[MotoGP] 2015 Team and Rider line-up

กระทู้สนทนา


Repsol Honda Team
Bike: Honda RC213V
Riders: Marc Marquez (93) / Dani Pedrosa (26)



แข็งแกร่งดังภูผา

สำหรับขุมกำลังของทีม Repsol Honda ทั้งตัวรถ RC213V ที่น่าจะดีที่สุดใน พ.ศ. นี้ ขณะที่ 2 นักแข่งชาวสเปนของทีมก็มีทั้งนักแข่งอัจริยะดีกรีแชมป์โลก 2 สมัยติดอย่าง Marc Marquez และ Dani Pedrosa นักแข่งแถวหน้าประสบการณ์สูงที่ถึงแม้พักหลังผลงานอาจจะดูไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าความเก่งกาจจะลดลงไปซะทีเดียว ฝีไม้ลายมือของเจ้ามาเควซเป็นที่ประจักษ์และยอมรับกันทั่วยุทธภพแล้วว่าเป็นกระบี่มือ 1 ณ เวลานี้ งานหนักเพียงอย่างเดียวของรถเบอร์ 93 ก็คือการรับศึกหลายด้าน ทั้งจากเพื่อนร่วมทีมเองก็ด้วยและ 2 คู่แข่งตัวฉกาจจากทีมยามาฮ่า เผลอๆจะมีตัวแถมจากดูคาติโผล่เข้ามาแจมอีกต่างหาก ทางด้านเพรโดซ่าที่ชนะไป 1 สนามในปีที่แล้ว มีหน้าที่อย่างเดียวคือเค้นฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาให้ได้พร้อมยึดพื้นที่บนโพเดี่ยมให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ถ้าต้องการให้ความฝันที่จะเป็นนักบิดหมายเลข 1 ของโลกกลายเป็นความจริงให้ได้



เจ้า MM93 มีบ่นเล็กน้อยกับรถปี 2015 ว่าไม่ค่อยชอบในการทดสอบช่วงหลังปิดฤดูกาล แต่เสียงของเจ้ามะขวิดดังและมีพลังมากๆในตอนนี้ คงเป็นหน้าที่ของวิศวกรจาก Honda ที่จะต้องปรับแต่งรถให้ตามที่เจ้าตัวต้องการ

Movistar Yamaha MotoGP
Bike: Yamaha YZR-M1
Riders: Jorge Lorenzo (99) / Valentino Rossi (46)



ราชาทวงบัลลังค์

ยามาฮ่าปล่อยให้ค่ายปีกนกโชว์เหนือมาแล้วถึง 2 ปีติด ป๋าลินบอกว่าถึงเวลาที่เราต้องเอาคืนแล้วล่ะ ฤดูกาลนี้ถึงแม้จะเป็นการทิ้งทวนการพัฒนารถบนกฏปัจุบันก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในปีหน้า แต่เชื่อว่า Yamaha คงต้องใส่แบบเต็มสูบอย่างทั้งฤดูกาล โดยเฉพาะถ้าต้องการโค่นคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง MM93 ทุกอย่างต้องมาตามนัด และมีข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด

ทั้ง JL99 กับ VR46 ยังอยู่กับทีมต่อไปอย่างน้อยอีก 2 ปี เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของอมยิ้มคือต้องการเพิ่มจำนวนแชมป์โลกในกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปอีก แต่สิ่งสำคัญคือต้องรักษาฟอร์มและความมั่นใจเหมือนในช่วงท้ายของฤดูกาลที่แล้วเอาไว้ให้ได้ ส่วนคุณหมอรอสซี่ที่ขี่ได้ดีแบบสะใจวัยเก๋าแทบทั้งฤดูกาลในปีที่แล้ว ก็มั่นใจสุดๆว่าฟอร์มของตัวเองดีมากๆ เผลอๆดีกว่าสมัยที่คว้ามแชมป์โลกมานอนกอดเสียอีก เพียงแต่ว่ามีเจ้า MM93 มาเป็นตัวแปรเพิ่มเท่านั้น ถึงไม่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้

