Trip to China กับประสบการณ์มันๆ เรื่อง FinTech: เส้นบางๆ ระหว่างความเป็น Professional กับ Unprofessional

กระทู้สนทนา
คิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม เพราะกลัวโดนบ่นว่าเขียนให้เองเข้าใจคนเดียวอีก 555 ซึ่งประเด็นนี้ส่วนตัวผมว่ามันเป็นที่น่าสังเกต เเละหลายคนอาจจะมองข้ามไปในยุคสมัยที่เรื่องของ กระเเส FinTech มันกระหน่ำเข้ามา

ถ้าพูดถึงเรื่องของ FinTech หลายท่านก็อาจจะมองในมุมว่ามันคือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลด cost + ประหยัดเวลาหรือทำให้การทำงานมันง่าย เเละสะดวกมากขึ้น เเก้ Pain points ต่างๆ ของ industries ที่ไอ้เจ้าพวก players เดิมในตลาดมันก็นึกไม่ถึง รวมถึงอีกประการที่สำคัญเลยคือ เจ้า FinTech มันเป็นการเปิดให้ new player ใหม่ๆ เข้ามา หรือที่เราติดปากกันว่า Startups ได้เข้ามารวมวงด้วย แต่!!!!!! มันก็มีความกังวลอยู่ว่า บาง industries เนี่ยมันต้องความเป็น Professional หน่อยหรือป่าว ยกตัวอย่างเรื่อง sharing economy ที่ตอนนี้เป็นกระเเสในบ้านเรามากเหลือเกิน ซึ่งประเด็นที่พูดกันคือ Uber หรือ Grab ที่เข้ามาเเก้ไข Pain points เรื่องการเดินทางในบ้านเราอย่างโครตจะตรงจุดเลย คือเรียกอย่างไรเค้าก็ไป มารับถึงที่อีก ปลอดภัย รู้ด้วยว่าใครจะมารับ รถอะไร ทะเบียนอะไร ของหายก็ตามได้ มี GPS ติดตามได้อีก จ่ายด้วย credit card โอ้ยยสะดวกได้อีก รถก็สะอาดไม่มีใบเตยมาวางตรงช่องเเอร์ให้เป็นที่รำคาญ

แต่ๆๆๆๆๆๆ เดี่ยวก่อนนะครัช ไอ้การจะมาเป็นคนขับรถ taxi เนี่ย มันควรจะมีอะไรมากกว่าการที่ พนักงานประจำของบริษัทหนึ่งอยากหาเงินเพิ่มในช่วงหลังเลิกงาน เเล้วเพียงเเค่ไปโหลด apps มาติดตั้ง + ทำ KYC นิดหน่อย เเล้วกรูก็มาเป็นคนขับรับส่งได้เลย คุณลูกค้าก็เพียงปักหมุดมาเลยจ้าา เดี๋ยวเจ้า google map ของผมจะนำไปเอง ซึ่งส่วนตัวผมนั่งมาเรียกว่าน่าจะเกิน 100 ครั้ง คือนั่งทุกวันตอนไปทำงาน เลยได้มีโอกาสเจอหลายรูปแบบ ตอบเลยว่าผมเจอพวกที่อะไร กูก็ตาม google map หมด บางคันเรียกไปทองหล่อยังไม่รู้เลยว่าไปไง บอกรอเปปนะพี่โทรศัพท์ hang หรือไม่ก็ GPS โหลดช้า สุดท้าย เอางี้พี่บอกทางผมละกัน 555 อ่าว ยาวไป กรูคิดว่าจะงีบสักหน่อย เเล้วคิดเงินผิดด้วยอันนี้เตือน เผื่อผู้ใช้ไม่ค่อยเช็คกัน โดยเฉพาะ Uber ที่เวลาถนนมันขี่กันกับทางด่วน ไอ้เราไม่ขึ้นเเต่มันตัดเงินเราเว้ย โดยเฉพาะวิภาวดีเนี่ย ระวัง 70 บาทมาจากไหนไม่รู้ เช็คก็ดีไป ไม่เช็คก็สบายตัวคนขับ

