สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นกระทู้แรกของเรา เรามาเขียนบอกประสบการณ์ของเราเผื่อบางคนหาข้อมูลอยู่ แล้วอยากได้แบบละเอียด เพราะเราก็เป็นคนหนึ่งที่จะหาข้อมูลก่อนในเบื้องต้นที่เราสงสัยค่ะ ถ้ามีข่อผิดพลาดอะไรขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ(ส่วนรูปเราอยากใส่รูปแผลให้ดูแต่เราใส่ไม่ได้อ่า ใส่แล้วทำไม่ป็น ขอโทษจริงๆ) เราเป็นคนนึงที่ไม่รู้ว่าเราเป็นโรคนี้ วันหนึ่งอยู่ๆเราก็รู้สึกปวดหน่วงบริเวณขาหนีบ บางทีเดินเร็วตอนทำงาน หรือยกของบางครั้งก็จะรู้สึกเสียดท้อง บางทีบริเวณขาหนีบเราก้บวมจนบางครั้งปวด แต่บางครั้งก็ไม่ปวดแต่บวม ซึ่งบอกอาการแน่ชัดไม่ได้ เราเลยไปหาหมอ หมอไม่สามารถวินิจฉัยอาการของเราได้ ครั้งแรกหมอให้เราตรวจภายใน แล้วคลำบริเวณปวดหมอบอกเราเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ซึ่งเราคิดว่าไม่ใช่เนื่องจากเราห่ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตดูแต่อาการมันกลับไม่ใช่เลย เราจึงกลับไปหาหมออีกครั้ง หมอก็ดุเรามา บอกว่าเราคิดมากซึ่งบอกคุณไปแล้ว วันนั้นเราจึงไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาจากหมอและโดนหมอดุกลับบ้าน!! หลังจากนั้นเราเป็นกังวลมาก หลังจากนั้นเราโชคดีมากที่เราเจอคลิปต่างประเทศที่หมอท่านนึงแชร์ไว้ มันคือ hernia นั่นก็คือ ไส้เลื่อน เราจึงเริ่มหาข้อมูล ซึ่งอาการทุกอย่างเหมือนที่เราเป็น เราจึงไปกลับไปหาหมอที่โรงพยาบาลซึ่งครั้งนี้เราได้พบหมอศัลยกรรมทั่วไป ไม่ใช่หมอแผนกสูตินรีเวชเหมือนทุกครั้ง หมอสั่งเราอัลตราซาวด์ท้องส่วนล่าง ซึ่งวิธีการซาวด์เราต้องกินน้ำจำนวนมากเพื่อให้ปวดปัสสาวะ ถึงจะซาวด์ได้ พอถึงเวลาซาวด์ท้อง เรากลัวมากกลัวทุกๆอย่าง เพราะเราไม่คิดว่าเราจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เพียงแค่เริ่มต้นตัวเราก้สั่นมากๆ พอเข้าห้องซาวด์จะใช้เวลาสักพักเนื่องจากถ้านอนอัลตราซาวด์คุณหมอจะไม่สามารถซาวด์พบจุดไส้เลื่อนที่เราเป็นได้ ดังนั้นเราจึงต้องยืน เพื่อให้คุณหมอซาวด์ และไอแรงๆ จึงจะพบตำแหน่งที่เป็น หลายคนอาจจะสงสัยว่าเกิดจากอะไร เราขอบอกก่อนว่า ไส้เลื่อน เกิดได้หลายกรณี อาจจะเกิดจากเป็นมาตั้งแต่แรกเกิด หรือการยกของหนักๆ หรือการออกกำลังกายหนักๆ โดยไส้เลื่อนนั้นเกิดจากที่ผนังภายช่องท้องของเราบาง บางคนอาจจะเป็นมาแต่กำเนิด แต่บางคนอาจจะเพิ่งเป็นก็ได้ ถ้าเกิดในของผู้ชายนั้นจะพบได้ง่ายกว่าผู้หญิงเนื่องจากว่ามีช่องทางเข้าออกของของเหลวหรือสารหล่อลื่นต่างๆ แต่ของผู้หญิงปกติจะเป็นช่องปิดจึงทำให้เกิดยากกว่า กรณีของเรา เราเป็นมาแต่กำเนิดค่ะแต่เพิ่งมาออกอาการ ถ้าเพื่อนๆเข้าใจแล้ว เราขอเล่าต่อนะคะ หลังจากซาวด์เสร็จ เราก้ออกไปรอผล และพบคุณหมอด้านนอก ซึ่งผลคือเราเป็นไส้เลื่อนจริงๆ คุณหมอแนะนำว่า ไม่มีการรักษาแบบยากินนะ รักษาได้โดยการผ่าตัดเท่านั้น! บางคนถ้าปล่อยไว้นานๆจะกลายเป็นผ่าตัดใหญ่ คือลำไส้อาจเน่าและต้องตัดทิ้งในที่สุด เราถึงขอเวลาคิดกลับไปปรึกษาที่บ้าน คุณหมอจึงนัดมาใหม่รอบที่ 2 หลังจากนั้นเรากลับมาพบคุณหมออีกรอบหลังจากคุยกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากพบคุณหมอ คุณหมอแจ้งอีกว่าการผ่าตัดมี 2 แบบนะ คือกาผ่าแบบเปิดหน้าท้อง และการการผ่าตัดแบบส่องกล้อง แล้วเราเป็นคนที่กลัวมากอยู่แล้วพอรู้เป็นอะไรแบบนี้ทุกครั้งมาหาหมอก็จะตัวสั่นงึกๆๆ มือซีด ตัวเย็น แบบสั่นไม่มีสาเหตุ ทุกครั้ง เราจึงเลือกแบบผ่าตัดส่องกล้องไป หลังจากนั้น 2 อาทิตย์เราจึงกลับมาหาคุณหมออีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากคุณหมอท่านก่อนหน้านี้ไม่ชำนาญเรื่องการส่องกล้อง เราได้มาพบคุณหมอ เพื่อพูดคุยการผ่าตัดแบบส่องกล้อง และค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อเราตัดสินใจจะผ่าตัด..คุณหมอจึงบอกรายละเอียดว่าการผ่าตัดจะได้ผลดีและไม่กลับมาเป็นซ้ำคือการใส่ตาข่ายสังเคราะห์เข้าไปในผนังช่องท้องของเราและเย็บด้วยหมุดตัวเล็กๆ ส่วนการส่องกล้องนั้นคุณหมอจะใช้การเจาะเป็นรูจำนวน 3 รู ใต้สะดือไล่ลงไปในแนวตรง โดยรูแรกจะใหญ่สุด ขนาด 1 ซม. ส่วนรูที่ 2 และ 3 เจาะขนาด 0.5 ซม. ส่วนค่าใช้จ่ายเราได้คุยกับฝ่ายการเงินของโรงพยาบาล โดยการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องธรรมดาราคาประมาณ 55,000 บาท ส่วนผ่าตัดแบบส่องกล้อง อยู่ที่ 139,000 บาท (โดยเรามีสิทธิ์ประกันสังคม+ประกันชีวิตค่ะ) หลังจากนั้นการนัดจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง..เป็นครั้งที่ 4 คือการนัดมาตรวจสุขภาพเพื่อเตรียมรับการผ่าตัด
❤วันตรวจสุขภาพ เรามา 07.00 น.❤
-เราต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจเกล็ดเลือด
-เจาะเลือดตรวจเชื้อ hiv
-ตรวจปัสสาวะ
- x-ray ปอด
-พบคุณหมอวิสัญญี (พูดคุยเรื่องดมยาสลบ)
⚘หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ เรานัดมาผ่าตัด โดยงดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก่อน 1 วัน...