ล่าสุดทีมได้เปิดตัวรถแข่งปีนี้ของทีมไปเป็นที่เรียบร้อยที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ฐานทัพของผู้สนับสนุนหลักอย่าง Movistar


รวมพลัง ปราบไอ้มะขวิดกันเถอะ


ยามาฮ่ายังต้องพัฒนารถ YZR-M1 ให้ดีขึ้นในอีกบางจุดเพื่อให้นักแข่งของตนสามารถคว้าชัยชนะได้มากขึ้น เช่นระบบ seamless transmission ที่ยังทำได้ไม่สมบูรณ์แบบเท่ารถของฮอนด้า จากบทสำภาษณ์ล่าสุดของ Kouichi Tsuji หัวหน้าทีมวิศวกรของ Yamaha บอกว่าเกียร์บ๊อกตัวใหม่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่ต้องใช้เวลานานก็เพราะ Yamaha พัฒนาเทคโนโลยีนี้ตามแบบของตัวเองและต้องการการทดสอบอย่างละเอียดโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ซึ่งคาดว่าน่าจะพร้อมสำหรับทดสอบที่เซปังครั้งที่ 2

Ducati Team
Bike: Ducati Desmosedici GP15
Rider: Andrea Dovizioso (04) / Andrea Iannone (29)



The new desmocedici

หลังการเข้ามาของ Gigi บอสใหญ่ของทีมดูคาติ เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างภายในค่ายยักษ์ใหญ่สีแดง ผลงานของทีมเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่องว่างเมื่อเทียบกับรถจากสองโรงงานหัวแถวลดลงอย่างมีนัยยะ สัญญาณบวกมีออกมาเรื่อยๆ การได้สิทธิ์ในการทดสอบและพัฒนาเครื่องยนต์ระหว่างฤดูกาล ทำให้การพัฒนารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อทุกอย่างลงตัวขึ้นเรื่อยๆบวกกับผลงานของทีมที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ทีมสามารถเก็บนักแข่งหลักของทีมอย่าง Dovisozo เอาไว้ได้ การได้น้องโจที่ปรับตัวกับการขี่รถดูคาติได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่แล้วขึ้นมาร่วมทัพทีมใหญ่ ถือว่าเป็น line-up ที่ลงตัวอีกคู่หนึ่ง รถ Desmosedici GP15 จะเป็นรถใหม่คันแรกภายใต้การออกแบบของ Gigi Dall'Igna ถึงแม้ตัวรถจะเสร็จสมบูรณ์ช้ากว่าแผนเดิม (ไม่ทันการทดสอบที่เซปัง 1 แต่น่าจะทันการทดสอบครั้งที่ 2 ในช่วงปลายเดือน) แต่การเริ่มต้นโดยรอให้ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ถึงแม้จะล่าช้าไปบ้าง แต่การเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องเท่านั้น ถึงจะก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกันกับ Honda หรือ Yamaha ได้


เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน


โดวิปรับสไตล์การขี่ของตัวเองให้เข้ากับรถได้แล้ว รวมถึงรถใหม่ก็น่าจะถูกออกแบบมาในรูปแบบที่เค้าถนัดด้วย ผลงานในปีที่แล้วถือว่าค่อนข้างหน้าพอใจ ถึงแม้ว่าในบางสนามจะหลุดห่างออกไปจากกลุ่มนำพอสมควร เมื่อรถดีขึ้นเชื่อว่ารถเบอร์ 04 น่าจะเกาะอยู่กับกลุ่มผู้นำได้ตลอดทั้งการแข่งขัน ทางด้านของน้องโจ ไม่มีปัญหาเรื่องความเร็ว เพราะแสดงให้เราได้เห็นแล้วในปีที่ผ่านมา แต่ที่ต้องพัฒนาอย่างด่วนก็คือการลดข้อผิดพลาด โดยเฉพาะการล้ม เพราะบางครั้งเป็นการล้มที่ไม่จำเป็นทำให้พลาดผลการแข่งขันที่ควรจะได้รับ จริงๆถือเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทายเหมือนกัน เพราะในปีหน้าเค้าจะเป็นนักแข่งทีมโรงงานเต็มตัว ความคาดหวังจากดูคาติที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงแรงกดดันที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน


อิตเลี่ยนล้วนๆครับ

เป้าหมายของดูคาติในปีนี้ขึ้นการขึ้นไปเบียดตำแหน่งบน Podium อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการวางเป้าไปที่ชัยชนะสนามซักครั้ง ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริง ถ้าหากรถปีหน้าพัฒนาขึ้นไปได้อีก 1 ขั้นจากที่ทำได้ในปีที่แล้ว

Team Suzuki MotoGP
Bike: Suzuki GSX-RR
Riders: Aleix Espargaro (41) / Maverick Vinales (25)



The Story Restart

ทีมคนบ้าสีน้ำเงินจากฮามามัตซึหวนกลับคืนสู่ศึก MotoGP อีกครั้ง หลังจากว่างเว้นไปถึง 3 ปี การกลับมาครั้งนี้ดูเผินๆแล้ว ก็เหมือนจะจริงจังอยู่พอสมควรถ้าดูจากการลงทุน ทั้งในเรื่องของทีมงาน ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร นักแข่งไปจนถึงทีมช่าง แต่ช่วงเวลาที่ร้างลาไปดูเหมือนจะโดนทีมอย่าง Honda กับ Yamaha ได้พัฒนาหนีไปไกลมากๆ จากเดิมทีก็ตามหลังอยู่แล้ว ถ้าหาก Suzuki ต้องการที่จะกลับมาชนะการแข่งขัน งานหนักที่รออยู่พอๆกับการปีนข้ามยอดเขาเอฟเวอร์เรสเลยทีเดียว เพราะในยุคของรถ 4 จังหวะตั้งแต่ปี 2002 Suzuki ชนะการแข่งขันแค่เพียงครั้งเดียว แถมยังเป็นการแข่งท่ามกลางสายฝน

ซูซูกิใช้เวลาในการพัฒนารถ Prototype ด้วยเครื่องยนต์แบบใหม่ถึง 2 ปี ซึ่งถือว่าค่อนข้างนาน ทีมพยายามไปทดสอบหลายๆสนามทั้งในและนอกยุโรป รวมถึงสนามที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ๆด้วย แต่มีหลายครั้งที่ทำการทดสอบไม่ได้เต็มที่เนื่องจากสภาพอากาศเช่นที่อาร์เจนติน่าหรือออสเตเรีย ซึ่งบทสรุปก็คือรถของ Suzuki ยังตามหลัง 3 โรงงานหลักอยู่พอสมควร แค่เป้าหมายแรกที่ต้องพัฒนารถ GSX-RR ให้ขึ้นไปต่อกรกับรถของ Ducati ได้ก็อาจจะต้องใช้เวลาอย่างเร็วก็ต้องครึ่งฤดูกาล


GSX-RR


แต่การกลับมาครั้งนี้ ที่ทำได้ดีในอย่างแรกดูเหมือนจะเป็นคู่ line-up ของนักแข่ง เพราะทั้ง AE41 และ MV25 ล้วนแต่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นของอาชีพนัดบิดทั้งคู่ Espargaro ผู้พี่ที่ดูจากโพรไฟล์แล้วอาจจะด้อยกว่านักบิดแถวหน้าหลายคน แต่จากผลงานที่เค้าทำได้ตอนอยู่กับทีม Aspar และ Forward ถือว่าทำได้ดีมากๆ ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพของรถ ความเร็วของนักแข่งเบอร์ 41 ไม่ได้ห่างจากกลุ่มหัวแถวมากนัก ที่สำคัญคือความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเอง เพราะนี่จะเป็นโอกาสแรกที่ได้ทำงานร่วมกับทีมโรงงาน ขณะที่ Maverick Vinales แชมป์โลก Moto3 ปี 2012 ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในการขยับขึ้นมาแข่งในรุ่นโมโตทูในปีที่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงท้ายฤดูกาล ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องของพรสวรรค์ เป็นนักแข่งที่เรียนรู้ได้ไว ไม่แน่ใจว่าเงื่อนไขในการคุยกันไปคลิกที่ตรงไหน ถึงทำให้ Suzuki สามารถโน้มน้าวให้เค้ามาอยู่กับทีมได้ เพราะถ้าทีมสามารถพัฒนารถให้สามารถขึ้นไปสู้กับโรงงานหัวแถวได้ นักแข่งคนนี้อาจจะนำความสำเร็จมาสู่ทีมได้อีกเยอะเลย


