ผลการผิดเงื่อนไขผ่อนชำระบ้าน
1. จะทำให้ดอกเบี้ยจากอัตราปกติ เป็นดอกเบี้ยเพดาน หรือดอกเบี้ยปรับ
2. มีดอกเบี้ย "ค้างจ่าย" เกิดขึ้น (ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นรายเดือนขอเรียกว่า ดอกเบี้ย "จ่าย" นะ") ดอกเบี้ยค้างจ่ายเมื่อเกิดขึ้นในระบบมันไม่ได้ไปรวมเป็นเงินต้นนะ มันจะตั้งพักเป็นดอกเบี้ยค้างจ่ายไว้ เวลาดอกเบี้ยใหม่ที่เกิดขึ้นเค้าก็คิดจากเงินต้นเดิมนั่นแหละ ไม่มีการทบต้น (ไม่เหมือนโอดี) พอเราชำระ ระบบก็จะไปตัดดอกเบี้ยค้างจ่ายก่อน ถ้าตัดหมดก็ตามด้วย ดอกเบี้ยจ่าย และเงินต้นตัดท้ายสุด
3. โดยทั่ว ๆ ไปธนาคารจะปรับเป็นดอกเบี้ยเพดานเมื่อมีการค้างจ่ายเกิน 3 งวด หากติดต่อทวงถามไม่ได้รับการชำระ ก็จะส่งเรื่องไปเครดิตบูโร ซึ่งอาจเร็วกว่า 3 เดือน ก็ได้ที่จะโดนเบี้ยปรับ และส่งบูโรเลย เพราะมันผิดเงื่อนไขไง
ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำเพื่อดูแลบัญชีเงินกู้ของเราคือ
1. คิดดอกเบี้ยให้เป็น วิธีคิดใส่สูตรใน exel ง่าย ๆ
เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x (( วันที่ชำระปัจจุบัน - วันที่ชำระครั้งล่าสุด)/365)
ตัวอย่าง 1000000 * 5% * (( 30 พย - 30 ตค) /365) ................. 30 พย - 30 ตค เท่ากับ 30 วันนะ
ดอกเบี้ย คือ 4110
**เมื่อเราชำระ 7000 บาท มันจะตัดดอกเบี้ย 7000-4110 เหลือ 2890 ก็จะตัดเงินต้น 1,000,000 - 2890 = เงินต้นคงเหลือ = 997,110 เราก็เอาเงินต้นใหม่นี้ไปคำนวณต่อไป นี่คือวิธีการคิดแบบลดต้น **
เมื่อคำนวณเป็นเราจะได้ตรวจใบเสร็จที่ได้จากการชำระว่าถูกต้องมั้ย ถ้าไม่ถูกก็หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรจะได้แก้ไขทันท่วงที สาเหตุที่ไม่ตรงบางครั้งเกิดจากการเปลี่ยนดอกเบี้ย มีขึ้นมีลงนะ วันหลังจะมาบอกวิธีคิดกรณีดอกเบี้ยเปลี่ยนกลางทาง
2. เมื่อเราคิดดอกเบี้ยเป็นแล้ว กรณีที่เราเงินช้อต ไม่สามารถชำระเต็มจำนวนได้ ขั้นต่ำที่เราต้องพยายามจ่ายคือ จ่ายให้มากว่าดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดรายเดือน เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยค้างจ่ายเกิดขึ้น มันก็ไม่น่าจะโดนเรทดอกเบี้ยปรับเว้นแต่ธนาคารสตริ๊กจริง ๆ ทั้งนี้ถ้าไม่ไหวไม่ได้จ่ายเลยมันก็จะเป็นดอกเบี้ยค้างจ่ายแล้วก็โดนดอกเบี้ยปรับ
กรณีผิดเงื่อนไขแล้วโดนปรับดอกเบี้ยเพดานแล้ว สิ่งที่จะทำเมื่อพอรวบรวมเงินได้ ย้ำ เมื่อพอรวบรวมเงินได้ คือ
1. อย่านำเงินไปชำระที่เค้าท์เตอร์เองก่อน
2. เข้าไปคุยกับ จนท ธนาคารที่เราทำเงินกู้เพื่อหาโซลูชั่นที่ดีก่อน เจ้าหน้าที่จะพยายามให้เราปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดย
กรณี 1 เอาดอกเบี้ยค้างจ่ายที่ตั้งพักไว้ไปรวมกับมูลหนี้กลายเป็นเงินต้น ตัวอย่าง เงินต้น 900,000 ดอกเบี้ยค้างจ่าย 50,000 เค้าจะรวมเป็นมูลหนี้ใหม่
