กระทู้ก่อนหน้า EP.1-2
https://ppantip.com/topic/36904982
EP.3 (นิยาย ตอนที่22-27)
เปิดฉากมาที่ศุขวงศ์บุกชิงตัวมิ่งหล้าตัวปลอม จนคิดว่าแผนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พร้อมที่จะเตรียมตัวเผ่นกลับเชียงพระคำ จนมาเจอบ่าวไพร่มาจัดของที่บ้านพักเพิ่มเติม มีการเพิ่มฉากศุขวงศ์เก็บเม็ดชมพูป่า เพราะปลงใจแล้วว่าต่อจากนี้ไปคงไม่ได้เจอแม้นเมืองอีก ขอเก็บความทรงจำดีๆนี้ไปแล้วกัน (เราฟินไปอี๊กกก) เนื้อเรื่องดำเนินไปตามเส้นเรื่องที่ควรจะเป็นในนิยาย และได้ความตื่นเต้น ตกใจ กับซาวด์ประกอบที่ตอนอ่านนิยายไม่มี 555 เพิ่มซีนการเผชิญหน้ากันของศุขวงศ์และแม้นเมืองที่หน้าเรือนรับรองช่วงสั้นๆ ซึ่งมีสื่อให้เห็นนัยยะบางอย่างซ่อนอยู่ ในขณะที่ในนิยายสองคนนี้ไม่ได้เจอกันเลยจนกระทั่งวันแต่งงาน เพราะอยู่เรือนหลังติดกัน
อีพีนี้เปิดตัวละครเขียนจันทร์- แม่ของฟองจันทร์และคำแก้ว มีการพูดถึงครูวงพรหมผู้เป็นสามีของเขียนจันทร์ด้วย ซึ่งในนิยาย ผู้เขียนบรรยายความรัก ความผูกพันธ์ของแม้นเมืองกับครอบครัวนี้ไว้เยอะพอสมควร ทำให้พออ่านแล้ว รู้สึกว่าไม่เพียงแต่ชนชั้นปกครองเท่านั้นที่ต้องอุทิศชีวิตให้ชาติบ้านเมือง แต่ครอบครัวบ่าวไพร่ก็ต้องทำด้วยเช่นกัน ทุกคนได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
มีการตัดสลับบอกเล่าเรื่องการเดินทางไปเมืองมัณฑ์ทางฝั่งมิ่งหล้าและเจ้านางข่ายคำที่อยู่บนไทม์ไลน์เดียวกันได้อย่างแนบเนียน และมีการปรับบทให้เจ้านางข่ายคำเดินทางไปส่งลูกสาวด้วยตัวเอง ไม่ใช่gเจ้าบัวทิพย์แบบในนิยาย
บทละครเปลี่ยนของขวัญที่เจ้าหลวงแสนอินทะ ให้เจ้าแม้นเมืองจากกระดุมเพชรน้ำงาม เป็นเสื้อกาบคำ ซึ่งมีค่าพอๆกัน ทั้งการเปลี่ยนนี้ยังเสริมความสมจริงให้กับละครเข้าไปอีก ยิ่งตัวละครทั้งสองได้ใส่ในวันแต่งงาน ที่แทบจะถอดมาจากภาพในอดีตจริงๆยิ่งขนลุก
มาถึงฉากปางพักค้างแรมกลางป่าของทีมเชียงพระคำ ในนิยายระบุว่าเป็นเรือนไม้หลังเล็กสร้างหยาบๆ ขณะที่ในละครเป็นกระโจมพักชั่วคราว สำหรับเรามัน make sense มาก ที่เปลี่ยนเป็นกระโจมแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มี ฉากกั้น ที่แสดงถึงนัยยะบางอย่างในนิยายแล้วก็ตาม
มีการเพิ่มมุกมาเบรคให้เห็นรอยยิ้มของเจ้าน้อย ทำให้คนดูไม่เครียดไปกับใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก เหมือนแบกโลกทั้งใบของแม้นเมืองมากเกินไป ด้วยมีอยู่ของคำแก้ว ทั้งฉากศุขวงศ์ได้ยินคำแก้วสืบเรื่องเจ้าย่า และลาบคั่ว พร้อมกับคำประกาศกร้าวของศุขวงศ์ที่จะเดินหน้ารักเค้าข้างเดียวอย่างเต็มที่ ให้เราได้ลุ้นว่าจะมีฉากฟินๆในตอนถัดไป
