>>> เริ่มแรกไม่ได้รู้สึกกับชีวิตยังไงเลยครับ ครั้งแรกที่เริ่มต้นนั้น คือ หลังสงกรานต์
กำลังเดินกลับจากบ้านญาติ จะไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ เกิดความรู้สึกเหมือนอะไรสักอย่างฉีกขาด
บริเวณ ขาหนีบด้านซ้าย ซึ่งไม่ได้เอะใจอะไร ผ่านไปสัก 1 เดือน มีความรู้สึก เหมือนขาหนีบบวม
บอกกับคนที่บ้าน คนที่บ้านก็บอก ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวก็หายไป
จนกระทั่ง เดือนตุลาคม นั่ง ๆ อยู่ เกิดอาการปวดหน่วง ๆ ตรงขาหนีบซ้าย กับอัณฑะ เหมือนเสียดสีกัน
ก็เลยบอกคนที่บ้านว่า ต้องไปหาหมอแล้วนะ (ไม่เคยหาหมอตรวจในโรงพยาบาล และผ่าตัดเลย ตั้งแต่เกิด)
>>> วันรุ่งขึ้นเลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ พอเข้าไปหาหมอ หมอบอกว่า กลางวัน ตอนยืน
มันบวม ๆ ใช่มั้ย (ใช่ครับ) ตอนนอน มันหุบเข้าไปใช่มั้ย (ใช่ครับ) หมอก็เลยเขียนลงในใบตรวจว่า เป็นไส้เลื่อนขาหนีบ
และเขียนใบส่งตัวไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ของอีกอำเภอหนึ่ง (โรงพยาบาลที่อยู่เครื่องมือไม่ครบ หมอศัลยกรรมไม่มีเชี่ยวชาญ)
>>> พอไปที่อีกโรงพยาบาลหนึ่ง ตามใบส่งตัว ก็เข้าพบหมอ หมอที่อีกโรงพยาบาลถามว่า เป็นอะไรมา เลยบอกว่า เป็นไส้เลื่อนครับ
หมออีกโรงพยาบาลก็ตรวจเหมือนเดิม แล้วก็หาวันที่ให้ไปนอนโรงพยาบาลได้ก็ สิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยหมอบอกว่า
ถ้าเกิดอาการบวมที่ขาหนีบแล้วดันไม่เข้าให้รีบไปพบหมอโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที
>>> ก่อนจะถึงวันนัด ค้นหาข้อมูลสารพัด จากในเว็บพันธุ์ทิพย์บ้าง ถามหมอบ้าง นักวิชาการสาธารณสุขบ้าง
วิตกไปต่าง ๆ นานา แต่ก็พยายามไม่คิดมาก เพราะคนไม่เคยผ่าตัด ต้องลองจะได้รู้
>>> พอผ่านไปจนสิ้นเดือนพฤศจิกายน
---------- วันที่ 28 ผมไปตามหมอนัด
เข้าไปก็นอนเล่น 1 คืน โดยทั้งวันจะมีหมอมาถามหลายคนมาก วิสัญญีผ่าตัด หมอดมยา พยาบาลก็มาวัดความดัน
หมอที่จะผ่าตัดก็มาแล้วบอกว่า พรุ่งนี้ บ่ายโมงนะ แล้วก็นอนเล่น 1 คืน โดยให้งดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืน
--------- วันที่ 29 เวลา 6 โมงเช้า พยาบาล ก็เอาสายน้ำเกลือมาใส่ให้ที่แขน (ไม่เคยโดนสายน้ำเกลือเหมือนกัน)
10 โมง หมอผ่าตัดก็มาอีกรอบแล้วบอกว่า บ่ายโมงนะ
เมื่อถึงเวลาบ่ายโมง บุรุษพยาบาลก็มาพาไปห้องผ่าตัด
เมื่อถึงห้องผ่าตัด ก็มีหมอมาถามชื่อ ถามว่าเป็นข้างไหน แล้วบอกว่า จะทำการบล็อคหลัง แล้วจะขยับร่างกายได้ ตอน 1 ทุ่ม
สักพักหมอก็ให้งอตัวเป็นกุ้ง แล้วก็ฉีดยาชาเข้ากระดูกไขสันหลัง ไม่ถึงนาที หมอก็ถามว่า คนไข้อาการชาเป็นไงบ้าง ตอบสนองต่อการหยิกมั้ย
พอไม่ตอบสนองแล้ว อาการจะหนาวสั่น กว่าปกติ (ความจริง บวกกับความตื่นเต้นด้วย ผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต)
