ผู้บริหารกองทุนยักษ์ใหญ่ Vanguard Group เตือนนักลงทุนให้พร้อมรับมือตลาดหุ้นสหรัฐที่มีโอกาสถึง 70% จะปรับฐานครั้งใหญ่
บทวิจัยของบริษัทบริหารกองทุนยักษ์ใหญ่ Vanguard Group เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐขณะนี้มีโอกาสที่จะปรับฐานครั้งใหญ่ถึง 70%
Vanguard ชี้ว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นทุกแห่งมีโอกาสเสมอที่จะต้องปรับฐานบ้าง แต่ขณะนี้โอกาสที่จะเกิดขึ้นเช่นนั้นมีสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของสถิติตลาดที่ย้อนหลังกลับไป 60 ปีถึง 30%
Vanguard ซึ่งบริหารสินทรัพย์เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 5 ล้านล้านดอลลาร์ที่เน้นรูปแบบการลงทุนระยะยาว ยังไม่ถึงกับเตือนนักลงทุนให้ถอนตัวออกจากตลาดหุ้น
แต่โจ เดวิส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Vanguard กล่าวว่า นักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการปรับตัวครั้งใหญ่ที่จะมาถึงในวันข้างหน้า
เขากล่าวว่า นักลงทุนควรจะตั้งเป้าการลงทุนที่สมเหตุผล โดยอย่าลืมว่านักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสมากถึง 40% ที่จะมีผลตอบแทนที่ติดลบ 10% ถ้าดูย้อนหลังกลับไปถึงปี 1960
เดวิสกล่าวว่า มันคงจะไม่ค่อยมีเหตุผลมากนักที่จะไปคาด หวังว่า ผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐจะมีสูงกว่าระดับที่ Vanguard ได้เคยมองไว้ในด้านบวกมาตั้งแต่ปี 2010 โดยหวังว่ามันจะมีต่อไปได้เรื่อยๆ
Vanguard กล่าวในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนประจำปีที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นักลงทุนไม่ควรตั้งเป้าผลตอบแทนจากหุ้นสูงเกินกว่า 4-6% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดตั้งแต่ช่วงการฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตการเงิน สหรัฐเป็นต้นมา
เดวิสกล่าวว่า อัตราค่าพรีเมี่ยมความเสี่ยง ส่วนต่างของผลตอบแทนจากพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว หรือ yield curve ที่แคบลงเรื่อยๆ และผลประกอบการของบริษัทธุรกิจที่มีสัดส่วนลดลง ต่างเป็นสัญญาณความเสี่ยงที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ
เขากล่าวว่าส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างตราสารหนี้ junk bonds กับของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้ปรับห่างขึ้นไปใกล้ถึงระดับก่อนช่วงวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในปี 2007-2009
Vanguard เตือนว่านักลงทุนไม่ควรพยายามชดเชยผลตอบแทนที่น้อยลง โดยการเข้าไปเสี่ยงลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงสูงขึ้น
เดวิสกล่าวว่าการลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมีสภาพที่ท้าทายมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มผลตอบแทนที่น้อยลง และนักลงทุนไม่ควรหันไปใช้กลยุทธ์ที่เสี่ยงมากขึ้น แต่ควรจะเฝ้าติดตามสภาพตลาดอย่างใกล้ชิด
เขากล่าวว่า ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ ซึ่งได้ทะยานขึ้นตามตลาดสหรัฐในปีนี้ จะยังคงวิ่งตามตลาดวอลล์สตรีทต่อไปเมื่อมาถึงช่วงขาลง ถึงแม้ราคาหุ้นในประเทศเกิดใหม่จะยังไม่ได้วิ่งขึ้นแรงมากเท่ากับของสหรัฐ
Cr.
