รถถัง....รัฐประหาร.....ทหารม้า cnck

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวกองทัพจะซื้อรถถังจากจีนรุ่น VT4 หรือที่เรียกว่ารุ่น MBT3000

ในราคาประมาณ 5,000 ล้านบาท

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ซึ่งในกระทู้นี้จะไม่กล่าวถึงความเหมาะสมกับสถานการณ์ หรือ สมรรถภาพ ความคุ้มค่า

ใดๆทั้งสิ้น แต่จะกล่าวเพียงเกล็ดที่เกี่ยวกับรถถัง ซึ่งสังกัดกองพลทหารม้า และมีทหารม้าเป็นผู้ใช้อาวุธนี้


รถถังรุ่นแรกที่เข้าประจำการกองทัพไทยได้แก่รุ่น 73 หรือรุ่น ไอ้แอ่ด



เหตุที่มีชื่อนี้เพราะเข้าประจำการในปีพ.ศ 2473 จึงเรียกว่ารุ่น 73

และที่เรียกว่า "ไอ้แอ่ด" เพราะมีขนาดเล็กกว่าปกติมาก

โดยคำนี้มาจาก "จิ้งหรีดพันธ์หนึ่ง ซึ่งโตเต็มที่แล้วยังมีขนาดเล็กกว่าพันธ์อื่นๆเช่น ทองแดง ทองดำ"



นายทหารม้าคนหนึ่งในยุคนั้น ชอบรถถังรุ่นไอ้แอ่ดมาก จึงนำชื่อ ไอ้แอ่ด มาตั้งเป็นชื่อเล่นให้ลูกชาย

ซึ่งต่อมาบุตรชายคนนั้นได้เป็นถึงองคมนตรี และ นายกรัฐมนตรี เด็กชาย แอ่ด (ไม่ใช่ แอ้ด หรือ แอ๊ด)

ก็คือ พลเอก สุรยุทธ์ จุลลานนท์ และบิดาท่านก็คือ พ.ท พโยม จุลลานนท์



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



รถถัง มีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องกับของการรัฐประหาร และ กบฏ ทุกครั้ง

กบฏวังหลวง ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 ซึ่งมีนาย ปรีดี พนมยงค์ พร้อมกำลังส่วนหนึ่ง

ของทหารเรือ บุกยึดพระบรมมหาราชวังเป็นกองบัญชาการ แต่ในที่สุดฝ่าย อ.ปรีดีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ไฮไลค์ของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายกบฏอยู่ที่

ฝ่ายรัฐบาลซึ่งนำโดย พลตรี สฤษดิ์ (ยศขณะนั้น) ได้สั่งรถถังพุ่งเข้าชนที่ประตูวิเศษไชยศรี

เมื่อประตูได้พังทลายลง ทหารฝ่ายรัฐบาลก็บุกเข้าไป ทำให้ฝ่ายกบฏต้องพ่ายแพ้และหลบหนีไปในที่สุด

คลิปเหตุการณ์ กบฏวังหลวง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ประตู วิเศษไชยศรี



มีทหารม้าอยู่กองพันหนึ่ง เป็นกำลังสำคัญในการยึดอำนาจทุกครั้ง นั่นคือ กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์

และเมื่อครั้งผู้บังคับการหน่วยนี้ซึ่งเป็นนายทหาร จ.ป.ร รุ่น 7 ได้เคยนำกองพันนี้ออกไปเพื่อหวังยึดอำนาจ

การปกครอง แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จกลายเป็นกบฏถึง 2 ครั้ง นายทหารผู้นี้ชื่อ พ.อ มนูญ รูปขจร

ซึ่งต่อมาคือ พลตรี มนูญกฤต รูปขจร นั่นเอง


และเหตุการณ์กบฏทั้ง 2 ครั้งของ พ.อ มนูญ รูปขจร คือ

1 กบฏเมษาฮาวาย หรือ กบฏยังเติร์ก วันที่ 1-3 เมษายน 2524


2 กบฏ 2 พี่น้อง หรือ กบฏนายทหารนอกราชการ วันที่ 9 กันยายน 2528

ซึ่งนับเป็นกบฏครั้งสุดท้ายของไทย



ทหารม้าที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีดังนี้

๑ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ๒ พลเอก ชาติชาย ชุณหวัณ ๓ พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์

๔ พลเอก บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ. อ้าย) ๕ พลเอก ไตรรงค์ อินทรทัต(เสธ. ไอซ์) ๖ พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง)

๗. พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด (ไก่อู) ๘. พันเอก วันชนะ สวัสดี (ผู้พันเบิร์ด)








ถ้าสังเกตุทุกรูปให้ดี จะเห็นว่า ทุกคนใส่ นาฬิกาที่มือขวาทั้งหมด


ทหารม้าทุกคน จะใส่นาฬิกาไว้ที่ ข้อมือขวา เพราะเป็นสัญญลักษณ์ประจำตัวของทหารม้า

ซึ่งทหารม้าคนแรกที่ใส่นาฬิกาไว้ที่ข้อมือขวาคือ ท่านผู้นี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


โดยท่านให้เหตุผลว่า

เมื่อตอนท่านขับรถถัง คันเลี้ยวเป็นช่องเล็กๆอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อเอามือสอดช่องไปมักจะติดนาฬิกา

จึงปรับนาฬิกามาใส่ไว้ที่ข้อมือขวาแทน


และเนื่องจากท่านเป็นปูชนียบุคคล ทหารม้ารุ่นหลังเคารพนับถือท่าน จึงใส่นาฬิกาเลียนแบบท่าน


ป.ล เขียนกระทู้ในห้องนี้ นับวันยิ่งลำบากมากขึ้น จึงเอาเนื้อหาเบาๆไว้เป็นกระทู้

ป.ล 2 ยังมีเกล็ดเกี่ยวกับทหารม้าอีก ไว้เขียนในเม้นท์ย่อยล่ะกัน

ป.ล 3 ทหารม้าคนแรกที่ได้เป็น ผบ.ทบ ไม่ใช่พลเอก เปรม แต่เป็น พลเอก บุญชัย บำรุงพงศ์

ป.ล 4 ชื่อ พ.ท พโยม ยืนยันว่าต้องเขียนแบบนี้ ไม่ใช่ โพยม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่