เรื่องนี้เขียนโดยนัก(อยาก)เขียน 2 คน เราเขียนร่วมกัน,เนื้อเรื่องเดียวกัน,พล็อตเดียวกัน ภายใต้นามปากกา... เปลวลิขิต (เปลวอัคคี+ลายลิขิต) นะคะคุณผู้อ่าน
เปลวลิขิต
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://ppantip.com/topic/36921449
https://ppantip.com/topic/36928362/comment4-1
https://ppantip.com/topic/36940436
https://ppantip.com/topic/36968517
https://ppantip.com/topic/37032920
คุ้มสยองขวัญ
แสงแรกของตะวันยังไม่ทันได้ทาบทาท้องฟ้าดี เทิดซึ่งนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะครุ่นคิดถึงแต่เรื่องที่ตัวเองเห็นเมื่อเย็นวาน จึงไม่อาจทนนอนกระสับกระส่ายอยู่ในที่นอนได้อีก เขาลุกออกมานั่งพิงเสาเรือนกลางโถงบ้าน เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีนอกชายคาอย่างใช้ความคิด
เทิดทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งอยากไปพบกับครูหนุ่มผู้กำลังจะมาเป็นครูสอนหนังสือให้กับลูกตัวเองรวมถึงลูกชาวบ้านด้วย เพื่อเตือนให้รู้ตัวก่อน เขาจะปล่อยให้ครูคนใหม่โดนนางซ่อนกลิ่นทำร้ายลับหลังไม่ได้ แต่มาคิดอีกที ตัวเองก็ยังไม่รู้จักมักคุ้นกับครูหนุ่มเลย ซํ้าร้ายเมื่อคืนนี้ตอนที่ครูพาเจ้าป๊อดลูกชายเขามาส่งให้ในเวลามืดคํ่า เขายังแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาจนน่าเกลียด ซึ่งไม่รู้ว่าคุณครูคนใหม่จะถือสาเอาหรือเปล่า
นั่งคิดวุ่นวายใจอยู่คนเดียว จวบจนลั่นทมตามออกมามองหน้าผัวอย่างสนเท่ห์ ก่อนเดินเข้าครัวไปหุงหาอาหารเช้าตามกิจวัตร จนเมื่อทำกับข้าวเสร็จ จัดสำรับจากในครัวมาวางบนเสื่อตรงหน้า ลั่นทมก็ยังเห็นสามีนั่งตาลอยทำท่าครุ่นคิดอยู่ที่เดิม
“พี่เทิด พี่เป็นอะไรไป” เธอถามอย่างสงสัย
“อ๋อ ประ...เปล่า ไม่มีอะไร” คนนั่งเหม่อรู้สึกตัวรีบปฏิเสธ ลั่นทมมองหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“แล้วทำไมถึงลุกมานั่งนี่แต่ฟ้ายังไม่สาง เมื่อคืนก็เห็นนอนดิ้นพลิกไปพลิกมา พี่นอนไม่หลับเหรอ”
“อืม...เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับ ไม่รู้เป็นอะไรของมันเหมือนกัน”
ยอมรับแต่ไม่ยอมบอกสาเหตุให้เมียรู้ เขาต้องหาทางพิสูจน์เรื่องที่คาใจให้ได้เสียก่อน โดยเฉพาะเรื่องครูหนุ่มคนใหม่ ที่เมื่อวานคงจะได้กินอาหารปลุกเสกของนางผีปอบเข้าไปแล้ว
เสียงเปิดประตูห้องนอนอีกห้องดังขึ้น ร่างเด็กชายสมพงษ์หรือป๊อด ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินงัวเงียออกประตูมา ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนเป็นพ่อกับแม่ เด็กชายถือผ้าเช็ดตัวเดินหายไปทางหลังบ้าน ชั่วครู่หนึ่ง พออาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ป๊อดก็เดินกลับเข้ามาด้วยท่าทางสดชื่นขึ้น