สรุปประเด็นที่ต้องการจะบอกคือ บางอาชีพที่มันควรจะอาศัยประสบการณ์ + ความเป็น Professional ด้วย ไม่ใช่เเค่ให้เทคโนโลยีมันนำเราทุกเรื่อง เเล้วใครจะเข้ามาเป็น player ก็ได้ ไม่ต้องอะไรมากมาย ทำเล่นๆไป ถามว่าตอนเเรกมันดีไหม ตอบเลยว่า ดีสิเข้ามาเเก้ไขอะไรเเบบนี้ที่เราหวังมานานเเละ เเต่ระยะยาวมันคงจะไม่ได้ดีเสมอไป เเล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาตัวใครตัวมันนะคร้าบ บริษัทไม่ยุ่งด้วย เราหักคุณเเค่ 25% เองงงงงงง!!! 555 เเล้วหลังๆ เนี่ยมันก็รับคนขับเข้ามาง่ายเหลือเกิน เจอมากกลับตัว โหหห คนขับเเบบโหดชิบ เเล้วรถพี่เเกก็เเต่งมาซะเเบบเสียงท่อเเบบนั่งเรือหางยาว ไฟในรถนึกว่าอยู่ DEMO

เเหม!! พูดเเล้วก็ขอวกเข้าเรื่องตลาดทุนอีกตัวอย่างหนึ่ง คือ อีเจ้าพวก Robo-advisor ที่ปัจจุบันเนี่ยมันต้องมาขอ license IA กับทาง SEC โดยต้องมีระบบงานต่างๆ หรือมี Methodology ที่สามารถอธิบายได้ว่า คำเเนะนำเหล่านั้นท่านได้เเต่ใดมา ไม่ใช่เเค่ว่าพวก FinTech ทั้งหลายมาบอกว่า ไอ้ตัวเราเนี่ยมี innovation อะไรบางอย่างที่มันสามารถบอกได้ว่าหุ้นนี้มันดีหรือไม่ดี ควรขายเมื่อไร ซื้อเมื่อไร พอถามไปว่ามันคืออะไร พี่เเกก็เเบบเป็น secret receipt อารมณ์เหมือนสูตรน้ำจิ้ม MK บอกไม่ได้ครับ เอาเป็นว่าประสบการณ์ของผมในตลาดหุ้นมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี เป็นเครื่องการรันตี โห!! พูดไม่เกรงใจเจ้าพวก CFA CPA ที่เค้าตรากตรำสอบกันมาเเทบกระอักเลือด สุดท้ายพอมีปัญหาก็ไปโทษระบบว่า อ๋อออมัน error นิดหน่อยครับ พอๆๆ พูดแค่นี้ก่อนเดี๋ยวพาดพิงหลายคน 555

วกกลับมาเรื่อง apps การเดินทางเหล่านี้หน่อยว่าในประเทศจีนเค้าเป็นอย่างไร (อุตสาห์เกริ่นชื่อไว้บนหัวข้อ) ซึ่งจะมาขอ share ประสบการณ์ที่เพิ่งจะกลับมาเเล้วไปเห็นสิ่งที่ "เออมันเข้าท่าดีวะ" คือมันพยายามทำให้สิ่งที่ผมเกริ่นไปตอนต้นมันดีขึ้น ด้วยการทำให้ไอ้พวกที่มัน unprofessional กลายเป็น professional ขึ้นมาได้ เเละการที่บริษัทสัญชาติจีนเองรวมมือกัน ซึ่งเเต่ก่อนเป็นคู่เเข่งกันมาก่อน เเต่พอ Uber เข้ามา ก็มองเเล้วว่าถ้าเเข่งกันเองมีเเต่จะเเพ้เลยร่วมมือกันตั้งเป็นบริษัทเดียวเเล้วทำให้สุดไปเลย จนท้ายสุดสามารถไล่ตี Uber กระจุยจนต้องถอนไปเลย บริษัทที่ผมจะกล่าวถึงคือ DiDi ที่เป็นการร่วมมือกันของ 2 เจ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba เเละ Transcent ที่เเต่เดิมต่างคนต่างมี apps เหล่านี้ออกมาให้บริการเเข่งกัน เเละท้ายสุดอย่างที่บอก พอมหาอำนาจอย่าง Uber เข้ามาก็เลยมารวมตัวกันดีกว่า ส่วนตัวเห็นคนอื่นชอบพูดว่าคนจีนชอบลอกเลียนเเบบคนอื่น เเต่เห้ยลองไปดูใหม่ เข้าเรียก localisation เว้ย เเล้วมันทำได้ตรงจุด สุดท้ายก็ชนะ เเล้วคนที่ได้รับประโยชน์สุดมันก็คือประเทศ ท้ายสุดกลับมาคิดว่าไมบ้านเราทำไม่ได้ว้าาาา จะว่า programmer บ้านเราไม่มีศักยภาพ ผมก็ว่าไม่ใช่ มันก็เป็นความมึนงงกันต่อไปในยุค 4.0 ของบ้านเรา 555

ขอ share ต่อไอ้ว่าการทำให้การให้บริการมันดูน่าเชื่อถือยังไง บอกเลยมันทำสุดมาก เรื่องของ apps ผมว่าไม่น่าเป็นปัญหา เเต่ที่สำคัญเลยมันคือ "service" ที่ส่วนตัวผมชอบมากคือ เค้าทำเหมือนเป็นประหนึ่งสายการบินเลยเว้ย ทุกคัน (ต้องเเบบ Premium คล้ายกับ Uber Black บ้านเราเท่านั้นนะครัช) มีนำ้แร่ให้บริการ screen ว่า "DiDi Mineral Water" ซึ่งคนขับไปเอาได้ฟรีเลยกับบริษัทได้เลยเพื่อนำมาให้กับลูกค้า มีหนังสือนิตยสาร "DiDi Magazine" ในรถทุกคัน เหมือน "Sawasdee Magazine" บนการบินไทยเลยเว้ย มันเหมือนจริงๆ คือ ตอนต้นให้เเบบนึกภาพ "สารจาก CEO" เเล้วก็มีภาพ CEO มายืนกอดอกถ่ายรูป ท้ายเล่มก็มีแบบว่าบริษัทมี Fleet กี่ประเภทให้บริการ มีการอวด course อบรมคนขับว่าเป็นอย่างไร ที่สะดุดตาคือมีเครื่อง simulator ด้วยย 55555 นี้พวกเองขับ Boeing กันอยู่รืออ ยังๆๆๆ มีรูปรับใบประกาศจบหลักสูตรด้วย เเล้วมายืนแปรอักษรกันด้วยเว้ย เป็นคำว่า DiDi อารมณ์เหมือนมาเรียงว่า ยาม้าในสมัยอดีตของบ้านเรา 5555 เเล้วที่ฮาอีกคือ DiDi เค้าบังคับให้คนขับทุกคนใส่สูทผูกไทกัน เเล้วเห็นมากับตา อีคนขับบางคนมันก็บ้านๆ เว้ย มันสูทจริงเเต่มองไปข้างล่าง เอ้าาา ใส่กางเกงบอลขาสั้น 55555 หลอกกรู เเต่เอาว่ะ ให้คะเเนนความพยายาม

เอ้าเเล้ว service หลังการนั่งหละ เอ้ยย!!! "มันวีนได้" เเล้วได้ผลด้วย คือเจอมากับด้วย คือคุณเมียเราก็เรียกให้ไปส่งที่หนึ่ง เเต่เนื่องจาก trip นี้กระเเตงเจ้าตัวน้อยไปด้วยเลยบอกว่าเอารถที่ไม่สูบบุหรี่นะ เพราะถ้าใครไปจีนมาก็จะรู้ว่าอีคนจีนนี้มันสูบกันทุกคน ไม่เลือกที่ด้วย เคยเจอมากับตัวสูบในลิฟท์ครัช เเม่เจ้า!! เเค่ไม่สูบกรูก็จะหายใจไม่ออกอยู่เเละ วกกลับมา สรุปนั่งรถไปสักพักคุณเมียจมูกดีได้กลิ่น เลยเปิดที่เขี่ยบุหรี่ในรถดู อ้าวววว เจอเศษบุหรี่อยู่ เท่านั้นเเหละ she จัดเต็มโทรหา call center และ complain ถ่ายรูปส่งให้ดู จนได้นั้งฟรี เเล้วเเถม voucher ให้อีก เเล้วไม่ใช่ให้รอเเบบภายใน 7 วันนะค้าา ได้เดี่ยวนั้นเลย ที่สำคัญคือ ไม่มีการไปปรับคนขับนะ บริษัทกลัวว่าอีคนขับมันจะเคืองว่าเราขี้ฟ้อง จะมาดักตีหัวเรา เค้า refund ให้เอง เเล้วบอกว่าเป็นที่บริษัทเราอบรมคนไม่ดี เอ้ยยยย ไม่ธรรมดาเว้ย

พอเเค่นี้ก่อนครับสำหรับกระทู้นี้ กลับมาก็หวังในใจว่าบ้านเราจะมีเเบบนี้ให้เห็นบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้อีต่างชาติเข้ามาเอาเปรียบทั้งผู้ใช้ เเละคนขับเองด้วย

ฝากติดตามผลงานครัชช
https://ppantip.com/topic/37008333 - Trip to China กับประสบการณ์มันๆ เรื่อง FinTech
https://ppantip.com/topic/37040117 - เรื่องเจ็บๆ คันๆ ของ Ant Financial บริษัททางการเงินยักษ์ใหญ่ของ Alibaba
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่