แล้วหมอที่ผ่าตัดก็ทำหน้าที่กรีดบริเวณที่จะเย็บซ่อม แล้วก็ชุลมุนอยู่กับการเย็บซ่อม ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ (ใส่ผ้าปิดแผลหนามาก)
แล้วก็กลับมานอนที่ห้อง พอเข้าห้องได้ อาเจียนเลยครับ (พยาบาลห้องผ่าตัดแจ้งหมอผิดเวลา
บอกหมอว่าคนไข้ทานข้าวตอน 6 โมงเช้า ผมบอกว่า ผมไม่ได้ทานข้าว ตอน 6 โมงเย็นของเมื่อวาน)
แทนที่จะปวดแผล กลับปวดท้องแทน แล้วพยาบาลก็เอาออกซิเย่น มาให้หายใจไว้ ก็เลยนอนเป็นผักเลยครับ สัก 5 โมงเย็น
นิ้วเท้าข้างซ้ายเริ่มขยับ ไปขยับตัวได้ 2 ทุ่มครึ่ง ลุกขึ้นยังลำบาก ก็เลยต้องนอนไป ค่อย ๆ ขยับ ค่อย ๆ ลงไปฉี่ รอบแรก พอเข้าได้ สบายมาก
พอเข้ารอบที่สอง เลือดที่สายน้ำเกลือ กลับไหลย้อนกลับหน่อยนึง เลยแจ้งพยาบาล พยาบาลบอก อย่าเพิ่งลุก
แต่ปวดฉี่แย่แล้วให้ทำไง สุดท้ายก็ลุกทุกชั่วโมงเลย
---------- วันที่ 30 ตื่นแต่เช้า 6 โมง พยาบาลมาวัดความดันให้ แล้วเอายาแก้ปวดแก้เมื่อยให้ทานก่อนอาหาร
แล้วพยาบาลประจำตึกพิเศษ ก็เข้ามาพูดคุยด้วย บอกว่า เกินความคาดหมาย เพราะผ่าตัดแรก น่าจะนอนหลายวัน
สาย ๆ หน่อย ข้าวก็มา วิสัญญีห้องผ่าตัด หมอห้องผ่าตัด มาประเมิน ปกติ หมอที่ผ่าตัดมา แนะนำการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด
แล้วก็ถามว่า "จะอยู่ต่อหรือจะกลับ" ผมกลับสิครับ หมอเลยบอก เดี๋ยวรอพยาบาลทำแผลก่อนนะครับ ก็เลยรอพยาบาลทำแผล
แล้วพยาบาลที่ตึกก็ให้ไปชำระเงิน และรับยา แล้วจะเขียนบัตรนัดตัดไหม แล้วก็กลับบ้านครับ ก่อนกลับบ้าน พยาบาลประจำตึกพิเศษสนิทกัน แนะนำให้ทานโปรตีนมากๆ จะช่วยให้ฟื้นตัวไว
(ผมใช้สิทธิบัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่ใช่ประกันสังคม ไม่ใช่ประกันชีวิตใด ๆ นะครับ สะดวกดีไม่ต้องทำเรื่องยุ่งยาก จ่ายค่าห้องพิเศษ (ผมไปกับแม่ 2 คน))
>>> ระหว่างพักฟื้น ก่อนตัดไหม ผมหาสารอาหารกลุ่มโปรตีนทานหมด แม้กระทั่งอาหารเสริม (เลือกที่มีที่มาที่ไปชัดเจนนิดนึง) ก็ทานทุกวันครับ
---------- วันที่ 6 ธันวาคม ครบ 7 วัน มาตัดไหมที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ
เข้าห้องผ่าตัด พยาบาลขอดูแผล บอกว่า แผลสนิทดี แล้วก็ตัดไหมออกครับมี 4 เส้น ตัดออก แล้วปิดผ้าก็อตเหมือนเดิม แต่เล็กลง
และงดโดนน้ำ 1 วัน
::::: สิ่งที่พยาบาลตึกพิเศษแนะนำคือ อย่ายกของหนัก อย่าให้กระเทือนแผล 1 เดือน จะดีมาก เพราะโอกาสเป็นซ้ำมีเสมอ ไม่เป็นข้างเดิม ก็เปลี่ยนข้าง
และให้หากางเกงในซัพพอร์ตเตอร์มาใส่ด้วย จะได้ช่วยพยุงไว้กันไส้เลื่อนเป็นซ้ำ (ผมซื้อมาแล้ว ซื้อไซด์ใหญ่สุดนะครับ เพราะมันรัดมาก หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์กีฬาทั่วไป หรือในเว็บพวกลาซาด้า ช็อปปี้ก็มีนะครับ)
::::: หมอนัดอีกที วันที่ 18 ธันวาคม เพื่อดูแผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีว่าเป็นอย่างไรต่อนะครับ