เทิดหรี่ตามองลูกชายตัวเองที่กำลังขมีขมันสวมชุดนักเรียน ทั้งที่ปกติ กว่าจะปลุกให้อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนได้ ต้องเรียกกันคอแทบแตกในแต่ละครั้ง
“สงสัยวันนี้ฝนคงจะตกใหญ่ ไอ้ป๊อดลุกขึ้นแต่งตัวเองเว้ยเฮ้ย” อดสัพยอกลูกชายตัวน้อยไม่ได้
“ก็แล้วมันไม่ดีหรือไงพี่เทิด ลูกมันอยากไปโรงเรียน ไปพูดแซวลูกทำไม”
ลั่นทมซึ่งกำลังคดข้าวใส่จานค้อนให้สามีวงใหญ่ หล่อนพูดปรามเทิด ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเองก็แอบนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน ที่ลูกชายดูเหมือนจะอยากไปโรงเรียนขึ้นมาอย่างผิดปกติ ผิดกับแต่ก่อน ที่บางวันสมพงษ์อิดออดไม่อยากไปเรียนหนังสือเป็นประจำ บางทีก็ขาดเรียนจนครูชาติพนาต้องมาตามถึงบ้าน
“เออ จริงด้วย ดีสิดี ลูกข้ามันชอบไปโรงเรียนแบบนี้ดีแล้ว ตั้งใจเรียนเข้านะลูกพ่อ อีกหน่อยจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่ข้าว่าที่เอ็งอยากไปโรงเรียนเช้าแบบนี้ ก็เพราะมีครูรูปหล่อมาสอนใช่ไหมล่ะไอ้ป๊อด”
“ครูเขาชื่อชานนท์น่ะพ่อ”
เด็กชายแต่งตัวเสร็จก็เข้ามานั่งร่วมสำรับ จัดแจงตักข้าวในจานเข้าปาก พลางเล่าเรื่องคุณครูคนใหม่ให้พ่อกับแม่ฟังเสียงใส สมพงษ์ดีใจที่จะได้เรียนโดยไม่ต้องไปรวมห้องกับชั้นปอ.สาม ถึงไม่ค่อยขยันเรียนนักแต่ตัวเองก็อยากเรียนให้จบชั้นปอ.หกโดยไว ติดที่คุณครูในโรงเรียนย้ายออกไปคนแล้วคนเล่า จนโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่ถึงสี่สิบคน แทบจะยุบไปเรียนกับโรงเรียนอีกตำบลซึ่งอยู่ไกลบ้านมาก ถ้าต้องย้ายไปเรียนที่นั่นจริง ทั้งตัวเองและพ่อกับแม่คงลำบากขึ้นมากทีเดียว
“ครูเค้าใจดีงี้เลย” ยกหัวแม่โป้งประกอบคำพูด
“ครูผู้ชายมาใหม่คนนั้นล่ะสิ ได้ยินคนที่ตลาดเขาลือกันว่ายังหนุ่มอยู่เลย แถมรูปหล่อเสียด้วย เพิ่งเห็นหน้าชัดๆ เมื่อเย็นวานนี้เอง”
ลั่นทมเออออด้วยกับลูก หล่อนได้ยินเรื่องครูชานนท์ตั้งแต่ตอนกลางวันเมื่อวานแล้ว ก่อนจะได้มาเจอกันจังๆ ตอนที่เขาพาลูกชายมาส่งให้ถึงบ้าน เผอิญตอนนั้นไม่มีเวลาทักทายกัน เพราะฝ่ายตัวเองต้องรีบเข้าบ้าน ลั่นทมพยักหน้าเรียกสามีเข้ามานั่งในสำรับก่อนยื่นจานใส่ข้าวให้
“ครูเขาให้พวกฉันสามคนเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์ เหมือนกับองครักษ์ของเปาบุ้นจิ้นไงแม่ มีฉัน ไอ้โอ่ง กะนังนุชมัน เมื่อวานเราสามคนไปช่วยครูจัดที่นอนในบ้านพัก แล้วยังพาครูไปส่งที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ด้วยนะ”
คุยฟุ้งให้พ่อกับแม่ฟังด้วยความภาคภูมิใจ ลั่นทมค้อนลูกอย่างหมั่นไส้
“เออ...แล้วก็อย่าไปทำลิงทำค่างให้ครูเขาเบื่อเอาล่ะ”
เอ่ยปรามอย่างรู้นิสัยลูกดี แต่ก่อนที่สมพงษ์จะทันแย้งแม่ เสียงเถียงกันดังลั่นของบรรจงกับนงนุชก็ดังอยู่ข้างล่างเรือน ครู่เดียวเด็กทั้งสองก็โผล่ขึ้นมาบนชานบ้าน
“หวัดดีจ้ะลุงป้า” เด็กชายหญิงยกมือไหว้พ่อกับแม่ของเพื่อน แล้วพากันนั่งยิ้มเผล่อวดฟันหลออยู่ตรงชานบ้าน
“แหม ข้าว่าวันนี้ฝนร้อยห่าคงตกหนักแถวคุ้มริมผาแน่ นึกว่าเจ้าป๊อดมันเกิดขยันไปโรงเรียนคนเดียว ที่ไหนได้ เอ็งสองคนขยันกว่ามันอีก จะรีบไปทำไมกันแต่เช้าอย่างงี้วะ”
เทิดแซวเพื่อนลูก ตาแลดูเครื่องแบบนักเรียนใหม่เอี่ยมที่ทั้งสองใส่ ครูคนใหม่มีอิทธิพลต่อเด็กทโมนทั้งสามได้อย่างน่าทึ่ง เด็กน้อยทั้งสามถึงจะฉลาดแต่ก็ซนเหลือหลาย ครูที่เคยสอนมักสรรเสริญความซนของเด็กทั้งสามให้พ่อแม่ฟังบ่อยๆ เทิดเองยังเคยแอบคิดเลยว่า ที่ครูย้ายหนีกันไปหมด เป็นเพราะความซนของลูกตัวเองด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
ส่วนเจ้าป๊อดลูกเขาแม้ยังต้องใส่ชุดเก่า ด้วยลั่นทมยังไม่ซื้อชุดใหม่ให้ลูก หล่อนคิดว่าใกล้จะปิดเทอมอยู่แล้วไม่เห็นจำเป็นต้องมีชุดใหม่ เอาไว้ค่อยซื้อให้ตอนเปิดเทอมหน้าดีกว่า
แต่ชุดเก่าก็ได้รับการซักและรีดจนเรียบกริบด้วยฝีมือคนใส่ อย่างที่เขากับลั่นทมไม่เคยเห็นมาก่อน ทำเอาสองผัวเมียถึงกับขำในความเห่อครูคนใหม่ของลูกชาย
“ไอ้ป๊อดเร็วๆ!” นงนุชไม่สนใจคำแซวของพ่อเพื่อน เร่งเพื่อนให้รีบอิ่มยิกๆ
“ครูนนท์ไม่สบาย ต้องไปเอายากับน้ำเกลือไปให้ครูกินก่อน” บรรจงบอกเพื่อน เทิดพอได้ยินเข้าก็หูผึ่ง รีบถามเด็กทั้งสองทันที
“อ้าว ครูเขาไม่สบายเป็นอะไรไปเหรอ”
“ครูนนท์ท้องเสียจ้ะลุงเทิด ครูใหญ่ให้หนูสามคนเอายาที่บ้านมาให้ครูกินก่อน”
เด็กหญิงผมเปียเป็นคนตอบ พ่อของนงนุชเคยเป็นทหารเสนารักษ์มาก่อน พอมีความรู้เรื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่บ้าง แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก เทิดกำลังสนใจที่ได้ยินว่าครูชานนท์ป่วยต่างหาก...
สมพงษ์ก็เลยยกขันใส่น้ำขึ้นดื่มพลางบอกพ่อกับแม่
“ถ้างั้นผมไปละ พวกเราจะไปหาครูนนท์ที่บ้านพักก่อนโรงเรียนเข้าครับ”
เพราะยังคาใจในอาการเจ็บไข้ของครูชานนท์ เทิดตัดสินใจลัดเลาะป่าละเมาะมาทางเดียวกันกับเมื่อคืน เขามาถึงข้างตัวบ้านพักครูแล้วแต่ยังไปไม่ถึงหน้าบันไดดี
ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กของเด็กดังอยู่ข้างบนบ้าน เด็กทั้งสามรวมทั้งลูกชายตัวเองคงอยู่บนนั้นกับครูชานนท์เรียบร้อยแล้ว คิดจะขึ้นไปบนบ้านพักครูด้วยเพื่อสังเกตอาการเสียหน่อย จะทำทีว่ามาเยี่ยมครูหนุ่มด้วยความห่วงใย เพราะเพิ่งได้รู้จากเด็กๆ ว่าครูป่วย มั่นใจมากว่าอาการป่วยของครูหนุ่มต้องมาจากอาหารของนางผีปอบตนนั้นแน่นอน
ถึงหน้าบันไดแล้วแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้น เสียงรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่มุ่งตรงมาทางหน้าบ้านก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน เทิดหันหลังกลับวิ่งไปแนบตัวกับโคนต้นมะม่วงข้างบ้านแอบดู อยากรู้ว่าใครกำลังขี่มอเตอร์ไซค์มาหาครูชานนท์
“เอ๊ะ นั่นมันกาหลงนี่หว่า” ชายร่างผอมอุทาน
(มีต่อ)
คุ้มสยองขวัญ 5
เรื่องนี้เขียนโดยนัก(อยาก)เขียน 2 คน เราเขียนร่วมกัน,เนื้อเรื่องเดียวกัน,พล็อตเดียวกัน ภายใต้นามปากกา... เปลวลิขิต (เปลวอัคคี+ลายลิขิต) นะคะคุณผู้อ่าน
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสงแรกของตะวันยังไม่ทันได้ทาบทาท้องฟ้าดี เทิดซึ่งนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะครุ่นคิดถึงแต่เรื่องที่ตัวเองเห็นเมื่อเย็นวาน จึงไม่อาจทนนอนกระสับกระส่ายอยู่ในที่นอนได้อีก เขาลุกออกมานั่งพิงเสาเรือนกลางโถงบ้าน เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีนอกชายคาอย่างใช้ความคิด
เทิดทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งอยากไปพบกับครูหนุ่มผู้กำลังจะมาเป็นครูสอนหนังสือให้กับลูกตัวเองรวมถึงลูกชาวบ้านด้วย เพื่อเตือนให้รู้ตัวก่อน เขาจะปล่อยให้ครูคนใหม่โดนนางซ่อนกลิ่นทำร้ายลับหลังไม่ได้ แต่มาคิดอีกที ตัวเองก็ยังไม่รู้จักมักคุ้นกับครูหนุ่มเลย ซํ้าร้ายเมื่อคืนนี้ตอนที่ครูพาเจ้าป๊อดลูกชายเขามาส่งให้ในเวลามืดคํ่า เขายังแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาจนน่าเกลียด ซึ่งไม่รู้ว่าคุณครูคนใหม่จะถือสาเอาหรือเปล่า
นั่งคิดวุ่นวายใจอยู่คนเดียว จวบจนลั่นทมตามออกมามองหน้าผัวอย่างสนเท่ห์ ก่อนเดินเข้าครัวไปหุงหาอาหารเช้าตามกิจวัตร จนเมื่อทำกับข้าวเสร็จ จัดสำรับจากในครัวมาวางบนเสื่อตรงหน้า ลั่นทมก็ยังเห็นสามีนั่งตาลอยทำท่าครุ่นคิดอยู่ที่เดิม
“พี่เทิด พี่เป็นอะไรไป” เธอถามอย่างสงสัย
“อ๋อ ประ...เปล่า ไม่มีอะไร” คนนั่งเหม่อรู้สึกตัวรีบปฏิเสธ ลั่นทมมองหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“แล้วทำไมถึงลุกมานั่งนี่แต่ฟ้ายังไม่สาง เมื่อคืนก็เห็นนอนดิ้นพลิกไปพลิกมา พี่นอนไม่หลับเหรอ”
“อืม...เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับ ไม่รู้เป็นอะไรของมันเหมือนกัน”
ยอมรับแต่ไม่ยอมบอกสาเหตุให้เมียรู้ เขาต้องหาทางพิสูจน์เรื่องที่คาใจให้ได้เสียก่อน โดยเฉพาะเรื่องครูหนุ่มคนใหม่ ที่เมื่อวานคงจะได้กินอาหารปลุกเสกของนางผีปอบเข้าไปแล้ว
เสียงเปิดประตูห้องนอนอีกห้องดังขึ้น ร่างเด็กชายสมพงษ์หรือป๊อด ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินงัวเงียออกประตูมา ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนเป็นพ่อกับแม่ เด็กชายถือผ้าเช็ดตัวเดินหายไปทางหลังบ้าน ชั่วครู่หนึ่ง พออาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ป๊อดก็เดินกลับเข้ามาด้วยท่าทางสดชื่นขึ้น
เทิดหรี่ตามองลูกชายตัวเองที่กำลังขมีขมันสวมชุดนักเรียน ทั้งที่ปกติ กว่าจะปลุกให้อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนได้ ต้องเรียกกันคอแทบแตกในแต่ละครั้ง