950,000 บาท เวลาคิดดอกเบี้ยก็จะคิดจากเงินต้น 950,000 บาท
กรณี 2 ไม่ปรับโครงสร้าง แต่ชำระแบบมีเงื่อนไขคือ สมมติว่าเราขอชำระเดือนละ 10,000 บาท ถ้าเป็นเคสปกติ มันจะไปตัดดอกเบี้ยค้างจ่ายก่อนคือ
50,000-10,000 เหลือ ค้างจ่าย 40,000 โดยไม่ได้ตัดดอกเบี้ยจ่ายรายเดือน และ เงินต้นเลย ซึ่งมันทำให้กลายเป็นหนี้ปกติไม่ได้ปรับเรทดอกเบี้ย ให้เป็นปกติไม่ได้ใช่มั้ย
แบบนี้เราก็ต้องขอให้ธนาคารช่วย เช่น เราสัญญาว่าจะตัดดอกเบี้ยค้างจ่าย 50,000 ให้หมดภายใน 10 เดือน พอเราชำระ 10,000 มันก็จะตัดดอกเบี้ยค้างจ่าย 5000 ดอกเบี้ยจ่าย 4000 เงินต้น 1000 หนี้มันก็พอจะกลายเป็นหนี้ปกติที่ไม่ต้องโดยดอกเบี้ยปรับได้ (คิดเลขคร่าว ๆ นะ) ในที่นี้บอกวิธีคิดแบบคร่าว ๆ นะ จริง ๆ มันมีรายละเอียดเยอะ
เช่น ในดอกเบี้ยค้างจ่าย 50,000 นั่นน่ะ ไส้ในมันมีดอกเบี้ยที่โดนเพดานด้วย ถ้าเราถอดมาเป็นเรทปกติ ดอกเบี้ยค้างจ่ายก็ลดยอดลงได้บ้าง ในเรื่องการเจรจาต่อรองมันขึ้นกับ ความรู้คนเจรจา , หัวใจและความรู้ของ จนท, นโยบายธนาคาร และ ที่สำคัญคือประวัติการเป็นลูกค้าของเรา
****ขอให้การปรับโครงสร้างหนี้ที่เอาดอกเบี้ยจ่ายเป็นทางเลือกสุดท้ายนะ เพราะมันทำให้มูลหนี้เพิ่มขึ้นดอกเบี้ยจ่ายรายเดือนจะมากขึ้น *****
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อย มีไรก็ inbox มาค่ะ
การผิดเงื่อนไขและการผ่อนชำระ และวิธีแก้ไข
1. จะทำให้ดอกเบี้ยจากอัตราปกติ เป็นดอกเบี้ยเพดาน หรือดอกเบี้ยปรับ
2. มีดอกเบี้ย "ค้างจ่าย" เกิดขึ้น (ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นรายเดือนขอเรียกว่า ดอกเบี้ย "จ่าย" นะ") ดอกเบี้ยค้างจ่ายเมื่อเกิดขึ้นในระบบมันไม่ได้ไปรวมเป็นเงินต้นนะ มันจะตั้งพักเป็นดอกเบี้ยค้างจ่ายไว้ เวลาดอกเบี้ยใหม่ที่เกิดขึ้นเค้าก็คิดจากเงินต้นเดิมนั่นแหละ ไม่มีการทบต้น (ไม่เหมือนโอดี) พอเราชำระ ระบบก็จะไปตัดดอกเบี้ยค้างจ่ายก่อน ถ้าตัดหมดก็ตามด้วย ดอกเบี้ยจ่าย และเงินต้นตัดท้ายสุด
3. โดยทั่ว ๆ ไปธนาคารจะปรับเป็นดอกเบี้ยเพดานเมื่อมีการค้างจ่ายเกิน 3 งวด หากติดต่อทวงถามไม่ได้รับการชำระ ก็จะส่งเรื่องไปเครดิตบูโร ซึ่งอาจเร็วกว่า 3 เดือน ก็ได้ที่จะโดนเบี้ยปรับ และส่งบูโรเลย เพราะมันผิดเงื่อนไขไง
ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำเพื่อดูแลบัญชีเงินกู้ของเราคือ
1. คิดดอกเบี้ยให้เป็น วิธีคิดใส่สูตรใน exel ง่าย ๆ
เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x (( วันที่ชำระปัจจุบัน - วันที่ชำระครั้งล่าสุด)/365)
ตัวอย่าง 1000000 * 5% * (( 30 พย - 30 ตค) /365) ................. 30 พย - 30 ตค เท่ากับ 30 วันนะ
ดอกเบี้ย คือ 4110
