แรงผลักทรงอิทธิพลที่องค์กรยุคใหม่ต้องเร่งปรับตัว

นักธุรกิจใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นยุคของปลาเร็วกินปลาช้า คำกล่าวนี้น่าจะจริง เพราะทุกวันนี้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ใครปรับตัวได้เร็ว ก็อยู่รอด ใครช้าก็อยู่ยาก

ธุรกิจตั้งแต่สตาร์ทอัพ หรือธุรกิจออนไลน์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต่างได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง Boston Consulting Group หรือ BCG ชี้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานขององค์กรธุรกิจยุคใหม่มี 6 ประการใหญ่ ๆ ได้แก่

ด้านเทคโนโลยีและระบบดิจิตัล

1.    ระบบอัตโนมัติ (automation)

ในปี 2593 งานเกือบครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ทั้งตัวบุคลากรเอง และองค์กร ต้องปรับตัวและเตรียมแผนพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อรองรับงานใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาแอพพลิเคชั่น

2.    ข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ชั้นสูง (Big data and advanced analytics)

ทุกวันนี้ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจสามารถดึงมาใช้เป็นประโยชน์ได้ เช่น วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการหรือการทำตลาด ลดต้นทุน ดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือแม้แต่วิเคราะห์การทำงานของพนักงาน เพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน

3.    การเข้าถึงข้อมูลและการสร้างแนวคิดใหม่ ๆ (Access to information and ideas)

โลกปัจจุบันทำให้คนเราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทุกที่ ทุกเวลา และต้นทุนการใช้เทคโนโลยีก็มีแนวโน้มลดลง คาดว่าในปี 2563 ประชากรประมาณ 7.6 พันล้านคนจะใช้อุปกรณ์พกพาจำนวนประมาณ 11.6 พันล้านเครื่อง จึงมีผลต่อการทำงานของคนในยุคใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ และองค์กรก็มีทางเลือกที่ไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำ แต่อาจจ้างฟรีแลนซ์ทำเป็นงาน ๆ ไป ซึ่งฟรีแลนซ์หรือคนที่รับงานเป็นจ๊อบ ๆ มักจะมีแนวคิดมุมมองใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากพนักงานประจำในองค์กร


ด้านคุณค่าทางธุรกิจ

1.    การทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อนให้ง่ายขึ้น (Simplicity in complexity)

ความซับซ้อนยุ่งยากในระบบการทำงานหรือโครงสร้างขององค์กรมักเป็นตัวถ่วงสำหรับการพัฒนาธุรกิจ หรือผลงานของพนักงาน รวมถึงการตัดสินใจ และยังเป็นการเพิ่มต้นทุน ซึ่งสิ่งเหล่าน้ำให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ยาก  

2.    การปรับตัวได้ทันท่วงทีและการสร้างนวัตกรรม (agility and innovation)

การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้การทำงานขององค์กรไหลลื่นขึ้น แคล่วคล่องว่องไว ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งพนังกานจะพอใจมากกว่าและทำงานได้อิสระมากขึ้น มีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจได้ดี

3.    การวางกลยุทธ์เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ (New customer strategies)

เทคโนโลยีหรืออินเทอร์เน็ตสามารถทลายกำแพงระหว่างองค์กรและลูกค้าได้ การสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตทำให้ลูกค้าเข้าถึงผู้ให้บริการได้ง่ายขึ้น สื่อสารกันได้ตรงจุด บอกความต้องการได้มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคยุคใหม่ยังต้องการให้ผู้ขายสินค้าและบริการคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมากกว่าการเสนอขายเพื่อหวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แถมเทรนด์เทคโนโลยีปีหน้า

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่