เจ้าแม้นเมือง...ราชธิดาคนโตของเจ้าหลวงแสนอินทะ หญิงสาวที่เข้มแข็ง อดทน แกร่งกล้า หากอ่อนโยนเยี่ยงดอกไม้บางเบา สีชมพูหวานชวนฝันอย่างดอกชมพูป่า... จะกี่ฝน กี่พายุก็กลับมาเบ่งบานเต็มภูผาได้เสมอ การผูกพันรัดเกี่ยวดองกันแน่นยิ่งกว่าญาติ ...คานถ่วงดุลตาชั่งอีกฝั่งของหมากกระดานเดิมที่เชียงเงินหมายไว้ในใจ..บรรลุด้วยความแยบยลอย่างจำใจ
การพบหน้ากันไม่กี่ที พูดคุยกันไม่กี่คำ กลับทำให้เจ้าศุขวงศ์และเจ้าแม้นเมืองเกิดความรู้สึกแปลก..หากอัดแน่นในหัวใจ...มากขนาดที่สามารถเป็นหัวเชื้อเพลิงให้ตัดสินใจบุ่มบ่าม กระทำอะไรบางอย่างที่ส่งผลต่อหมากทุกตัวบนกระดานได้
ความรัก...หวานล้ำ ลุ่มลึก โหยหา หอมหวน ...หลายครั้งหลายคราที่ไม่จำเป็นต้องการเวลาบ่มเพาะ หัวใจคงเป็นตัวตัดสินได้..ว่าใคร...คือคนนั้นที่เฝ้ารอ ระหว่างศุขวงศ์และแม้นเมือง ความเหมือนและความต่างนี้เองที่ดึงดูด..รุนแรง..เข้าหากัน
เจ้าน้อยศุขวงศ์...ก็เหมือนผู้ชายวัยหนุ่มฉกรรจ์ที่รู้ว่าตัวเองมีดีอย่างไร การได้ลงใต้ไปอยู่ไกลถึงบางกอก และ เล่าเรียนถึงสิงคโปร์ เมืองท่าสำคัญของเจ้าอาณานิคมที่เปิดรับความศิวิไลซ์กว่าบ้านเกิด ร่วม 15 ปี คงได้พบเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตา หลากหลายเชื้อชาติ อีกทั้งลูกเจ้าขุนมูลนาย มีเชื้อมีสาย ที่อยู่ในรั้วในวัง ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นแน่ รูปสมบัติ คุณสมบัติ รวมถึงทรัพย์สมบัติของเขา ไม่เคยยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้าน รอยยิ้มละมุนละไมเป็นมิตร มีการศึกษาแบบที่น้อยคนนักจะได้รับ และที่สำคัญ..มีเชื้อมีสายของเลือดสีน้ำเงินเข้มข้น เชียงพระคำ..หัวเมืองทางเหนือ ที่อาจจะไม่ใหญ่เท่าเชียงใหม่ แต่สินแร่ในดินและน้ำ ดงสักเต็มผืนป่าก็ทำให้หัวเมืองไกลเมืองนี้..มีความสำคัญ
การเติบโตในโลกที่แตกต่าง.. หากไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน ที่เจ้าน้อยรู้สึก...ต้องชะตาและถูกใจจนให้เข้ามาวุ่นวายข้างในซอกหลืบเล็กๆได้เท่า....เจ้าแม้นเมือง...ภายใต้ใบหน้าที่สวยพิศหมดจด หากไร้รอยยิ้มต้อนรับให้แขกบ้านแขกเมืองในการพบกันครั้งแรก ก็ดู...น่าสนใจแล้ว
การได้พูดคุยกันหลายครั้ง ผู้หญิง...ที่สามารถพูดคุยเรื่องการบ้านงานเมืองกับเขาได้รู้เรื่องแม้คิดตรงข้าม ผู้หญิงที่ดูแลตัวเองเก่งขนาดขี่ม้าไปไหนมาไหนในกำแพงล้อมโดยไร้คนติดตาม ผู้หญิงที่ใฝ่รู้จากหนังสือฝรั่งที่เธออ่าน และนั่นล่ะ....อะไรก็ไม่เท่า.. รอยยิ้มแรก...ที่แม้นเมืองยิ้มอย่างไร้กำแพงล้อมกับเจ้าน้อยตอนร่วมมือร่วมใจช่วยลูกนกคืนรัง จึงมีความหมายมาก...เขาได้สัมผัสตัวตนอีกด้าน ตัวตนที่ถูกเก็บไว้..ความอ่อนโยนที่น่าเอ็นดูของเธอ ถูกกดไว้ใต้ท่าทีต่อต้านตลอดมา.... ไม่ยากเลยที่จะรัก...ยากกว่าที่จะไม่ตกหลุมรัก
