ประเด็นคือ – แม้เศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมาจะขยายตัวดีขึ้น แต่ในมุมมองของภาคเอกชนกลับเห็นว่าเป็นการเติบโตแบบกระจุกตัว ขณะที่เศรษฐกิจฐานราก ซึ่งหมายถึงกำลังซื้อประชาชนยังไม่ฟื้น เนื่องจากงบประมาณที่ลงสู่ท้องถิ่นมีการเบิกจ่ายล่าช้า และสินค้าเกษตรตกต่ำ

วันที่ 7 ธ.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ระบุว่า ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แม้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้นร้อยละ 4 และการส่งออกขยายตัวได้ร้อยละ 9 แต่เป็นการเติบโตแบบกระจุกตัว และในภูมิภาคไม่ได้ขยายตัวตาม สะท้อนจากกำลังซื้อที่ยังเปราะบาง

เนื่องจากงบประมาณของภาครัฐที่ลงสู่ท้องถิ่นยังล่าช้า และสินค้าเกษตรราคาต่ำ โดยเฉพาะยางและข้าว จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและแก้ปัญหาสินค้าเกษตร เพื่อให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดฟื้นตัว

นอกจากนี้ ยังขอให้รัฐบาลเร่งปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุน เร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงการเน็ตประชารัฐ

ขณะที่ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป เนื่องจากเดือนพฤศจิกายนพบว่า ได้แข็งค่าขึ้นร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 32 บาท 55 สตางค์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทย

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ระบุถึงแน้วโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้าว่า จะขยายตัวดีขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา

โดยประเมินว่าเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 3.5 – 4.5 จากปัจจัยต่างประเทศ ส่งผลดีต่อภาคการส่งออกและท่องเที่ยว พร้อมคาดว่าธุรกิจขนาดใหญ่จะลงทุนมากขึ้นช่วงต้นปีหน้า

จากนั้นจะเห็นการลงทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งส่งผลให้มีการจ้างงานและเพิ่มกำลังซื้อให้กลุ่มฐานรากในครึ่งปีหลัง