รัฐประหาร.....16 ก.ย 2500.....อวสาน จอมพล ป. ตลอดกาล

วันนี้เมื่อ 59 ปีที่แล้ว เกิดเหตุการณ์รัฐประหารอีกครั้งที่ประเทศไทย

โดยครั้งนี้นำโดย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้มีสมญาว่า "จอมพลผ้าขาวม้าแดง"




หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 ก.พ 2500 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น

"การเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของไทย"

รัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถึงแม้จะชนะเลือกตั้ง แต่ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ

ของประชาชน โดยเฉพาะนิสิต นักศึกษา วิกฤตศรัทธาจึงเกิดกับรัฐบาลตั้งแต่บัดนั้น

รูป พาดหัวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้ง




และแล้ว หลังจากการเลือกตั้งผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ ในวันที่ 2 มีนาคม 2500

นิสิต นักศึกษา ชุมนุมประท้วงการเลือกตั้ง รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน

โดยให้ จอมพล สฤษดิ์ เป็นผู้ปราบการชุมนุม เมื่อขบวนนักศึกษาที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล

เคลื่อนมาถึงบริเวณสะพานมัฆวานก็พบกำลังทหารหน่วยหนึ่งตั้งประจัญหน้าไม่ยอมให้ผ่าน

เหตุการณ์ตึงเครียดมาก ทันใดนั้นเสียงของผู้บังคับหน่วยทหารได้ดังขึ้นว่า

"ทหารอย่าทำร้ายประชาชน ทุกคนปลดอาวุธ"

เสียงไชโยโห่ร้องของประชาชนดังขึ้น บรรยากาศดีขึ้นทันที และนายทหารที่คุมหน่วยนั้น

ต่อมาถูกยกย่องว่าเป็น "วีรบุรุษสะพานมัฆวาน" นายทหารผู้นั้นชื่อ ร้อยเอก อาทิตย์ กำลังเอก

รูป พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก





เมื่อจอมพล สฤษดิ์ มาถึงสะพานมัฆวาน ก็เจรจากับนักศึกษาให้อยู่ในความสงบ

และอาสาเป็นคนนำผู้ชุมนุมไปพบ จอมพล ป. ที่ทำเนียบด้วยตนเอง




เมื่อมาถึงทำเนียบ จอมพล ป จึงต้องออกมาพบผู้ชุมนุมที่สนามหญ้าหน้าทำเนียบ

โดยยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไม่สะอาด และยอมให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่







ขณะนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ค่อยวางใจ จอมพลสฤษดิ์ จึงได้ประกาศให้สัญญากับผู้ชุมนุม




และเมื่อการชุมนุมยุติลงแล้ว จอมพล สฤษดิ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายเป็นวลีอมตะในประวัติศาสตร์การเมืองไทยว่า

"พบกันใหม่ เมื่อชาติต้องการ"




หลังจากเหตุการณ์ชุมนุมครั้งนั้น ฝ่ายที่สนับสนุนจอมพล ป. เริ่มหวาดระแวง

จอมพลสฤษดิ์ โดยเฉพาะพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ (พี่เขย พลเอก ชาติชาย ชุณหวัณ )

ซึ่งเป็นอธิบดีตำรวจ (กองกำลังตำรวจขณะนั้น มีอาวุธใกล้เคียงทหาร) พยายามหลายครั้ง

ที่จะจับกุมจอมพล สฤษดิ์ แต่ก็ไม่สำเร็จ

รูป พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์  เจ้าของวลี "ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ "




ในวันที่ 14 กรกฏาคม 2500 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดจอมพล ป ครบรอบ 60 ปี

จอมพล สฤษดิ์ ได้นำสุนัขไปเป็นของขวัญ และพูดกับจอมพล ป. ว่า

"จะซื่อสัตย์กับท่านเหมือนหมาตัวนี้"

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ในวันที่ 15 กันยายน คณะทหารมีแถลงการณ์ให้จอมพล ป. และ พลตำรวจเอก เผ่า ลาออก

รัฐบาลจึงวางแผนจับกุม จอมพล สฤษดิ์ และพวกทันที ทำให้คณะทหารไม่มีทางเลือก

และชิง รปห ก่อนในวันที่ 16 กันยายน 2500


เมื่อ รัฐประหารสำเร็จ จอมพล ป. ได้หลบหนีออกไปทางเขมร และลี้ภัยอยู่ที่นั่น 3 เดือน

ก่อนที่บั้นปลายชีวิต จะไปอยู่ที่ญี่ปุ่น และถึงอสัญกรรมที่บ้านพักชานกรุงโตเกียว ในวันที่

11 มิถุนายน 2507 รวมอายุ 67 ปี
ปิดฉาก นายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดในเมืองไทย


ภาพบั้นปลายชีวิต จอมพล ป ขณะที่อยู่บ้านพักในญี่ปุ่น









ป.ล ข้อมูลบางส่วนและรูปภาพได้มาจาก วิกีพีเดีย , เวป rueanthai.com ,และ google

ป.ล 2 ฉายา จอมพล ผ้าขาวม้าแดง มาจากเวลาที่อยู่กับสาวๆ จอมพล สฤษดิ์ มักนุ่งผ้าขาวม้าแดง

ป.ล 3 หลังจากรัฐประหารสำเร็จ จอมพล สฤษดิ์ ให้นาย พจน์ สารสิน เป็นนายกได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้

