สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมกับแฟน เราเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อทำงานและขับรถเที่ยวด้วยกัน ผมเห็นสายการบิน ANA สายการบินญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่ออย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องความตรงเวลา แต่ว่าจะดียังไงบ้าง ผมจะมาเหลาให้ฟัง
ก่อนอื่น คงต้องเรียนว่าค่าตั๋วเดินทางครั้งนี้ ค่อนข้างถูกผม จองผ่าน Skyscanner ราคา จึงตกอยู่ประมาณ คนละ 16000 บาท ตลอดทริปเดินทาง
ตอนที่จองตอนนั้น ยอมรับว่า 1 ได้ยืนชื่อเสียงเรื่องการบริการมานานมาก และที่ผมชอบคือเรื่องน้ำหนักกระเป๋า ให้ 2 ใบ ใบละ 23 กิโลกรัม (เดี่ยวจะมาเล่าต่อว่ายังไง) ด้วยความว่า งวดนี้เอาเดือน (แฟน) ไปด้วย ก็เลยตัดสินใจว่า จะไปทั้งที นั่งให้มันสบายหน่อยก็ได้
หลายเดือนผ่านไปใกล้วันเดินทาง ผมเอง ก็พลาดด้วย เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้ทำการเลือกตั๋วที่นั่งเดินทาง จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ลองเข้าไปเลือก ปรากฎว่าทำรายการไม่ได้
เอ้ากรรม ตูจะได้ไปไหมนี่ ก็เลยโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์ ที่กรุงเทพฯ โทรเข้าพนักงานก็งง คีย์หาตั๋วเที่ยวบินเดินทางพักใหญ่ สรุปเจอ แต่ก็บอกว่าไม่สามารถเลือกที่นั่งเดินทางได้ แต่แนะให้ผมเช็คอินออนไลน์ 24 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง เผื่อมีการยกเลิกกการจองหรือเลื่อนเที่ยวบิน
พอถึงคืนวันที่ 28 ผมเลยเริ่มทำรายการทันที ก็ได้ที่นั่งตามที่ต้องการอยู่ แต่ก็ยังไม่สามารถเลือกที่นั่งได้
ตั๋วขาไป เป็นที่นั่งติดกันเดือนนั่งริมหน้าต่างผมก็นั่งคู่ไปด้วย ขาไปไม่มีปัญหาอะไร เครื่องค่อนข้างใหม่ การบริการบนเครื่องดีมาก รวมถึง การเดินทางไม่มีวุบวาบ แม้เราจะบินผ่านพายุไต้ฝุ่นมาด้วย ก็ยังถึงที่โตเกียว นาริตะ ตรงเวลาเป๊ะ
และทั้งที่เราออกเดินทางช้ากว่าการบินไทย TG642 ประมาณ 45 นาที
แต่เรามาถึงและเช็คอินเข้าตม. ญี่ปุ่น ในเวลาเดียวกัน เลย
ส่วนอาหารบนเครื่องเป็นเมนูแบบญี่ปุ่น ก็เรียกว่า ทีเซอร์อาหารที่เราจะไปผจญก่อนใช้ชีวิตที่นั่น น้ำขนมทั้งหมด สังเกตใช้ของญี่ปุ่น