http://www.moneychannel.co.th/news_detail/19873/เตรียมรับมือ--
เตรียมรับมือ วอลล์สตรีท ปรับฐานครั้งใหญ่
ผู้บริหารกองทุนยักษ์ใหญ่ Vanguard Group เตือนนักลงทุนให้พร้อมรับมือตลาดหุ้นสหรัฐที่มีโอกาสถึง 70% จะปรับฐานครั้งใหญ่
บทวิจัยของบริษัทบริหารกองทุนยักษ์ใหญ่ Vanguard Group เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐขณะนี้มีโอกาสที่จะปรับฐานครั้งใหญ่ถึง 70%
Vanguard ชี้ว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นทุกแห่งมีโอกาสเสมอที่จะต้องปรับฐานบ้าง แต่ขณะนี้โอกาสที่จะเกิดขึ้นเช่นนั้นมีสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของสถิติตลาดที่ย้อนหลังกลับไป 60 ปีถึง 30%
Vanguard ซึ่งบริหารสินทรัพย์เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 5 ล้านล้านดอลลาร์ที่เน้นรูปแบบการลงทุนระยะยาว ยังไม่ถึงกับเตือนนักลงทุนให้ถอนตัวออกจากตลาดหุ้น
แต่โจ เดวิส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Vanguard กล่าวว่า นักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการปรับตัวครั้งใหญ่ที่จะมาถึงในวันข้างหน้า
เขากล่าวว่า นักลงทุนควรจะตั้งเป้าการลงทุนที่สมเหตุผล โดยอย่าลืมว่านักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสมากถึง 40% ที่จะมีผลตอบแทนที่ติดลบ 10% ถ้าดูย้อนหลังกลับไปถึงปี 1960
เดวิสกล่าวว่า มันคงจะไม่ค่อยมีเหตุผลมากนักที่จะไปคาด หวังว่า ผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐจะมีสูงกว่าระดับที่ Vanguard ได้เคยมองไว้ในด้านบวกมาตั้งแต่ปี 2010 โดยหวังว่ามันจะมีต่อไปได้เรื่อยๆ
Vanguard กล่าวในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนประจำปีที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นักลงทุนไม่ควรตั้งเป้าผลตอบแทนจากหุ้นสูงเกินกว่า 4-6% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดตั้งแต่ช่วงการฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตการเงิน สหรัฐเป็นต้นมา
เดวิสกล่าวว่า อัตราค่าพรีเมี่ยมความเสี่ยง ส่วนต่างของผลตอบแทนจากพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว หรือ yield curve ที่แคบลงเรื่อยๆ และผลประกอบการของบริษัทธุรกิจที่มีสัดส่วนลดลง ต่างเป็นสัญญาณความเสี่ยงที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ
เขากล่าวว่าส่วนต่างของผลตอบแทนระหว่างตราสารหนี้ junk bonds กับของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้ปรับห่างขึ้นไปใกล้ถึงระดับก่อนช่วงวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในปี 2007-2009
Vanguard เตือนว่านักลงทุนไม่ควรพยายามชดเชยผลตอบแทนที่น้อยลง โดยการเข้าไปเสี่ยงลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงสูงขึ้น
เดวิสกล่าวว่าการลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมีสภาพที่ท้าทายมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มผลตอบแทนที่น้อยลง และนักลงทุนไม่ควรหันไปใช้กลยุทธ์ที่เสี่ยงมากขึ้น แต่ควรจะเฝ้าติดตามสภาพตลาดอย่างใกล้ชิด
เขากล่าวว่า ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ ซึ่งได้ทะยานขึ้นตามตลาดสหรัฐในปีนี้ จะยังคงวิ่งตามตลาดวอลล์สตรีทต่อไปเมื่อมาถึงช่วงขาลง ถึงแม้ราคาหุ้นในประเทศเกิดใหม่จะยังไม่ได้วิ่งขึ้นแรงมากเท่ากับของสหรัฐ
Cr. http://www.moneychannel.co.th/news_detail/19873/เตรียมรับมือ--