💦บ่อน้ำพุร้อนฝาง: มรดกธรรมชาติจากใต้พิภพ
ℹ️ บ่อน้ำพุร้อนฝาง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีบ่อน้ำพุร้อนกระจายอยู่ทั่วบริเวณกว่า 50 บ่อ ซึ่งเกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนและน่าสนใจ
ℹ️ ซึ่งการก่อตัวของบ่อน้ำพุร้อนฝาง เกิดจากความร้อนใต้พิภพที่สะสมมานาน ทำให้น้ำใต้ดินได้รับความร้อนสูงขึ้น และเมื่อไอน้ำและน้ำร้อนดันตัวขึ้นมาตามรอยแตกของเปลือกโลก ก็จะเกิดเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิสูง
📌ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง
☑️กิจกรรมทางภูเขาไฟ:
แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่ใกล้เคียง แต่ในอดีตบริเวณนี้เคยมีกิจกรรมทางภูเขาไฟมาก่อน ทำให้มีหินอัคนีและความร้อนใต้พิภพสะสมอยู่
☑️รอยเลื่อน: บริเวณบ่อน้ำพุร้อนฝางตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อน ซึ่งเป็นบริเวณที่เปลือกโลกมีการแตกหักและเคลื่อนตัว ทำให้เกิดช่องว่างที่น้ำร้อนและไอน้ำสามารถไหลผ่านขึ้นมาได้
☑️น้ำใต้ดิน: น้ำใต้ดินที่ไหลผ่านชั้นหินร้อนจะได้รับความร้อนสูงขึ้น และเมื่อดันตัวขึ้นมาบนผิวดินก็จะเกิดเป็นบ่อน้ำพุร้อน
❗แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าภูเขาไฟใดในอดีตเคยมีผลต่อการเกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง แต่จากการศึกษาทางธรณีวิทยาพบว่าบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยเคยมีกิจกรรมทางภูเขาไฟมาก่อน และรอยเลื่อนที่สำคัญ เช่น
📌รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ก็มีอิทธิพลต่อการเกิดบ่อน้ำพุร้อนในบริเวณนี้
❇️รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน:
เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่ทอดตัวผ่านภาคเหนือของประเทศไทย และเชื่อมโยงกับการเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งในอดีต รอยเลื่อนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำใต้ดินและการเกิดบ่อน้ำพุร้อน
❗แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบริเวณรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน อาจมีผลกระทบต่อกิจกรรมของบ่อน้ำพุร้อนฝาง เช่น ทำให้อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลง หรือทำให้เกิดการระเบิดของไอน้ำได้
📌ปัจจัยใต้ดินที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวและบ่อน้ำพุร้อน:
❗แรงดัน: การเกิดแผ่นดินไหวจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันภายในโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อการไหลของน้ำใต้ดินและการระเบิดของไอน้ำ
❗รอยแตก: แผ่นดินไหวอาจทำให้เกิดรอยแตกใหม่ๆ หรือทำให้รอยแตกเดิมขยายตัวออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการไหลของน้ำใต้ดินและการเกิดบ่อน้ำพุร้อน อย่างแน่นอน
📌ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง
ℹ️ความร้อนใต้พิภพ: ความร้อนใต้พิภพเกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาภายในโลก เช่น การสลายตัวของธาตุ放射性 หรือความร้อนที่หลงเหลือจากการก่อตัวของโลก ความร้อนนี้จะค่อยๆ แผ่กระจายขึ้นมาสู่ผิวโลก และเมื่อพบกับน้ำใต้ดิน ก็จะทำให้น้ำร้อนขึ้น
ℹ️แหล่งน้ำใต้ดิน: น้ำฝนที่ซึมลงไปในดินจะกลายเป็นน้ำใต้ดิน เมื่อน้ำใต้ดินไหลผ่านชั้นหินที่มีอุณหภูมิสูง ก็จะได้รับความร้อนและกลายเป็นน้ำร้อน
ℹ️รอยแตกและช่องว่างในชั้นหิน: รอยแตกและช่องว่างในชั้นหินทำหน้าที่เป็นช่องทางให้น้ำร้อนและไอน้ำดันตัวขึ้นมาสู่ผิวดิน เกิดเป็นบ่อน้ำพุร้อน