สำหรับใครที่กลัวว่าจะคุยกับแอร์ไม่รู้เรื่อง อันนี้บนเครื่องก็จะมีแอร์ไทยปะปนบ้าง 2-3 คน แต่ถ้าแถวที่นั่งไม่มี คุณก็จะฝึกการใช้ใช้ภาษาใบสื่อสารคนญี่ปุ่นเบื้องต้น ผมแนะว่า ให้ใช้คำง่ายๆ เช่น Orange Juice พร้อมท่าทางประกอบ จะช่วยได้เยอะครับ
-- จบ ขาไป ----
7 วันผ่านไปอย่างเร็ว รู้ตัวอีกทีต้องเดินทางกลับไทยเสียแล้ว ขากลับนี้ผมใช้เที่ยวบิน NH807 กลับวันที่ 29 ตุลาคม หรือเมื่อคืนที่ผ่านมา
ช่วงก่อนวันกลับ คืนวันที่ 28 ผมก็เริ่มทำการเช็คอินออนไลน์ เพื่อจะได้เลือกที่นั่งได้ ปากฎว่า ไม่สามารถเช็คอินออนไลน์ได้อีกแล้ว... ก็เลยตัดสินใจว่า มาเสี่ยงดวงที่สนามบินแล้วกัน
แน่นอนเป็นธรรมดาที่ขากลับกระเป๋าเราตุงด้วยของฝาก ยิ่งมากับคุณนายแล้วสบายใจได้ มา 2 กระเป๋า กลับ 3 กระเป๋า
ผมมาอ่านรีวิวท่านอื่นที่ใช้ ANA ถึงบางอ้อเรื่องน้ำหนักให้เยอะ ว่า กระเป๋า 2 ใบ ใบละ 23 กิโลกรัมที่ว่าดีเด่นนั้น ต้องไม่เกินใบละ 23 กิโลกรัม ไม่งั้นโดนปรับใบละ 6,000 เยน
หรือราวๆ 1500 บาท ในค่าเงินตอนนี้
พอถึงสนามบิน เราก็เลย จัดการ ชั่งตวงกระเป๋ากันอย่างรวดเร็ว แล้วก็เฉลี่ยน้ำหนักไม่ให้มีปัญหาค่าใช้จ่ายงอก เพราะของฝากเราเยอะจริงๆ
เสร็จจากเรื่องกระเป๋า ผ่านไป ก็เดินไปเคาท์เตอร์ เช็คอิน ความห่วยแตกของ ANA เริ่มบังเกิดขึ้น ผมกับเดือนไม่สามารถทำรายการเช็คอินด้วยตัวเองได้
เอาล่ะ ไม่เป็นไร .. เข้าเคาท์เตอร์ก็ได้ คนคิวไม่เยอะมาก พอถึง คิวเรา พนักงานแจ้งว่า เธอไม่สามารถจับนั่งด้วยกันได้ ทั้งที่เรามีบุ๊คกิ้งเดียวกัน ผมก็เริ่มสนทนาใช้ภาษา เธอบอกว่าตอนนี้ที่นั่งริ่มหน้าต่างหมด ที่นั่งทางเดินก็เหลือน้อย จะจัดให้นั่งได้คือ ที่นั่งตรงกลาง นั่งหน้าและหลัง แบบนั้นเธอสามารถทำได้
ผมก็บอกว่า เราบุ๊คกิ้งเดียวกัน ทำไมถึงเป็นปัญหา ขามาก็มานั่งติดกันได้ แต่ขากลับทำไม่ได้ พนักงานญี่ปุ่น ที่นาริตะ ก็ได้แต่ขอโทษๆ มีแต่ sorry Sorry จนจะเป็นเพลง และไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ
ผมกับแฟน ปรึกษากัน ว่าเอายังไงดี คือยังไงคงต้องกลับบ้านอยู่แล้ว ก็เลยโอเค นั่งแยกกัน โดยเดือนขอนั่งริมทางเดิน จะได้ไปทำธุระสะดวก ส่วนผมสบายๆ เรื่องนั่งตรงกลางเพราะนั่งบ่อยจนชิน
ก็เลยได้ที่นั่ง 21 C สำหรับเดือน และ 21F สำหรับผม มีทางเดินและญี่ปุ่น 1 คน นั่งคั่นระหว่างเรา
