ก่อนอื่น ขอเกริ่นสักนึงค่ะ เรื่องนี้เป็นการเล่า ตั้งเเต่ จบ เดือนเเรก จน ถึงปัจจุบันซึ่ง ยาว มากกกกกกก พอสมควร
เป็นเเนวทางสำหรับน้องๆ จบใหม่ ได้มาเเชร์ ประสบการณ์กันค่ะ
EP1 '' โลกมัน โหดร้าย กว่าที่คิด หึๆๆๆๆ ''
เราเรียนจบ วิศวกรรมโยธา จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เเห่งนึง.. ใน กทม.
เรา รู้สึกภูมิใจกับการเรียนจบสาขาวิศวกรรมโยธามาก เนื่องจาก ใน คหสต มองว่า อาชีพวิศวกร นี่มันเท่จริงๆ เเค่นั้นเลยยย
พอจบมา 1 เดือน เราก็เริ่มทำงานเลย ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า พอดีเราได้งาน ตั้งเเต่ยังไม่จบ นะคะ ช่วงนั้นใกล้จะจบ เลย ลองยื่นสมัครไปหลายบริษัทค่ะ คิดว่าได้ที่ไหนก็จะทำไปก่อน เเต่เป้าหมายเราคือการได้เป็นวิศวกรสนามค่ะ..
หลังจากตกลงเรื่องค่าจ้าง ลักษณะงาน กันเรียบร้อย ตอนนั้นได้ 18k ก็นัดวันเริ่มงาน หลังจบ 1 เดือน เริ่มงานวันเเรก เราทำงานในตำแหน่ง วิศวกรโยธา ชื่อตำเเหน่งเเค่นี้เลย ลักษณะงาน ตอนที่ได้สัมภาษณ์ เเจ้งว่า งานจะเป็นการออกตรวจหน้างานตามจังหวัดต่างๆ เดือนละ 1 ถึง 2 ที่ต่อเดือน ส่วนใหญ่ก็จะนำส่งเเละจัดทำเอกสารขออนุมัติงานก่อสร้างในจังหวัดนั้นๆ เเละมีแก้แบบบ้าง ในบ้างครั้ง ต้องบอกก่อนว่า บริษัทนี้ไม่ใช่บริษัท ก่อสร้าง โดยตรงเป็น บริษัท กึ่งๆ ขายสินค้า ชนิดนึง ขอไม่ระบุน๊าา เเต่ตอนช่างไปติดตั้ง เราต้องได้ลงไปตรวจสอบหน้างานบ้าง ตอนนั้นได้ ถามเรื่องการเดินทางไปเเล้วว่า ถ้า 1-2 ครั้งต่อเดือน เราสามารถเดินทางได้ เเต่มากกว่านั้นเราขอปฏิเสธ เนื่องจากขับรถไป ต่างจังหวัด เราไม่ถนัด เเละเรายังขับรถไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดนั้น โดยเรามีรถยนต์ส่วนตัว บริษัทจ่ายค่าน้ำมันให้เอาบิลมาเบิกทีหลัง ซึ่งเราก็โอเคกับเงื่อนไข เเละอีกอย่าง ตัวบริษัทเองก็รับรองว่า ไป เเค่ ไม่เกิน 2 ครั้ง ต่อเดือน ตอนนั้นก็คิดว่า เอาล่ะ เป็นงานเเรก ก็ขอลองทำไปก่อน ถึงจะไม่ใช่โยธาสร้างบ้านสร้างตึก เเต่ได้เรียนรู้ เก็บเล็กผสมน้อยไป อาจจะทำให้รู้ในเรื่องวิศวกรรม มากขึ้น
พอเริ่มงานวันเเรก วันนี้ เขานัดไปเซ็นสัญญาด้วย เเละ รับเสื้อคุม เสื้อบริษัทต่างๆ 12.00 ก็กลับ เเละทำงานเต็มวันในวันถัดไป เราตื่นเต้นมากกก วันนั้นพ่อกันเเม่ได้พามาส่งทำงานวันเเรก ต้องบอกก่อนเราเป็น ลูกคนเดียว เเละพ่อกับเเม่ เป็นห่วงเรามาก เลยอยากตามมาส่งเเละรอรับ เพราะใช้เวลาเเค่ช่วงเช้า พอเราได้มากับพ่อเเละเเม่ก็รู้สึกดีมากกก
บริษัทอยู่ในโครงการเเหน่งนึง เป็นคูหา ที่สำหรับเช่าเปิดบริษัท เราก็เข้าไป hr เลยเดินมา พร้อมเอกสารเซ็นสัญญา เเละให้เรากรอกรอเอกสารไปก่อน เเละเเจ้งว่า อีกประมาณ 30 นาทีเดี๋ยวหัวหน้าเราจะมาชี้เเจงงาน เเละรับเสื้อเเล้วก็กลับ คูหานี้จะมี ทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นเเรกเป็น เหมือนชั้นต้อนรับลูกค้าเเละขาย/เเนะนำสิ้นค้า ชั้น 2 เป็นชั้นของวิศวกร ส่วนชั้น 3 เป็นชั้น ผู้บริหารเเละห้องประชุม คูหาต่อห้องไม่ได้กว้างมาก สำหรับเรามองหาเเคบ เนื่องจาก ชั้น 1 อยู่กัน เกือบ 10 คน จัดโต๊ะเป็นวงกลมเเละนั่งทำงานกัน ลักษณะก็ประมาณนี้ เรานั่งกรอกเอกสารอยู่ชั้น 1 สักพัก hr เลย พูดมาว่า เดี๋ยวหาน้องใหม่ ขึ้นไป ชั้นที่จะทำงานเลยดีกว่า เเละพูดว่า ขนม/น้ำ อยากได้อะไรหยิบขึ้นไปนะ เพราะชั้น 2 ไม่มีตู้เย็นเเละขนม เราก็คิดในใจว่า เอ้อออ เจอบริษัที่ดีเเล้ว เขาดูอบอุ่น ดูอยู่กันเป็นเเบบครอบครัว ต้องบอกก่อนว่า ตอนนั้นเราไม่รู้จักคำว่าบริษัทครอบครัวเลยยยย....
พอเราขึ้นมา ก้มานั่งโต๊ะ มี ผญ ที่กำลังทำงานอยู่ 1 คน hr เลยเเนะนำว่า เราคือ น้องใหม่ ส่วนคนนี้คือ แอดมิน ของฝั่งวิศวกร ทำความรู้จักกันไว้นะ พูดจบก็ปิดประตูเเรงมากกกก ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร คิดว่า สงสัย ความดันในบ้าน โลกสวยเวอร์....
เรากับ คนนั้นก็เเนะนำตัวกัน คุยกันไปมา อายุเท่ากัน เเต่เขาเรียนจบ 3 ปี ครึ่ง เลยได้ทำงานก่อน เเต่ก็พึ่งเริ่มงานที่นี่มาได้ 3 เดือนพอดี เราก็ถามตามสไตล์ คนทำงานใหม่ว่า ที่นี่เป็นไงบ้าง นางก็พูดว่า ดีมากเลย ทุกวันนี้เหมือนอยู่ในสงครามเย็น เราเลยถามว่า คืออะไรหรอ? นางเลยว่า ไม่มีอะไร พูดให้ตื่นเต้นเฉยๆ ตอนนั้นก็แอบใจหาย เเต่ก็คิดว่า ขำเเหละ ไม่มีไรหรอก เราก็นั้ง ตอนนั้น รู้สึกอึดอัดมากกกกกก ไม่มีบทสนทนา ใด เราเป้นคนไม่ชอบกับคนเเปลกหน้าด้วย นางก็ทำงาน งานนางดูเยอะมาก ทั้ง รับ โทรศัพท์ เเละ ด่ากับใครไม่รู้ในโทรศัพท์ คาดว่า คงเรื่องงานที่มี ปัญหา เราก็คิดว่า งาานเราคงไม่เป็นเเบบนี้หรอก เพราะเราสายหน้างานเเละเอกสารขออนุญาตต่างๆ คงไม่ได้ทะเลาะกับใคร โลกสวยไปอี๊ก ตามสไตล์คนปลอบใจตัวเองสุดๆ
ต่อมาเเม่เราโทรมาพอดีว่า ไปกินข้าวไหม เที่ยงเเล้ว เราเลยนึกขึ้นได้ว่า เออ ตูรอมานานเเล้วนะ ไม่เห็นมีใครจะทำอะไรหรือ พูดอะไรเลย เราเลยกลัวว่า หัวหน้าอาจจะมาถึงเที่ยง เลยบอกให้พ่อเเม่เเม่ไปกินข้าวกันก่อนเลย เพราะเราอยากรีบคุยรีบจบ....
จนผ่านมาเวลา 14.00 น. เราก็ไม่เห็นใครมา เเละเพื่อนร่วมงานตรงหน้าก็ไม่ลุกไปทานข้าวเที่ยง เราอยู่เฉยๆมานาน เลยเบื่อ จึงเลือกที่จะคุยกับเพื่อนร่วมงาน เเละถามไปว่า นี่ไม่หิวข้าวหรอ ไม่เห็นไปกินข้าวเลย กินข้าวป่าว นางเลยตอบว่า อ๋อ ปกติเเบบนี้เเหละ ข้าวเที่ยงไม่ค่อยได้กินหรอก งานยังไม่เสร็จ เราก็ยิ้มๆ กลับ ไป คิดในใจ งานไม่เสร็จก็ค่อยมาทำก็ได้ ทำไมหิวเเล้วไม่ไปวะ บ้างานเกิ๊นนนน (ยังๆๆ ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองจะเจอกับอะไร ฮิๆๆๆๆ)
เเละเเล้วก้เวลา 15.30 น. ตอนนั้นเราไลน์บอกเเม่กับพ่อไปว่า วันนี้ทั้งวันนะ ให้กลับก่อนเลย เพื่อนร่วมงานทำงานเสร็จ เลยพูดออกมาว่า เสร็จเเล้วโว้ยยย เราเลยตบมือเเล้วบอกว่า เยี่ยมไปเลยน๊าา เเละก็หัวเราะกัน นางว่างเลยได้คุยกันสักที นางเลยถามว่า เอ่อนี่ รู้ยังได้ไปจังหวัดไหนบ้าง เราเลยตอบว่า มี ... เเละ ... นางเลยพูดว่า อ้าววว ไม่ใช่ พี่หัวหน้ายังไม่บอกหรอก ว่าเดือนนี้เราได้ไป 8 จังหวัด เราตกใจมากกกกก เเละพูดว่า ไม่นะ หลายถึงเดือนต่อๆไปป่าว นางเลยว่า ไม่เชื่องั้นดูนี้ นางเลยหมุดกระดาษไวน์บอร์ดมา คุณพระ................. ชื่อเรามีอยู่ 26 จังหวัดที่ต้องไปเเละไปเดือนนี้ 8 จังหวัด เดืนอหน้าอีก 10 จังหวัด นางเลยพูดว่า เดือนเเรกหัวหน้าประชุมว่า เดี๋ยวให้ไปเเค่ 8 ก่อนเพราะเรายังใหม่ บ้าไปเเล้วววววววววววววววว