รถเราจะไหวป่าววะวิน?


ทุกคนเห็นตรงกันว่ารถของซูซูกิยังห่างจาก Honda หรือ Yamaha ค่อนข้างมาก จากผลงานของนักขับทดสอบอย่าง Randy De Puniet ทั้งในการทดสอบตลอดปี 2014 และการลงแข่งขัน Wildcard ที่บาเลนเซีย แต่ดูเหมือนระยะห่างของเจ้า GSX-RR กับ RC213V หรือ YZR M1 จะลดลงมาสมควร เมื่อทั้ง Aleix และน้องวินได้ทำการทดสอบรถหลังปิดฤดูกาล มี 1 วันที่เวลาของ AE41 ห่างจากรถของ MM93 อยู่ที่ 1 วินาที ในสภาวะที่สภาพที่รถไม่สมบูรณ์ 100% (ต้องจำกัดรอบเครื่องยนต์) และนักแข่งเพิ่งจะมาจับรถได้แค่ 3 วัน แต่ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นกลับเป็นเรื่องเสถียรภาพของเครื่องยนต์ซะอีก ที่ไม่รู้ทดสอบกันอีท่าไหนตลอดช่วงปีกว่าๆ ไม่เคยเจอปัญหานี้กันเลย เลยเป็นการบ้านใหญ่ให้วิศวกรที่โรงงานต้องหางทางแก้กันอย่างเร่งด่วนตลอดช่วงฤดูหนาวและควรจะรู้สาเหตุก่อนการทดสอบที่เซปัง เพื่อที่จะได้หาวิธีแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องในช่วง 2 เดือนก่อนเปิดฤดูกาลสนามแรก

จุดอ่อนที่สำคัญของ Suzuki น่าจะอยู่ที่ระบบ Electronics โดยเฉพาะการที่ทีมต้องเปลี่ยนจาก ECU ของ Mitsubishi ที่ใช้งานมาตลอดมาเป็นของ Magneti-Marelli ตามกฏของ Dorna เหมือนที่ทีมอื่นๆใช้กัน เลยต้องมาปรับ code กันใหม่หมด ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง Honda มีวิศวกรซอร์ฟแวร์ระดับหัวกะทิเดินชนกันอยู่ภายในทีม บวกกับงบประมาณที่เทลงไปมหาศาลในส่วนนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่ Suzuki จะทำได้แบบนั้น แถมในฤดูกาลหน้าทุกทีมก็จะต้องเปลี่ยนไปใช้ Standard ECU แบบ Full option จึงไม่สมเหตุสมผลที่ทีมจะทุ่มเทในการพัฒนาซอร์ฟแวร์ของตัวเองแบบหนักๆ ถึงแม้ว่าทีมโรงงานใหม่อย่าง Suzuki และ Aprilia จะได้รับสิทธิพิเศษ สามารถพัฒนาซฟอร์ฟแวร์ได้ตลอดทั้งฤดูกาลก็ตาม (ในขณะที่ 3 โรงงานหลักจะต้องหยุดพัฒนาหลังจากช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป) แต่เชื่อว่าทั้ง 2 โรงงานคงพัฒนาในส่วนของการปรับปรุงและแก้ปัญหามากกว่าที่จะไปเร่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ โดยงานหลักๆที่ทีมกำลังเร่งทำอยู่ก็คงจะเป็นการพัฒนาซอร์ฟแวร์ให้รองรับระบบ Seamless transmission ที่กำลังทดสอบอยู่ในตอนนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่