เรื่องนี้ผมก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นที่ระบบเลือกที่นั่งตอนแรก เพราะไฟล์ทนี้เป็นไฟล์ทบินวันอาทิตย์เย็น เป็นไฟล์ที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
แต่แล้วหลังช๊อปปิงในสนามบินเสร็จ มาถึงเกทเราก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมเครื่องเต็ม ไฟล์ทนี้ เป็นแชร์ไฟล์ท มีทั้งจากการบินไทย จากสายการบินอื่นอีก 3-4 สายการบิน เครื่องก็เลยเต็มเอี้ยดพอดี
ก็ยังนั่งคิดว่า แล้วเราจ่ายค่าสายการบินดีๆ เพื่ออะไร ในเมื่อสุดท้ายที่นั่งก็ถูกสายการบินที่มาแชร์ไฟลท์แย่งที่ดีๆ ไป แล้ว ANA ก็ไม่ให้ความสำคัญกับผู้โดยสารตนเองเลย เพราะมั่นใจว่าที่นั่งดีๆ ไม่ได้จับจองหมด แต่เกิดมีการแชร์ไฟลท์เกิดขึ้น ก็เลย ต้องยกที่นั่งให้คนอื่นไป
เอาล่ะที่นั่งบ่นพอละ ก่อนขึ้นเครื่อง ปรากฎว่ากระเป๋าเรามีปัญหาบางประการ ผมเห็นตอนเจ้าหน้าที่เขาลากมาสอบถาม ตามสไตล์ระเบียบปฏิบัติ ก็ดูว่า ANA จะดำเนินการอย่างไร ตอนนั้นประมาณว่าอีก 15 นาที จะบอร์ดดิ้ง
ผมนั่งสักพัก2-3 นาที เห็น Ground Staff ไม่เรียกขานชื่อ จึงเดินเข้าไปสอบถามเรื่องกระเป๋า
หลังรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ก็เลยสอบถามทางออกของการบริการ เช่นอาจจะต้องส่งเป็นคาร์โก้ไหม หรือทำอย่างไร
เชื่อไหมครับ พนักงาน Ground ของ ANA สื่อสารภาษาอังกฤษได้บรรลัยมาก พูดเป็นประโยคไม่ได้ พูดได้วลีสั้นๆ
เฮ้ย!! นี่พนักงานสายการบิน หรือ เรื่องภาษาควรจะเป๊ะมากกว่านี้ แล้วทำงานเหมือนสับสนตัวเอง
ผมตกลงใจแล้วว่าโอเค จะทิ้งของไว้แล้วเดี๋ยวฝากเพื่อนไปส่งของกลับจากญี่ปุ่น เนื่องจากสายการบินคิดว่าอาจเป็นวัสดุอันตรายต่ออากาศยาน (ผมขอไม่บอกว่าเป็นอะไร พูดสั้นๆว่า เป็นของแต่งรถแล้วกัน ไปซื้อมาจาก Up Garage ) และทางศุลกากร แนะว่า คุณสามารถเอากลับได้ ผ่านการขนส่งทางไปรษณีย์ หรือแมวดำเท่านั้น
ผมเข้าใจศุลกากร และไม่ได้โกรธพวกเขา แต่โกรธสายการบิน ที่ถามทางออกอะไรก็ไม่ได้ความ มีแต่ ต้อง leave it here
ก็ใส่มันไปหลายรอบ บอกได้ leave it here น่ะ เข้าใจแล้ว แต่จะยังไง มีออพชั่น เปลี่ยนไปขนส่งสินค้าได้ไหม จะทำอย่างไรได้บ้าง ไม่มีข้อมูลใดๆ มาอ้างเรื่องเอกสารบ้าบอ อะไรก็ไม่รู้
มันก็ถามผมกลับว่า เนี่ยจะกลับมาญี่ปุ่นอีกไหม เดี่ยวจะเก็บไว้ให้ ผมก็บอกกลับมา มันก็บอกดีเลย เดี่ยวเก็บไว้ให้ แล้วยูไปส่งไปรษณีย์กลับบ้านนะ