จากนั้น เราเลยถ่ายรูปเเละไลน์บอกเเม่ไว้ก่อน อย่าพึ่งบอกพ่อ เดี๋ยวตอนเย็นเราจะเป็นคนบอกพ่อเอง ซึ่งถ้าพ่อเรารู้แกไม่ยอมให้ทำเเน่เลย เราเหวอ ทำตัวไม่ถูก ความกดดันนี้เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า เราอยากรีบกลับมากตอนนั้น เราเลยขอให้เพื่อนร่วมงานตามหัวหน้าให้หน่อยได้ไหม นางเลยโทรไปหา เเละเปิดโฟน
ต้นสาย : พี่ตอนไหนจะเข้ามาเนี่ยเพื่อนมันรอนานเเล้วนะ !
ปลายสาย : ก็บอกมันรอหน่อยดี๊ ก็เเจ้งไปเเล้วว่า 18.00 น.ถึงออฟฟิศ
ต้นสาย : พี่จะบ้าหรอ 17.00 ก็เลิกกันเเล้ว อย่าตลก
***ตอนนั้นเราก็สงสัย เฮ้ย ทำไมพูดกับหัวหน้าแบบนี้ฟร่ะะะะ
ปลายสาย : อ่าๆๆ เดี๋ยวถึงเเล้วตอนนี้ เเวะ จิบกาเเฟกันอยู่ เดี๋ยวถ่ายรูปสวยๆไปอวด (ตอนนั้นเราก็ได้ยินเสียงคนอื่นพูดแทรกในสาย น่าจะอยุ่กันหลายคนตามสไลต์วิศวะ)
ต้นสาย : ถ้าไม่มีของฝากงอลเเน่
****จบการสนทนา***
เราก็นั่งเหวอ ไปดิ เเละเหมือนนางจะเห็นหน้าเรา เลยขำออกมาเเล้วพูดว่า ไม่มีไร พี่ๆน้องๆ คุยกันเเบบนี้เเหละ อย่าตกใจนะ 5555
จน 16.30 หัวหน้ามา เเก๊งนี้มี 3 คน ไฟฟ้า 2 คน โยธา 1 คน (คนนี้พี่เลี้ยงเราเอง) พอเข้ามา ก็นั่งประชุมกันเลย หน้าที่เราคือ ออกแบบ คำนวณ เขียนเเบบ ตรวจสอบหน้างาน ที่นั่งฟังของพวกนี้เราก็ไม่ติดอะไร เพราะ อยากเรียนรู้อยู่เเล้ว จนมาถึงเรื่องที่ต้องออก ตจว แอดมินเลยพูดว่า เพื่อนมันไม่ไหวหรอกพี่ พึ่งมาทำงานด้วย ให้ไปก่อนเเค่ 2 ก็พอมั้ง อีกอย่าง ตอนสัมภาษณ์ ก็เเจ้งว่า เดือนละ 2 นิ *** ฉันรักแกมากเพื่อนเอ่ย ตอนนั้น อยากขอบคุณนางมากพูดเเทนเราทั้งหมด เพราะถ้าเป็นเรา เราก็คงไม่กล้าพูด*** เเล้วคนที่เป็นหัวหน้า เลยพูดมาว่า อะอะ เเล้วพี่เลี้ยงมันจะรับไปป่าวที่เหลือของน้อง เพราะของพวกกูก็เต็มตารางเเล้ว พี่เลี้ยงรักน้องก็รับผิดชอบเลย ตอนนั้น รู้สึกเเย่มาก เหมือนเป็น ภาระ เเล้วเราก็กดดันสุดๆ พี่เลี้ยงเราเลยพูดว่า เออ เพื่อน้องกูรับเเทน เเต่ถ้าน้องเก่งเเล้ว เอาของพี่ไปด้วยนะ เเล้วขำกัน ส่วนคนที่ขำไม่ออก เเละไม่สนุกคือเรา เรานั่งนิ่งเเละกดดันมากกกก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเจอคนที่ไม่รู้จักเเละเป็นก้าวเเรกของการทำงานป่าว.... เเละพี่อีกคนเลยพูดว่า ตอนเดินขึ้นมาเเx่ง พูดว่า เด็ก xึง ก็อ่อนเกิน ให้พ่อเเม่มาส่งทำงานวันเเรก เราเหวอมากกกกก ในหัวคือ ใครด่าตูอีกวะเนี่ย ซึ่งตอนนั้นคงไม่ใช่ใคร ต้องเป็นเราเเล้วเเหละที่พึ่งมาเเละพ่อเเม่ก็มาส่ง หัวหน้าก็พูดว่า เรามีเเทงค์ตัวใหม่ เเละ ต่อไป จะให้เรานี่เเหละไปรบกับ ชั้น 1 เราเลยถึงบางอ้อออ สรุปคือนางไม่ถูกกัน ทีมวิศวกรไม่ถูกกับใครเลยใน บริษัท พูดจบ พี่อีกคนเลยพูดมาว่า อยู่ที่น้องเเล้วว่าจะเลือกทีมใคร เเละขำกันใหญ่
