กระทู้นี้ เราเสียใจมาก เราอายุ 35 ปี เพิ่งเคยผ่าตัดครั้งนี้ ครั้งแรก
เราไปรับการผ่าตัด ช็อคโกแลตซีสต์รังไข่ ขนาด 8 cm. ที่รังไข่ 2 ข้าง ที่ รพ.รัฐ เราใช้สิทธิ์เบิกราชการ หมอถามว่าจะผ่าแบบไหน เราก็ให้หมอแนะนำ สรุปเลือกผ่าแบบส่องกล้อง เพราะแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และเราต้องการมีลูก รอจองเตียง 3 เดือน ค่ารักษา 8 หมื่นกว่า (จ่ายส่วนต่าง 2 หมื่น) จองห้องพิเศษเพื่อ แม่เราคนเฝ้าจะได้นอนสบาย หมอก็นัดตรวจร่างกายอย่างละเอียด อัลตร้าซาวด์ เจาะเลือด ก่อนวันนัดผ่า ผลเราแข็งแรงดี พร้อมผ่าตัดได้
9ส.ค.60 เรามาแอดมิท ก่อนผ่าตัด 1 คืน เพื่อเตรียมตัวก่อนผ่า มาถึงหอผู้ป่วย พยาบาลถาม ผ่ากับใครคะ เราตอบ อาจารย์ ป.... พยาบาลถามอีกว่าได้ฝากให้อาจารย์ ป....เป็นคนผ่าหรือเปล่า เราก็งง ทำไมต้องฝาก ในเมื่อ อาจารย์ ป....เป็นหมอเจ้าของไข้
ก็ตอบพยาบาลไปว่าไม่ได้ฝากค่ะ พยาบาลก็พาไปเปลี่ยนชุด เข้าเตียง โกนขน อดอาหาร สวนก้น ให้น้ำเกลือ หมอดมยาก็มาหา อธิบายขั้นตอนดมยา กับซักประวัติ เราไม่ตื่นเต้นนะ ชิวเลย
10 ส.ค.60 วันผ่าตัด 11.00 น. เข้าห้องผ่าแล้ว ได้ออกมาจากห้องพักฟื้นตอน 15.00 น. ก็มีหมอผู้หญิง มาหา แนะนำตัวว่าเป็นหมอผู้ช่วย อาจารย์ ป.....แต่ อาจารย์ ป.....ไม่ได้ผ่าให้เรานะ หมอผู้หญิง เป็นคนผ่าให้เรา หมอบอกว่า 1.ตัดรังไข่ขวาเรา 2.เลาะช็อคโกแลตซีสต์ ที่รังไข่ซ้าย 3.เลาพังผืดอุ้งเชิงกราน 4.เลาะพังผืดด้านหลังมดลูก หมอใช้เวลาผ่าตัดนานมาก เพราะเรามีพังผืดเยอะ เราก็ขอบคุณหมอ หมอก็เอารูปที่ผ่าตัด ให้เราดูมันก็น่ากลัวมาก จากนั้น 12 ส.ค.60 เราก็ได้กลับบ้าน เพราะร่างกายแข็งแรงดี (แอบดีใจ แผลผ่าตัดเล็กมาก มีรูเล็กๆ 4 รูเอง จ่ายเพิ่ม 2 หมื่นแต่แผลเล็ก เจ็บตัวน้อย ก็ดีใจ)
14ส.ค.60 กลับมาบ้านแล้วเริ่มมีอาการผิดปกติ ปวดท้องน้อยซ้ายมาก ท้องอืดลมเต็มท้อง จนนอนไม่ได้ ปวดจนเป็นลม สามีเราพาไป รพ.ตอน บ่าย 4 ระหว่างทางจู่ๆก็เป็นกรดไหลย้อน ทรมานมาก ถึง รพ.หมอฉุกเฉินก็มาตรวจ แต่ไม่ให้ยา เพราะสงสัยจะเป็นใส้ติ่ง เพราะเราปวดมาก ส่งตรวจเลือด ปัสสาวะ สรุปไม่เป็นใส้ติ่งเที่ยงคืนส่งตรวจหมอสูติอัลตร้าซาวด์ดูรังไข่กับแผลผ่าตัดเดิม ผลก็ปกติดี ส่งเรากลับให้หมอฉุกเฉินหมอให้ยามอร์ฟัน ยาฆ่าเชื้อ พาไปห้องนอนดูอาการ