ผมก็โอเค ผมก็เลยถามว่าแล้ว เก็บไว้นานเท่าไร เพราะรู้ว่าพวกนี้เก็บไว้ไม่นานหรอก คือผมไม่ได้เสียดายของนะ เพราะมาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แต่ต้องมีข้อมุลเพื่อจะได้คิดตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เมื่อกลับถึงไทย พอดีมีเพื่ือนของเพื่อน และเพื่อนป้า อยู่ที่นั่น อาจจะไหว้วานเขาไปรับของมาส่งแทนให้ก็ได้ สายการบินก็อนุญาต
แต่ Ground Staff ไม่มีข้อมุลอีกแล้ว และให้ผมรอประมาณ 10 นาที จนเริ่มจะบอร์ดดิ้ง จึงถึงกลับมาบอกว่า 30 วัน .. กฎแค่นี้ไม่รู้เรื่อง นี่แย่มาก และแถมภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ความ ไม่รู้เลือกมาเป็นพนักงานสายการบินได้อย่างไร
สรุปเราเอาของที่สายการบินไม่ให้ ออกแล้วกระเป๋าก็ยังเดินทางต่อไปกับเราด้วย ถึงสนามบินที่ไทยไม่มีปัญหาอย่างไร
เรื่องการเดินทางขากลับ NH807 เหมือนจะเป็นเครื่องคนละลำกับขามา ถึงจะเป็น 787 เหมือน กันก็จริง ผมก็พอรู้สึกได้ว่า มันต่างกันอย่างชัดเจนมากๆ ที่นั่งแข็งกว่าเล็กน้อย ตัวเบาะนั่งไม่สบายเท่าเดิม
ยังดีที่ไฟลท์นี้มีแอร์คนไทย ชื่อพรชนก หรือ พิมพ์ชนกนี่แหละ คอยให้ความสะดวกคนไทย อย่างดี คอยมาคุยพูดบริการให้ไม่ให้เรารู้สึกเหงา ส่วนอาหารเครื่องดื่มยังดีเหมือนเดิม
ความตรงเวลาดีเหมือนเดิม แม้ว่าจะออกจากนาริตะล่าช้ากว่าชั่วโมง ก็มาถึงไทยตรงเวลา อาจจะด้วยตัวเครื่อง 787 บินกลับสูง 38,000 ฟิต เข้าใจว่าสูงกว่าของการบินไทย จึงได้ลมส่งมาเร็ว แม้จะล่าช้าก็ยังทำเวลาได้ ที่สำคัญ ด้วยตัวเครื่องที่ค่อนข้างใหม่ ด้วยจึงอาจะทำเวลาได้เร็ว
สรุปเดินทาง ด้วยสายการบิน ANA ให้คะแนนเพียง 7.5 เต็ม 10 คะแนนเท่านั้น
สิ่งที่ดีคือ
การบริการบนเครื่อง อาหารอร่อย ที่นั่งบนเครื่องกว้าง เหมาะสำหรับคนตัวใหญ่ คนกะซื้อของฝากเยอะๆ และต้องการการเดินทางที่ตรงเวลา เหมาะมากคับ
ข้อเสีย คือ ถ้าคุณมีปัญหา โดยเฉพาะที่ภาคพื้นในกรณีเคสผม พนักงานจะสื่อสารได้จำกัดมาก และถ้าคุณซวยไปเจอแชร์ไฟล์ทอย่างผม บอกว่าคำเดียวว่าชีวิตบรรลัยมาก ANA จะไม่แคร์คุณ ว่าคุณจะบุ๊คกิ้งมาอย่างแพงหรือถูก ก็จะถูกจับแยกกับคนที่รักเพื่อให้เครื่องเดินทางได้นั่นเอง