ใต้ดงชมพูป่าที่ร่วงหล่นเป็นสีชมพูเกลื่อน...ความรู้สึกที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น รวดเร็ว รุนแรง..จนกล้าพูดออกไปว่า...จะมารอที่นี่ทุกวัน ต่อให้จะมาหรือไม่มา...ก็จะรอ สถานที่ที่เหมือนเป็นความทรงจำระหว่างกัน
เจ้าแม้นเมือง...ไม่เคยสนใจญาติผู้ชายใกล้ชิด ทุกความรู้สึก..ความสำนึก..ความรัก..แม้นเมืองมีให้เชียงเงินเท่านั้น...แม้แต่เจ้าจักรคำ วงศ์ญาติจากเชียงพระคำก็ไม่ได้ถูกเห่อไปด้วย แต่เป็นผู้ชาย...ที่ถูกห่อหุ้มด้วยความศิวิไลซ์จากชาติตะวันตกที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าน้อยศุขวงศ์ เขา...ที่ทำให้หัวใจแม้นเมืองไม่เคยเต้นเหมือนเดิม เขาคือความแปลก เขาคือความต่าง เขาคือปฏิปักษ์ การแต่งกายตามแบบฝรั่งของเขา เพื่อนที่เขาคบหา ช่างไร้วัฒธรรมรากเหง้าของบ้านเกิดเสียเต็มประดา แต่ทำไม....."มันถึงน่าดึงดูดใจ" เช่นนี้
เจ้านายฝ่ายหญิงไม่ว่าจะอยู่เมืองไหน ก็คงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับผู้ชายยากหนักหนา หากไม่ใช่พระญาติ ส่วนมากหากไม่รู้จักกันวันแต่งงานเลย ก็คงมีเวลาพูดคุยทำความรู้จักกันไม่นานนัก นี่เองจึงน่าจะเป็นสาเหตุ ที่ความแปลกตา แปลกใจของเจ้าศุขวงศ์ถึงติดอยู่ในความสนใจของเจ้าแม้นเมืองแต่แรกเริ่ม อาจจะรวมไปถึงเจ้ามิ่งหล้าเสียด้วย...
แววตากรุ้มกริ่ม ระยิบระยับ แต่ไม่วิบวับอย่างผู้ชายมากรัก และคำพูดหยอกเย้า..เกี้ยวพาอย่างอ่อนโยน สุภาพ...ว่าจะมารอที่ใต้ดงชมพูป่าทุกวัน มีหรือที่เจ้าหญิงน้ำแข็งที่รอการหลอมละลายจะไม่หวั่นไหว...หากเขาคือ คนคิดต่าง....แม้นเมืองทำได้เพียงกักเก็บทุกความรู้สึก ...ที่สำคัญ..เขาคนนี้ คือผู้ชายที่น้องสาวอย่างมิ่งหล้าผูกสมัครรักไคร่..
[รากนครา] ของขวัญล้ำค่าจากเชียงเงินสู่เชียงพระคำ...การผูกพันเกี่ยวรัดแน่นที่มาจากแผนตลบหลัง
การพบหน้ากันไม่กี่ที พูดคุยกันไม่กี่คำ กลับทำให้เจ้าศุขวงศ์และเจ้าแม้นเมืองเกิดความรู้สึกแปลก..หากอัดแน่นในหัวใจ...มากขนาดที่สามารถเป็นหัวเชื้อเพลิงให้ตัดสินใจบุ่มบ่าม กระทำอะไรบางอย่างที่ส่งผลต่อหมากทุกตัวบนกระดานได้
ความรัก...หวานล้ำ ลุ่มลึก โหยหา หอมหวน ...หลายครั้งหลายคราที่ไม่จำเป็นต้องการเวลาบ่มเพาะ หัวใจคงเป็นตัวตัดสินได้..ว่าใคร...คือคนนั้นที่เฝ้ารอ ระหว่างศุขวงศ์และแม้นเมือง ความเหมือนและความต่างนี้เองที่ดึงดูด..รุนแรง..เข้าหากัน
เจ้าน้อยศุขวงศ์...ก็เหมือนผู้ชายวัยหนุ่มฉกรรจ์ที่รู้ว่าตัวเองมีดีอย่างไร การได้ลงใต้ไปอยู่ไกลถึงบางกอก และ เล่าเรียนถึงสิงคโปร์ เมืองท่าสำคัญของเจ้าอาณานิคมที่เปิดรับความศิวิไลซ์กว่าบ้านเกิด ร่วม 15 ปี คงได้พบเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตา หลากหลายเชื้อชาติ อีกทั้งลูกเจ้าขุนมูลนาย มีเชื้อมีสาย ที่อยู่ในรั้วในวัง ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นแน่ รูปสมบัติ คุณสมบัติ รวมถึงทรัพย์สมบัติของเขา ไม่เคยยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้าน รอยยิ้มละมุนละไมเป็นมิตร มีการศึกษาแบบที่น้อยคนนักจะได้รับ และที่สำคัญ..มีเชื้อมีสายของเลือดสีน้ำเงินเข้มข้น เชียงพระคำ..หัวเมืองทางเหนือ ที่อาจจะไม่ใหญ่เท่าเชียงใหม่ แต่สินแร่ในดินและน้ำ ดงสักเต็มผืนป่าก็ทำให้หัวเมืองไกลเมืองนี้..มีความสำคัญ