📌หินชนิดที่พบในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนฝาง
บริเวณบ่อน้ำพุร้อนฝาง พบหินหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเกิดน้ำพุร้อน เช่น
ℹ️หินอัคนี: เกิดจากการเย็นตัวของแมกมาใต้ผิวโลกหรือบนผิวโลก หินอัคนีชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในบริเวณที่มีน้ำพุร้อนคือ หินแกรนิต ซึ่งมีแร่ธาตุหลายชนิดที่สามารถปล่อยความร้อนได้
ℹ️หินตะกอน: เกิดจากการทับถมของตะกอนต่างๆ เช่น ทราย ดิน หินปูน หินตะกอนบางชนิดอาจมีรูพรุน ซึ่งช่วยให้น้ำสามารถซึมผ่านได้ง่าย
ℹ️หินแปร: เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของหินชนิดอื่นภายใต้ความร้อนและแรงดันสูง หินแปรบางชนิดอาจมีแร่ธาตุที่สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี
📌สภาพทางธรณีที่เอื้อต่อการเกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง
ℹ️บริเวณรอยเลื่อน: บริเวณรอยเลื่อนเป็นบริเวณที่เปลือกโลกมีการแตกหักและเคลื่อนตัว ทำให้เกิดช่องว่างและรอยแตกที่น้ำร้อนสามารถไหลผ่านขึ้นมาได้
ℹ️พื้นที่ที่มีความลาดชัน: พื้นที่ที่มีความลาดชันจะทำให้น้ำใต้ดินไหลได้เร็วขึ้น และมีโอกาสที่จะได้รับความร้อนจากชั้นหินลึกๆ มากขึ้น
ℹ️การมีชั้นหินกันน้ำ: ชั้นหินกันน้ำจะทำหน้าที่กักเก็บน้ำใต้ดินไว้ และป้องกันไม่ให้น้ำร้อนระเหยออกไปนั้นเอง
จุดสังเกต❗รอยเลื่อนภาคเหนือมีที่ไหนบ้าง
📌 10 ลอยเลื่อน
1. รอยเลื่อนแม่จัน พาดผ่านอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 101 กิโลเมตร
2. รอยเลื่อนแม่อิง พาดผ่านอำเภอเทิง อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 57 กิโลเมตร
3. รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 29 กิโลเมตร
4. รอยเลื่อนเมย วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ พาดผ่านตั้งต้นจากลำน้ำเมย ชายแดนพม่า ต่อไปยังห้วยแม่ท้อ ลำน้ำปิง จังหวัดตาก ไปถึงจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และสิ้นสุดที่จังหวัดอุทัยธานี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 250 กิโลเมตร
5. รอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ในแนวโค้งไปทางทิศตะวันออก มีความยาวประมาณ 61 กิโลเมตร
6. รอยเลื่อนเถิน พาดผ่านอำเภอแม่พริก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ในแนวโค้งในไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 103 กิโลเมตร
7. รอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านอำเภองาว จังหวัดลำปาง และอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านทิศเหนือของรอยเลื่อนท่าสี มีความยาวประมาณ 23 กิโลเมตร
8. รอยเลื่อนปัว พาดผ่านพื้นที่อำเภอสันติสุข อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอทุ่งช้าง ของจังหวัดน่านในแนวเหนือ-ใต้ ด้วยความยาวประมาณ 130 กิโลเมตร
9. รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอำเภอเมือง อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร
10. รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ พาดผ่านอำเภอหนองไผ่ อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยรอยเลื่อนบริวารในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ กับแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้สลับกัน มีความยาวประมาณ 110 กิโลเมตร
