เข้าเรื่องเลยนะครับ บริษัทผมมีสาขาต่างจังหวัดหลายแห่ง แห่งหนึ่งทางภาคอีสานเกิดการทุจริตในสาขาขึ้น คือ พนักงานระดับสูงสองตำแหน่งร่วมกัน ทุจริตในการประเมินคะแนนและอัตราเงินเดือน โดยผู้ประเมินเป็นผู้จัดการสาขา ส่วนผู้รับการประเมินเป็นหัวหน้าแผนกบัญชี ทั้งสองคนเป็นญาติกันแต่ไม่ใช้นามสกุลเดียวกัน (ลักษณะเป็นคู่สะใภ้กันแต่ไม่จดทะเบียนกับสามี) ที่ผ่านมาคนประเมินคือผู้จัดการก็ทุจริตเรื่องอื่นด้วย ซึ่งก็ได้พ้นสภาพพนักงานไปแล้วเพราะทุจริตเรื่องการเงิน ส่วนผู้รับการประเมินก็รับผลประโยชน์จากการทุจริต คือ ให้ญาติตัวเองที่เป็นผู้จัดการ ประเมินเงินเดือนเกินขั้น ข้ามหัวชาวบ้านเค้าทุกปี ขึ้นทีปีละ 40 เปอร์เซ็นเป็นอย่างต่ำ ทั้งที่การปฏิบัติหน้าที่ก็เรียกว่าเอาเปรียบชาวบ้านตลอด เด็กใหม่ไม่มีผลงานเพราะสองคนร่วมกันส่งผลงานมาเป็นชื่อตัวเองให้ส่วนกลางหมด ความมันมาแตกตอนผู้จัดการญาติผู้พี่ถูกเชิญออก ผมเลยมีหน้าที่ขึ้นมาที่จังหวัดดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ หลักฐานการทำงาน รวมถึงงบการเงินหลายอย่าง รวมถึงการประเมินผลงานพนักงาน ปรากฎว่าผิดปกติมากๆ
มาตรการแก้ไขจากส่วนกลางหลัง การเชิญออกไปคนนึง อีกคนหนึ่งปรึกษากันแล้ว ดูเป็นคนหัวอ่อนเป็นไปได้ว่าถูกชักจูงจากคนพี่ ทำงานก็อยู่ในระดับกลางพอให้ระบบมันเดินไปได้ เลยจะให้โอกาศทำงานต่อเพราะเค้ามีภาระเรื่องลูกต้องเรียนหนังสือและหนี้บัตรอีกเยอะ โดยปรับลดเงินเดือนจากยอด 5x,xxx ลดเหลือ 27,xxx ซึ่งเป็นยอดจริงๆ ตามการประเมินปกติ โดยให้พนักงานคนดังกล่าวเซ็นหนังสือให้ความยินยอม เนื่องจากถ้าพนักงานคนนนั้นไม่ตกลงตามนี้ ก็คงต้องเอาประเดนที่เค้าร่วมกันทุจริตกับ สะใภ้ผู้พี่ที่เชิญออกไปด้วยอีกกรณีหนึ่งมาดำเนินการสอบสวนทางวินัยด้วย
ที่เล่ายาวๆ ไม่ใช่อะไรครับ ผมอยากสอบถามว่าท่านใดเคยเจอเคสลักษณะนี้บ้าง และมีมาตรการแก้ไขอย่างไร ช่วยแชร์ประสบการหน่อย ส่วนตัวผมเห็นว่าถ้าร่วมกันทุจริตก็เชิญเค้าออกทั้งคู่เลยเพราะทำตัวเอง แต่ผู้บริหารอยากให้โอกาศทำงานต่อเพราะอยู่มานาน ความผิดแค่เชิงๆเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับญาติตัวเองตอนทุจริต ไม่ถึงขนาดเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แลกกับการประเมินเงินเดือนที่สูงเกินจริงเป็นค่าตอบแทน อันนี้ข้อมูลที่ได้จากการสอบสวน เลยจะลงโทษแค่ปรับลดเงินเดือนมาอยู่ในขั้นที่ควรได้เหมือนคนอื่นเค้าที่อายุงานพอๆกัน โดยทำเป็นหนังสือยินยอม ในส่วนนี้ผมปรึกษาสำนักงานแรงงานในเขตพื้นที่แล้ว แต่มาตรฐานการลงโทษอยากให้เหมือนที่อื่น ๆ เลยขอซาวเสียงหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ....
หักเงินพนักงาน....ร่วมกันทุจริต...รบกวนอ่านหน่อยนะครับ
มาตรการแก้ไขจากส่วนกลางหลัง การเชิญออกไปคนนึง อีกคนหนึ่งปรึกษากันแล้ว ดูเป็นคนหัวอ่อนเป็นไปได้ว่าถูกชักจูงจากคนพี่ ทำงานก็อยู่ในระดับกลางพอให้ระบบมันเดินไปได้ เลยจะให้โอกาศทำงานต่อเพราะเค้ามีภาระเรื่องลูกต้องเรียนหนังสือและหนี้บัตรอีกเยอะ โดยปรับลดเงินเดือนจากยอด 5x,xxx ลดเหลือ 27,xxx ซึ่งเป็นยอดจริงๆ ตามการประเมินปกติ โดยให้พนักงานคนดังกล่าวเซ็นหนังสือให้ความยินยอม เนื่องจากถ้าพนักงานคนนนั้นไม่ตกลงตามนี้ ก็คงต้องเอาประเดนที่เค้าร่วมกันทุจริตกับ สะใภ้ผู้พี่ที่เชิญออกไปด้วยอีกกรณีหนึ่งมาดำเนินการสอบสวนทางวินัยด้วย
ที่เล่ายาวๆ ไม่ใช่อะไรครับ ผมอยากสอบถามว่าท่านใดเคยเจอเคสลักษณะนี้บ้าง และมีมาตรการแก้ไขอย่างไร ช่วยแชร์ประสบการหน่อย ส่วนตัวผมเห็นว่าถ้าร่วมกันทุจริตก็เชิญเค้าออกทั้งคู่เลยเพราะทำตัวเอง แต่ผู้บริหารอยากให้โอกาศทำงานต่อเพราะอยู่มานาน ความผิดแค่เชิงๆเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับญาติตัวเองตอนทุจริต ไม่ถึงขนาดเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แลกกับการประเมินเงินเดือนที่สูงเกินจริงเป็นค่าตอบแทน อันนี้ข้อมูลที่ได้จากการสอบสวน เลยจะลงโทษแค่ปรับลดเงินเดือนมาอยู่ในขั้นที่ควรได้เหมือนคนอื่นเค้าที่อายุงานพอๆกัน โดยทำเป็นหนังสือยินยอม ในส่วนนี้ผมปรึกษาสำนักงานแรงงานในเขตพื้นที่แล้ว แต่มาตรฐานการลงโทษอยากให้เหมือนที่อื่น ๆ เลยขอซาวเสียงหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ....