[CR] เที่ยวรัวรัว : Bangkok-Tokyo สายการบิน ANA ฉบับคุณแม่มือใหม่...ท้องก็เที่ยวได้

สวัสดีค่ะ “พี่หยอดวัดยาง” กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ห่างกายจากการเดินทางไปเกือบ 6 เดือน
สาเหตุก็เพราะว่า ตอนนี้ “พี่หยอด” มี “สมาชิกใหม่” ว่าที่นักท่องเที่ยวตัวน้อยอยู่ในท้องนั่นเองค่ะ
ตอนนี้สุขภาพร่างกายของทั้งหม่ามิ๊และเบบี๋แข็งแรงดี เลยพร้อมออกเดินทางไปพักผ่อนกันอีกครั้ง

ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่ Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว” https://www.facebook.com/travelruarua/

ทริปนี้ถือว่าเป็น “Babymoon Trip” ที่แท้ทรูเลยค่ะ ตอนที่เดินทางนี้ "พี่หยอด" ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 24 สัปดาห์ หรือ 6 เดือนแล้ว
ครั้งแรกของการเดินทางของ “เราสามคน” พ่อ-แม่-ลูก ก็จะตื่นเต้นและแอบมีความกังวลอยู่เล็กน้อย...
ตั้งแต่เรื่องการเดินทาง ว่าจะเลือกสายการบินอะไรดี เพราะปกติจะเน้นเดินทางแบบประหยัด บินแต่ Low-cost บินดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่น ที่นั่งแคบไม่เป็นปัญหา อาหารบนเครื่องไม่จำเป็น หลับไปยาวๆ แต่ครั้งนี้อาจจะต้องปรับเปลี่ยนให้ตัวเองเดินทางให้สบายกว่าเดิมหน่อย กลัวเบบี๋ในท้องจะเที่ยวไม่สนุก 5555 การเดินทางครั้งนี้เลยอาจจะมีการ request service พิเศษบ้างเล็กๆน้อยๆ  

ส่วนการแพลนเที่ยวสถานที่ต่างๆ ก็คงต้องมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างเช่นกัน ตอนนี้คงต้องเน้นชิวๆ ไม่เน้นลุย เน้นพักผ่อนเพลินๆ ไม่เร่งรีบ ไม่หักโหม
ตามไปเที่ยวในแบบฉบับ “คุณแม่มือใหม่ ท้องก็เที่ยวได้” ด้วยกันนะคะ

สภาพคนท้อง 6 เดือนค่ะ ใส่ชุดทีเข้มพรางพุงโตๆ 555

สำหรับทริป “คุณแม่มือใหม่ ท้องก็เที่ยวได้” นี้ “พี่หยอด” ใช้บริการของสายการบิน All Nippon Airways หรือ ANA บินตรง BANGKOK-TOKYO (NARITA) ค่ะ Flight NH806 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตอน 06.45 น. ตรงเวลาเป๊ะๆ เลยค่ะ !!
ที่เลือกเวลาออกเดินทางเช้าก็เพราะว่าส่วนตัวแล้วน่าจะสบายกว่าออกเดินทางตอนดึกๆ แบบตี 1 ตี 2 ค่ะ อย่างน้อยก็มีเวลาได้พักผ่อนเต็มที่ก่อนที่จะต้องเดินทางไปสนามบิน และกว่าจะถึงญี่ปุ่นก็คือช่วงบ่ายๆ สบายๆ (ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงต้องเลือก flight ที่ไปถึงแต่เช้าตรู่เพื่อจะได้พุ่งตัวไปเที่ยวต่อได้เลย)

เป็นครั้งแรกกับ ANA ที่ประทับใจทีเดียวเลยค่ะ

“พี่หยอด” เดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนประมาณ 04.45 น. ไป Check-in ที่ Row L ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็เรียบร้อยค่ะ คนไม่เยอะมาก
แต่แนะนำว่าให้ทำ online check-in มาก่อนล่วงหน้าจะดีมากเลยค่ะ มาถึงสนามบินเราแค่เข้าช่อง Baggage Drop ไม่เสียเวลาเลย

สำหรับสายการบิน ANA เราสามารถโหลดกระเป๋าสัมภาระได้ถึง 2 ใบ น้ำหนังใบละไม่เกิน 23 กิโลกรัมค่ะ ใจดีจริงๆ

รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ตาม link นี้ค่ะ
https://www.ana.co.jp/en/th/international/prepare/baggage/checked-in/baggage-free.html


และด้วยความที่คราวนี้ “พี่หยอด” มาพร้อมกับเบบี๋ตัวน้อยอยู่ในท้องด้วย ก็เลยเตรียมใบรับรองแพทย์มาด้วยค่ะ (อันนี้แนะนำว่าควรมีติดตัวไว้ระหว่างเดินทางนะคะ) แต่ละสายการบินก็จะมีกฎระเบียบสำหรับอายุครรภ์ที่อนุญาตให้เดินทางได้แตกต่างกันไปค่ะ