พอคุยกันจบ เราก็ขอตัวกลับเลย ตอนนั้น 18.00 ได้เวลาเลิกงานพอดี หัวหน้า ลงมาก่อน เรายืนรอเพื่อนเเอดมิน นางกำลังปิดแอร์ปิดไฟ ตอนนั้นเรายืนอยู่ชานบันได ได้ยินเสียงคนด่ากัน หยาบพอตัว เราคิดว่าคงพูดหยอกกัน เเต่ไม่น่าจะใช่ละ คำพูดมันซีเรียสเกินไป จนเราเดินลงมา หัวหน้าออกไปเเละประตูปิดดังมากกก เสียงพี่ hr เลยพูดว่า โอ้ยลูกEเxี้ย เดี๋ยวประตูก็เเตก ตอนนั้นคือ OMGGGGGGGGGGGGG ตูมาทำอะไรที่นี่ พอเจอหน้าเรา hr ก็ดูตกใจนิดหน่อยเเละ ทุกคนก็หันมามองที่เราเเละเพื่อนอีกคน พูดว่า อ้าวเด็กๆๆๆ กลับกันเเล้วหรอ เพื่อนแอดมินไม่พูด นางชักสีหน้าเเละเดินออกไปไม่พูดไรเลย เหลือเราเราก็เลยว่า ใช่ค่ะพี่ พี่ๆยังไม่กลับกันหรอคะ เเล้วยิ้มๆ ทุกคนก็ว่า เออนี้ เมื่อเช้ายุ่ง เเนะนำตัว เเต่ละคนก็บอกวา ตัวเองชื่อไร ทำตำเเหน่งอะไร เราก็เลยพูดว่า นี่เป็นที่ทำงานที่เเรกของหนู ถ้าผิดพพลาดตรงไหน มีอะไรเเนะนำ ติเตือน ชี้เเนะ เเจ้งหนูได้เลยนะคะ หนูพร้อมรับฟังเเละแก้ไขค่ะ ทุกคนเลยพูกกันว่า เออ เเล้วดูน้องเขาเป็นคนดีเเบบนี้ เดี๋ยวไปอยู่กับอิพวกนั้น ก็xมาๆ กันหมด เเล้ว hr เลยพูดว่า สู้ๆนะลูก เราเลยสวัสดีเเละรีบเดินกลับ
พ่อกับเเม่จอดรออยู่ข้างหน้าพอดี เรารีบขึ้นเรา ตอนนั้น อยากร้องไห้มากกกกกก เรากั้นไว้ พอเเม่ถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง ที่ทำงานน่าอยู่ไหม ความอึดอัดความกดดันทั้งหมด มันไหลออกมาเป็นน้ำตา ใช่ในที่สุดเราก็กั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เราร้องไห้หนักมาก พ่อเเม่ตกใจ เราเลยพูดว่า เเค่คิดถึงพ่อกับเเม่เพราะเดี๋ยว พ่อดับเเม่ก็ต้องกลับกันเเล้ว ก็ปลอบใจกันยกใหญ่ ตอนนั้น รู้สึกตัวเอง อ่อนแอไม่เเข็งเเกร่งเลย วันต่อมาเป้นวันอาทิตย์ พ่อจะพาเราไปไหว้พระทำบุญ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ ทำงานใหม่
ช่วงเวลาที่สงบสุขก็หายไป มีโทรศัพท์เข้ามา เป็นเบอร์พี่เลี้ยง
พี่เลี้ยง : ฮัลโหล น้องอยู่ไหน วันนี้พี่จะพาไป จังหวัด... เพื่อดูงาน พี่ไม่ค่อยว่างเดี๋ยวครั้งนี้ไปด้วยกัน รอบหน้า จะได้ไปเเละดำเนินการต่อได้
เรา : ตอนนี้หนูไม่สะดวกเลยค่ะ เห็นว่าเป็นวันหยุด มาทำธุระกับที่บ้านค่ะ
พี่เลี้ยง : อ้าว งั้น รอบหน้าเอ็งได้ไปคนเดียวนะ เพราะพี่ไม่ว่างเเล้ว มีไรก็ โทรมาถามเเล้วกัน วันจันทร์ เริ่มงานไปเอาเอกสาร เเละออกต่างจังหวัดเลย ถามแอดมินจะบอกข้อมูลที่ตั้งให้
ตู๊ดๆๆๆๆๆๆ พูดจบ ตัดสาย Whattttt ( ตอนนั้นเราคิดในใจ แม๊...อิ
)
ติดตามต่อ EP2
ทำงานวันเเรก เจอเเบบนี้ ปกติ ไหมคะ ?