เราถึงโรงพยาบาล 07.00 น. แต่ได้ผ่าจริงๆ ตอน 14.00 น. ใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดประมาณ 2.30 ชั่วโมง
ตอนเช้าเราได้มานอนรอให้น้ำเกลือก่อน และเปลี่ยนชุดใส่เสื้อผ้าของโรงพยาบาล ให้ถอดสิ่งของมีค่าต่างๆออกให้หมด พอถึงเวลาจะผ่าตัด เราได้เข้าไปในห้องรอผ่าตัด ตัวเราสั่นงึกๆๆๆๆๆ เช่นเคยโดยมากกว่าทุกครั้งเพราะกลัวสุดๆ~~ บอกตรงๆว่ากลัวมากๆถึงมากที่สุด ในชีวิตเราไม่เคยผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมอะไรเลยเราเลยกลัวมาก หลังจากนั้นพยาบาลก็เอาหมวกคุมผมมาคลุมผมเรา มาวัดความดัน มาวัดชีพจรหัวใจ หลังจากนั้นเวลาระทึกก็เกิดขึ้นน...เข้าไปในห้องผ่าตัดดแล้วจ้าาาา ขา แขน สั่นไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ งึกๆทั้งตัว พยาบาลก็ล็อคขา ล็อคแขนเรา แล้วจากนั้นพยาบาลก็เหมือนฉีดยาสลบ แล้วเราก็ไม่รู้สึกอีกเลย....
💙รู้สึกตัวอีกที..ก็มีคนเรียกเราว่าคนไข้คะ เสร็จแล้วนะคะ แล้วก้ตีๆที่แขนเรา ตาเราก็ลืมไม่ค่อยขึ้น แต่ยังไม่รู้สึกเจ็บที่แผลอาจจะเป็นเพราะเมายาสลบอยู่ คุณหมอบอกไว้ว่า ยาสลบถ้าบางคนแพ้มากๆอาจะคลื่นไส้ อาเจียน หรือมึนหัวมากๆได้ แต่เราโชคดีมากที่ไม่แพ้ค่ะ และจากนั้นพยาบาลก็ให้ออกซิเจนเราน่าจะครึ่งชม.ได้ จากนั้นก้เข็นเราไปห้องพักผู้ป่วย เราเริ่มเจ็บแผลมาก รู้สึกระบม ขยับตัวไม่ได้เลย ตาจะปิดอย่างเดียว เราโดนคุณหมอสั่งงดน้ำงดอาการอีก 1 คืน เราจะบอกว่าเจ็บคอมาก เหมือนมีเสมหะตลอดเวลา แต่ไอหรือจามไม่ได้นะ เพราะจะเจ็บแผล คืนแรกก้ผ่านไป..
❤พอเช้าวันแรกหลังจากการผ่าตัด..✌
เราปวดแผลมาก ซึ่งเราจะบอกอีกว่า การปวดแผลกับการปวดปัสสาวะจะแยกแยะไม่ออกเลย ถ้าเราได้ปัสสาวะออกไป เราจะรู้สึกเจ็บแผลน้อยลงนะคะ^^ แต่เรายังลุกไม่ได้ ลองลุกมาหน้ามืดเลย เราจึงต้องใช้กระโถนปัสสาวะสอดใต้ก้น งื้อๆไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ลำบากมากๆ ประมาณ 08.00 น. เช้า คุณหมอมาดูอาการ หมอบอกว่าทานได้ทุกอย่างเลย อยากทานอะไรก็ทานได้เลย แล้วให้พยายามเดินเยอะๆ เวลานอนก็ให้พลิกตัว เพื่อให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ และให้กล้ามเนื้อยืดตัวหายเร็วไม่เป็นผังพืด เราจึงกินข้าวของโรงพยาบาลที่มาเสริ์ฟพร้อมยาแก้ปวดแก้อักเสบ 1 เม็ด ยากินเฉพาะมื้อเช้าอย่างเดียว จากนั้นจึงต้องฝืนพยายามลุกเดินเอง ฝึกเดินเข้าห้องน้ำ นั่งชักโครก อักเสบตึงๆดีแฮะ วันแรกหลังผ่าตัดผ่านไป..
โดยเรานอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 2 วันค่ะ แล้วจึงกลับบ้านได้ บางคนอาจจะไปทำงาน หรือไปเรียนหลังจากนั้นเลยก็ได้ค่ะ แต่คุณหมอแนะนำให้พักฟื้นที่บ้านสัก 1 อาทิตย์ เราจะบอกว่าตอนนอนพลิกตัวลำบากมาก จะพลิกข้างที่ผ่ามายังไม่ได้ค่ะ จะรู้สึกตึง แสบๆบอกไม่ถูกค่ะ แต่จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ จนไม่รุสคกเจ็บหรือตึง โดยปัจจุบันนี้เราสามารถนอนพลิกตัวทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติทุกอย่างแล้ว แต่ยังออกกำลังกายๆหรือกระโดดโลดเต้นไม่ได้นะคะ ต้องรอให้ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง สัก 3 เดือนนะคะ เพื่อนๆพี่คนไหนที่ลังเลว่าจะผ่าดีไหม เราแนะนำให้ผ่าเถอะค่ะ เพราะจะบอกว่าชีวิตดีขึ้นมาก ไม่เจ็บไม่ปวดทรมานแบบเดิมค่ะ แรกๆอาจจะเจ็บแผลคิดว่าไม่น่าผ่าเลย ทำอะไรลำบากมาก คิดผิด แต่ถ้าตัดสินใจผ่าแล้วจะรู้สคกดีกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่อายหรือกลัวหมอ อย่ากลัวเลยค่ะ รีบรักษาตอนนี้ดีกว่ารู้ตัวตอนเป็นหนักๆแล้วกลาย้ป็นผ่าตัดใหญ่นะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ เพราะมันยาวมากจริงๆค่ะ สงสัยก็ถามได้นะคะแลกประสบการณ์กันค่ะ💜💛💚💙❤
" ไส้เลื่อน ผู้หญิงก็เป็นได้ " ประสบการณ์ตรงมาเล่าให้ฟัง
❤วันตรวจสุขภาพ เรามา 07.00 น.❤
-เราต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจเกล็ดเลือด
-เจาะเลือดตรวจเชื้อ hiv
-ตรวจปัสสาวะ
- x-ray ปอด
-พบคุณหมอวิสัญญี (พูดคุยเรื่องดมยาสลบ)
⚘หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ เรานัดมาผ่าตัด โดยงดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก่อน 1 วัน...
เราถึงโรงพยาบาล 07.00 น. แต่ได้ผ่าจริงๆ ตอน 14.00 น. ใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดประมาณ 2.30 ชั่วโมง
ตอนเช้าเราได้มานอนรอให้น้ำเกลือก่อน และเปลี่ยนชุดใส่เสื้อผ้าของโรงพยาบาล ให้ถอดสิ่งของมีค่าต่างๆออกให้หมด พอถึงเวลาจะผ่าตัด เราได้เข้าไปในห้องรอผ่าตัด ตัวเราสั่นงึกๆๆๆๆๆ เช่นเคยโดยมากกว่าทุกครั้งเพราะกลัวสุดๆ~~ บอกตรงๆว่ากลัวมากๆถึงมากที่สุด ในชีวิตเราไม่เคยผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมอะไรเลยเราเลยกลัวมาก หลังจากนั้นพยาบาลก็เอาหมวกคุมผมมาคลุมผมเรา มาวัดความดัน มาวัดชีพจรหัวใจ หลังจากนั้นเวลาระทึกก็เกิดขึ้นน...เข้าไปในห้องผ่าตัดดแล้วจ้าาาา ขา แขน สั่นไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ งึกๆทั้งตัว พยาบาลก็ล็อคขา ล็อคแขนเรา แล้วจากนั้นพยาบาลก็เหมือนฉีดยาสลบ แล้วเราก็ไม่รู้สึกอีกเลย....
