..........สถานที่แปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่น้อยคนจะรู้จัก

1.ทะเลสาบลายจุด (แคนาดา)

แคนาดาเขาเป็นดินแดนที่มีทะเลสาบน้อยใหญ่มากที่สุดในโลก
แต่ไม่มีทะเลสาบไหนจะแปลกเท่า "ทะเลสาบลายจุด" (Spotted Lake)
เพราะพ่อเล่นมาอย่างกับจานสีร้อยหลุม
ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐบริติช โคลัมเบีย โดยน้ำจะแยกกันเป็นแอ่งๆ จุดๆ  
แต่ละแอ่งยังมีสีต่างกันอีกต่างหาก ทั้งฟ้า เหลือง เขียว น้ำตาล ฯลฯ
ไล่เฉดสวยงามอย่างกับศิลปินจัดวาง แถมยังมีแร่ธาตุต่างๆ เข้มข้นมากที่สุดในโลกด้วย

2.ทางเดินของยักษ์ (ไอร์แลนด์เหนือ)

(Giant's Causeway) ณ ไอร์แลนด์เหนือ
ถูกยกเป็นมรดกโลก และยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ที่สวยที่สุดในโลกด้วย
มีลักษณะเป็นแท่งเสาหินสมมาตรจำนวนมากทอดยาวเรียงรายอยู่บนชายหาด
บางส่วนยื่นออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติก ความสูงลดหลั่นกันไป
บางแท่งสูงถึง 12 เมตร รวมทั้งหมด 40,000 แท่ง
ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีมนุษย์หน้าไหนสร้างขึ้น
หากแต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

3.บ่อน้ำเทพเจ้าธอร์ (สหรัฐอเมริกา)

(Thor's Well) อยู่ที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา
เป็นบ่อน้ำเค็มที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ   เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ถูกคลื่นทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิกกัดเซาะซ้ำๆ มาเป็นเวลานาน
จนเกิดเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ ราวกับเทพเจ้าธอร์เอาค้อนประจำกายฟาดลงไปอย่างแรง
รอบปากบ่อเต็มไปด้วยโขดหินแหลมคมจำนวนมาก
ทำให้กระแสน้ำที่ไหลหลั่งลงไปในบ่อดูแตกต่างทางลีลาและท่วงทำนองอย่างงดงาม

4.ปราสาทปุยฝ้าย (ตุรกี)

(Pamukkale) ตุรกีส่งเข้าประกวด เกิดจากน้ำพุร้อนใต้ดินเอ่อท้นขึ้นมาเหนือผิวดิน
แล้วทำปฏิกิริยาจับตัวจนแข็ง เกาะกันเป็นริ้วเป็นแอ่ง   ดูคล้ายหน้าผาหรือระเบียงสีขาว ลดหลั่นเป็นชั้นไปตามภูมิประเทศ
ดูเผินๆ เหมือนสร้างจากหิมะ ก้อนเมฆหรือปุยฝ้าย จึงเรียกกันว่าปราสาทปุยฝ้าย
ส่วนน้ำพุร้อนมีอุณหภูมิราว 33 - 35 องศาเซลเซียส  อุณหภูมิกำลังดี น่านอนแช่ชิลล์ๆ
แถมยังมีสรรพคุณในการบำบัดโรคอีกต่างหาก ที่นี่เลยกลายเป็นสปาธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจริงๆ

5.ทะเลสาบสีชมพู (ออสเตรเลีย)

(Lake Hillier) ตั้งอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย มีความยาวประมาณ 600 เมตร
ขอบทะเลสาบปกคลุมด้วยแผ่นเกลือสีขาว   รายล้อมด้วยดงป่าทึบเขียวขจีแน่นหนา
น้ำในทะเลสาบมีสีชมพูหวานราวสีของนมเย็นหรือกลีบกุหลาบ และเป็นสีถาวร
ทดลองตักมาใส่ภาชนะอื่นก็ไม่เปลี่ยนสี
สันนิษฐานว่าเกิดจากแบคทีเรีย Dunaliella ผลิตสารสีแดงเพื่อดูดซับแสงอาทิตย์
ทำให้ยิ่งโดนแสงก็ยิ่งแสดงสีมากขึ้น

6.ระเบียงน้ำแร่ธรรมชาติ (อิหร่าน)

