็นช่องทางให้เราเข้าไปศึกษางาน ก็ไม่ให้ เหมือนกลัวเราจะรู้เท่าเค้า แล้วเค้าจะถูกบริษัทจ้างออกจากงานประมาณนั้น ตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงขาลงกำลังจะลดคนลง และมีแนวโน้มว่าคนในทีมเราจะต้องโดนบีบ 1 คน ซึ่งเท่าที่สังเกตน่าจะเป็นตัวเราเอง เพราะว่าหน้าที่การงานที่เคยทำก็โอนไปให้คนเก่าคนแก่ทำเกือบหมดแล้ว วันๆนั่งว่างๆแทบไม่ได้ทำอะไรเลย บางทีหัวหน้าทีมก็พูดจาด้วยคำแย่ๆกับเรา บางทีเป็นความผิดของเค้าแต่เค้าก็โยนความผิดมาให้เรา จนเราทุกวันนี้ทำงานอึดอัดมากครับ ไปกินข้าวกับเค้ายังอึดอัดเลย ตอนนี้งานใหม่ก็ยังหาไม่ได้เลยครับ ทั้งราชการและเอกชน ราชการก็ขึ้นบัญชีไว้ ยังไม่ถูกเรียกบรรจุเลย ส่วนเอกชนก็ไล่ตระเวนสัมภาษณ์แต่ก็ยังไม่สู้ดีนัก
ยอมรับว่าทุกวันนี้เราเองก็เครียดมากครับ รู้สึกกดดันมากๆ กับทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องที่จะต้องรองรับอารมณ์ของพ่อทุกวันแล้วก็เรื่องงานที่กำลังถูกบีบให้ลาออก เพราะถ้าลาออกก่อนที่จะได้งานใหม่ หรือลาออกก่อนแล้วหางานใหม่ แม่เราก็จะไม่มีเงินจากเราไปหมุนระบบหนี้ ก็จะมาทำนิสัยเสียกับเราเหมือนเดิมเหมือนตอนว่างงานแน่ๆ เราควรจะจัดการกับชีวิตอย่างไรดีครับ ทุกวันนี้ดูเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้วด้วย ขอบคุณสำหรับพื้นที่สำหรับระบาย และอยากได้กำลังใจครับ ขอบคุณครับ
ขอพื้นที่ระบายความในใจ และอยากได้กำลังใจครับ
ยอมรับว่าสมัยเราเด็กๆ ครอบครัวมีฐานะที่ยากจนมากๆ ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองเลย พ่อแม่เราเองก็มาจากครอบครัวที่มีปัญหาแตกแยกกัน จิตใจก็เลยไม่ค่อยปกติเสียเท่าไหร่ พ่อเรามาจากครอบครัวที่ปู่กับย่าเลิกกัน พ่ออาศัยอยู่กับปู่และแม่เลี้ยงของเค้า ทุกวันปู่มักจะหาเรื่องด่าว่า ทุบตี ถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้ง พ่อทะเลาะกับปู่ประจำ และเคยถูกย่าชวดใช้ไม้ไผ่ตีกลางศีรษะเป็นแผลเป็นบนหัว พ่อเราก็เลนมีอาการทางประสาทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางครั้งก็มีนิสัยตบหัวแล้วลูกหลัง ส่วนแม่เราก็เลิกกับสามีเก่าที่ยายบังคับให้แต่งงานด้วย เพื่อเพิ่มฐานะทางการเงินให้ดีขึ้น แต่สุดท้ายไปกันไม่รอดเพราะอายุห่างกับสามีเก่า 20 กว่าปี แม่ก็มีลูกติดจากสามีเก่าคนนึง แรกๆมาเจอพ่อ พ่อถามว่าเคยมีลูกมีผัวมาก่อนไหม แม่บอกตัวคนเดียวไม่เคยมีใคร พอได้มาอยู่ด้วยกัน ได้เสียกัน ก็เลยบอกตอนหลังว่ามีลูกมีผัวมาก่อนแล้ว พ่อก็เลยเสียใจและไม่ค่อยเชื่อใจแม่ตั้งแต่นั้นมา