พลโท ถนอม กิตติขจร (ยศขณะนั้น) เป็นนายกคนต่อไป

ป.ล 4 การได้ตำแหน่ง นายก ของพลโท ถนอม เพราะว่า ยิ้มสวยกว่าคู่แข่งคือ พลโท ประภาส จารุเสถียร

ป.ล 5 การเมืองหลังปฎิวัติ 24 มิถุนายน 2475 เต็มไปด้วยการแย่งอำนาจ และกลับสู่ความสงบที่แท้จริง

หลังจากรัฐประหารครั้งนี้

ป.ล 6 วลี "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว" เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้ แต่ก็เป็นวลีอมตะ

ประจำตัวจอมพล สฤษดิ์ เหมือนกัน

ป.ล 7 ยังมีเกร็ดคำพูดแบบสนุกสนานอีกมากมาย จะทยอยเขียนให้อ่าน ถ้า ฟีดแบ็ค กระทู้นี้ดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ปฏิวัติ รัฐประหาร วนเวียนไม่รู้จบ

ทหารกับการเมืองไทย  มันไม่เคยแยกออกจากกันได้

แปลกตรงที่ว่า ผ่านมา 60 ปี  ก็ยังมีประชาชนส่วนหนึ่ง ยังงมงายอยู่กับการรัฐประหาร
ดูถูกตัวเอง ว่าไม่มีปัญญาเลือกผู้นำเอง

น่าสงสารนะ.
ความคิดเห็นที่ 14
ตามประวัติศาสตร์แล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่คนไทยที่จำต้องลี้ภัยออกนอกประเทศไปมักจะไม่ค่อยมีความสุขและอายุไม่ยืน     มักจะตายลงอย่างรวดเร็วแทบทุกคน     มีแค่ 2-3 คนเท่านั้นที่ออกไปแล้วอยู่ได้นานหน่อย

สมัยจอมพลแปลกต้องยอมรับผลงานอีกอย่างหนึ่งคือสามารถจัดการให้ประเทศไทยเกิดสถานีโทรทัศน์ได้สำเร็จเป็นประเทศที่ 3 ในทวีปเอเชีย     แต่ถ้านับภาคพื้นทวีปแล้วไทยจะเป็นประเทศแรกในภาคพื้นทวีปเอเชียที่มีสถานีโทรทัศน์

ตอนที่จอมพลสฤษดิ์รัฐประหารนั้นบ้านเมืองอยู่ในสภาพที่เละเทะมากเนื่องจากนโยบายการสร้างรัฐตำนรวจของจอมพลแปลก     ทำให้ตำรวจมีอำนาจมากและมีผู้มีอิทธิพลเต็มไปหมด    มีการซ้อมผู้ต้องหากันบ่อยๆ    นักเลงอันธพาลเต็มบ้านเต็มเมือง     เกิดเพลิงไหม้ทุกวันเพราะคนจีนวางเพลิงหวังเอาประกัน     พอจอมพลสฤษดิ์เข้ามาก็สั่งจัดการอย่างเด็ดขาดจัดการบรรดาผู้มีอิทธิพลและนักเลงอันธพาลหมดโดยจับส่งไปคุกลาดยาวและบางขวาง   ใครวางเพลิงหากพบหลักฐานชัดเจนจอมพลสฤษดืก็สั่งยิงเป้าในที่เกิดเหตุเลย      ทำให้คนที่ผ่านช่วงเวลานั้นมามักจะชอบจอมพลสฤษดิ์ที่ทำให้บ้านเมืองสงบปลอดภัยกัน
ความคิดเห็นที่ 2
เรื่องพวกนี้ถ้าตามอ่านดีๆจากหลายๆแหล่ง

จะเข้าใจสิ่งที่เกิดในบ้านเราขณะนี้มากครับ

ป.ล.ข่าวนี้ไม่แน่ใจว่ายุคไหน แต่ยังใช้ได้ในยุค 5 G

จาก Facebook
ความคิดเห็นที่ 13
แจมด้วย เรื่อง งานด้านปฎิรูปที่ดินก็แล้วกันครับ

ผมเห็นว่าเรื่องการปฏิรูปที่ดิน เป็นเรื่องใหญ่
แนวทางการปฎิรูปที่ดิน ตามสมุดปกเปลือง ของ ปรีดี  สุดโต่งและเป็นอุดมคติที่เลื่อนลอยเกินไป จึงล้มเหลว
ไม่เพียงล้มเหลว ยังน่าจะมีส่วนให้เกิดความแยกแม้ในคณะบุคคล 2475 เอง

ความพยายามปฎิรูปที่ดิน อีกครั้งในสมัยจอม พล ป แม้แนวทางจะดูอยู่ในความจริงมากขึ้น
ก็ยังคงไม่อาจผลักดันให้เกิดสภาพตามอุดมคติได้  ทั้งยังมีส่วนสำคัญให้ รักษาอำนาจเอาไว้ไม่ได้

ผมเข้าใจว่าทั้งสองท่าน มีเจตนาดี แต่ตั้งใจเกินไปจนมองสภาพการณ์ตามจริงพลาด


ที่ตัดมา: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อมูลแหล่งอื่นๆ อากู๋มีให้เยอะครับ ใครสนใจก็ลองหาๆ อ่านดู
คิดว่าผม เอาอิฐมาล่อหยก ก็แล้วกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่