ที่มาข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี ได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลด้านการสำรวจรอยเลื่อนมีพลัง พบว่า ประเทศไทยมี 16 รอยเลื่อน
มีแนวรอยเลื่อนใหญ่ๆ อยู่หลายแนวด้วยกัน สามารถจัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 3 แนว ตามทิศทางการวางตัวและการเคลื่อนที่ คือ
☑️กลุ่มรอยเลื่อนที่วางตัวในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้
☑️ กลุ่มรอยเลื่อนที่วางตัวในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ และ
☑️กลุ่มรอยเลื่อนที่วางตัวอยู่ในทิศเหนือ-ใต้ ที่ครอบคลุม 22 จังหวัดของไทย
ดังนั้นอนุมานได้ว่าผลของการเคลื่อนตัวของแมกมา ใต้พิภพ
มีผลแน่นอน ซึ่งบ่อน้ำพุ คือผลที่เกิดจากปัจจัยเหล่านั้น
ภาพบ่อน้ำพุ ในประเทศไทย
ที่มาข้อมูล Google GPS
💦น้ำพุร้อน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่น้ำร้อนไหลขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายในโลกต้องร้อนกว่าและมีอุณหภูมิสูงกว่าบนผิวดิน
📌ในประเทศไทยจะพบแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ใกล้ หรือมีความสัมพันธ์กับรอยแตก รอยเลื่อนที่มีพลัง และหินแกรนิต
ℹ️การจำแนกน้ำพุร้อนในประเทศไทยสามารถอ้างอิงโดยใช้เกณฑ์หลายประเภท หนึ่งในการจำแนกน้ำพุร้อนคือ
การใช้ "หินต้นกำเนิด" ของน้ำพุร้อนเป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. น้ำพุร้อนที่เกิดอยู่ในหินแกรนิต น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 250 องศาเซลเชียส ไหลขึ้นมาตามรอยเลื่อน และรอยแตกในหินแกรนิตที่อยู่ที่ความลึก มากกว่า 3,000 เมตร เกิดการถ่ายเทความร้อน หรือเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับหินข้างเคียง หรือเกิดการผสมกับน้ำบาดาลที่ระดับตื้น ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง แล้วไหลขึ้นสู่ผิวดินเห็นเป็นน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิใกล้เดือด เช่น
☑️น้ำพุร้อนที่เกิดในจังหวัดระนอง
☑️น้ำพุร้อนฝาง จ.เชียงใหม่
☑️น้ำพุร้อนโป่งเดือด จ.เชียงใหม่
☑️น้ำพุร้อนเมืองแปง จ.แม่ฮ่องสอน
☑️น้ำพุร้อนคลองปลายพู่ จ.พังงา
☑️น้ำพุร้อนบ้านบ่อดาน จ.พังงา
☑️น้ำพุร้อนบ้านโหล๊ะจังกระ จ.พัทลุง
☑️น้ำพุร้อนบ้านนาทุ่งโพธิ์ จ.พัทลุง
☑️น้ำพุร้อนตาเนาะแมเราะ จ.ยะลา เป็นต้น
2. น้ำพุร้อนที่เกิดอยู่ในหินตะกอน และ หินแปร มีลักษณะการเกิดคล้ายกับน้ำพุร้อนที่เกิดอยู่ในหินแกรนิตตามประเภทที่ 1 แต่ต่างกันที่มีหินตะกอน หรือหินแปร ปิดทับอยู่บนหินแกรนิต กล่าวคือ น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 250 องศาเซลเซียส ไหลขึ้นมาตามรอยเลื่อน และรอยแยกในหินแกรนิตที่อยู่ระดับลึก ขึ้นมาสะสมตัวในหินตะกอน ที่มีความพรุนสูง จากนั้น น้ำร้อนจะเกิดการผสมกับน้ำบาดาลเย็น ทำให้อุณหภูมิของน้ำร้อนลดต่ำลงมาก แล้วไหลขึ้นสู่ผิวดินเห็นเป็นน้ำพุร้อน หรือบ่อน้ำอุ่น ได้แก่
☑️น้ำพุร้อนภาคตะวันตกทั้งหมดที่เหลือจากน้ำพุร้อนที่ได้กล่าวไปแล้วในประเภทที่ 1 เช่น
☑️น้ำพุร้อนละแม จ.ชุมพร ☑️น้ำพุร้อนในจ.สุราษฎร์ธานี ☑️น้ำพุร้อนในจ.กระบี่
☑️น้ำพุร้อนอุทยานบ่อน้ำร้อน จ.นครศรีธรรมราช
☑️น้ำพุร้อนรมณีย์ จ.พังงา ☑️น้ำพุร้อนใน จ.ตรัง
☑️น้ำพุร้อนเขาชัยสน จ.พัทลุง ☑️น้ำพุร้อนบ้านระหว่างควน จ.พัทลุง เป็นต้น
ข้อมูล : กองวิเคราะห์และตรวจสอบทรัพยากรธรณี
🔰ซึ่งบ่อน้ำพุร้อน แต่ละแห่งมีความแตกต่างกันไป อ้างอิง และเปรียบเทียบจากที่มาข้อมูลน่ะค่ะ
❇️ ธรรมชาติมีการแปรเปลี่ยนตลอดเวลาควรศึกษาข้อมูลเอาไว้ด้วย และเตรียมตัวล่วงหน้าเสมอ❇️
น้ำพุร้อน💦บอกอะไรต่อสิ่งที่จะตามมา⁉️เมื่อสภาพโลกเปลี่ยนไป่❇️
💦บ่อน้ำพุร้อนฝาง: มรดกธรรมชาติจากใต้พิภพ
ℹ️ บ่อน้ำพุร้อนฝาง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีบ่อน้ำพุร้อนกระจายอยู่ทั่วบริเวณกว่า 50 บ่อ ซึ่งเกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนและน่าสนใจ
ℹ️ ซึ่งการก่อตัวของบ่อน้ำพุร้อนฝาง เกิดจากความร้อนใต้พิภพที่สะสมมานาน ทำให้น้ำใต้ดินได้รับความร้อนสูงขึ้น และเมื่อไอน้ำและน้ำร้อนดันตัวขึ้นมาตามรอยแตกของเปลือกโลก ก็จะเกิดเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิสูง
📌ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง
☑️กิจกรรมทางภูเขาไฟ:
แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่ใกล้เคียง แต่ในอดีตบริเวณนี้เคยมีกิจกรรมทางภูเขาไฟมาก่อน ทำให้มีหินอัคนีและความร้อนใต้พิภพสะสมอยู่
☑️รอยเลื่อน: บริเวณบ่อน้ำพุร้อนฝางตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อน ซึ่งเป็นบริเวณที่เปลือกโลกมีการแตกหักและเคลื่อนตัว ทำให้เกิดช่องว่างที่น้ำร้อนและไอน้ำสามารถไหลผ่านขึ้นมาได้
☑️น้ำใต้ดิน: น้ำใต้ดินที่ไหลผ่านชั้นหินร้อนจะได้รับความร้อนสูงขึ้น และเมื่อดันตัวขึ้นมาบนผิวดินก็จะเกิดเป็นบ่อน้ำพุร้อน
❗แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าภูเขาไฟใดในอดีตเคยมีผลต่อการเกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง แต่จากการศึกษาทางธรณีวิทยาพบว่าบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยเคยมีกิจกรรมทางภูเขาไฟมาก่อน และรอยเลื่อนที่สำคัญ เช่น
📌รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ก็มีอิทธิพลต่อการเกิดบ่อน้ำพุร้อนในบริเวณนี้
❇️รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน:
เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่ทอดตัวผ่านภาคเหนือของประเทศไทย และเชื่อมโยงกับการเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งในอดีต รอยเลื่อนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำใต้ดินและการเกิดบ่อน้ำพุร้อน
❗แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบริเวณรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน อาจมีผลกระทบต่อกิจกรรมของบ่อน้ำพุร้อนฝาง เช่น ทำให้อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลง หรือทำให้เกิดการระเบิดของไอน้ำได้
📌ปัจจัยใต้ดินที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวและบ่อน้ำพุร้อน:
❗แรงดัน: การเกิดแผ่นดินไหวจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันภายในโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อการไหลของน้ำใต้ดินและการระเบิดของไอน้ำ
❗รอยแตก: แผ่นดินไหวอาจทำให้เกิดรอยแตกใหม่ๆ หรือทำให้รอยแตกเดิมขยายตัวออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการไหลของน้ำใต้ดินและการเกิดบ่อน้ำพุร้อน อย่างแน่นอน
📌ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง
ℹ️ความร้อนใต้พิภพ: ความร้อนใต้พิภพเกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาภายในโลก เช่น การสลายตัวของธาตุ放射性 หรือความร้อนที่หลงเหลือจากการก่อตัวของโลก ความร้อนนี้จะค่อยๆ แผ่กระจายขึ้นมาสู่ผิวโลก และเมื่อพบกับน้ำใต้ดิน ก็จะทำให้น้ำร้อนขึ้น
ℹ️แหล่งน้ำใต้ดิน: น้ำฝนที่ซึมลงไปในดินจะกลายเป็นน้ำใต้ดิน เมื่อน้ำใต้ดินไหลผ่านชั้นหินที่มีอุณหภูมิสูง ก็จะได้รับความร้อนและกลายเป็นน้ำร้อน