เราไม่ได้เห็นภาพฝันร้ายของแม้นเมือง เหมือนกับในนิยาย เข้าใจว่าทางผู้กำกับคงเข็ดกับการทำCGจากเรื่องนาคี หรือหมดงบ คิดว่าเราคงไม่ได้เห็นที่น่ากลัวๆในฝันของแม้นเมืองในอีกหลายๆครั้งตามนิยายแน่นอน
ฉากสกินชิพกันครั้งแรกกลางดึก ของศุขวงศ์และแม้นเมืองดีงามมาก ถึงจะตัดบทพูดและการตัดต่อที่รวบรัดอย่างสูงก็ไม่ทำให้เสียอรรถรส ถึงฉากกั้นจะไม่มี แต่ก็ยังมีมุ้ง ตอนเจ้าน้อยเดินออกไปแล้วจับมุ้งให้นี่ดูละมุนไปอี๊กกกก ฟินนนน เคมีหมาก-แต้ว ดีเหลือเกินนนน
มาถึงฉากที่เรารอคอย เข้าเขตเชียงพระคำ เรือนไม้บนภูผาเมือง คำแก้วตัวชง และแม้นเมืองที่ยังรักษาใบหน้าเย็นชาและระยะห่างจากศุขวงศ์อย่างคงเส้นคงวา
ในละครเปลี่ยนฉากการคุยกันของศุขวงศ์และหน่อเมืองจากบนผา เป็นการนั่งคุยรอบกองไฟ มีนัยยะถึงความร้อนและไร้เหตุผลของศุขวงศ์ โดยการนำพาสุราที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดของศุขวงศ์และแม้นเมืองเข้าไป ฉากที่โยนจอกเหล้าเข้าไปในกองเพลิงนั้นได้อารมณ์ดีแท้
เมื่อขึ้นมาบนเรือน เห็นแม้นเมืองนั่งรอ พร้อมกับพูดเรื่องเดียวกับที่เพิ่งได้รับรู้มาจากหน่อเมือง ทำให้จุดอารมณ์เดือดพล่านของศุขวงศ์เข้าไปอีก จนเกินที่คนที่รักเค้าหมดใจแต่คิดว่าเค้าทำไปเพราะหน้าที่อย่างศุขวงศ์ทนไม่ไหว พูดทำร้ายจิตใจและพ่ายแพ้อารมณ์ของตัวเอง
ฉากนี้ถ้าหากอ่านในนิยายจะมีช่วงหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนของศุขวงศ์และการยอมของแม้นเมือง แต่ในละครแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของศุขวงศ์เพียงอย่างเดียว คิดว่าอาจสื่อให้เห็นถึงความรู้สึกของแม้นเมืองที่คิดว่าผู้ชายทำไปโดยปราศจากความรัก แล้วผู้กำกับก็ดับฝันคนกำลังฟินไปด้วยการตัดบทการหยอกล้อของศุขวงศ์หลังเสร็จกิจในนิยาย ด้วยการให้แม้นเมืองนั่งร้องไห้ และแทนที่ด้วยซีนจูบไหล่ในตำนาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเป็น “สามีแห่งชาติ” ของหมาก-ปริญ
จบอีพีนี้
นอกจากจะหลงรักคำแก้ว ยังต้องมาลุ้นตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อว่าพี่อ๊อฟจะชดเชยฉากฟินๆที่ตัดไปมาให้มั๊ย พร้อมทั้งลุ้นอยากเห็นเรือนหอของเจ้าน้อย
ในนิยายมีทั้งหมด 49 ตอน นี่เพิ่งตอนที่3 ก็มาถึงจะครึ่งเรื่องของในหนังสือแล้ว พี่อ๊อฟจะรีบไปไหน ไหนบอกให้ค่อยๆเคี้ยวไง นี่เล่นจับยัดเข้าปากแล้วกลืนเลย ทำเอาเราอาหารไม่ย่อยไปหลายวัน