💙รู้สึกตัวอีกที..ก็มีคนเรียกเราว่าคนไข้คะ เสร็จแล้วนะคะ แล้วก้ตีๆที่แขนเรา ตาเราก็ลืมไม่ค่อยขึ้น แต่ยังไม่รู้สึกเจ็บที่แผลอาจจะเป็นเพราะเมายาสลบอยู่ คุณหมอบอกไว้ว่า ยาสลบถ้าบางคนแพ้มากๆอาจะคลื่นไส้ อาเจียน หรือมึนหัวมากๆได้ แต่เราโชคดีมากที่ไม่แพ้ค่ะ และจากนั้นพยาบาลก็ให้ออกซิเจนเราน่าจะครึ่งชม.ได้ จากนั้นก้เข็นเราไปห้องพักผู้ป่วย เราเริ่มเจ็บแผลมาก รู้สึกระบม ขยับตัวไม่ได้เลย ตาจะปิดอย่างเดียว เราโดนคุณหมอสั่งงดน้ำงดอาการอีก 1 คืน เราจะบอกว่าเจ็บคอมาก เหมือนมีเสมหะตลอดเวลา แต่ไอหรือจามไม่ได้นะ เพราะจะเจ็บแผล คืนแรกก้ผ่านไป..
❤พอเช้าวันแรกหลังจากการผ่าตัด..✌
เราปวดแผลมาก ซึ่งเราจะบอกอีกว่า การปวดแผลกับการปวดปัสสาวะจะแยกแยะไม่ออกเลย ถ้าเราได้ปัสสาวะออกไป เราจะรู้สึกเจ็บแผลน้อยลงนะคะ^^ แต่เรายังลุกไม่ได้ ลองลุกมาหน้ามืดเลย เราจึงต้องใช้กระโถนปัสสาวะสอดใต้ก้น งื้อๆไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ลำบากมากๆ ประมาณ 08.00 น. เช้า คุณหมอมาดูอาการ หมอบอกว่าทานได้ทุกอย่างเลย อยากทานอะไรก็ทานได้เลย แล้วให้พยายามเดินเยอะๆ เวลานอนก็ให้พลิกตัว เพื่อให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ และให้กล้ามเนื้อยืดตัวหายเร็วไม่เป็นผังพืด เราจึงกินข้าวของโรงพยาบาลที่มาเสริ์ฟพร้อมยาแก้ปวดแก้อักเสบ 1 เม็ด ยากินเฉพาะมื้อเช้าอย่างเดียว จากนั้นจึงต้องฝืนพยายามลุกเดินเอง ฝึกเดินเข้าห้องน้ำ นั่งชักโครก อักเสบตึงๆดีแฮะ วันแรกหลังผ่าตัดผ่านไป..
โดยเรานอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 2 วันค่ะ แล้วจึงกลับบ้านได้ บางคนอาจจะไปทำงาน หรือไปเรียนหลังจากนั้นเลยก็ได้ค่ะ แต่คุณหมอแนะนำให้พักฟื้นที่บ้านสัก 1 อาทิตย์ เราจะบอกว่าตอนนอนพลิกตัวลำบากมาก จะพลิกข้างที่ผ่ามายังไม่ได้ค่ะ จะรู้สึกตึง แสบๆบอกไม่ถูกค่ะ แต่จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ จนไม่รุสคกเจ็บหรือตึง โดยปัจจุบันนี้เราสามารถนอนพลิกตัวทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติทุกอย่างแล้ว แต่ยังออกกำลังกายๆหรือกระโดดโลดเต้นไม่ได้นะคะ ต้องรอให้ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง สัก 3 เดือนนะคะ เพื่อนๆพี่คนไหนที่ลังเลว่าจะผ่าดีไหม เราแนะนำให้ผ่าเถอะค่ะ เพราะจะบอกว่าชีวิตดีขึ้นมาก ไม่เจ็บไม่ปวดทรมานแบบเดิมค่ะ แรกๆอาจจะเจ็บแผลคิดว่าไม่น่าผ่าเลย ทำอะไรลำบากมาก คิดผิด แต่ถ้าตัดสินใจผ่าแล้วจะรู้สคกดีกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่อายหรือกลัวหมอ อย่ากลัวเลยค่ะ รีบรักษาตอนนี้ดีกว่ารู้ตัวตอนเป็นหนักๆแล้วกลาย้ป็นผ่าตัดใหญ่นะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ เพราะมันยาวมากจริงๆค่ะ สงสัยก็ถามได้นะคะแลกประสบการณ์กันค่ะ💜💛💚💙❤