15ส.ค.60ในห้องดูอาการ หมอฉุกเฉินแจ้งว่าท้องอืดมาก ให้ยาลดกรดเพิ่มอีก เที่ยงก็ให้กลับบ้าน หมอบอกเราน่าจะเป็นโรคลำใส้แปรปรวน ถ้าอาการไม่ดี ให้มาใหม่ แล้วนัดให้มาพบหมออายุรกรรม 19 ส.ค.60 แต่ระหว่างทางกลับบ้าน เราเริ่มมีฉี่ไหลออกช่องคลอด แบบขยับตัวก็มีำหลตลอด กลับมาบ้านต้องใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เลยโทรกลับไปถามพยาบาลที่หอผู้ป่วยที่นอนตอนผ่าตัด ตอบว่าอาจเป็นน้ำที่หลงเหลือจากการผ่าตัด ถ้าไม่ใช่เลือดหรือหนอง ก็มาให้ อาจารย์ ป...ดูวันเปิดแผล เราก็งง ว่าที่ออกมามันคือฉี่ หรือน้ำอะไรแน่ แต่ก็กังวลมาก อาการปวดลดลง
19 ส.ค. อาจารย์ ป....นัดเปิดแผล มาตามนัดแผลดี อัลตร้าซาวด์ดูรังไข่ก็ดี แล้วแจ้งว่าเราเป็นซีสต์ระดับรึนแรงมากนะ หมอที่ผ่าตัดให้ดูรูปมั้ย เราก็ดูค่ะ จากนั้นอาจารย์ ป...ก็ฉีดยาอีโทนาน คุมไม่ให้รังไข่เราทำงาน 3 เดือนเพื่อป้องกันซีสต์กลับมาอีก แต่พอเราแจ้งว่ามีฉี่ออกช่องคลอด อาจารย์ ป..ดูแบบตกใจ จากนั้นก็ส่งเราไปฉีดสี เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นอะไร
เรากลับบ้านมา ฉี่ไหลทุกวันเริ่มเครียด นอนไม่หลับให้น้องสะใภ้ซื้อแพมเพิสให้ใส่ จากวันที่12 ส.ค.เราหนัก 67 เหลือ 61 เราเริ่มหาข้อมูลในเน็ต ทุกอย่างพอเดาๆว่าเราน่าจะเป็นโรคไต หรือกระเพาะปัสสาวะรั่ว ที่นี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย
21 ส.ค.60 ปวดมากอีกแล้ว ไป รพ.แต่เช้าหมอฉุกเฉินส่งเราไปตรวจแผนกอายุรกรรม จากนั้นส่งต่อไปอายุรกรรมยูโร เราได้แค่ยาแก้ปวด กับยาฆ่าเชื้อกลับบ้าน หมอยังไม่ตอบว่าเราเป็นอะไร ให้รอผลฉีดสีก่อน (นัดฉีดสีได้คิว 24 ส.ค.) เรากลับบ้านแบบทุกข์ใจมากๆ เป็นอะไรอีก กลัวเป็นแบบในข่าว ที่มีผู้หญิงอาการคล้ายๆเรา หมอที่ผ่าตัด รพ.ต่างจังหวัดไม่รับผิดชอบ ใส่ท่อปัสสาสะนอกตัวเป็นปีๆ จนต้องออกมาเป็นข่าวให้หมอ รพ.ราชวิถีรักษาให้ เครียดมาก
24 ส.ค.60 นัดฉีดสี ไปแบบทุลักทุเล เพราะเดินไม่ได้ ปวดแผล นั่งรถเข็นมาตลอด ตั้งแต่ 15 ส.ค. หมอฉีดสีแจ้งว่าท่อปัสสาวะของเรารั่ว แล้วต้องรักษายังไงก็แล้วแต่อ.เจ้าของไข้ ส่วนมากก็จะผ่าตัดซ่อม แค่นั้นแหละน้ำตาไหลนองหน้าเลย หมอกับน้องเราต้องปลอบอยู่พักใหญ่ ผลฉีดสีเราจะออกแบบละเอียด 30ส.ค. ระหว่างทางกลับบ้านร้องไห้ตลอดทางเลย