การผ่าตัดไส้เลื่อน อย่าไปกลัว (ผ่าตัดครังแรกในชีวิต)
กำลังเดินกลับจากบ้านญาติ จะไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ เกิดความรู้สึกเหมือนอะไรสักอย่างฉีกขาด
บริเวณ ขาหนีบด้านซ้าย ซึ่งไม่ได้เอะใจอะไร ผ่านไปสัก 1 เดือน มีความรู้สึก เหมือนขาหนีบบวม
บอกกับคนที่บ้าน คนที่บ้านก็บอก ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวก็หายไป
จนกระทั่ง เดือนตุลาคม นั่ง ๆ อยู่ เกิดอาการปวดหน่วง ๆ ตรงขาหนีบซ้าย กับอัณฑะ เหมือนเสียดสีกัน
ก็เลยบอกคนที่บ้านว่า ต้องไปหาหมอแล้วนะ (ไม่เคยหาหมอตรวจในโรงพยาบาล และผ่าตัดเลย ตั้งแต่เกิด)
>>> วันรุ่งขึ้นเลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ พอเข้าไปหาหมอ หมอบอกว่า กลางวัน ตอนยืน
มันบวม ๆ ใช่มั้ย (ใช่ครับ) ตอนนอน มันหุบเข้าไปใช่มั้ย (ใช่ครับ) หมอก็เลยเขียนลงในใบตรวจว่า เป็นไส้เลื่อนขาหนีบ
และเขียนใบส่งตัวไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ของอีกอำเภอหนึ่ง (โรงพยาบาลที่อยู่เครื่องมือไม่ครบ หมอศัลยกรรมไม่มีเชี่ยวชาญ)
>>> พอไปที่อีกโรงพยาบาลหนึ่ง ตามใบส่งตัว ก็เข้าพบหมอ หมอที่อีกโรงพยาบาลถามว่า เป็นอะไรมา เลยบอกว่า เป็นไส้เลื่อนครับ
หมออีกโรงพยาบาลก็ตรวจเหมือนเดิม แล้วก็หาวันที่ให้ไปนอนโรงพยาบาลได้ก็ สิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยหมอบอกว่า
ถ้าเกิดอาการบวมที่ขาหนีบแล้วดันไม่เข้าให้รีบไปพบหมอโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที
>>> ก่อนจะถึงวันนัด ค้นหาข้อมูลสารพัด จากในเว็บพันธุ์ทิพย์บ้าง ถามหมอบ้าง นักวิชาการสาธารณสุขบ้าง
วิตกไปต่าง ๆ นานา แต่ก็พยายามไม่คิดมาก เพราะคนไม่เคยผ่าตัด ต้องลองจะได้รู้
>>> พอผ่านไปจนสิ้นเดือนพฤศจิกายน
---------- วันที่ 28 ผมไปตามหมอนัด
เข้าไปก็นอนเล่น 1 คืน โดยทั้งวันจะมีหมอมาถามหลายคนมาก วิสัญญีผ่าตัด หมอดมยา พยาบาลก็มาวัดความดัน
หมอที่จะผ่าตัดก็มาแล้วบอกว่า พรุ่งนี้ บ่ายโมงนะ แล้วก็นอนเล่น 1 คืน โดยให้งดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืน
--------- วันที่ 29 เวลา 6 โมงเช้า พยาบาล ก็เอาสายน้ำเกลือมาใส่ให้ที่แขน (ไม่เคยโดนสายน้ำเกลือเหมือนกัน)
10 โมง หมอผ่าตัดก็มาอีกรอบแล้วบอกว่า บ่ายโมงนะ
เมื่อถึงเวลาบ่ายโมง บุรุษพยาบาลก็มาพาไปห้องผ่าตัด
เมื่อถึงห้องผ่าตัด ก็มีหมอมาถามชื่อ ถามว่าเป็นข้างไหน แล้วบอกว่า จะทำการบล็อคหลัง แล้วจะขยับร่างกายได้ ตอน 1 ทุ่ม
สักพักหมอก็ให้งอตัวเป็นกุ้ง แล้วก็ฉีดยาชาเข้ากระดูกไขสันหลัง ไม่ถึงนาที หมอก็ถามว่า คนไข้อาการชาเป็นไงบ้าง ตอบสนองต่อการหยิกมั้ย
พอไม่ตอบสนองแล้ว อาการจะหนาวสั่น กว่าปกติ (ความจริง บวกกับความตื่นเต้นด้วย ผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต)