เป็นเเนวทางสำหรับน้องๆ จบใหม่ ได้มาเเชร์ ประสบการณ์กันค่ะ
EP1 '' โลกมัน โหดร้าย กว่าที่คิด หึๆๆๆๆ ''
เราเรียนจบ วิศวกรรมโยธา จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เเห่งนึง.. ใน กทม.
เรา รู้สึกภูมิใจกับการเรียนจบสาขาวิศวกรรมโยธามาก เนื่องจาก ใน คหสต มองว่า อาชีพวิศวกร นี่มันเท่จริงๆ เเค่นั้นเลยยย
พอจบมา 1 เดือน เราก็เริ่มทำงานเลย ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า พอดีเราได้งาน ตั้งเเต่ยังไม่จบ นะคะ ช่วงนั้นใกล้จะจบ เลย ลองยื่นสมัครไปหลายบริษัทค่ะ คิดว่าได้ที่ไหนก็จะทำไปก่อน เเต่เป้าหมายเราคือการได้เป็นวิศวกรสนามค่ะ..
หลังจากตกลงเรื่องค่าจ้าง ลักษณะงาน กันเรียบร้อย ตอนนั้นได้ 18k ก็นัดวันเริ่มงาน หลังจบ 1 เดือน เริ่มงานวันเเรก เราทำงานในตำแหน่ง วิศวกรโยธา ชื่อตำเเหน่งเเค่นี้เลย ลักษณะงาน ตอนที่ได้สัมภาษณ์ เเจ้งว่า งานจะเป็นการออกตรวจหน้างานตามจังหวัดต่างๆ เดือนละ 1 ถึง 2 ที่ต่อเดือน ส่วนใหญ่ก็จะนำส่งเเละจัดทำเอกสารขออนุมัติงานก่อสร้างในจังหวัดนั้นๆ เเละมีแก้แบบบ้าง ในบ้างครั้ง ต้องบอกก่อนว่า บริษัทนี้ไม่ใช่บริษัท ก่อสร้าง โดยตรงเป็น บริษัท กึ่งๆ ขายสินค้า ชนิดนึง ขอไม่ระบุน๊าา เเต่ตอนช่างไปติดตั้ง เราต้องได้ลงไปตรวจสอบหน้างานบ้าง ตอนนั้นได้ ถามเรื่องการเดินทางไปเเล้วว่า ถ้า 1-2 ครั้งต่อเดือน เราสามารถเดินทางได้ เเต่มากกว่านั้นเราขอปฏิเสธ เนื่องจากขับรถไป ต่างจังหวัด เราไม่ถนัด เเละเรายังขับรถไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดนั้น โดยเรามีรถยนต์ส่วนตัว บริษัทจ่ายค่าน้ำมันให้เอาบิลมาเบิกทีหลัง ซึ่งเราก็โอเคกับเงื่อนไข เเละอีกอย่าง ตัวบริษัทเองก็รับรองว่า ไป เเค่ ไม่เกิน 2 ครั้ง ต่อเดือน ตอนนั้นก็คิดว่า เอาล่ะ เป็นงานเเรก ก็ขอลองทำไปก่อน ถึงจะไม่ใช่โยธาสร้างบ้านสร้างตึก เเต่ได้เรียนรู้ เก็บเล็กผสมน้อยไป อาจจะทำให้รู้ในเรื่องวิศวกรรม มากขึ้น
พอเริ่มงานวันเเรก วันนี้ เขานัดไปเซ็นสัญญาด้วย เเละ รับเสื้อคุม เสื้อบริษัทต่างๆ 12.00 ก็กลับ เเละทำงานเต็มวันในวันถัดไป เราตื่นเต้นมากกก วันนั้นพ่อกันเเม่ได้พามาส่งทำงานวันเเรก ต้องบอกก่อนเราเป็น ลูกคนเดียว เเละพ่อกับเเม่ เป็นห่วงเรามาก เลยอยากตามมาส่งเเละรอรับ เพราะใช้เวลาเเค่ช่วงเช้า พอเราได้มากับพ่อเเละเเม่ก็รู้สึกดีมากกก
บริษัทอยู่ในโครงการเเหน่งนึง เป็นคูหา ที่สำหรับเช่าเปิดบริษัท เราก็เข้าไป hr เลยเดินมา พร้อมเอกสารเซ็นสัญญา เเละให้เรากรอกรอเอกสารไปก่อน เเละเเจ้งว่า อีกประมาณ 30 นาทีเดี๋ยวหัวหน้าเราจะมาชี้เเจงงาน เเละรับเสื้อเเล้วก็กลับ คูหานี้จะมี ทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นเเรกเป็น เหมือนชั้นต้อนรับลูกค้าเเละขาย/เเนะนำสิ้นค้า ชั้น 2 เป็นชั้นของวิศวกร ส่วนชั้น 3 เป็นชั้น ผู้บริหารเเละห้องประชุม คูหาต่อห้องไม่ได้กว้างมาก สำหรับเรามองหาเเคบ เนื่องจาก ชั้น 1 อยู่กัน เกือบ 10 คน จัดโต๊ะเป็นวงกลมเเละนั่งทำงานกัน ลักษณะก็ประมาณนี้ เรานั่งกรอกเอกสารอยู่ชั้น 1 สักพัก hr เลย พูดมาว่า เดี๋ยวหาน้องใหม่ ขึ้นไป ชั้นที่จะทำงานเลยดีกว่า เเละพูดว่า ขนม/น้ำ อยากได้อะไรหยิบขึ้นไปนะ เพราะชั้น 2 ไม่มีตู้เย็นเเละขนม เราก็คิดในใจว่า เอ้อออ เจอบริษัที่ดีเเล้ว เขาดูอบอุ่น ดูอยู่กันเป็นเเบบครอบครัว ต้องบอกก่อนว่า ตอนนั้นเราไม่รู้จักคำว่าบริษัทครอบครัวเลยยยย....