เรื่องหนี้สินครอบครัว แม่เราก่อหนี้สินครอบครัวขึ้นมาจำนวนมาก โดยที่ไม่ได้ปรึกษาคนในบ้านเลย เหตุผลเป็นเพราะว่าช่วงนั้นประมาณปี 2540 เศรษฐกิจตกต่ำ พ่อเราตกงาน และไม่ยอมออกทำมาหากินอะไรเลย วันๆเอาแต่นอนพักอยู่ในบ้าน ปล่อยให้แม่หาเงินมาจุนเจือครอบครัวฝ่ายเดียว เป็นเวลาประมาณ 12 ปี พอเราจะขึ้นมหาลัยจึงยอมที่จะออกไปทำมาหากิน แต่กว่าจะออกไปได้ก็ทะเลาะกับแม่บ้านแทบแตก พอเราเรียนจบ พ่อกับแม่ก็ได้เที่ยวไปอวดโอ้กับชาวบ้านว่าเราเรียนจบปริญญาตรีแล้ว โดยอวดไม่เว้นแม้แต่เจ้าหนี้รายใหญ่ และก็บอกเค้าว่าพอลูกเรียนจบจะใช้หนี้ทันที เจ้าหนี้เห็นแบบนั้นก็เลยรู้สึกหมันไส้ก็เลยทวงเงินคืนกับแม่หนักมาก ด่าว่าแม่ จนแม่เครียด มาอารมณ์เสียกับเราตอนเราจบใหม่ๆได้ไม่ถึง 1 เดือน ยังหางานไม่ได้ แม่ด่าเราว่าขี้เกียจทำมาหากิน ขี้เกียจสันหลังยาว เลือดแม่ให้มันมีอยู่บ้าง เลือดพ่อเยอะเกินไปมั้ย เราทะเลาะกับแม่เรื่องงานอยู่ประมาณ 1 ปีครึ่ง จนได้งานทำที่แรก ซึ่งเป็นงานีที่ไม่ได้ชอบเลย แต่ก็ต้องฝืนใจทำ ให้พ่อแม่เลิกบ่น และตอนช่วงแรกๆที่เราว่างงาน จะให้เราไปเป็นเด็กล้างรถยนต์ เปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ในปั้มแห่งหนึ่ง เพื่อหาเงินมาให้เค้าใช้หนี้ให้ได้ จนทุกวันนี้ก็กำลังผ่อนใช้อยู่ครับ แต่มันก็คงต้องใช้เวลามากสักหน่อย เพราะแม่เราก็หนี้ไว้มหาศาล ทั้งหนี้ในครอบครัว และหนี้ในส่วนของลูกติดสามีเก่า ที่ซื้อรถจนติดแบล็กลิสต์ถึงสามคัน ซึ่งต้องส่วนนี้แม่เองก็เก็บเป็นความลับ บอกหมดไม่ได้ แต่เราก็รับรู้และจะช่วยใช้หนี้แค่ที่แม่บอกเท่านั้น นอกเหนือจากที่ไม่บอกแม่คงต้องจ่ายเอง
ปัจจุบันพ่อเราอายุ 55 ปี อาการวัยทองของพ่อ ดูจะรุนแรงมากขึ้นทุกวันๆ ชอบหาเรื่องทะเลาะกับแม่ เรา และน้องอยู่เรื่อยๆ บางครั้งก็ดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย วันๆไม่ว่าจะมีเวลาว่างหรือกลับจากทำงาน เค้าก็มักจะมาด่าว่าเรื่องปู่กับย่าให้เราฟังเสมอด้วยถ้อยคำแรงๆ ด่าว่าปู่ด้วยคำต่ำๆ แต่ก็ยอมรับนะ เพราะเราเจอปู่ ปู่เราเค้าก็ไม่ดีจริงๆแหละ แต่สำหรับเราเองก็ไม่อยากรับฟังเรื่องแบบนี้บ่อยๆเท่าไหร่ มันเสียสุขภาพจิตเอามากๆ วันๆไม่อยากอยู่บ้านเลย บางทีเรากลับบ้านดึก ประมาณ 18.45-19.00 ก็มักจะโทรมาจุกจิกกับเราว่าอยู่ที่ไหนทำอะไร ดึกดื่นป่านนี้ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง ด้วยความรำคาญเราก็พูดแรงๆใส่พ่อไปบ้างให้เค้ารู้สึกตัวจนเค้าก็เงียบไป ทุกวันนี้คนในบ้าน ไม่อยากคุยกับเค้า พอเรากลับจากทำงานมา ไม่เดินขึ้นบ้านเลย เราก็ไปเล่นกับแมวที่เลี้ยงไว้ก่อนขึ้นบ้าน