พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่
วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ ๒๔๘๙ ถึง วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๕๙
ทรงครองราชย์ ๗๐ ปี ๑๒๖ วัน
ช่วงพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ พระองค์ต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศ และเมื่อศึกษาสำเร็จแล้ว
พระองค์ก็เข้าพิธี
บรมราชาภิเษก ที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๓
คลิป พิธีบรมราชาภิเษก (ปฐมบรมราชโองการอยู่ช่วงนาทีที่ ๒๘)
ในรัชสมัยของพระองค์นี้ การเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง จึงจะขอรวบรวมไว้ดังนี้
นายกรัฐมนตรี
นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน พ.ศ ๒๔๗๕
ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น ๒๙ ท่าน
และอยู่ในรัชสมัยพระองค์
๒๖ ท่าน มีเพียงนายกรัฐมนตรี
๓ ท่านที่ไม่อยู่ในสมัยพระองค์คือ
๑ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ๒ พระยาพหลพลพยุหเสนา ๓ นาย ทวี บุณยเกตุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่พระองค์ท่านทรงงานด้วยมี
๒๔ ท่าน
(หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และ นายควง อภัยวงค์ เป็นนายกขณะพระองค์ท่านทรงอยู่ระหว่างศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์)
หลวงธำรง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ควง อภัยวงค์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งนานที่สุดคือ
จอมพลถนอม กิตติขจร ๑๐ ปี ๒๓๙ วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งน้อยที่สุดคือ
พลเอกสุจินดา คราประยูร ๔๗ วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**จอมพล ป เป็นนายกที่ครองตำแหน่งนานที่สุด แต่ช่วงแรกไม่อยู่ในสมัยพระองค์ท่าน**
คณะรัฐมนตรี
ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ มีคณะรัฐมนตรีทั้งสิ้น ๔๖ คณะ คือตั้งแต่
คณะรัฐมนตรีชุดที่ ๑๖ ของนายปรีดี พนมยงค์ ถึง
คณะรัฐมนตรีชุดที่ ๖๑ ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ที่พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยในประกาศพระบรมราชโองการคือตั้งแต่
คณะรัฐมนตรีคณะที่ ๒๔
ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม (๖ ธันวาคม ๒๔๙๔ - ๒๓ มีนาคม ๒๔๙๕)
ปรีดี พนมยงค์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จอมพล ป พิบูลสงคราม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รัฐประหาร
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศไทยมี
รัฐประหารเกิดขึ้นทั้งหมด ๑๓ ครั้ง
เกิดในสมัยพระองค์
๑๑ ครั้ง และเกิดในช่วงที่พระองค์ประทับอยู่ที่ประเทศไทย
๙ ครั้ง
ในจำนวนนี้เป็นการยึดอำนาจตนเอง
๔ ครั้งคือ
๑ รัฐประหาร ๒๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ จอมพล ป ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง
๒ รัฐประหาร ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๑ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร
๓ รัฐประหาร ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ จอมพลถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง
๔ รัฐประหาร ๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๐ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาล ธานินทร์ กรัยวิเชียร
กบฏ
กบฏในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองมีจำนวน
๑๓ ครั้ง แต่อยู่ในช่วงพระองค์ประทับในประเทศ
๕ ครั้งคือ
ครั้งที่ ๙ กบฏสันติภาพ
ครั้งที่ ๑๐ กบฏ พ.ศ ๒๕๐๗
ครั้งที่ ๑๑ กบฏพลเอกฉลาด หิรัญศิริ
ครั้งที่ ๑๒ กบฏยังเติร์ก หรือ กบฏเมษาฮาวาย
ครั้งที่ ๑๓ กบฏสองพี่น้อง (มนูญ มนัส รูปจขร) หรือ กบฏทหารนอกราชการ
ในจำนวนนี้มีครั้งที่ระคายเคืองเบื้องยุคลบาทมากที่สุดคือ
กบฏยังเติร์ก
เพราะ
พระองค์และพระบรมวงศานุวงค์ต้องเสด็จจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ไปประทับที่
กองทัพภาคที่ ๒ ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
คลิป เหตุการณ์กบฏยังเติร์ก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รัฐธรรมนูญ
ช่วงเวลา ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์ ไทยมีรัฐธรรมนูญเกิดในสมัยพระองค์ทั้งสิ้น
๑๖ ฉบับจาก ๒๐ ฉบับ
แต่ที่ทรงลงพระปรมาภิไธยมีทั้งสิ้น
๑๔ ฉบับคือตั้งแต่
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ จนถึง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
ต้นฉบับรัฐธรรมนูญ๒๔๗๕
รัฐธรรมนูญฉบับที่ลงพระปรมาภิไธยฉบับแรก ๒๔๙๕
เหตุการณ์การเมืองที่สำคัญที่พระองค์ต้องทรงลงมาแก้ไขสถานการณ์ด้วยพระองค์เอง
และเพราะบารมีของพระองค์ทำให้เหตุการณ์คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว
๑ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๑๖
เป็นเหตุการณ์ที่นิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชน เรียกร้องรัฐธรรมนูญและต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาล
ถนอม ประภาส ณรงค์ จนมีการนองเลือดเกิดขึ้น และพระองค์ได้ประกาศว่าเป็นวัน
"มหาวิปโยค"
คลิปพระสุรเสียงรัชกาลที่ ๙ ในนาทีที่ ๒.๔๒
๒ เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ๑๗ - ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ ๒๕๓๕
ประชาชนได้ร่วมกันต่อต้านการสืบถอดอำนาจจากคณะรัฐประหาร รสช จนมีการปะทะกัน
มีผู้เสียชีวิต และทำท่าบานปลาย ในที่สุดเวลา ๒๑.๓๐ ของคืนวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ ได้โปรดเกล้าให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายคือ
พลเอกสุจินดา คราประยูร กับ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้า และพระราชทานโอวาทตักเตือนทั้งสองฝ่าย
เหตุการณ์จึงสงบลงท่ามกลางเสียงไชโยกึกก้องของประชาชนที่ไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์นองเลือด
ไทยฆ่าไทยอีกต่อไป
จากเหตุการณ์การเมืองทุกเหตุการณ์ตามที่กล่าวข้างต้น สามารถกล่าวได้เต็มปากว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นกำลังสำคัญที่สุดในการพัฒนาการเมืองไทย
พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไทยมากกว่าทุกคนในแผ่นดินนี้ หลายๆเหตุการณ์
ที่แนวโน้มจะนองเลือด หรือ ทวีความรุนแรง ก็
สามารถยุติลงได้เพราะพระบารมีของพระองค์
ต่างจากหลายประเทศในโลกเมื่อมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความรุนแรง
บางประเทศถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง หรือ เกิดการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธ์
ในทางการเมืองของประเทศไทย พระองค์ทรงเป็นผู้อยู่เหนือความขัดแย้งที่แท้จริง
ป.ล ในเม้นท์ย่อย จะกล่าวถึงรายละเอียดเหตุการณ์การเมืองที่สำคัญในอดีต
เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย พระมหากรุณาธิคุณจารึกในใจไทยชั่วกาล ... ข้าพระพุทธเจ้า **ห้องเพลงคนรากหญ้า** 20/10/2560 การเมือง
วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ ๒๔๘๙ ถึง วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๕๙ ทรงครองราชย์ ๗๐ ปี ๑๒๖ วัน
ช่วงพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ พระองค์ต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศ และเมื่อศึกษาสำเร็จแล้ว
พระองค์ก็เข้าพิธี บรมราชาภิเษก ที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๓
คลิป พิธีบรมราชาภิเษก (ปฐมบรมราชโองการอยู่ช่วงนาทีที่ ๒๘)
ในรัชสมัยของพระองค์นี้ การเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง จึงจะขอรวบรวมไว้ดังนี้
นายกรัฐมนตรี
นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน พ.ศ ๒๔๗๕ ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น ๒๙ ท่าน
และอยู่ในรัชสมัยพระองค์ ๒๖ ท่าน มีเพียงนายกรัฐมนตรี ๓ ท่านที่ไม่อยู่ในสมัยพระองค์คือ
๑ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ๒ พระยาพหลพลพยุหเสนา ๓ นาย ทวี บุณยเกตุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่พระองค์ท่านทรงงานด้วยมี ๒๔ ท่าน
(หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และ นายควง อภัยวงค์ เป็นนายกขณะพระองค์ท่านทรงอยู่ระหว่างศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์)
หลวงธำรง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ควง อภัยวงค์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งนานที่สุดคือ จอมพลถนอม กิตติขจร ๑๐ ปี ๒๓๙ วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งน้อยที่สุดคือ พลเอกสุจินดา คราประยูร ๔๗ วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**จอมพล ป เป็นนายกที่ครองตำแหน่งนานที่สุด แต่ช่วงแรกไม่อยู่ในสมัยพระองค์ท่าน**
คณะรัฐมนตรี
ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ มีคณะรัฐมนตรีทั้งสิ้น ๔๖ คณะ คือตั้งแต่
คณะรัฐมนตรีชุดที่ ๑๖ ของนายปรีดี พนมยงค์ ถึง คณะรัฐมนตรีชุดที่ ๖๑ ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ที่พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยในประกาศพระบรมราชโองการคือตั้งแต่ คณะรัฐมนตรีคณะที่ ๒๔
ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม (๖ ธันวาคม ๒๔๙๔ - ๒๓ มีนาคม ๒๔๙๕)
ปรีดี พนมยงค์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จอมพล ป พิบูลสงคราม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รัฐประหาร
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศไทยมีรัฐประหารเกิดขึ้นทั้งหมด ๑๓ ครั้ง
เกิดในสมัยพระองค์ ๑๑ ครั้ง และเกิดในช่วงที่พระองค์ประทับอยู่ที่ประเทศไทย ๙ ครั้ง
ในจำนวนนี้เป็นการยึดอำนาจตนเอง ๔ ครั้งคือ
๑ รัฐประหาร ๒๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ จอมพล ป ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง
๒ รัฐประหาร ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๑ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร
๓ รัฐประหาร ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ จอมพลถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง
๔ รัฐประหาร ๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๐ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาล ธานินทร์ กรัยวิเชียร
กบฏ
กบฏในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองมีจำนวน ๑๓ ครั้ง แต่อยู่ในช่วงพระองค์ประทับในประเทศ ๕ ครั้งคือ
ครั้งที่ ๙ กบฏสันติภาพ
ครั้งที่ ๑๐ กบฏ พ.ศ ๒๕๐๗
ครั้งที่ ๑๑ กบฏพลเอกฉลาด หิรัญศิริ
ครั้งที่ ๑๒ กบฏยังเติร์ก หรือ กบฏเมษาฮาวาย
ครั้งที่ ๑๓ กบฏสองพี่น้อง (มนูญ มนัส รูปจขร) หรือ กบฏทหารนอกราชการ
ในจำนวนนี้มีครั้งที่ระคายเคืองเบื้องยุคลบาทมากที่สุดคือ กบฏยังเติร์ก
เพราะพระองค์และพระบรมวงศานุวงค์ต้องเสด็จจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ไปประทับที่
กองทัพภาคที่ ๒ ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
คลิป เหตุการณ์กบฏยังเติร์ก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รัฐธรรมนูญ
ช่วงเวลา ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์ ไทยมีรัฐธรรมนูญเกิดในสมัยพระองค์ทั้งสิ้น ๑๖ ฉบับจาก ๒๐ ฉบับ
แต่ที่ทรงลงพระปรมาภิไธยมีทั้งสิ้น ๑๔ ฉบับคือตั้งแต่
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ จนถึง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
ต้นฉบับรัฐธรรมนูญ๒๔๗๕
รัฐธรรมนูญฉบับที่ลงพระปรมาภิไธยฉบับแรก ๒๔๙๕
เหตุการณ์การเมืองที่สำคัญที่พระองค์ต้องทรงลงมาแก้ไขสถานการณ์ด้วยพระองค์เอง
และเพราะบารมีของพระองค์ทำให้เหตุการณ์คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว
๑ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๑๖
เป็นเหตุการณ์ที่นิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชน เรียกร้องรัฐธรรมนูญและต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาล
ถนอม ประภาส ณรงค์ จนมีการนองเลือดเกิดขึ้น และพระองค์ได้ประกาศว่าเป็นวัน "มหาวิปโยค"
คลิปพระสุรเสียงรัชกาลที่ ๙ ในนาทีที่ ๒.๔๒
๒ เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ๑๗ - ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ ๒๕๓๕
ประชาชนได้ร่วมกันต่อต้านการสืบถอดอำนาจจากคณะรัฐประหาร รสช จนมีการปะทะกัน
มีผู้เสียชีวิต และทำท่าบานปลาย ในที่สุดเวลา ๒๑.๓๐ ของคืนวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ ได้โปรดเกล้าให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายคือ
พลเอกสุจินดา คราประยูร กับ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้า และพระราชทานโอวาทตักเตือนทั้งสองฝ่าย
เหตุการณ์จึงสงบลงท่ามกลางเสียงไชโยกึกก้องของประชาชนที่ไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์นองเลือด
ไทยฆ่าไทยอีกต่อไป
จากเหตุการณ์การเมืองทุกเหตุการณ์ตามที่กล่าวข้างต้น สามารถกล่าวได้เต็มปากว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นกำลังสำคัญที่สุดในการพัฒนาการเมืองไทย
พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไทยมากกว่าทุกคนในแผ่นดินนี้ หลายๆเหตุการณ์
ที่แนวโน้มจะนองเลือด หรือ ทวีความรุนแรง ก็สามารถยุติลงได้เพราะพระบารมีของพระองค์
ต่างจากหลายประเทศในโลกเมื่อมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความรุนแรง
บางประเทศถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง หรือ เกิดการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธ์
ในทางการเมืองของประเทศไทย พระองค์ทรงเป็นผู้อยู่เหนือความขัดแย้งที่แท้จริง
ป.ล ในเม้นท์ย่อย จะกล่าวถึงรายละเอียดเหตุการณ์การเมืองที่สำคัญในอดีต