30 ส.ค.60 มาฟังผลฉีดสี เราเตรียมคำถามมากมายเพื่อจะถาม อาจารย์ ป...แต่ อาจารย์ ป...ไม่อยู่ มีนักเรียนแพทย์ แจ้งผลกับเรา ว่าท่อปัสสาวะรั่ว เราโวยวาย ถามหาสาเหตุ แน่นอนว่าหมอไม่ตอบ เราถามถึงการรักษาต่อจากนี้ หมอโทรหาอาจารย์ ป....บอกให้ส่งเราไปหาหมอเฉพาะทางซึ่ง อาจารย์ ป....จะโทรไปแจ้งส่วนตัวให้แล้ว
31 ส.ค.60 เรามาพบหมอเฉพาะทาง ที่เรียกว่าหมอยูโร หมอบอกท่อปัสสาวะเรารั่ว แต่ไม่ใหญ่มาก นัดส่องกล้องเพื่อใส่ท่อ dj ผ่านทางท่อปัสสาวะ จากนั้น 3 เดือน เอาออก เราก็จะหายแต่ถ้าใส่ไม่ได้ ก็ต้องผ่าตัดเพื่อใส่นะ ส่วนจะผ่าแบบเปิด หรือส่องกล้อง ค่อยดูกันอีกที นัดทำพรุ่งนี้เลย เราถามหาสาเหตุ แน่นอนว่าหมอยูโร ไม่ตอบบอกแค่ว่า ขอส่องกล้องดูก่อน
1 ก.ย.60 มา รพ.แต่เช้า นัดส่องกล้อง ใส่ท่อ dj เรามานอนให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดตั้งแต่ เที่ยง บ่ายโมง หมอยูโรคนเมื่อวาน พาเราเข้าห้องผ่าตัด ระหว่างรอจัดอุปกรณ์ พยาบาลบอกว่า หมอยูโรคนนี้ คือ ผศ.นพ.ที่เก่งมากๆ หมอยูโรก็ยิ้ม เราก็ค่อยสบายใจหน่อย ว่ารอบนี้หมอทำให้เอง ไม่ใช่แบบรอบที่แล้วที่ต้องฝากผ่าตัดด้วย ใครจะรู้ เห็นมีแต่ผ่าตัดคลอด ที่มีฝากพิเศษ นาทีเจ็บปวดมาละ หมอมาในชุดเขียว ดูช่องคลอดเรา แล้วบอกว่าปัสสาวะไหลอยู่ตลอด ไม่ต้องเกรงนะ หมอใสยาชา แล้วใช้เวลาทำประมาณ 5 นาที ทีนี้โคตรเจ็บเลย หมอส่องกล่องเข้าไป พร้อมใส่ท่อ dj ได้ยินเสียงบอกผู้ช่วย หยุด เริ่ม หยุดเริ่ม เราทั้งเจ็บทั้งปวด พยาบาลมาบีบที่เท้าเราบอกหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ จะดีขึ้น สรุปหมอใส่ไม่สำเร็จ เดินมาบีบมือเรา เพราะเราร้องไห้อีกแล้ว มันเจ็บจนบอกไม่ถูก พอเราเริ่มสงบ หมอบอกให้เราแอดมิท นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ทที่ รพ. จะเริ่มรักษาวันจันทร์ ที่ 4 ก.ย.ด้วยการวางยาสลบ แล้วส่องกล้องเข้าไปใส่ท่อ dj จากไตซ้าย ยาวไปถึงกระเพาะปัสสาวะ ความยาว 40 cm. เพื่อระบายน้ำจากไตลงกระเพาะปัสสาวะ เพราะรูที่รั่วปิดเองได้ จากนั้น 3 เดือนก็มาส่องกล้องแบบใสยาชา เพื่อเอาท่อออก แต่ถ้าส่องกล้องแล้วหมอยังทำไม่ได้ หมอจะผ่าเปิดหน้าท้องนะ เราก็ตกลง จากนั้นก็ได้อยู่หอผู้ป่วยแบบรวม เพราะรอบนี้เราไม่มีคนเฝ้า ที่บ้านเราป่วยเป็นไข้หวัดทุกคนเลย นอนให้ยา 2 คืน