ℹ️รอยแตกและช่องว่างในชั้นหิน: รอยแตกและช่องว่างในชั้นหินทำหน้าที่เป็นช่องทางให้น้ำร้อนและไอน้ำดันตัวขึ้นมาสู่ผิวดิน เกิดเป็นบ่อน้ำพุร้อน
📌หินชนิดที่พบในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนฝาง
บริเวณบ่อน้ำพุร้อนฝาง พบหินหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเกิดน้ำพุร้อน เช่น
ℹ️หินอัคนี: เกิดจากการเย็นตัวของแมกมาใต้ผิวโลกหรือบนผิวโลก หินอัคนีชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในบริเวณที่มีน้ำพุร้อนคือ หินแกรนิต ซึ่งมีแร่ธาตุหลายชนิดที่สามารถปล่อยความร้อนได้
ℹ️หินตะกอน: เกิดจากการทับถมของตะกอนต่างๆ เช่น ทราย ดิน หินปูน หินตะกอนบางชนิดอาจมีรูพรุน ซึ่งช่วยให้น้ำสามารถซึมผ่านได้ง่าย
ℹ️หินแปร: เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของหินชนิดอื่นภายใต้ความร้อนและแรงดันสูง หินแปรบางชนิดอาจมีแร่ธาตุที่สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี
📌สภาพทางธรณีที่เอื้อต่อการเกิดบ่อน้ำพุร้อนฝาง
ℹ️บริเวณรอยเลื่อน: บริเวณรอยเลื่อนเป็นบริเวณที่เปลือกโลกมีการแตกหักและเคลื่อนตัว ทำให้เกิดช่องว่างและรอยแตกที่น้ำร้อนสามารถไหลผ่านขึ้นมาได้
ℹ️พื้นที่ที่มีความลาดชัน: พื้นที่ที่มีความลาดชันจะทำให้น้ำใต้ดินไหลได้เร็วขึ้น และมีโอกาสที่จะได้รับความร้อนจากชั้นหินลึกๆ มากขึ้น
ℹ️การมีชั้นหินกันน้ำ: ชั้นหินกันน้ำจะทำหน้าที่กักเก็บน้ำใต้ดินไว้ และป้องกันไม่ให้น้ำร้อนระเหยออกไปนั้นเอง
จุดสังเกต❗รอยเลื่อนภาคเหนือมีที่ไหนบ้าง
📌 10 ลอยเลื่อน
1. รอยเลื่อนแม่จัน พาดผ่านอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 101 กิโลเมตร
2. รอยเลื่อนแม่อิง พาดผ่านอำเภอเทิง อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 57 กิโลเมตร
3. รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 29 กิโลเมตร
4. รอยเลื่อนเมย วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ พาดผ่านตั้งต้นจากลำน้ำเมย ชายแดนพม่า ต่อไปยังห้วยแม่ท้อ ลำน้ำปิง จังหวัดตาก ไปถึงจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และสิ้นสุดที่จังหวัดอุทัยธานี ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 250 กิโลเมตร
5. รอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ในแนวโค้งไปทางทิศตะวันออก มีความยาวประมาณ 61 กิโลเมตร
6. รอยเลื่อนเถิน พาดผ่านอำเภอแม่พริก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ในแนวโค้งในไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความยาวประมาณ 103 กิโลเมตร
7. รอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านอำเภองาว จังหวัดลำปาง และอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านทิศเหนือของรอยเลื่อนท่าสี มีความยาวประมาณ 23 กิโลเมตร
8. รอยเลื่อนปัว พาดผ่านพื้นที่อำเภอสันติสุข อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอทุ่งช้าง ของจังหวัดน่านในแนวเหนือ-ใต้ ด้วยความยาวประมาณ 130 กิโลเมตร
9. รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอำเภอเมือง อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร
10. รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ พาดผ่านอำเภอหนองไผ่ อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยรอยเลื่อนบริวารในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ กับแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้สลับกัน มีความยาวประมาณ 110 กิโลเมตร
