เจอคลิปนี้ อธิบายเรื่องจิตได้ดีมาก ตรงกับที่เคยวิเคราะห์เรื่องสรรพสิ่งไว้ ว่ารูปก็คือแสง (คลื่นแม่เหล็กไฟฟา) และจิตก็เป็นธรรมชาติที่คล้ายแสงมาก ล้วนเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ล้วนแต่กำเนิดแยกตัวออกมาจากความว่างหรือสุญตา ทั้งรูปและนามหรือจิตจึงมีทังบวกและลบ สรรพสิ่งจึงเป็นของคู่ มีการทำปฏิกิยากันระหว่างขั้วตรงข้าม ขั้วตรงข้ามจะเข้ามาทำปฏิกิริยากันได้ นั่นแสดงอยู่แล้วว่า มันเคยเป็นของกันและกันมาก่อน หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก่อน นั่นคือ ความว่าง สรรพสิ่งจึงมีสมดุล เมื่อทำปฏิกิริยากัน เป็นสมดุลทั้งก่อนและหลังทำปฏิกิริยา เป็นสมดุลอยู่ตลอดเวลาในความว่างนั้นเอง สมดุลจะเกิดไม่ได้หากไม่ได้เกิดจากความว่าง สมดุลของสรรพสิ่งจึงเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งของความว่างมารดาของสรรพสิ่ง แต่เป็นว่างเทียม เพราะเป็นว่างที่มีทั้งมีและไม่มีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงเกิดการพลิกผันทำปฏิกิยากันไม่มีที่สุ้นสุด เกิดสรรพสิ่งไม่มีที่สิ้นสุดพลิกผันแปรเปลี่ยน หาตัวตนคงที่ไม่ได้ เป็นที่มาของลักษณะของสรรพสิ่งที่เป็นสังขตธรรม หรือธรรมที่ปรุงแต่ง อันได้แก่รูปนามทั้งปวง และจิตของแต่ละคนนั้นก็เป็นเพียงการขมวดปมของจิตสากล เกิดขึ้นมารับรู้เฉพาะตนและหลงในตน เกิดอัตตา ขึ้นมา นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์หรืออัตตานั้น การจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายจึงต้องคลายปม แต่ปัญหาคือ เมื่อคลายปมแล้วจะกลับไปสู่่จิตสากลหรือไม่ เพราะหากเป็นจิตสากลก็อาจกลับมาเป็นอัตตาได้อีก ข้อนี้ เห็นว่า เมื่อเกิดการคลายปมได้ ย่อมเกิดปัญญาพิเศษที่เหนือกว่าจิตสากล จนเข้าสู่ส่ิงที่เรียกว่า สุญตาแท้ หรือว่างแท้ ซึ่งก็คือนิพพาน นิพพานจึงเป็น นิพานัง ปรมัง สุญญัง นิพพานเป็นสูญอย่างยิ่ง ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
แต่ส่วนที่ไม่ค่อยเห็นด้วยคือ เรื่องจิตพุทธะในตอนต้น ที่บอกว่ามีการกำหนดไว้แล้วว่าจิตพุทธะเกิดขึ้นเพื่อมาเป็นพระพุทธเจ้า จะคล้ายคติพราหมมากกว่าพุทธ
ปล. หากใคฟังคลิปไม่เข้าใจอาจลองไปดูกระทู้เก่าผม อาจทำให้เข้าใจเรื่องรูป นาม และแสง หรือพลังงาน ได้ดีขึ้น https://ppantip.com/topic/33379448