“สงสัยวันนี้ฝนคงจะตกใหญ่ ไอ้ป๊อดลุกขึ้นแต่งตัวเองเว้ยเฮ้ย” อดสัพยอกลูกชายตัวน้อยไม่ได้
“ก็แล้วมันไม่ดีหรือไงพี่เทิด ลูกมันอยากไปโรงเรียน ไปพูดแซวลูกทำไม”
ลั่นทมซึ่งกำลังคดข้าวใส่จานค้อนให้สามีวงใหญ่ หล่อนพูดปรามเทิด ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเองก็แอบนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน ที่ลูกชายดูเหมือนจะอยากไปโรงเรียนขึ้นมาอย่างผิดปกติ ผิดกับแต่ก่อน ที่บางวันสมพงษ์อิดออดไม่อยากไปเรียนหนังสือเป็นประจำ บางทีก็ขาดเรียนจนครูชาติพนาต้องมาตามถึงบ้าน
“เออ จริงด้วย ดีสิดี ลูกข้ามันชอบไปโรงเรียนแบบนี้ดีแล้ว ตั้งใจเรียนเข้านะลูกพ่อ อีกหน่อยจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่ข้าว่าที่เอ็งอยากไปโรงเรียนเช้าแบบนี้ ก็เพราะมีครูรูปหล่อมาสอนใช่ไหมล่ะไอ้ป๊อด”
“ครูเขาชื่อชานนท์น่ะพ่อ”
เด็กชายแต่งตัวเสร็จก็เข้ามานั่งร่วมสำรับ จัดแจงตักข้าวในจานเข้าปาก พลางเล่าเรื่องคุณครูคนใหม่ให้พ่อกับแม่ฟังเสียงใส สมพงษ์ดีใจที่จะได้เรียนโดยไม่ต้องไปรวมห้องกับชั้นปอ.สาม ถึงไม่ค่อยขยันเรียนนักแต่ตัวเองก็อยากเรียนให้จบชั้นปอ.หกโดยไว ติดที่คุณครูในโรงเรียนย้ายออกไปคนแล้วคนเล่า จนโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่ถึงสี่สิบคน แทบจะยุบไปเรียนกับโรงเรียนอีกตำบลซึ่งอยู่ไกลบ้านมาก ถ้าต้องย้ายไปเรียนที่นั่นจริง ทั้งตัวเองและพ่อกับแม่คงลำบากขึ้นมากทีเดียว
“ครูเค้าใจดีงี้เลย” ยกหัวแม่โป้งประกอบคำพูด
“ครูผู้ชายมาใหม่คนนั้นล่ะสิ ได้ยินคนที่ตลาดเขาลือกันว่ายังหนุ่มอยู่เลย แถมรูปหล่อเสียด้วย เพิ่งเห็นหน้าชัดๆ เมื่อเย็นวานนี้เอง”
ลั่นทมเออออด้วยกับลูก หล่อนได้ยินเรื่องครูชานนท์ตั้งแต่ตอนกลางวันเมื่อวานแล้ว ก่อนจะได้มาเจอกันจังๆ ตอนที่เขาพาลูกชายมาส่งให้ถึงบ้าน เผอิญตอนนั้นไม่มีเวลาทักทายกัน เพราะฝ่ายตัวเองต้องรีบเข้าบ้าน ลั่นทมพยักหน้าเรียกสามีเข้ามานั่งในสำรับก่อนยื่นจานใส่ข้าวให้
“ครูเขาให้พวกฉันสามคนเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์ เหมือนกับองครักษ์ของเปาบุ้นจิ้นไงแม่ มีฉัน ไอ้โอ่ง กะนังนุชมัน เมื่อวานเราสามคนไปช่วยครูจัดที่นอนในบ้านพัก แล้วยังพาครูไปส่งที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ด้วยนะ”
คุยฟุ้งให้พ่อกับแม่ฟังด้วยความภาคภูมิใจ ลั่นทมค้อนลูกอย่างหมั่นไส้
“เออ...แล้วก็อย่าไปทำลิงทำค่างให้ครูเขาเบื่อเอาล่ะ”
เอ่ยปรามอย่างรู้นิสัยลูกดี แต่ก่อนที่สมพงษ์จะทันแย้งแม่ เสียงเถียงกันดังลั่นของบรรจงกับนงนุชก็ดังอยู่ข้างล่างเรือน ครู่เดียวเด็กทั้งสองก็โผล่ขึ้นมาบนชานบ้าน
“หวัดดีจ้ะลุงป้า” เด็กชายหญิงยกมือไหว้พ่อกับแม่ของเพื่อน แล้วพากันนั่งยิ้มเผล่อวดฟันหลออยู่ตรงชานบ้าน
