Marc Marquez ดาวบิดชาวสเปนจากทีม Repsol Honda วัย 24 ปี คว้าแชมป์โลกโมโตจีพีสมัยที่ 4 มาครองได้สำเร็จ ทำให้ในตอนนี้นั้น MM93 เป็นแชมป์ในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกรวมทั้งหมด 6 ครั้ง ด้วยฝีไม้ลายมือที่เก่งระดับหาตัวจับยาก ด้วยอายุอานามที่ยังแข่งได้อีกหลายปี ก็ต้องบอกว่าแชมป์สมัยที่ 7 หรือ 8 นี่มีแน่ๆ ในกรณีที่ไม่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บรุนแรง จนต้องเลิกแข่งไปซะก่อน รอดูแค่ว่าตัวเลขจะไปหยุดอยู่ที่เท่าไหร่



ขออัพเดทสถิติเพิ่มซักหน่อย เหมือนจะตกหล่นไป 555 จากการคว้าแชมป์โลกในครั้งนี้ มาเกวซได้สร้างสถิติหลายอย่างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น

# เป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถคว้าแชมป์โลกในรุ่นใหญ่สุด (500cc/MotoGP) ได้ 4 สมัย โดย MM ทำได้ที่อายุ 24 ปี 254 วัน ทำลายสถิติของ Mike Hailwood ที่ทำไว้เมื่อตอนคว้าแชมป์โลกรุ่น 500cc สมัยที่ 4 เมื่อปี 1965 ด้วยอายุ 25 ปี 107 วัน
# มาเกวซยังทำลายสถิตินักแข่งที่อายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์โลกได้ 6 สมัย ซึ่งเจ้าของสถิติเดิมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นของวาเลนติโน่ รอสซี่ ที่ทำไว้เมื่อครั้งคว้าแชมป์โลกครั้งที่ 6 ได้ในปี 2004 ที่ตอนนั้นอายุ 25 ปี 244 วัน
# MM93 ขยับขึ้นมาเป็นนักแข่งสเปนที่คว้าแชมป์โลกรวมกันได้มากที่สุดอันดับ 2 เป็นรองเพียง Angel Nieto ตำนานนักบิดชาวสเปนผู้ที่เพิ่งจะจากพวกเราไปเมื่อไม่กี่เดือน ที่ทำไว้ 13 สมัย (รุ่น 125cc 7 ครั้งและ 50cc 6 ครั้ง)

# ในรอบ 8 ฤดูกาลที่ผ่านมา มาเกวซชนะการแข่งขันอย่างต่ำปีละ 5 สนาม ซึ่งสถิตินี้มีเพียง Giacomo Agostini ตำนานนักบิดชาวอิตาเลียนที่ทำได้เมื่อ 69 ปีที่แล้ว
# มาเกวซคว้าแชมป์โลกในรุ่นใหญ่ให้กับ Honda ได้แล้ว 4 ครั้ง เป็นรองเพียง Mick Doohan ที่ทำได้ทั้งหมด 5 ครั้ง จากชัยชนะในรุ่น 500cc ในปี 1994-1998
# ฤดูกาล 2017 มาเกวซขึ้นไปยืนบนโพเดี่ยมทั้งหมด 12 ครั้ง และคว้าโพล โพสิชั่นทั้งหมด 8 ครั้ง มากที่สุดในบรรดานักแข่งทุกคน


เนื่องจากเงื่อนไขที่โดวิจะเป็นแชมป์โลกได้นั้นมีข้อจำกัดที่เยอะมาก แถมที่บาเลนเซียถือเป็นอีกสนามที่รถ RC213V ของ Honda ค่อนข้างแข็งแกร่งและทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด เมื่อสภาพอากาศไม่แปรปรวน รถของ Honda เองก็มาดีตามมาตรฐาน หลังจากผ่านการทดสอบในวันศุกร์ ภาพนั้นค่อนข้างชัดเจนว่า โอกาสที่ มาร์ค มาเกวซจะชวดแชมป์นั้นต่ำกว่า 1 %

Ducati ทุ่มเททุกวิถีทางที่จะทำให้รถ GP17 สามารถสู้กับรถฮอนด้าที่นี่ได้ ซึ่งก็ต้องถือว่าค่ายสีแดงทำได้ดีมากจนความเร็วของรถนั้นขึ้นไปอยู่ในระดับที่เรียกว่าเร็ว เพียงแต่ว่าการจะรักษาเพซระดับนั้นเอาไว้นั้น ไม่ใช่แค่งานช้างแต่เป็นงานไดโนเสาร์เลยทีเดียว พูดง่ายๆคือต้องฝืนขี่ถึงอยู่บนขอบบน ถึงจะมีความเร็วพอที่จะเกาะรถ RC213V เอาไว้ได้ ทำให้โอกาสที่โดวิจะชนะที่นี่นั้นมีน้อยมากๆ ซึ่งโดวินั้นก็ได้ออกมาพูดตั้งแต่ก่อนแข่งแล้วว่ารถของเค้านั้นดีแล้วแต่ยังไม่พอ ซึ่งถ้าโดวิชนะไม่ได้ ทุกอย่างก็ถือว่าจบ



คู่แข่งหลักอย่าง Honda นั้นมาดีทั้ง 2 คัน คู่หู MM93 และ DP26 ถือเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ใหญ่สำหรับดูคาติในการแข่ง  แม้ว่ามาเกวซจะล้มไป 2 ครั้งในรอบ FP และ QP รวมทั้งหมดแล้วเป็นการล้มครั้งที่ 27 ของฤดูกาล แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติที่เค้าพยายามจะดูว่ารถไปได้แค่ไหน ก่อนที่จะขี่แบบระมัดระวังมากขึ้นในวันแข่ง

Yamaha ทีมใหญ่อาจจะหายไป แต่ก็ยังมีรถ YZR-M1 ของซาร์โก้ที่เข้ามาเป็น 1 ในตัวแปรสำคัญในกลุ่มนำ รวมไปถึง Suzuki เองก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดีต่อเนื่องมาตั้งแต่วันศุกร์ ทำให้นอกจากค่าย HRC แล้ว ก็ยังมีรถอีก 2-3 คัน โดยเฉพาะซาร์โก้และเอียนโนเน่เด็กเก่าที่ควอลิไฟท์ได้ค่อนข้างดี ที่โดวิต้องเอาชนะให้ได้ ก่อนที่จะไปลุ้นผลของมาเกวซ



Wildcard ของมิเชลเล่ ปิโร่จาก Ducati และมิก้า คาลิโอ้จาก KTM ทำให้สนามนี้มีรถลงแข่งทั้งหมด 25 คัน โดยรถ KTM RC 16 ของพอล เอสพากาโร่นั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เครื่องที่ 10 มากกว่าจำนวนสูงสุดที่กำหนดแค่ 9 เครื่อง ทำให้โดนลงโทษ ต้องออกสตาร์ทจากพิทเลน