4 ก.ย.60 วันที่ตื่นเต้นมาถึงแล้ว พยาบาลพาเราไปส่งห้องผ่าตัด 11.00 รอบนี้คนในห้องผ่าตัด สิบกว่าคนได้มีนักเรียนแพทย์ด้วย เรากลัวอีกละ หมอวางยาเริ่มทำหน้าที่ ก่อนดมยา แน่นอนเราถามหาหมอเจ้าของเราอยู่ไหน (คือกลัวแบบรอบที่แล้วเลือกหมอเจ้าของไข้คนนี้ แต่ตอนผ่าตัดส่งอีกคนมา) หมอเดินมาจับมือเหมือนเดิม(คือหมอคงรู้ว่าเรากลัว) เปิดหน้ากากให้เราดูหน้า เราโอเค หมอย้ำว่าถ้าส่องกล้องไม่ได้ ต้องผ่านะ จากนั้นก็เอานิ้วมาวาดตำแหน่งที่ท้อง เรากะความยาวน่าจะ 5 cm. ในใจรู้เลยว่า หมอจะผ่าแน่ๆ (เพราะพูดย้ำมา 2 รอบแล้ว)
15:00 เราตื่นในห้องพักฟื้น แบบปวดระดับ 8-9 พยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดให้ ก็ยังไม่หาย สรุปฉีดไป 4 รอบ 17:00 กลับหอผู้ป่วย พ่อแม่ สามี เป็นห่วงมาก คืนนี้นอนไม่ได้เลย ฉีดยาแก้ปวดอีก 2 รอบ
5 ก.ย.60 เช้ามาพบตัวเองในสภาพ มีถุงระบายเลือดข้างตัว เลือดแดงๆ เกือบเต็มถุง สายฉี่พร้อมถุง ฉี่แดงเหมือนเลือดเลย ลุกนั่งนี่แบบสุดๆ เจ็บปวดมาก หมอยูโรคนผ่า มาหาเราตอน 7:00 น. แจ้งว่าท่อไตเราอักเสบจนตีบ หมอต้องตัดที่ตีบออกแล้วต่อให้ใหม่ พร้อมใส่ท่อ dj ให้แล้ว อีกไม่เกิน 3 เดือนเอาออก แล้วหมอก็ไป นศ.พ.มาทำแผลให้ วันนี้เราเพลีย หลับทั้งวัน ตอนเย็นพยาบาลให้ลอง ลุกนั่งข้างเตียง พาไปเดินล้างหน้าที่ห้องน้ำ เพื่อให้ลำไส้ทำงาน
6 ก.ย. 60 ยังให้ยาฆ่าเชื้ออยู่นะ เลือดก็ออกเยอะ ฉี่ก็แดง แผลก็มีเลือดซึม วันนี้หมอยูโรมาเยี่ยมเราเหมือนเดิม เราเริ่มมีสติก็ถามถึงสาเหตุ แน่นอนว่าหมอตอบน้อยๆ ว่าการผ่าตัดรอบที่แล้วมันยาก ก็เลยมีผล คือโดนอวัยวะข้างเคียง ท่อไตเราไม่ได้ฉีกขาด แต่มีรูรั่วเล็กๆ ทำให้อักเสบจนตีบ พอมันตีบเนื้อก็เลยตายบางส่วน หมอถึงใส่สายไม่สำเร็จ เลยต้องผ่าตัดต่อให้เรียบร้อยแล้ว
7 ส.ค.60 อาการดีขึ้นตามลำดับ แต่วันนี้เราได้เห็นแผลตัวเองครั้งแรก น้ำตามาเป็นทางอีกแล้ว แม๊กเย็บแผล 18 ตัว มันไม่ใช้ 5 cm. ที่คิดไว้ หมอยูโร มาเยี่ยมวันนี้ เราบ่นยับเลยเรื่องแผลใหญ่ คำตอบที่ได้คือ นอกจากแผลใหญ่จะแล้ว หมอตัดกล้ามเนื้อตรงท้องบางส่วนด้วยคนไข้จะเจ็บมากๆเวลาขยับตัว เพราะท่อไตอยู่ด้านหลัง หมอให้ดูมือ บอกแผลเล็กๆ แล้วมือหมอจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ อืม เราก็พยายามจะเข้าใจมุกของหมออ่ะนะ แต่เมือคิดถึงเงิน 2 หมื่นที่เราจ่ายไป ตอนผ่าครั้งแรก กับแผลที่เห็นในวันนี้ บอกเลยจุกอกมาก?????