พอเราขึ้นมา ก้มานั่งโต๊ะ มี ผญ ที่กำลังทำงานอยู่ 1 คน hr เลยเเนะนำว่า เราคือ น้องใหม่ ส่วนคนนี้คือ แอดมิน ของฝั่งวิศวกร ทำความรู้จักกันไว้นะ พูดจบก็ปิดประตูเเรงมากกกก ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร คิดว่า สงสัย ความดันในบ้าน โลกสวยเวอร์....
เรากับ คนนั้นก็เเนะนำตัวกัน คุยกันไปมา อายุเท่ากัน เเต่เขาเรียนจบ 3 ปี ครึ่ง เลยได้ทำงานก่อน เเต่ก็พึ่งเริ่มงานที่นี่มาได้ 3 เดือนพอดี เราก็ถามตามสไตล์ คนทำงานใหม่ว่า ที่นี่เป็นไงบ้าง นางก็พูดว่า ดีมากเลย ทุกวันนี้เหมือนอยู่ในสงครามเย็น เราเลยถามว่า คืออะไรหรอ? นางเลยว่า ไม่มีอะไร พูดให้ตื่นเต้นเฉยๆ ตอนนั้นก็แอบใจหาย เเต่ก็คิดว่า ขำเเหละ ไม่มีไรหรอก เราก็นั้ง ตอนนั้น รู้สึกอึดอัดมากกกกกก ไม่มีบทสนทนา ใด เราเป้นคนไม่ชอบกับคนเเปลกหน้าด้วย นางก็ทำงาน งานนางดูเยอะมาก ทั้ง รับ โทรศัพท์ เเละ ด่ากับใครไม่รู้ในโทรศัพท์ คาดว่า คงเรื่องงานที่มี ปัญหา เราก็คิดว่า งาานเราคงไม่เป็นเเบบนี้หรอก เพราะเราสายหน้างานเเละเอกสารขออนุญาตต่างๆ คงไม่ได้ทะเลาะกับใคร โลกสวยไปอี๊ก ตามสไตล์คนปลอบใจตัวเองสุดๆ
ต่อมาเเม่เราโทรมาพอดีว่า ไปกินข้าวไหม เที่ยงเเล้ว เราเลยนึกขึ้นได้ว่า เออ ตูรอมานานเเล้วนะ ไม่เห็นมีใครจะทำอะไรหรือ พูดอะไรเลย เราเลยกลัวว่า หัวหน้าอาจจะมาถึงเที่ยง เลยบอกให้พ่อเเม่เเม่ไปกินข้าวกันก่อนเลย เพราะเราอยากรีบคุยรีบจบ....
จนผ่านมาเวลา 14.00 น. เราก็ไม่เห็นใครมา เเละเพื่อนร่วมงานตรงหน้าก็ไม่ลุกไปทานข้าวเที่ยง เราอยู่เฉยๆมานาน เลยเบื่อ จึงเลือกที่จะคุยกับเพื่อนร่วมงาน เเละถามไปว่า นี่ไม่หิวข้าวหรอ ไม่เห็นไปกินข้าวเลย กินข้าวป่าว นางเลยตอบว่า อ๋อ ปกติเเบบนี้เเหละ ข้าวเที่ยงไม่ค่อยได้กินหรอก งานยังไม่เสร็จ เราก็ยิ้มๆ กลับ ไป คิดในใจ งานไม่เสร็จก็ค่อยมาทำก็ได้ ทำไมหิวเเล้วไม่ไปวะ บ้างานเกิ๊นนนน (ยังๆๆ ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองจะเจอกับอะไร ฮิๆๆๆๆ)
เเละเเล้วก้เวลา 15.30 น. ตอนนั้นเราไลน์บอกเเม่กับพ่อไปว่า วันนี้ทั้งวันนะ ให้กลับก่อนเลย เพื่อนร่วมงานทำงานเสร็จ เลยพูดออกมาว่า เสร็จเเล้วโว้ยยย เราเลยตบมือเเล้วบอกว่า เยี่ยมไปเลยน๊าา เเละก็หัวเราะกัน นางว่างเลยได้คุยกันสักที นางเลยถามว่า เอ่อนี่ รู้ยังได้ไปจังหวัดไหนบ้าง เราเลยตอบว่า มี ... เเละ ... นางเลยพูดว่า อ้าววว ไม่ใช่ พี่หัวหน้ายังไม่บอกหรอก ว่าเดือนนี้เราได้ไป 8 จังหวัด เราตกใจมากกกกก เเละพูดว่า ไม่นะ หลายถึงเดือนต่อๆไปป่าว นางเลยว่า ไม่เชื่องั้นดูนี้ นางเลยหมุดกระดาษไวน์บอร์ดมา คุณพระ................. ชื่อเรามีอยู่ 26 จังหวัดที่ต้องไปเเละไปเดือนนี้ 8 จังหวัด เดืนอหน้าอีก 10 จังหวัด นางเลยพูดว่า เดือนเเรกหัวหน้าประชุมว่า เดี๋ยวให้ไปเเค่ 8 ก่อนเพราะเรายังใหม่ บ้าไปเเล้วววววววววววววววว