ดังนั้นสำหรับผม ANA จึงอาจไม่ใช่ทางเลือกการเดินทางครั้งต่อไป เพราะถ้าเขาคิดว่าจะไม่แคร์ลูกค้าที่ตั้งใจบริการลูกค้ากับเขาโดยตรง งั้นผมไปบินสายการบินอื่นก็ได้ เผลอๆ ไปบินการบินไทยเหมือนเดิมจะดีกว่าด้วยซ้ำ ได้ไมล์เต็มด้วย
[CR] รีวิว ANA .. อีกสายการบินญี่ปุน ที่อาจไม่ดีเท่าที่คิด
ก่อนอื่น คงต้องเรียนว่าค่าตั๋วเดินทางครั้งนี้ ค่อนข้างถูกผม จองผ่าน Skyscanner ราคา จึงตกอยู่ประมาณ คนละ 16000 บาท ตลอดทริปเดินทาง
ตอนที่จองตอนนั้น ยอมรับว่า 1 ได้ยืนชื่อเสียงเรื่องการบริการมานานมาก และที่ผมชอบคือเรื่องน้ำหนักกระเป๋า ให้ 2 ใบ ใบละ 23 กิโลกรัม (เดี่ยวจะมาเล่าต่อว่ายังไง) ด้วยความว่า งวดนี้เอาเดือน (แฟน) ไปด้วย ก็เลยตัดสินใจว่า จะไปทั้งที นั่งให้มันสบายหน่อยก็ได้
หลายเดือนผ่านไปใกล้วันเดินทาง ผมเอง ก็พลาดด้วย เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้ทำการเลือกตั๋วที่นั่งเดินทาง จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ลองเข้าไปเลือก ปรากฎว่าทำรายการไม่ได้
เอ้ากรรม ตูจะได้ไปไหมนี่ ก็เลยโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์ ที่กรุงเทพฯ โทรเข้าพนักงานก็งง คีย์หาตั๋วเที่ยวบินเดินทางพักใหญ่ สรุปเจอ แต่ก็บอกว่าไม่สามารถเลือกที่นั่งเดินทางได้ แต่แนะให้ผมเช็คอินออนไลน์ 24 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง เผื่อมีการยกเลิกกการจองหรือเลื่อนเที่ยวบิน
พอถึงคืนวันที่ 28 ผมเลยเริ่มทำรายการทันที ก็ได้ที่นั่งตามที่ต้องการอยู่ แต่ก็ยังไม่สามารถเลือกที่นั่งได้
ตั๋วขาไป เป็นที่นั่งติดกันเดือนนั่งริมหน้าต่างผมก็นั่งคู่ไปด้วย ขาไปไม่มีปัญหาอะไร เครื่องค่อนข้างใหม่ การบริการบนเครื่องดีมาก รวมถึง การเดินทางไม่มีวุบวาบ แม้เราจะบินผ่านพายุไต้ฝุ่นมาด้วย ก็ยังถึงที่โตเกียว นาริตะ ตรงเวลาเป๊ะ
และทั้งที่เราออกเดินทางช้ากว่าการบินไทย TG642 ประมาณ 45 นาที
แต่เรามาถึงและเช็คอินเข้าตม. ญี่ปุ่น ในเวลาเดียวกัน เลย
ส่วนอาหารบนเครื่องเป็นเมนูแบบญี่ปุ่น ก็เรียกว่า ทีเซอร์อาหารที่เราจะไปผจญก่อนใช้ชีวิตที่นั่น น้ำขนมทั้งหมด สังเกตใช้ของญี่ปุ่น
สำหรับใครที่กลัวว่าจะคุยกับแอร์ไม่รู้เรื่อง อันนี้บนเครื่องก็จะมีแอร์ไทยปะปนบ้าง 2-3 คน แต่ถ้าแถวที่นั่งไม่มี คุณก็จะฝึกการใช้ใช้ภาษาใบสื่อสารคนญี่ปุ่นเบื้องต้น ผมแนะว่า ให้ใช้คำง่ายๆ เช่น Orange Juice พร้อมท่าทางประกอบ จะช่วยได้เยอะครับ