9 ส.ค. เรากลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้วนะ ลุกนั่งได้ เดินใกล้ๆได้ แต่แผลช้ำมาก 14 ส.ค. เอาแม๊กออก 26 ส.ค. หมอยูโรนัดติดตามอาการ
รอบแรก ลาป่วย 9-25 ก.ย
รอบสอง ลาป่วย 30ส.ค.-14 กย. แต่เอาจริงๆ 15 ส.ค.เราไปทำงานไม่ได้แน่ๆ คงต้องลาพักผ่อนเพิ่ม เพราะร่างกายมันไม่ไหวจริง
" แต่สิ่งหนึ่งที่หมอยูโร ไม่ได้บอกเรา แต่บอก นศ.พ. ที่มาศึกษาเคสเราคือ เคสนี้ตอนประเมินอาการคนไข้ เป็นช็อคโกแลตซีสต์ขนาดใหญ่ และรุนแรงมีความเสี่ยงที่จะผ่าแบบส่องกล้อง เพราะทำได้ยาก "
ถึงตอนนี้ เราอยากถามหาความรับผิดชอบจากหมอที่ผ่าคนแรก กับ อาจารย์ ป.... ที่ทำให้เราต้องเจ็บตัว เสียเวลา เสียเงิน เสียโอกาสรับงานสำคัญ โอกาสก้าวหน้าในการงาน ลาป่วยเกิน 1 เดือน ขั้นเราหายแน่นอน
แต่ก็ถามไม่ได้ เกรงใจหมอยูโร ที่เขาช่วยซ่อมร่างกายให้เรา ดูเขาเอาใจใส่ผู้ป่วยมากๆ แต่หมอที่ผ่าเราไม่เคยมีแม้แต่คำขอโทษ เลย
ขอบคุณคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ เราก็อยากมาเล่าประสบการณ์ที่ได้มา ถึงแม้จะเตรียมตัวมาอย่างดี มันก็พลาดกันได้ ก็ไม่รู้ว่าจะโทษหมอ หรือโทษตัวเองที่ดวงซวยเอง
**มีแก้ไข คำผิด วันที่ผิด
รพ.รัฐ ผ่าตัดผิดพลาด ทำคนไข้ท่อไตอักเสบจนตีบ ต้องผ่าตัดต่อใหม่
เราไปรับการผ่าตัด ช็อคโกแลตซีสต์รังไข่ ขนาด 8 cm. ที่รังไข่ 2 ข้าง ที่ รพ.รัฐ เราใช้สิทธิ์เบิกราชการ หมอถามว่าจะผ่าแบบไหน เราก็ให้หมอแนะนำ สรุปเลือกผ่าแบบส่องกล้อง เพราะแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และเราต้องการมีลูก รอจองเตียง 3 เดือน ค่ารักษา 8 หมื่นกว่า (จ่ายส่วนต่าง 2 หมื่น) จองห้องพิเศษเพื่อ แม่เราคนเฝ้าจะได้นอนสบาย หมอก็นัดตรวจร่างกายอย่างละเอียด อัลตร้าซาวด์ เจาะเลือด ก่อนวันนัดผ่า ผลเราแข็งแรงดี พร้อมผ่าตัดได้
9ส.ค.60 เรามาแอดมิท ก่อนผ่าตัด 1 คืน เพื่อเตรียมตัวก่อนผ่า มาถึงหอผู้ป่วย พยาบาลถาม ผ่ากับใครคะ เราตอบ อาจารย์ ป.... พยาบาลถามอีกว่าได้ฝากให้อาจารย์ ป....เป็นคนผ่าหรือเปล่า เราก็งง ทำไมต้องฝาก ในเมื่อ อาจารย์ ป....เป็นหมอเจ้าของไข้