“แหม ข้าว่าวันนี้ฝนร้อยห่าคงตกหนักแถวคุ้มริมผาแน่ นึกว่าเจ้าป๊อดมันเกิดขยันไปโรงเรียนคนเดียว ที่ไหนได้ เอ็งสองคนขยันกว่ามันอีก จะรีบไปทำไมกันแต่เช้าอย่างงี้วะ”
เทิดแซวเพื่อนลูก ตาแลดูเครื่องแบบนักเรียนใหม่เอี่ยมที่ทั้งสองใส่ ครูคนใหม่มีอิทธิพลต่อเด็กทโมนทั้งสามได้อย่างน่าทึ่ง เด็กน้อยทั้งสามถึงจะฉลาดแต่ก็ซนเหลือหลาย ครูที่เคยสอนมักสรรเสริญความซนของเด็กทั้งสามให้พ่อแม่ฟังบ่อยๆ เทิดเองยังเคยแอบคิดเลยว่า ที่ครูย้ายหนีกันไปหมด เป็นเพราะความซนของลูกตัวเองด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
ส่วนเจ้าป๊อดลูกเขาแม้ยังต้องใส่ชุดเก่า ด้วยลั่นทมยังไม่ซื้อชุดใหม่ให้ลูก หล่อนคิดว่าใกล้จะปิดเทอมอยู่แล้วไม่เห็นจำเป็นต้องมีชุดใหม่ เอาไว้ค่อยซื้อให้ตอนเปิดเทอมหน้าดีกว่า
แต่ชุดเก่าก็ได้รับการซักและรีดจนเรียบกริบด้วยฝีมือคนใส่ อย่างที่เขากับลั่นทมไม่เคยเห็นมาก่อน ทำเอาสองผัวเมียถึงกับขำในความเห่อครูคนใหม่ของลูกชาย
“ไอ้ป๊อดเร็วๆ!” นงนุชไม่สนใจคำแซวของพ่อเพื่อน เร่งเพื่อนให้รีบอิ่มยิกๆ
“ครูนนท์ไม่สบาย ต้องไปเอายากับน้ำเกลือไปให้ครูกินก่อน” บรรจงบอกเพื่อน เทิดพอได้ยินเข้าก็หูผึ่ง รีบถามเด็กทั้งสองทันที
“อ้าว ครูเขาไม่สบายเป็นอะไรไปเหรอ”
“ครูนนท์ท้องเสียจ้ะลุงเทิด ครูใหญ่ให้หนูสามคนเอายาที่บ้านมาให้ครูกินก่อน”
เด็กหญิงผมเปียเป็นคนตอบ พ่อของนงนุชเคยเป็นทหารเสนารักษ์มาก่อน พอมีความรู้เรื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่บ้าง แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก เทิดกำลังสนใจที่ได้ยินว่าครูชานนท์ป่วยต่างหาก...
สมพงษ์ก็เลยยกขันใส่น้ำขึ้นดื่มพลางบอกพ่อกับแม่
“ถ้างั้นผมไปละ พวกเราจะไปหาครูนนท์ที่บ้านพักก่อนโรงเรียนเข้าครับ”
เพราะยังคาใจในอาการเจ็บไข้ของครูชานนท์ เทิดตัดสินใจลัดเลาะป่าละเมาะมาทางเดียวกันกับเมื่อคืน เขามาถึงข้างตัวบ้านพักครูแล้วแต่ยังไปไม่ถึงหน้าบันไดดี
ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กของเด็กดังอยู่ข้างบนบ้าน เด็กทั้งสามรวมทั้งลูกชายตัวเองคงอยู่บนนั้นกับครูชานนท์เรียบร้อยแล้ว คิดจะขึ้นไปบนบ้านพักครูด้วยเพื่อสังเกตอาการเสียหน่อย จะทำทีว่ามาเยี่ยมครูหนุ่มด้วยความห่วงใย เพราะเพิ่งได้รู้จากเด็กๆ ว่าครูป่วย มั่นใจมากว่าอาการป่วยของครูหนุ่มต้องมาจากอาหารของนางผีปอบตนนั้นแน่นอน
ถึงหน้าบันไดแล้วแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้น เสียงรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่มุ่งตรงมาทางหน้าบ้านก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน เทิดหันหลังกลับวิ่งไปแนบตัวกับโคนต้นมะม่วงข้างบ้านแอบดู อยากรู้ว่าใครกำลังขี่มอเตอร์ไซค์มาหาครูชานนท์
“เอ๊ะ นั่นมันกาหลงนี่หว่า” ชายร่างผอมอุทาน
(มีต่อ)