(Badab-e Surt) ตั้งอยู่บนเขาสูง 1,840 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทางตอนเหนือของประเทศอิหร่าน
มีอายุเก่าแก่ยาวนานนับพันปี มีลักษณะเป็นระเบียงหินอ่อนลดหลั่นกันหลายชั้น
เอ่อล้นไปด้วยน้ำพุร้อนที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุจากธรรมชาติ
มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคต่างๆ   โดยเฉพาะโรคข้อรูมาตอยด์
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิน้ำแร่จะมีรสเค็ม แต่ช่วงปลายฤดูน้ำจะมีรสเปรี้ยวและเปลี่ยนเป็นสีส้ม
ทำให้ระเบียงหินอ่อนกลายเป็นสีส้มงามจับตาจับใจไปด้วย

7.อุทยานภูเขาหิน (จีน)

(Tianzi Mountain) อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน อุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยแท่งหิน สูงต่ำ น้อยใหญ่ เรียงรายกว่า 200 ยอด
แทงเสียดลิ่วๆขึ้นไปในอากาศ รูปร่างแตกต่างกันแทบไม่ซ้ำแบบ
ไอหมอกสีขาวละมุนลอยปกคลุมเหมือนดินแดนในความฝัน
ความวิจิตรอลังนี้ก่อเกิดจินตนาการให้ผู้คนนำมาผูกร้อยเป็นเรื่องราวคติธรรมสอนใจมากมายในประเทศจีน
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักอุทยานภูเขาหินแห่งนี้ดี
เพราะมันถูกใช้เป็นที่สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดเรื่อง Avatar ด้วย

8.ลายเส้นปริศนา (เปรู)

ลายเส้นนาซคา" (Nazca Lines) ในประเทศเปรู ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าเป็นฝีมือมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์เดินดินกันแน่
เมื่อมองลงมาจากทางอากาศ   เราจะเห็นลายเส้นเหล่านี้เป็นรูปร่างมนุษย์และสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างชัดเจน
วงการโบราณคดีสรุปตรงกันว่า  นี่เป็นลายเส้นที่วาดโดยชาวนาซคาซึ่งอาศัยอยู่ในแถบนี้เมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว
และเหตุที่ลายเส้นยังอยู่คงทนมาถึงทุกวันก็เพราะพื้นที่บริเวณนี้เป็นหินสีแดงที่แห้งแล้งไม่มีฝนตก
ทำให้มันได้รับผลกระทบจากภูมิอากาศน้อยมากนั่นเอง

9.สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (มหาสมุทรแอตแลนติก)

(Bermuda Triangle) อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก กินพื้นที่จากตอนเหนือของเบอร์มิวดา ถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา
ถึงบาฮามาสและเปอร์โตริโก ลากจุดต่อกันแล้วกลายเป็นพื้นที่รูปร่างสามเหลี่ยมอย่างที่เห็น
มันเป็นแหล่งกำเนิดปรากฏการณ์ลี้ลับเหนือธรรมชาติ กลืนกินชีวิตมนุษย์ เรือเดินทะเลและเครื่องบินให้หายสาบสูญไปไม่เห็นแม้ซาก
ถึงทุกวันนี้ก็ยังบอกไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรและจะป้องกันได้อย่างไร

10.เกาะต่างดาว (เยเมน)

"เกาะโซโคตร้า" (Socotra) เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในมหาสมุทรอินเดีย ในดินแดนของสาธารณรัฐเยเมน
บรรดาต้นไม้บนเกาะแต่ละต้น  หน้าตาธรรมดาเสียที่ไหน อย่างกับหลุดมาจากดาวดวงอื่น
เกาะนี้อายุไม่มากหรอก ก็แค่ 6 ล้านกว่าปีเท่านั้นเอง
ภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน ต้นไม้บางต้นที่พบบนเกาะนี้เป็นสายพันธุ์เก่าแก่กว่า 20 ล้านปี
ยูเนสโกเลยขึ้นทะเบียนเกาะนี้เป็นมรดกโลกไปเป็นที่เรียบร้อย

11.ภูเขาช็อกโกแลต (ฟิลิปปินส์)