ที่มาข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี ได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลด้านการสำรวจรอยเลื่อนมีพลัง พบว่า ประเทศไทยมี 16 รอยเลื่อน
มีแนวรอยเลื่อนใหญ่ๆ อยู่หลายแนวด้วยกัน สามารถจัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 3 แนว ตามทิศทางการวางตัวและการเคลื่อนที่ คือ
☑️กลุ่มรอยเลื่อนที่วางตัวในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้
☑️ กลุ่มรอยเลื่อนที่วางตัวในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ และ
☑️กลุ่มรอยเลื่อนที่วางตัวอยู่ในทิศเหนือ-ใต้ ที่ครอบคลุม 22 จังหวัดของไทย
ดังนั้นอนุมานได้ว่าผลของการเคลื่อนตัวของแมกมา ใต้พิภพ
มีผลแน่นอน ซึ่งบ่อน้ำพุ คือผลที่เกิดจากปัจจัยเหล่านั้น
ภาพบ่อน้ำพุ ในประเทศไทย
ที่มาข้อมูล Google GPS
💦น้ำพุร้อน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่น้ำร้อนไหลขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายในโลกต้องร้อนกว่าและมีอุณหภูมิสูงกว่าบนผิวดิน
📌ในประเทศไทยจะพบแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ใกล้ หรือมีความสัมพันธ์กับรอยแตก รอยเลื่อนที่มีพลัง และหินแกรนิต
ℹ️การจำแนกน้ำพุร้อนในประเทศไทยสามารถอ้างอิงโดยใช้เกณฑ์หลายประเภท หนึ่งในการจำแนกน้ำพุร้อนคือ
การใช้ "หินต้นกำเนิด" ของน้ำพุร้อนเป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. น้ำพุร้อนที่เกิดอยู่ในหินแกรนิต น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 250 องศาเซลเชียส ไหลขึ้นมาตามรอยเลื่อน และรอยแตกในหินแกรนิตที่อยู่ที่ความลึก มากกว่า 3,000 เมตร เกิดการถ่ายเทความร้อน หรือเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับหินข้างเคียง หรือเกิดการผสมกับน้ำบาดาลที่ระดับตื้น ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง แล้วไหลขึ้นสู่ผิวดินเห็นเป็นน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิใกล้เดือด เช่น
☑️น้ำพุร้อนที่เกิดในจังหวัดระนอง
☑️น้ำพุร้อนฝาง จ.เชียงใหม่
☑️น้ำพุร้อนโป่งเดือด จ.เชียงใหม่
☑️น้ำพุร้อนเมืองแปง จ.แม่ฮ่องสอน
☑️น้ำพุร้อนคลองปลายพู่ จ.พังงา
☑️น้ำพุร้อนบ้านบ่อดาน จ.พังงา
☑️น้ำพุร้อนบ้านโหล๊ะจังกระ จ.พัทลุง
☑️น้ำพุร้อนบ้านนาทุ่งโพธิ์ จ.พัทลุง
☑️น้ำพุร้อนตาเนาะแมเราะ จ.ยะลา เป็นต้น
2. น้ำพุร้อนที่เกิดอยู่ในหินตะกอน และ หินแปร มีลักษณะการเกิดคล้ายกับน้ำพุร้อนที่เกิดอยู่ในหินแกรนิตตามประเภทที่ 1 แต่ต่างกันที่มีหินตะกอน หรือหินแปร ปิดทับอยู่บนหินแกรนิต กล่าวคือ น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 250 องศาเซลเซียส ไหลขึ้นมาตามรอยเลื่อน และรอยแยกในหินแกรนิตที่อยู่ระดับลึก ขึ้นมาสะสมตัวในหินตะกอน ที่มีความพรุนสูง จากนั้น น้ำร้อนจะเกิดการผสมกับน้ำบาดาลเย็น ทำให้อุณหภูมิของน้ำร้อนลดต่ำลงมาก แล้วไหลขึ้นสู่ผิวดินเห็นเป็นน้ำพุร้อน หรือบ่อน้ำอุ่น ได้แก่
☑️น้ำพุร้อนภาคตะวันตกทั้งหมดที่เหลือจากน้ำพุร้อนที่ได้กล่าวไปแล้วในประเภทที่ 1 เช่น
☑️น้ำพุร้อนละแม จ.ชุมพร ☑️น้ำพุร้อนในจ.สุราษฎร์ธานี ☑️น้ำพุร้อนในจ.กระบี่
☑️น้ำพุร้อนอุทยานบ่อน้ำร้อน จ.นครศรีธรรมราช
☑️น้ำพุร้อนรมณีย์ จ.พังงา ☑️น้ำพุร้อนใน จ.ตรัง
☑️น้ำพุร้อนเขาชัยสน จ.พัทลุง ☑️น้ำพุร้อนบ้านระหว่างควน จ.พัทลุง เป็นต้น
ข้อมูล : กองวิเคราะห์และตรวจสอบทรัพยากรธรณี
🔰ซึ่งบ่อน้ำพุร้อน แต่ละแห่งมีความแตกต่างกันไป อ้างอิง และเปรียบเทียบจากที่มาข้อมูลน่ะค่ะ
❇️ ธรรมชาติมีการแปรเปลี่ยนตลอดเวลาควรศึกษาข้อมูลเอาไว้ด้วย และเตรียมตัวล่วงหน้าเสมอ❇️