“พี่หยอด” ยื่นใบรับรองแพทย์ให้เจ้าหน้าที่ตอน check-in ไปด้วยเลยเพื่อความสบายใจ และ request ขอที่นั่งที่ดีหน่อย เช่น แถวหน้าที่ยืดขาง่ายๆ หรือที่นั่งริมทางเดิน ลุกออกง่ายๆ หรือบางอาจจะอยากนั่งใกล้ห้องน้ำเพราะเข้าบ่อย แต่สำหรับคุณแม่ท้องนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นั่งที่นั่งอยู่ริมประตูทางออกฉุกเฉินนะคะ ถึงแม้ว่าที่นั่งนั้นจะกว้างและสบายกว่าที่อื่นๆ ก็ตาม

ความโชคดีของ Flight นี้คือยังพอมีที่เหลือค่ะ “พี่หยอด” ก็เลยได้นั่งหลัง Bulkhead หรือฉากกั้น Premium Economy / Business Class ซึ่งก็คือแถวแรกของ Economy Class นั่นเอง ยืดขาได้สบายเลย ลุกนั่งสะดวก

ปล. อย่างไรก็ตาม การที่ request ที่นั่งนี้ไม่การันตีว่าจะได้ที่นั่งพิเศษเสมอไปนะคะ ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยค่ะ

เข้าไปอ่าน condition และ service ต่างๆ ของผู้โดยสารที่กำลังตั้งครรภ์ ของสายการบิน ANA ได้ตาม link นี้ค่ะ
https://www.ana.co.jp/en/th/serviceinfo/international/support/family/maternity.html


และที่ดีงามอีกเรื่องสำหรับการเดินทางตอนตั้งครรภ์ก็คือ เมื่อ check-in เสร็จแล้ว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราสามารถผ่านการตรวจกระเป๋าและ ตม. ที่ช่อง Fast Track ได้ด้วยค่ะ ซึ่ง “พี่หยอด” เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนหรอกนะ แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นป้ายเขียนว่าช่อง Fast Track นี้ใช้ได้สำหรับใครบ้าง หนึ่งในนั้นคือ “Pregnant” ค่ะ 🤰

เราไม่รอช้า พุ่งตัวเข้าไปอย่างเร็ว พนักงานมีงงเล็กน้อย ตอนแรกบอกว่าผ่านทางนี้ไม่ได้ !!! แต่ “พี่หยอด” ก็ลองบอกไปอีกทีว่าเห็นเขียนว่าคนท้องมีสิทธิ์ ก็เลยจะขอใช้บริการในส่วนนี้... ซักพักมีเจ้าหน้าที่อีกท่านที่น่าจะพอทราบกฏกติกา เดินมาพอดีเลยบอกว่า “ผ่านได้” เลยทำให้ “พี่หยอด” ย่นระยะเวลาผ่าน ตม. ไปได้เยอะเลย ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี่ด้วยค๊า

ใกล้ถึงเวลาก็มุ่งหน้าไปยัง Gate E5 เวลา Boarding ของ Flight นี้คือ 06.15 น. ค่ะ ตรงเวลามากจริงๆ ประทับใจ Flight นี้ผู้โดยสารเต็มค่ะ


ในส่วนของ Economy Class ที่นั่งจะเป็น 3 ล็อคแบบ 3-3-3 ค่ะ มีผ้าห่ม หมอน หูฟัง วางไว้ให้ครบถ้วน มีจอส่วนตัวให้ดูหนังเล่นเกมส์กันได้ยาวๆ โดยเที่ยวบินนี้ใช้เครื่องแบบ Boeing 787 ค่ะ

ในส่วนของ VDO Safety Demonstration นั้นก็มีความญี่ปุ่นสุดๆค่ะ น่ารักดี ใช้ตัวแสดงแต่งกายแบบ traditional Japanese เป็นคนเล่าเรื่อง ทำให้ไม่น่าเบื่อ ดูเพลินๆ


หลังจากเครื่องขึ้นได้ซักพัก พนักงานต้อนรับก็เริ่มมาเดินเสริฟ Breakfast ค่ะ มีเมนูให้เลือก 2 แบบ คือ

- Bread Pancake and pancake with vanilla sauce, berry compote พุดดิ้งขนมปังและแพนเค้ก พร้อมซอสวานิลาและเบอรี่เชื่อม เมนูนี้เป็นเมนู Recommend เลยนะคะ ใครชอบทานอาหารเช้าแบบไม่หนักมาก แนะนำเลยค่ะ แพนเค้กอุ่นๆ กับซอสวนิลลาและบลูเบอรี่เข้ากันดีงามจริงๆ !