รากนครา: บทประพันธ์สุด นักแสดงสุด โปรดักชั่นสุด บทละครขยี้ใจสุดๆ EP.3-5
EP.3 (นิยาย ตอนที่22-27)
เปิดฉากมาที่ศุขวงศ์บุกชิงตัวมิ่งหล้าตัวปลอม จนคิดว่าแผนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พร้อมที่จะเตรียมตัวเผ่นกลับเชียงพระคำ จนมาเจอบ่าวไพร่มาจัดของที่บ้านพักเพิ่มเติม มีการเพิ่มฉากศุขวงศ์เก็บเม็ดชมพูป่า เพราะปลงใจแล้วว่าต่อจากนี้ไปคงไม่ได้เจอแม้นเมืองอีก ขอเก็บความทรงจำดีๆนี้ไปแล้วกัน (เราฟินไปอี๊กกก) เนื้อเรื่องดำเนินไปตามเส้นเรื่องที่ควรจะเป็นในนิยาย และได้ความตื่นเต้น ตกใจ กับซาวด์ประกอบที่ตอนอ่านนิยายไม่มี 555 เพิ่มซีนการเผชิญหน้ากันของศุขวงศ์และแม้นเมืองที่หน้าเรือนรับรองช่วงสั้นๆ ซึ่งมีสื่อให้เห็นนัยยะบางอย่างซ่อนอยู่ ในขณะที่ในนิยายสองคนนี้ไม่ได้เจอกันเลยจนกระทั่งวันแต่งงาน เพราะอยู่เรือนหลังติดกัน
อีพีนี้เปิดตัวละครเขียนจันทร์- แม่ของฟองจันทร์และคำแก้ว มีการพูดถึงครูวงพรหมผู้เป็นสามีของเขียนจันทร์ด้วย ซึ่งในนิยาย ผู้เขียนบรรยายความรัก ความผูกพันธ์ของแม้นเมืองกับครอบครัวนี้ไว้เยอะพอสมควร ทำให้พออ่านแล้ว รู้สึกว่าไม่เพียงแต่ชนชั้นปกครองเท่านั้นที่ต้องอุทิศชีวิตให้ชาติบ้านเมือง แต่ครอบครัวบ่าวไพร่ก็ต้องทำด้วยเช่นกัน ทุกคนได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
มีการตัดสลับบอกเล่าเรื่องการเดินทางไปเมืองมัณฑ์ทางฝั่งมิ่งหล้าและเจ้านางข่ายคำที่อยู่บนไทม์ไลน์เดียวกันได้อย่างแนบเนียน และมีการปรับบทให้เจ้านางข่ายคำเดินทางไปส่งลูกสาวด้วยตัวเอง ไม่ใช่gเจ้าบัวทิพย์แบบในนิยาย
บทละครเปลี่ยนของขวัญที่เจ้าหลวงแสนอินทะ ให้เจ้าแม้นเมืองจากกระดุมเพชรน้ำงาม เป็นเสื้อกาบคำ ซึ่งมีค่าพอๆกัน ทั้งการเปลี่ยนนี้ยังเสริมความสมจริงให้กับละครเข้าไปอีก ยิ่งตัวละครทั้งสองได้ใส่ในวันแต่งงาน ที่แทบจะถอดมาจากภาพในอดีตจริงๆยิ่งขนลุก
มาถึงฉากปางพักค้างแรมกลางป่าของทีมเชียงพระคำ ในนิยายระบุว่าเป็นเรือนไม้หลังเล็กสร้างหยาบๆ ขณะที่ในละครเป็นกระโจมพักชั่วคราว สำหรับเรามัน make sense มาก ที่เปลี่ยนเป็นกระโจมแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มี ฉากกั้น ที่แสดงถึงนัยยะบางอย่างในนิยายแล้วก็ตาม
มีการเพิ่มมุกมาเบรคให้เห็นรอยยิ้มของเจ้าน้อย ทำให้คนดูไม่เครียดไปกับใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก เหมือนแบกโลกทั้งใบของแม้นเมืองมากเกินไป ด้วยมีอยู่ของคำแก้ว ทั้งฉากศุขวงศ์ได้ยินคำแก้วสืบเรื่องเจ้าย่า และลาบคั่ว พร้อมกับคำประกาศกร้าวของศุขวงศ์ที่จะเดินหน้ารักเค้าข้างเดียวอย่างเต็มที่ ให้เราได้ลุ้นว่าจะมีฉากฟินๆในตอนถัดไป