-- จบ ขาไป ----
7 วันผ่านไปอย่างเร็ว รู้ตัวอีกทีต้องเดินทางกลับไทยเสียแล้ว ขากลับนี้ผมใช้เที่ยวบิน NH807 กลับวันที่ 29 ตุลาคม หรือเมื่อคืนที่ผ่านมา
ช่วงก่อนวันกลับ คืนวันที่ 28 ผมก็เริ่มทำการเช็คอินออนไลน์ เพื่อจะได้เลือกที่นั่งได้ ปากฎว่า ไม่สามารถเช็คอินออนไลน์ได้อีกแล้ว... ก็เลยตัดสินใจว่า มาเสี่ยงดวงที่สนามบินแล้วกัน
แน่นอนเป็นธรรมดาที่ขากลับกระเป๋าเราตุงด้วยของฝาก ยิ่งมากับคุณนายแล้วสบายใจได้ มา 2 กระเป๋า กลับ 3 กระเป๋า
ผมมาอ่านรีวิวท่านอื่นที่ใช้ ANA ถึงบางอ้อเรื่องน้ำหนักให้เยอะ ว่า กระเป๋า 2 ใบ ใบละ 23 กิโลกรัมที่ว่าดีเด่นนั้น ต้องไม่เกินใบละ 23 กิโลกรัม ไม่งั้นโดนปรับใบละ 6,000 เยน
หรือราวๆ 1500 บาท ในค่าเงินตอนนี้
พอถึงสนามบิน เราก็เลย จัดการ ชั่งตวงกระเป๋ากันอย่างรวดเร็ว แล้วก็เฉลี่ยน้ำหนักไม่ให้มีปัญหาค่าใช้จ่ายงอก เพราะของฝากเราเยอะจริงๆ
เสร็จจากเรื่องกระเป๋า ผ่านไป ก็เดินไปเคาท์เตอร์ เช็คอิน ความห่วยแตกของ ANA เริ่มบังเกิดขึ้น ผมกับเดือนไม่สามารถทำรายการเช็คอินด้วยตัวเองได้
เอาล่ะ ไม่เป็นไร .. เข้าเคาท์เตอร์ก็ได้ คนคิวไม่เยอะมาก พอถึง คิวเรา พนักงานแจ้งว่า เธอไม่สามารถจับนั่งด้วยกันได้ ทั้งที่เรามีบุ๊คกิ้งเดียวกัน ผมก็เริ่มสนทนาใช้ภาษา เธอบอกว่าตอนนี้ที่นั่งริ่มหน้าต่างหมด ที่นั่งทางเดินก็เหลือน้อย จะจัดให้นั่งได้คือ ที่นั่งตรงกลาง นั่งหน้าและหลัง แบบนั้นเธอสามารถทำได้
ผมก็บอกว่า เราบุ๊คกิ้งเดียวกัน ทำไมถึงเป็นปัญหา ขามาก็มานั่งติดกันได้ แต่ขากลับทำไม่ได้ พนักงานญี่ปุ่น ที่นาริตะ ก็ได้แต่ขอโทษๆ มีแต่ sorry Sorry จนจะเป็นเพลง และไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ
ผมกับแฟน ปรึกษากัน ว่าเอายังไงดี คือยังไงคงต้องกลับบ้านอยู่แล้ว ก็เลยโอเค นั่งแยกกัน โดยเดือนขอนั่งริมทางเดิน จะได้ไปทำธุระสะดวก ส่วนผมสบายๆ เรื่องนั่งตรงกลางเพราะนั่งบ่อยจนชิน
ก็เลยได้ที่นั่ง 21 C สำหรับเดือน และ 21F สำหรับผม มีทางเดินและญี่ปุ่น 1 คน นั่งคั่นระหว่างเรา
เรื่องนี้ผมก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นที่ระบบเลือกที่นั่งตอนแรก เพราะไฟล์ทนี้เป็นไฟล์ทบินวันอาทิตย์เย็น เป็นไฟล์ที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