ก็ตอบพยาบาลไปว่าไม่ได้ฝากค่ะ พยาบาลก็พาไปเปลี่ยนชุด เข้าเตียง โกนขน อดอาหาร สวนก้น ให้น้ำเกลือ หมอดมยาก็มาหา อธิบายขั้นตอนดมยา กับซักประวัติ เราไม่ตื่นเต้นนะ ชิวเลย
10 ส.ค.60 วันผ่าตัด 11.00 น. เข้าห้องผ่าแล้ว ได้ออกมาจากห้องพักฟื้นตอน 15.00 น. ก็มีหมอผู้หญิง มาหา แนะนำตัวว่าเป็นหมอผู้ช่วย อาจารย์ ป.....แต่ อาจารย์ ป.....ไม่ได้ผ่าให้เรานะ หมอผู้หญิง เป็นคนผ่าให้เรา หมอบอกว่า 1.ตัดรังไข่ขวาเรา 2.เลาะช็อคโกแลตซีสต์ ที่รังไข่ซ้าย 3.เลาพังผืดอุ้งเชิงกราน 4.เลาะพังผืดด้านหลังมดลูก หมอใช้เวลาผ่าตัดนานมาก เพราะเรามีพังผืดเยอะ เราก็ขอบคุณหมอ หมอก็เอารูปที่ผ่าตัด ให้เราดูมันก็น่ากลัวมาก จากนั้น 12 ส.ค.60 เราก็ได้กลับบ้าน เพราะร่างกายแข็งแรงดี (แอบดีใจ แผลผ่าตัดเล็กมาก มีรูเล็กๆ 4 รูเอง จ่ายเพิ่ม 2 หมื่นแต่แผลเล็ก เจ็บตัวน้อย ก็ดีใจ)
14ส.ค.60 กลับมาบ้านแล้วเริ่มมีอาการผิดปกติ ปวดท้องน้อยซ้ายมาก ท้องอืดลมเต็มท้อง จนนอนไม่ได้ ปวดจนเป็นลม สามีเราพาไป รพ.ตอน บ่าย 4 ระหว่างทางจู่ๆก็เป็นกรดไหลย้อน ทรมานมาก ถึง รพ.หมอฉุกเฉินก็มาตรวจ แต่ไม่ให้ยา เพราะสงสัยจะเป็นใส้ติ่ง เพราะเราปวดมาก ส่งตรวจเลือด ปัสสาวะ สรุปไม่เป็นใส้ติ่งเที่ยงคืนส่งตรวจหมอสูติอัลตร้าซาวด์ดูรังไข่กับแผลผ่าตัดเดิม ผลก็ปกติดี ส่งเรากลับให้หมอฉุกเฉินหมอให้ยามอร์ฟัน ยาฆ่าเชื้อ พาไปห้องนอนดูอาการ
15ส.ค.60ในห้องดูอาการ หมอฉุกเฉินแจ้งว่าท้องอืดมาก ให้ยาลดกรดเพิ่มอีก เที่ยงก็ให้กลับบ้าน หมอบอกเราน่าจะเป็นโรคลำใส้แปรปรวน ถ้าอาการไม่ดี ให้มาใหม่ แล้วนัดให้มาพบหมออายุรกรรม 19 ส.ค.60 แต่ระหว่างทางกลับบ้าน เราเริ่มมีฉี่ไหลออกช่องคลอด แบบขยับตัวก็มีำหลตลอด กลับมาบ้านต้องใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เลยโทรกลับไปถามพยาบาลที่หอผู้ป่วยที่นอนตอนผ่าตัด ตอบว่าอาจเป็นน้ำที่หลงเหลือจากการผ่าตัด ถ้าไม่ใช่เลือดหรือหนอง ก็มาให้ อาจารย์ ป...ดูวันเปิดแผล เราก็งง ว่าที่ออกมามันคือฉี่ หรือน้ำอะไรแน่ แต่ก็กังวลมาก อาการปวดลดลง