การเติบโตในโลกที่แตกต่าง.. หากไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน ที่เจ้าน้อยรู้สึก...ต้องชะตาและถูกใจจนให้เข้ามาวุ่นวายข้างในซอกหลืบเล็กๆได้เท่า....เจ้าแม้นเมือง...ภายใต้ใบหน้าที่สวยพิศหมดจด หากไร้รอยยิ้มต้อนรับให้แขกบ้านแขกเมืองในการพบกันครั้งแรก ก็ดู...น่าสนใจแล้ว
การได้พูดคุยกันหลายครั้ง ผู้หญิง...ที่สามารถพูดคุยเรื่องการบ้านงานเมืองกับเขาได้รู้เรื่องแม้คิดตรงข้าม ผู้หญิงที่ดูแลตัวเองเก่งขนาดขี่ม้าไปไหนมาไหนในกำแพงล้อมโดยไร้คนติดตาม ผู้หญิงที่ใฝ่รู้จากหนังสือฝรั่งที่เธออ่าน และนั่นล่ะ....อะไรก็ไม่เท่า.. รอยยิ้มแรก...ที่แม้นเมืองยิ้มอย่างไร้กำแพงล้อมกับเจ้าน้อยตอนร่วมมือร่วมใจช่วยลูกนกคืนรัง จึงมีความหมายมาก...เขาได้สัมผัสตัวตนอีกด้าน ตัวตนที่ถูกเก็บไว้..ความอ่อนโยนที่น่าเอ็นดูของเธอ ถูกกดไว้ใต้ท่าทีต่อต้านตลอดมา.... ไม่ยากเลยที่จะรัก...ยากกว่าที่จะไม่ตกหลุมรัก
ใต้ดงชมพูป่าที่ร่วงหล่นเป็นสีชมพูเกลื่อน...ความรู้สึกที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น รวดเร็ว รุนแรง..จนกล้าพูดออกไปว่า...จะมารอที่นี่ทุกวัน ต่อให้จะมาหรือไม่มา...ก็จะรอ สถานที่ที่เหมือนเป็นความทรงจำระหว่างกัน
เจ้าแม้นเมือง...ไม่เคยสนใจญาติผู้ชายใกล้ชิด ทุกความรู้สึก..ความสำนึก..ความรัก..แม้นเมืองมีให้เชียงเงินเท่านั้น...แม้แต่เจ้าจักรคำ วงศ์ญาติจากเชียงพระคำก็ไม่ได้ถูกเห่อไปด้วย แต่เป็นผู้ชาย...ที่ถูกห่อหุ้มด้วยความศิวิไลซ์จากชาติตะวันตกที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าน้อยศุขวงศ์ เขา...ที่ทำให้หัวใจแม้นเมืองไม่เคยเต้นเหมือนเดิม เขาคือความแปลก เขาคือความต่าง เขาคือปฏิปักษ์ การแต่งกายตามแบบฝรั่งของเขา เพื่อนที่เขาคบหา ช่างไร้วัฒธรรมรากเหง้าของบ้านเกิดเสียเต็มประดา แต่ทำไม....."มันถึงน่าดึงดูดใจ" เช่นนี้
เจ้านายฝ่ายหญิงไม่ว่าจะอยู่เมืองไหน ก็คงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับผู้ชายยากหนักหนา หากไม่ใช่พระญาติ ส่วนมากหากไม่รู้จักกันวันแต่งงานเลย ก็คงมีเวลาพูดคุยทำความรู้จักกันไม่นานนัก นี่เองจึงน่าจะเป็นสาเหตุ ที่ความแปลกตา แปลกใจของเจ้าศุขวงศ์ถึงติดอยู่ในความสนใจของเจ้าแม้นเมืองแต่แรกเริ่ม อาจจะรวมไปถึงเจ้ามิ่งหล้าเสียด้วย...
แววตากรุ้มกริ่ม ระยิบระยับ แต่ไม่วิบวับอย่างผู้ชายมากรัก และคำพูดหยอกเย้า..เกี้ยวพาอย่างอ่อนโยน สุภาพ...ว่าจะมารอที่ใต้ดงชมพูป่าทุกวัน มีหรือที่เจ้าหญิงน้ำแข็งที่รอการหลอมละลายจะไม่หวั่นไหว...หากเขาคือ คนคิดต่าง....แม้นเมืองทำได้เพียงกักเก็บทุกความรู้สึก ...ที่สำคัญ..เขาคนนี้ คือผู้ชายที่น้องสาวอย่างมิ่งหล้าผูกสมัครรักไคร่..