**เมื่อเราชำระ 7000 บาท มันจะตัดดอกเบี้ย 7000-4110 เหลือ 2890 ก็จะตัดเงินต้น 1,000,000 - 2890 = เงินต้นคงเหลือ = 997,110 เราก็เอาเงินต้นใหม่นี้ไปคำนวณต่อไป นี่คือวิธีการคิดแบบลดต้น **
เมื่อคำนวณเป็นเราจะได้ตรวจใบเสร็จที่ได้จากการชำระว่าถูกต้องมั้ย ถ้าไม่ถูกก็หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรจะได้แก้ไขทันท่วงที สาเหตุที่ไม่ตรงบางครั้งเกิดจากการเปลี่ยนดอกเบี้ย มีขึ้นมีลงนะ วันหลังจะมาบอกวิธีคิดกรณีดอกเบี้ยเปลี่ยนกลางทาง
2. เมื่อเราคิดดอกเบี้ยเป็นแล้ว กรณีที่เราเงินช้อต ไม่สามารถชำระเต็มจำนวนได้ ขั้นต่ำที่เราต้องพยายามจ่ายคือ จ่ายให้มากว่าดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดรายเดือน เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยค้างจ่ายเกิดขึ้น มันก็ไม่น่าจะโดนเรทดอกเบี้ยปรับเว้นแต่ธนาคารสตริ๊กจริง ๆ ทั้งนี้ถ้าไม่ไหวไม่ได้จ่ายเลยมันก็จะเป็นดอกเบี้ยค้างจ่ายแล้วก็โดนดอกเบี้ยปรับ
กรณีผิดเงื่อนไขแล้วโดนปรับดอกเบี้ยเพดานแล้ว สิ่งที่จะทำเมื่อพอรวบรวมเงินได้ ย้ำ เมื่อพอรวบรวมเงินได้ คือ
1. อย่านำเงินไปชำระที่เค้าท์เตอร์เองก่อน
2. เข้าไปคุยกับ จนท ธนาคารที่เราทำเงินกู้เพื่อหาโซลูชั่นที่ดีก่อน เจ้าหน้าที่จะพยายามให้เราปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดย
กรณี 1 เอาดอกเบี้ยค้างจ่ายที่ตั้งพักไว้ไปรวมกับมูลหนี้กลายเป็นเงินต้น ตัวอย่าง เงินต้น 900,000 ดอกเบี้ยค้างจ่าย 50,000 เค้าจะรวมเป็นมูลหนี้ใหม่
950,000 บาท เวลาคิดดอกเบี้ยก็จะคิดจากเงินต้น 950,000 บาท
กรณี 2 ไม่ปรับโครงสร้าง แต่ชำระแบบมีเงื่อนไขคือ สมมติว่าเราขอชำระเดือนละ 10,000 บาท ถ้าเป็นเคสปกติ มันจะไปตัดดอกเบี้ยค้างจ่ายก่อนคือ
50,000-10,000 เหลือ ค้างจ่าย 40,000 โดยไม่ได้ตัดดอกเบี้ยจ่ายรายเดือน และ เงินต้นเลย ซึ่งมันทำให้กลายเป็นหนี้ปกติไม่ได้ปรับเรทดอกเบี้ย ให้เป็นปกติไม่ได้ใช่มั้ย
แบบนี้เราก็ต้องขอให้ธนาคารช่วย เช่น เราสัญญาว่าจะตัดดอกเบี้ยค้างจ่าย 50,000 ให้หมดภายใน 10 เดือน พอเราชำระ 10,000 มันก็จะตัดดอกเบี้ยค้างจ่าย 5000 ดอกเบี้ยจ่าย 4000 เงินต้น 1000 หนี้มันก็พอจะกลายเป็นหนี้ปกติที่ไม่ต้องโดยดอกเบี้ยปรับได้ (คิดเลขคร่าว ๆ นะ) ในที่นี้บอกวิธีคิดแบบคร่าว ๆ นะ จริง ๆ มันมีรายละเอียดเยอะ
เช่น ในดอกเบี้ยค้างจ่าย 50,000 นั่นน่ะ ไส้ในมันมีดอกเบี้ยที่โดนเพดานด้วย ถ้าเราถอดมาเป็นเรทปกติ ดอกเบี้ยค้างจ่ายก็ลดยอดลงได้บ้าง ในเรื่องการเจรจาต่อรองมันขึ้นกับ ความรู้คนเจรจา , หัวใจและความรู้ของ จนท, นโยบายธนาคาร และ ที่สำคัญคือประวัติการเป็นลูกค้าของเรา
****ขอให้การปรับโครงสร้างหนี้ที่เอาดอกเบี้ยจ่ายเป็นทางเลือกสุดท้ายนะ เพราะมันทำให้มูลหนี้เพิ่มขึ้นดอกเบี้ยจ่ายรายเดือนจะมากขึ้น *****
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อย มีไรก็ inbox มาค่ะ