จากนั้น เราเลยถ่ายรูปเเละไลน์บอกเเม่ไว้ก่อน อย่าพึ่งบอกพ่อ เดี๋ยวตอนเย็นเราจะเป็นคนบอกพ่อเอง ซึ่งถ้าพ่อเรารู้แกไม่ยอมให้ทำเเน่เลย เราเหวอ ทำตัวไม่ถูก ความกดดันนี้เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า เราอยากรีบกลับมากตอนนั้น เราเลยขอให้เพื่อนร่วมงานตามหัวหน้าให้หน่อยได้ไหม นางเลยโทรไปหา เเละเปิดโฟน
ต้นสาย : พี่ตอนไหนจะเข้ามาเนี่ยเพื่อนมันรอนานเเล้วนะ !
ปลายสาย : ก็บอกมันรอหน่อยดี๊ ก็เเจ้งไปเเล้วว่า 18.00 น.ถึงออฟฟิศ
ต้นสาย : พี่จะบ้าหรอ 17.00 ก็เลิกกันเเล้ว อย่าตลก
***ตอนนั้นเราก็สงสัย เฮ้ย ทำไมพูดกับหัวหน้าแบบนี้ฟร่ะะะะ
ปลายสาย : อ่าๆๆ เดี๋ยวถึงเเล้วตอนนี้ เเวะ จิบกาเเฟกันอยู่ เดี๋ยวถ่ายรูปสวยๆไปอวด (ตอนนั้นเราก็ได้ยินเสียงคนอื่นพูดแทรกในสาย น่าจะอยุ่กันหลายคนตามสไลต์วิศวะ)
ต้นสาย : ถ้าไม่มีของฝากงอลเเน่
****จบการสนทนา***
เราก็นั่งเหวอ ไปดิ เเละเหมือนนางจะเห็นหน้าเรา เลยขำออกมาเเล้วพูดว่า ไม่มีไร พี่ๆน้องๆ คุยกันเเบบนี้เเหละ อย่าตกใจนะ 5555
จน 16.30 หัวหน้ามา เเก๊งนี้มี 3 คน ไฟฟ้า 2 คน โยธา 1 คน (คนนี้พี่เลี้ยงเราเอง) พอเข้ามา ก็นั่งประชุมกันเลย หน้าที่เราคือ ออกแบบ คำนวณ เขียนเเบบ ตรวจสอบหน้างาน ที่นั่งฟังของพวกนี้เราก็ไม่ติดอะไร เพราะ อยากเรียนรู้อยู่เเล้ว จนมาถึงเรื่องที่ต้องออก ตจว แอดมินเลยพูดว่า เพื่อนมันไม่ไหวหรอกพี่ พึ่งมาทำงานด้วย ให้ไปก่อนเเค่ 2 ก็พอมั้ง อีกอย่าง ตอนสัมภาษณ์ ก็เเจ้งว่า เดือนละ 2 นิ *** ฉันรักแกมากเพื่อนเอ่ย ตอนนั้น อยากขอบคุณนางมากพูดเเทนเราทั้งหมด เพราะถ้าเป็นเรา เราก็คงไม่กล้าพูด*** เเล้วคนที่เป็นหัวหน้า เลยพูดมาว่า อะอะ เเล้วพี่เลี้ยงมันจะรับไปป่าวที่เหลือของน้อง เพราะของพวกกูก็เต็มตารางเเล้ว พี่เลี้ยงรักน้องก็รับผิดชอบเลย ตอนนั้น รู้สึกเเย่มาก เหมือนเป็น ภาระ เเล้วเราก็กดดันสุดๆ พี่เลี้ยงเราเลยพูดว่า เออ เพื่อน้องกูรับเเทน เเต่ถ้าน้องเก่งเเล้ว เอาของพี่ไปด้วยนะ เเล้วขำกัน ส่วนคนที่ขำไม่ออก เเละไม่สนุกคือเรา เรานั่งนิ่งเเละกดดันมากกกก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเจอคนที่ไม่รู้จักเเละเป็นก้าวเเรกของการทำงานป่าว.... เเละพี่อีกคนเลยพูดว่า ตอนเดินขึ้นมาเเx่ง พูดว่า เด็ก xึง ก็อ่อนเกิน ให้พ่อเเม่มาส่งทำงานวันเเรก เราเหวอมากกกกก ในหัวคือ ใครด่าตูอีกวะเนี่ย ซึ่งตอนนั้นคงไม่ใช่ใคร ต้องเป็นเราเเล้วเเหละที่พึ่งมาเเละพ่อเเม่ก็มาส่ง หัวหน้าก็พูดว่า เรามีเเทงค์ตัวใหม่ เเละ ต่อไป จะให้เรานี่เเหละไปรบกับ ชั้น 1 เราเลยถึงบางอ้อออ สรุปคือนางไม่ถูกกัน ทีมวิศวกรไม่ถูกกับใครเลยใน บริษัท พูดจบ พี่อีกคนเลยพูดมาว่า อยู่ที่น้องเเล้วว่าจะเลือกทีมใคร เเละขำกันใหญ่