- Grilled Salmon Teriyaki ข้าวปลาแซลมอนเทอริยากิ

ทั้งสองเมนูเสริฟพร้อม ขนมปัง-เนย บะหมี่เย็น โยเกิร์ต ผลไม้สด ค่ะ


กินอิ่มก็ได้เวลานอนหลับ ตื่นมาอีกทีมี snack เป็นขนมปังแซนวิชเสริฟคนละชิ้นพร้อมเครื่องดื่ม


และหลังจากนั้นอีกไม่นานซักชั้วโมงนิดๆ ก็ได้เวลา landing ค่ะ เดินทางถึงสนามบิน Narita (Terminal 1) เวลา 15.00 น. พอดีเป๊ะเลย ดีงามค่ะ

ถึงเวลาผ่าน ตม. ญี่ปุ่นกันค่ะ...

บอกก่อนว่าช่วงนี้สนามบิน Narita มีการปรับปรุงพื้นที่ครั้งใหญ่ น่าจะเป็นการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก 2020 นั่นแหละ เลยทำให้ตอนนี้ โซน immigration จะค่อนข้างแออัดเอามากๆเลยค่ะ แอบตะใจเหมือนกันคนต่อคิวมหาศาลล้านแปดมากๆๆๆๆๆ

แต่ๆๆ มาเที่ยวคราวนี้ “พี่หยอด” มีบัตรเบ่งเป็นท้องโตๆ เลยสามารถใช้บริการในส่วนของ Priority Lane ได้ค่ะ สะดวกไปเลย คิวแทบไม่มี ผ่านสบายปรื๊ดๆ ไม่ถึง 2 นาที !! สำหรับช่อง Priority Lane นี้จะมีไว้สำหรับ คนพิการ คนชรา คนท้อง และพ่อแม่ที่มีลูกเล็กมากๆ แบบนั่งรถเข็นมาไรงี้ค่ะ เพียงแค่แจ้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณนั้น ก็จะอำนวยความสะดวกให้เราเลย ดีงามค่ะ

--------------------------------------------------------------------------- 

มาต่อกันที่เที่ยวบินขากลับกันบ้างดีกว่า

สำหรับขากลับนี้ “พี่หยอด” บิน Flight NH807 ออกเดินทางจาก Tokyo (Narita) Terminal 1 เวลา 17.00 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ เวลา 21.40 น. ค่ะ

และอีกเช่นเคย แนะนำว่าก่อนถึงการเดินทางไม่เกิน 24 ชั่วโมง แนะนำให้ทำ online check-in ไว้ล่วงหน้าได้เลยนะคะ สะดวกมากๆ โดยที่ Terminal 1 นั้น เหมือนเป็นอาณาจักรของ ANA เลยค่ะ สำหรับผู้โดยสารที่ทำ online check-in มาแล้ว ไม่ว่าจะ flight ไหนก็ตาม สามารถ drop กระเป๋าได้ที่ Row A ได้เลยค่ะ แต่บอกก่อนว่าเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นค่อนข้างซีเรียสเรื่องน้ำหนักกระเป๋านะคะ ต้องไม่เกิน 23 kg. ต่อใบ !!
“พี่หยอด” เกินมา 1 kg. เจ้าหน้าที่ให้ย้ายของไปไว้อีกกระเป๋าที่น้ำหนักยังไม่ถึงลิมิตค่ะ

และ “พี่หยอด” ก็ได้ลอง request ที่นั่งเหมือนตอนขามาเลยค่ะ ความโชคดีอยู่กับเรา อิอิ ได้ที่นั่งแถวหน้าอีกเช่นเคย สบายไป แต่สำหรับคุณแม่ท้องคนไหนทีต้องการ request service อื่นๆ เพิ่มเติมสำหรับสายการบิน ANA นั้น ด้านข้าง Row A จะมี counter ให้บริการอยู่นะคะ เข้าไปติดต่อสอบถามได้


หลังจาก check-in เรียบร้อย ก็ได้เวลาเข้าไปด้านในค่ะ ที่สนามบิน Narita (Terminal 1) จะมีช่องพิเศษ Gold Track ให้สำหรับ VIP และผู้โดยสารที่ต้องการการอำนวยความสะดวก เช่น ตั้งครรภ์ พิการ คนชรา เป็นต้นค่ะ โดยช่องทางนี้มีสัญลักษณ์ชัดเจนเลยค่ะ ดีงามมาก ผ่านกรรมวิธีสแกนกระเป๋า และ ตม. เรียบร้อยตามกระบวนการ ก็ได้เวลามานั่งรอที่หน้า Gate ค่ะ


สำหรับ Flight ขากลับนี้จะต้องนั่งรถบัสไปยังเครื่อง รอที่ Gate 28G

ระหว่างที่นั่งรออยู่ ก็มีเจ้าหน้าที่ของ ANA เดินทางสอบถาม เห็นว่าเรากำลังตั้งครรภ์ค่ะ แจ้งว่าหากเจ้าหน้าที่เรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องนั้น ให้เราเข้าได้ก่อนเลย พร้อมกับผู้โดยสารที่มีลูกเล็ก คือดีงามมากจริงๆ service น่าประทับใจ

ยัง...ยังไม่จบ มีต่ออีกนิดด้านล่างนะคะ...
ชื่อสินค้า:   ANA All Nippon Airways
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่