แล้วหมอที่ผ่าตัดก็ทำหน้าที่กรีดบริเวณที่จะเย็บซ่อม แล้วก็ชุลมุนอยู่กับการเย็บซ่อม ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ (ใส่ผ้าปิดแผลหนามาก)
แล้วก็กลับมานอนที่ห้อง พอเข้าห้องได้ อาเจียนเลยครับ (พยาบาลห้องผ่าตัดแจ้งหมอผิดเวลา
บอกหมอว่าคนไข้ทานข้าวตอน 6 โมงเช้า ผมบอกว่า ผมไม่ได้ทานข้าว ตอน 6 โมงเย็นของเมื่อวาน)
แทนที่จะปวดแผล กลับปวดท้องแทน แล้วพยาบาลก็เอาออกซิเย่น มาให้หายใจไว้ ก็เลยนอนเป็นผักเลยครับ สัก 5 โมงเย็น
นิ้วเท้าข้างซ้ายเริ่มขยับ ไปขยับตัวได้ 2 ทุ่มครึ่ง ลุกขึ้นยังลำบาก ก็เลยต้องนอนไป ค่อย ๆ ขยับ ค่อย ๆ ลงไปฉี่ รอบแรก พอเข้าได้ สบายมาก
พอเข้ารอบที่สอง เลือดที่สายน้ำเกลือ กลับไหลย้อนกลับหน่อยนึง เลยแจ้งพยาบาล พยาบาลบอก อย่าเพิ่งลุก
แต่ปวดฉี่แย่แล้วให้ทำไง สุดท้ายก็ลุกทุกชั่วโมงเลย
---------- วันที่ 30 ตื่นแต่เช้า 6 โมง พยาบาลมาวัดความดันให้ แล้วเอายาแก้ปวดแก้เมื่อยให้ทานก่อนอาหาร
แล้วพยาบาลประจำตึกพิเศษ ก็เข้ามาพูดคุยด้วย บอกว่า เกินความคาดหมาย เพราะผ่าตัดแรก น่าจะนอนหลายวัน
สาย ๆ หน่อย ข้าวก็มา วิสัญญีห้องผ่าตัด หมอห้องผ่าตัด มาประเมิน ปกติ หมอที่ผ่าตัดมา แนะนำการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด
แล้วก็ถามว่า "จะอยู่ต่อหรือจะกลับ" ผมกลับสิครับ หมอเลยบอก เดี๋ยวรอพยาบาลทำแผลก่อนนะครับ ก็เลยรอพยาบาลทำแผล
แล้วพยาบาลที่ตึกก็ให้ไปชำระเงิน และรับยา แล้วจะเขียนบัตรนัดตัดไหม แล้วก็กลับบ้านครับ ก่อนกลับบ้าน พยาบาลประจำตึกพิเศษสนิทกัน แนะนำให้ทานโปรตีนมากๆ จะช่วยให้ฟื้นตัวไว
(ผมใช้สิทธิบัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่ใช่ประกันสังคม ไม่ใช่ประกันชีวิตใด ๆ นะครับ สะดวกดีไม่ต้องทำเรื่องยุ่งยาก จ่ายค่าห้องพิเศษ (ผมไปกับแม่ 2 คน))
>>> ระหว่างพักฟื้น ก่อนตัดไหม ผมหาสารอาหารกลุ่มโปรตีนทานหมด แม้กระทั่งอาหารเสริม (เลือกที่มีที่มาที่ไปชัดเจนนิดนึง) ก็ทานทุกวันครับ
---------- วันที่ 6 ธันวาคม ครบ 7 วัน มาตัดไหมที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ
เข้าห้องผ่าตัด พยาบาลขอดูแผล บอกว่า แผลสนิทดี แล้วก็ตัดไหมออกครับมี 4 เส้น ตัดออก แล้วปิดผ้าก็อตเหมือนเดิม แต่เล็กลง
และงดโดนน้ำ 1 วัน
::::: สิ่งที่พยาบาลตึกพิเศษแนะนำคือ อย่ายกของหนัก อย่าให้กระเทือนแผล 1 เดือน จะดีมาก เพราะโอกาสเป็นซ้ำมีเสมอ ไม่เป็นข้างเดิม ก็เปลี่ยนข้าง
และให้หากางเกงในซัพพอร์ตเตอร์มาใส่ด้วย จะได้ช่วยพยุงไว้กันไส้เลื่อนเป็นซ้ำ (ผมซื้อมาแล้ว ซื้อไซด์ใหญ่สุดนะครับ เพราะมันรัดมาก หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์กีฬาทั่วไป หรือในเว็บพวกลาซาด้า ช็อปปี้ก็มีนะครับ)
::::: หมอนัดอีกที วันที่ 18 ธันวาคม เพื่อดูแผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีว่าเป็นอย่างไรต่อนะครับ