(The Chocolate Hills) บนเกาะโบโฮล ประเทศฟิลิปปินส์
ที่นี่มีภูเขาลูกย่อมๆ รวม 1,268 ลูก วางเรียงรายไปทั่วบริเวณ
ในฤดูกาลปกติเนินเขาเหล่านี้จะเป็นสีเขียวเพราะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ต้นหญ้า
แต่ในฤดูแล้งพวกมันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจนดูคล้ายช็อกโกแลตทรงคว่ำจำนวนมาก
นักธรณีวิทยาบอกว่านี่คือแนวปะการังใต้ทะเลที่มีความอุดมสมบูรณ์มากเมื่อหลายล้านปีก่อน
ต่อมาน้ำทะเลเหือดแห้งลง ทำให้เกิดการทับถมของหินปูนจนกลายเป็นเนินเขาช็อกโกแลตน่ากินเหล่านี้

12.หาดสีแดง (จีน)

(Red Beach) ณ ที่ราบลุ่มแม่น้ำ Liaohe เมืองผานจิ่น มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน
เหตุที่มันแดงฉานได้ขนาดนี้ก็เพราะทุกๆ ฤดูใบไม้ร่วง   วัชพืชทะเลอย่างสาหร่าย Sueda จะเปลี่ยนสีไปเป็นสีแดงสด
เปลี่ยนพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ให้กลายเป็นชายหาดสีแดงสะพรั่งทุกตารางนิ้ว ราวกับพรมแดงเมืองคานส์ก็ไม่ปาน
แถมยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางนิเวศวิทยาสูงมาก
เป็นที่อยู่อาศัยของนกและสัตว์พันธุ์หายากนานาชนิดอีกด้วย

13.หุบเขาหินก็อบลิน (สหรัฐอเมริกา)

(The Hoodoos of Goblin Valley State Park)  อายุเก่าแก่มาแต่ยุคจูราสสิค ตั้งอยู่ที่รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
เป็นหุบเขาที่มีหินก่อตัวเป็นแท่งเตี้ยๆ จำนวนมาก
แท่งหินเหล่านี้มีหัวใหญ่กว่าลำตัวคล้าย "ก็อบลิน" ตัวประหลาดในเทพนิยายที่มีรูปร่างเตี้ยคล้ายคนแคระ
เลยเป็นที่มาของชื่อหุบเขา   และไม่ใช่แค่ตัวสองตัวแต่พี่แกเล่นมากันเป็นกองทัพอย่างกับอาณาจักรปีศาจ
ว่ากันว่าคาวบอยที่ออกตามหาวัวแล้วมาเจอหุบเขานี้เข้าเป็นครั้งแรกตกใจแทบช็อค

14.น้ำพุร้อนสีรุ้ง (สหรัฐอเมริกา)

สวยจนลืมหายใจ... "น้ำพุร้อนสีรุ้ง" (Fly Geyser) อยู่ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ชื่อ "ฟลาย ไกเซอร์"
ใช่จะได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะน้ำพุดูเหมือนกำลังบินอยู่ในอากาศ
โดยน้ำพุแห่งนี้จะปล่อยกระแสน้ำให้พุ่งสูงขึ้นอย่างแรง ร่วมกับการปล่อยไอน้ำออกมาเป็นระยะ
ถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากของโลก
เดิมทีพื้นที่บริเวณนี้เป็นแหล่งน้ำขุดเจาะของเกษตรกร ความร้อนใต้ผิวโลกส่งผลให้พื้นที่การขุดเจาะในอดีตเกิดน้ำพุและสระน้ำขึ้นมา
ส่วนสีสันสายรุ้งต่างๆ ก็เกิดจากการสะสมตัวของแร่ธาตุชนิดต่างๆ นั่นเอง

15.ทะเลสาบแห่งความตาย (แทนซาเนีย)

สวยแต่น่ากลัว! "ทะเลสาบแห่งความตาย" (Lake Natron) อยู่ที่ประเทศแทนซาเนีย
น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีความเป็นด่างสูงมาก ทำให้สัตว์ป่าที่ตายในแถบนี้ ไม่ว่าจะเป็นนก หงส์ป่า ค้างคาว ฯลฯ
ซากของมันจะมีลักษณะแห้งและแข็ง คล้ายถูกแช่แข็งหรือถูกสตาฟเอาไว้
กลายเป็นงานศิลปะสะท้อนความไม่เที่ยงของชีวิตที่น่าสยดสยองสำหรับมนุษย์
สำหรับชื่อ Natron นั้นเป็นชื่อแร่ธาตุที่พบเป็นจำนวนมากในทะเลสาบ
ซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดเดียวกันที่คนอียิปต์ใช้ในการทำมัมมี่นั่นเอง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่