เราไม่ได้เห็นภาพฝันร้ายของแม้นเมือง เหมือนกับในนิยาย เข้าใจว่าทางผู้กำกับคงเข็ดกับการทำCGจากเรื่องนาคี หรือหมดงบ คิดว่าเราคงไม่ได้เห็นที่น่ากลัวๆในฝันของแม้นเมืองในอีกหลายๆครั้งตามนิยายแน่นอน
ฉากสกินชิพกันครั้งแรกกลางดึก ของศุขวงศ์และแม้นเมืองดีงามมาก ถึงจะตัดบทพูดและการตัดต่อที่รวบรัดอย่างสูงก็ไม่ทำให้เสียอรรถรส ถึงฉากกั้นจะไม่มี แต่ก็ยังมีมุ้ง ตอนเจ้าน้อยเดินออกไปแล้วจับมุ้งให้นี่ดูละมุนไปอี๊กกกก ฟินนนน เคมีหมาก-แต้ว ดีเหลือเกินนนน
มาถึงฉากที่เรารอคอย เข้าเขตเชียงพระคำ เรือนไม้บนภูผาเมือง คำแก้วตัวชง และแม้นเมืองที่ยังรักษาใบหน้าเย็นชาและระยะห่างจากศุขวงศ์อย่างคงเส้นคงวา
ในละครเปลี่ยนฉากการคุยกันของศุขวงศ์และหน่อเมืองจากบนผา เป็นการนั่งคุยรอบกองไฟ มีนัยยะถึงความร้อนและไร้เหตุผลของศุขวงศ์ โดยการนำพาสุราที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดของศุขวงศ์และแม้นเมืองเข้าไป ฉากที่โยนจอกเหล้าเข้าไปในกองเพลิงนั้นได้อารมณ์ดีแท้
เมื่อขึ้นมาบนเรือน เห็นแม้นเมืองนั่งรอ พร้อมกับพูดเรื่องเดียวกับที่เพิ่งได้รับรู้มาจากหน่อเมือง ทำให้จุดอารมณ์เดือดพล่านของศุขวงศ์เข้าไปอีก จนเกินที่คนที่รักเค้าหมดใจแต่คิดว่าเค้าทำไปเพราะหน้าที่อย่างศุขวงศ์ทนไม่ไหว พูดทำร้ายจิตใจและพ่ายแพ้อารมณ์ของตัวเอง
ฉากนี้ถ้าหากอ่านในนิยายจะมีช่วงหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนของศุขวงศ์และการยอมของแม้นเมือง แต่ในละครแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของศุขวงศ์เพียงอย่างเดียว คิดว่าอาจสื่อให้เห็นถึงความรู้สึกของแม้นเมืองที่คิดว่าผู้ชายทำไปโดยปราศจากความรัก แล้วผู้กำกับก็ดับฝันคนกำลังฟินไปด้วยการตัดบทการหยอกล้อของศุขวงศ์หลังเสร็จกิจในนิยาย ด้วยการให้แม้นเมืองนั่งร้องไห้ และแทนที่ด้วยซีนจูบไหล่ในตำนาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเป็น “สามีแห่งชาติ” ของหมาก-ปริญ
จบอีพีนี้
นอกจากจะหลงรักคำแก้ว ยังต้องมาลุ้นตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อว่าพี่อ๊อฟจะชดเชยฉากฟินๆที่ตัดไปมาให้มั๊ย พร้อมทั้งลุ้นอยากเห็นเรือนหอของเจ้าน้อย
ในนิยายมีทั้งหมด 49 ตอน นี่เพิ่งตอนที่3 ก็มาถึงจะครึ่งเรื่องของในหนังสือแล้ว พี่อ๊อฟจะรีบไปไหน ไหนบอกให้ค่อยๆเคี้ยวไง นี่เล่นจับยัดเข้าปากแล้วกลืนเลย ทำเอาเราอาหารไม่ย่อยไปหลายวัน