แต่แล้วหลังช๊อปปิงในสนามบินเสร็จ มาถึงเกทเราก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมเครื่องเต็ม ไฟล์ทนี้ เป็นแชร์ไฟล์ท มีทั้งจากการบินไทย จากสายการบินอื่นอีก 3-4 สายการบิน เครื่องก็เลยเต็มเอี้ยดพอดี
ก็ยังนั่งคิดว่า แล้วเราจ่ายค่าสายการบินดีๆ เพื่ออะไร ในเมื่อสุดท้ายที่นั่งก็ถูกสายการบินที่มาแชร์ไฟลท์แย่งที่ดีๆ ไป แล้ว ANA ก็ไม่ให้ความสำคัญกับผู้โดยสารตนเองเลย เพราะมั่นใจว่าที่นั่งดีๆ ไม่ได้จับจองหมด แต่เกิดมีการแชร์ไฟลท์เกิดขึ้น ก็เลย ต้องยกที่นั่งให้คนอื่นไป
เอาล่ะที่นั่งบ่นพอละ ก่อนขึ้นเครื่อง ปรากฎว่ากระเป๋าเรามีปัญหาบางประการ ผมเห็นตอนเจ้าหน้าที่เขาลากมาสอบถาม ตามสไตล์ระเบียบปฏิบัติ ก็ดูว่า ANA จะดำเนินการอย่างไร ตอนนั้นประมาณว่าอีก 15 นาที จะบอร์ดดิ้ง
ผมนั่งสักพัก2-3 นาที เห็น Ground Staff ไม่เรียกขานชื่อ จึงเดินเข้าไปสอบถามเรื่องกระเป๋า
หลังรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ก็เลยสอบถามทางออกของการบริการ เช่นอาจจะต้องส่งเป็นคาร์โก้ไหม หรือทำอย่างไร
เชื่อไหมครับ พนักงาน Ground ของ ANA สื่อสารภาษาอังกฤษได้บรรลัยมาก พูดเป็นประโยคไม่ได้ พูดได้วลีสั้นๆ
เฮ้ย!! นี่พนักงานสายการบิน หรือ เรื่องภาษาควรจะเป๊ะมากกว่านี้ แล้วทำงานเหมือนสับสนตัวเอง
ผมตกลงใจแล้วว่าโอเค จะทิ้งของไว้แล้วเดี๋ยวฝากเพื่อนไปส่งของกลับจากญี่ปุ่น เนื่องจากสายการบินคิดว่าอาจเป็นวัสดุอันตรายต่ออากาศยาน (ผมขอไม่บอกว่าเป็นอะไร พูดสั้นๆว่า เป็นของแต่งรถแล้วกัน ไปซื้อมาจาก Up Garage ) และทางศุลกากร แนะว่า คุณสามารถเอากลับได้ ผ่านการขนส่งทางไปรษณีย์ หรือแมวดำเท่านั้น
ผมเข้าใจศุลกากร และไม่ได้โกรธพวกเขา แต่โกรธสายการบิน ที่ถามทางออกอะไรก็ไม่ได้ความ มีแต่ ต้อง leave it here
ก็ใส่มันไปหลายรอบ บอกได้ leave it here น่ะ เข้าใจแล้ว แต่จะยังไง มีออพชั่น เปลี่ยนไปขนส่งสินค้าได้ไหม จะทำอย่างไรได้บ้าง ไม่มีข้อมูลใดๆ มาอ้างเรื่องเอกสารบ้าบอ อะไรก็ไม่รู้
มันก็ถามผมกลับว่า เนี่ยจะกลับมาญี่ปุ่นอีกไหม เดี่ยวจะเก็บไว้ให้ ผมก็บอกกลับมา มันก็บอกดีเลย เดี่ยวเก็บไว้ให้ แล้วยูไปส่งไปรษณีย์กลับบ้านนะ