พยายามเลี่ยงที่จะไม่คุยกับพ่อ เพราะคุยแล้วก็มีแต่จะทะเลาะ เพราะคุยด้วยก็มักจะด่าเราก่อนแล้วค่อยตอบ บางครั้งต้องคุยด้วยแบบจำเป็นจริงๆ เราถามเค้า เค้าก็ทำมองๆ ทำเฉย บางทีต้องถามถึงสองครั้งถึงจะตอบ แบบอารมณ์ประมาณกวนประสาทเรา ว่าไม่คุยด้วยก็ไม่คุยด้วยให้ได้ตลอดสิ ประมาณนั้น บางวันเราไปทำงานก็เอา notebook เรามาเปิดดูว่าเราทำอะไรอยู่บ้าน ทั้งใน Pantip facebook พอตกเย็นก็เอามาถามว่า คนนี้ใคร คอมเม้นอะไร ทำไมมาคอมเม้นบ่อยจัง เราเป็นอะไรกับมัน ทำไมต้องมาเม้นบ่อย อย่าไปยุ่งกับคนๆนั้นมากเค้ามีสามีแล้ว อะไรของพ่อก็ไม่รู้ครับ น่ารำคาญมาก ทุกวันนี้อยู่บ้านแทบไม่มีความสุขเลยเวลาพ่ออยู่ จนตอนนี้ก็หาทางจะย้ายออกมาอยู่คนเดียว แต่ก็ยังกลัวๆจะลำบาก แล้วก็ยังหางานใหม่ไม่ได้
เรื่องงานประจำที่ทำอยู่ ทำมาได้ 3 ปีกว่าแล้วครับ ตัวงานดี แต่เจ้านายและเพื่อนร่วมงานไม่ดีเลย เจ้านายเป็นคนเจ้าอารมณ์ วันนี้คิดอีกอย่าง พรุ่งนี้คิดอีกอย่าง เวลาจะเอาอะไรต้องได้ตามใจเค้า ไม่ยอมรับฟังความเห็นของลูกน้อง ส่วนคนในทีมเราเค้าก็หวงวิชา ไม่ยอมถ่ายทอดหน้าที่งานบางอย่างที่สำคัญให้เราได้เรียนรู้เลย แม้แต่รหัสผ่านของระบบที่พอจะเป็นช่องทางให้เราเข้าไปศึกษางาน ก็ไม่ให้ เหมือนกลัวเราจะรู้เท่าเค้า แล้วเค้าจะถูกบริษัทจ้างออกจากงานประมาณนั้น ตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงขาลงกำลังจะลดคนลง และมีแนวโน้มว่าคนในทีมเราจะต้องโดนบีบ 1 คน ซึ่งเท่าที่สังเกตน่าจะเป็นตัวเราเอง เพราะว่าหน้าที่การงานที่เคยทำก็โอนไปให้คนเก่าคนแก่ทำเกือบหมดแล้ว วันๆนั่งว่างๆแทบไม่ได้ทำอะไรเลย บางทีหัวหน้าทีมก็พูดจาด้วยคำแย่ๆกับเรา บางทีเป็นความผิดของเค้าแต่เค้าก็โยนความผิดมาให้เรา จนเราทุกวันนี้ทำงานอึดอัดมากครับ ไปกินข้าวกับเค้ายังอึดอัดเลย ตอนนี้งานใหม่ก็ยังหาไม่ได้เลยครับ ทั้งราชการและเอกชน ราชการก็ขึ้นบัญชีไว้ ยังไม่ถูกเรียกบรรจุเลย ส่วนเอกชนก็ไล่ตระเวนสัมภาษณ์แต่ก็ยังไม่สู้ดีนัก
ยอมรับว่าทุกวันนี้เราเองก็เครียดมากครับ รู้สึกกดดันมากๆ กับทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องที่จะต้องรองรับอารมณ์ของพ่อทุกวันแล้วก็เรื่องงานที่กำลังถูกบีบให้ลาออก เพราะถ้าลาออกก่อนที่จะได้งานใหม่ หรือลาออกก่อนแล้วหางานใหม่ แม่เราก็จะไม่มีเงินจากเราไปหมุนระบบหนี้ ก็จะมาทำนิสัยเสียกับเราเหมือนเดิมเหมือนตอนว่างงานแน่ๆ เราควรจะจัดการกับชีวิตอย่างไรดีครับ ทุกวันนี้ดูเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้วด้วย ขอบคุณสำหรับพื้นที่สำหรับระบาย และอยากได้กำลังใจครับ ขอบคุณครับ