พอคุยกันจบ เราก็ขอตัวกลับเลย ตอนนั้น 18.00 ได้เวลาเลิกงานพอดี หัวหน้า ลงมาก่อน เรายืนรอเพื่อนเเอดมิน นางกำลังปิดแอร์ปิดไฟ ตอนนั้นเรายืนอยู่ชานบันได ได้ยินเสียงคนด่ากัน หยาบพอตัว เราคิดว่าคงพูดหยอกกัน เเต่ไม่น่าจะใช่ละ คำพูดมันซีเรียสเกินไป จนเราเดินลงมา หัวหน้าออกไปเเละประตูปิดดังมากกก เสียงพี่ hr เลยพูดว่า โอ้ยลูกEเxี้ย เดี๋ยวประตูก็เเตก ตอนนั้นคือ OMGGGGGGGGGGGGG ตูมาทำอะไรที่นี่ พอเจอหน้าเรา hr ก็ดูตกใจนิดหน่อยเเละ ทุกคนก็หันมามองที่เราเเละเพื่อนอีกคน พูดว่า อ้าวเด็กๆๆๆ กลับกันเเล้วหรอ เพื่อนแอดมินไม่พูด นางชักสีหน้าเเละเดินออกไปไม่พูดไรเลย เหลือเราเราก็เลยว่า ใช่ค่ะพี่ พี่ๆยังไม่กลับกันหรอคะ เเล้วยิ้มๆ ทุกคนก็ว่า เออนี้ เมื่อเช้ายุ่ง เเนะนำตัว เเต่ละคนก็บอกวา ตัวเองชื่อไร ทำตำเเหน่งอะไร เราก็เลยพูดว่า นี่เป็นที่ทำงานที่เเรกของหนู ถ้าผิดพพลาดตรงไหน มีอะไรเเนะนำ ติเตือน ชี้เเนะ เเจ้งหนูได้เลยนะคะ หนูพร้อมรับฟังเเละแก้ไขค่ะ ทุกคนเลยพูกกันว่า เออ เเล้วดูน้องเขาเป็นคนดีเเบบนี้ เดี๋ยวไปอยู่กับอิพวกนั้น ก็xมาๆ กันหมด เเล้ว hr เลยพูดว่า สู้ๆนะลูก เราเลยสวัสดีเเละรีบเดินกลับ
พ่อกับเเม่จอดรออยู่ข้างหน้าพอดี เรารีบขึ้นเรา ตอนนั้น อยากร้องไห้มากกกกกก เรากั้นไว้ พอเเม่ถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง ที่ทำงานน่าอยู่ไหม ความอึดอัดความกดดันทั้งหมด มันไหลออกมาเป็นน้ำตา ใช่ในที่สุดเราก็กั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เราร้องไห้หนักมาก พ่อเเม่ตกใจ เราเลยพูดว่า เเค่คิดถึงพ่อกับเเม่เพราะเดี๋ยว พ่อดับเเม่ก็ต้องกลับกันเเล้ว ก็ปลอบใจกันยกใหญ่ ตอนนั้น รู้สึกตัวเอง อ่อนแอไม่เเข็งเเกร่งเลย วันต่อมาเป้นวันอาทิตย์ พ่อจะพาเราไปไหว้พระทำบุญ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ ทำงานใหม่
ช่วงเวลาที่สงบสุขก็หายไป มีโทรศัพท์เข้ามา เป็นเบอร์พี่เลี้ยง
พี่เลี้ยง : ฮัลโหล น้องอยู่ไหน วันนี้พี่จะพาไป จังหวัด... เพื่อดูงาน พี่ไม่ค่อยว่างเดี๋ยวครั้งนี้ไปด้วยกัน รอบหน้า จะได้ไปเเละดำเนินการต่อได้
เรา : ตอนนี้หนูไม่สะดวกเลยค่ะ เห็นว่าเป็นวันหยุด มาทำธุระกับที่บ้านค่ะ
พี่เลี้ยง : อ้าว งั้น รอบหน้าเอ็งได้ไปคนเดียวนะ เพราะพี่ไม่ว่างเเล้ว มีไรก็ โทรมาถามเเล้วกัน วันจันทร์ เริ่มงานไปเอาเอกสาร เเละออกต่างจังหวัดเลย ถามแอดมินจะบอกข้อมูลที่ตั้งให้
ตู๊ดๆๆๆๆๆๆ พูดจบ ตัดสาย Whattttt ( ตอนนั้นเราคิดในใจ แม๊...อิ )
ติดตามต่อ EP2