ผมก็โอเค ผมก็เลยถามว่าแล้ว เก็บไว้นานเท่าไร เพราะรู้ว่าพวกนี้เก็บไว้ไม่นานหรอก คือผมไม่ได้เสียดายของนะ เพราะมาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แต่ต้องมีข้อมุลเพื่อจะได้คิดตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เมื่อกลับถึงไทย พอดีมีเพื่ือนของเพื่อน และเพื่อนป้า อยู่ที่นั่น อาจจะไหว้วานเขาไปรับของมาส่งแทนให้ก็ได้ สายการบินก็อนุญาต
แต่ Ground Staff ไม่มีข้อมุลอีกแล้ว และให้ผมรอประมาณ 10 นาที จนเริ่มจะบอร์ดดิ้ง จึงถึงกลับมาบอกว่า 30 วัน .. กฎแค่นี้ไม่รู้เรื่อง นี่แย่มาก และแถมภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ความ ไม่รู้เลือกมาเป็นพนักงานสายการบินได้อย่างไร
สรุปเราเอาของที่สายการบินไม่ให้ ออกแล้วกระเป๋าก็ยังเดินทางต่อไปกับเราด้วย ถึงสนามบินที่ไทยไม่มีปัญหาอย่างไร
เรื่องการเดินทางขากลับ NH807 เหมือนจะเป็นเครื่องคนละลำกับขามา ถึงจะเป็น 787 เหมือน กันก็จริง ผมก็พอรู้สึกได้ว่า มันต่างกันอย่างชัดเจนมากๆ ที่นั่งแข็งกว่าเล็กน้อย ตัวเบาะนั่งไม่สบายเท่าเดิม
ยังดีที่ไฟลท์นี้มีแอร์คนไทย ชื่อพรชนก หรือ พิมพ์ชนกนี่แหละ คอยให้ความสะดวกคนไทย อย่างดี คอยมาคุยพูดบริการให้ไม่ให้เรารู้สึกเหงา ส่วนอาหารเครื่องดื่มยังดีเหมือนเดิม
ความตรงเวลาดีเหมือนเดิม แม้ว่าจะออกจากนาริตะล่าช้ากว่าชั่วโมง ก็มาถึงไทยตรงเวลา อาจจะด้วยตัวเครื่อง 787 บินกลับสูง 38,000 ฟิต เข้าใจว่าสูงกว่าของการบินไทย จึงได้ลมส่งมาเร็ว แม้จะล่าช้าก็ยังทำเวลาได้ ที่สำคัญ ด้วยตัวเครื่องที่ค่อนข้างใหม่ ด้วยจึงอาจะทำเวลาได้เร็ว
สรุปเดินทาง ด้วยสายการบิน ANA ให้คะแนนเพียง 7.5 เต็ม 10 คะแนนเท่านั้น
สิ่งที่ดีคือ
การบริการบนเครื่อง อาหารอร่อย ที่นั่งบนเครื่องกว้าง เหมาะสำหรับคนตัวใหญ่ คนกะซื้อของฝากเยอะๆ และต้องการการเดินทางที่ตรงเวลา เหมาะมากคับ
ข้อเสีย คือ ถ้าคุณมีปัญหา โดยเฉพาะที่ภาคพื้นในกรณีเคสผม พนักงานจะสื่อสารได้จำกัดมาก และถ้าคุณซวยไปเจอแชร์ไฟล์ทอย่างผม บอกว่าคำเดียวว่าชีวิตบรรลัยมาก ANA จะไม่แคร์คุณ ว่าคุณจะบุ๊คกิ้งมาอย่างแพงหรือถูก ก็จะถูกจับแยกกับคนที่รักเพื่อให้เครื่องเดินทางได้นั่นเอง
ดังนั้นสำหรับผม ANA จึงอาจไม่ใช่ทางเลือกการเดินทางครั้งต่อไป เพราะถ้าเขาคิดว่าจะไม่แคร์ลูกค้าที่ตั้งใจบริการลูกค้ากับเขาโดยตรง งั้นผมไปบินสายการบินอื่นก็ได้ เผลอๆ ไปบินการบินไทยเหมือนเดิมจะดีกว่าด้วยซ้ำ ได้ไมล์เต็มด้วย