19 ส.ค. อาจารย์ ป....นัดเปิดแผล มาตามนัดแผลดี อัลตร้าซาวด์ดูรังไข่ก็ดี แล้วแจ้งว่าเราเป็นซีสต์ระดับรึนแรงมากนะ หมอที่ผ่าตัดให้ดูรูปมั้ย เราก็ดูค่ะ จากนั้นอาจารย์ ป...ก็ฉีดยาอีโทนาน คุมไม่ให้รังไข่เราทำงาน 3 เดือนเพื่อป้องกันซีสต์กลับมาอีก แต่พอเราแจ้งว่ามีฉี่ออกช่องคลอด อาจารย์ ป..ดูแบบตกใจ จากนั้นก็ส่งเราไปฉีดสี เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นอะไร
เรากลับบ้านมา ฉี่ไหลทุกวันเริ่มเครียด นอนไม่หลับให้น้องสะใภ้ซื้อแพมเพิสให้ใส่ จากวันที่12 ส.ค.เราหนัก 67 เหลือ 61 เราเริ่มหาข้อมูลในเน็ต ทุกอย่างพอเดาๆว่าเราน่าจะเป็นโรคไต หรือกระเพาะปัสสาวะรั่ว ที่นี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย
21 ส.ค.60 ปวดมากอีกแล้ว ไป รพ.แต่เช้าหมอฉุกเฉินส่งเราไปตรวจแผนกอายุรกรรม จากนั้นส่งต่อไปอายุรกรรมยูโร เราได้แค่ยาแก้ปวด กับยาฆ่าเชื้อกลับบ้าน หมอยังไม่ตอบว่าเราเป็นอะไร ให้รอผลฉีดสีก่อน (นัดฉีดสีได้คิว 24 ส.ค.) เรากลับบ้านแบบทุกข์ใจมากๆ เป็นอะไรอีก กลัวเป็นแบบในข่าว ที่มีผู้หญิงอาการคล้ายๆเรา หมอที่ผ่าตัด รพ.ต่างจังหวัดไม่รับผิดชอบ ใส่ท่อปัสสาสะนอกตัวเป็นปีๆ จนต้องออกมาเป็นข่าวให้หมอ รพ.ราชวิถีรักษาให้ เครียดมาก
24 ส.ค.60 นัดฉีดสี ไปแบบทุลักทุเล เพราะเดินไม่ได้ ปวดแผล นั่งรถเข็นมาตลอด ตั้งแต่ 15 ส.ค. หมอฉีดสีแจ้งว่าท่อปัสสาวะของเรารั่ว แล้วต้องรักษายังไงก็แล้วแต่อ.เจ้าของไข้ ส่วนมากก็จะผ่าตัดซ่อม แค่นั้นแหละน้ำตาไหลนองหน้าเลย หมอกับน้องเราต้องปลอบอยู่พักใหญ่ ผลฉีดสีเราจะออกแบบละเอียด 30ส.ค. ระหว่างทางกลับบ้านร้องไห้ตลอดทางเลย
30 ส.ค.60 มาฟังผลฉีดสี เราเตรียมคำถามมากมายเพื่อจะถาม อาจารย์ ป...แต่ อาจารย์ ป...ไม่อยู่ มีนักเรียนแพทย์ แจ้งผลกับเรา ว่าท่อปัสสาวะรั่ว เราโวยวาย ถามหาสาเหตุ แน่นอนว่าหมอไม่ตอบ เราถามถึงการรักษาต่อจากนี้ หมอโทรหาอาจารย์ ป....บอกให้ส่งเราไปหาหมอเฉพาะทางซึ่ง อาจารย์ ป....จะโทรไปแจ้งส่วนตัวให้แล้ว
31 ส.ค.60 เรามาพบหมอเฉพาะทาง ที่เรียกว่าหมอยูโร หมอบอกท่อปัสสาวะเรารั่ว แต่ไม่ใหญ่มาก นัดส่องกล้องเพื่อใส่ท่อ dj ผ่านทางท่อปัสสาวะ จากนั้น 3 เดือน เอาออก เราก็จะหายแต่ถ้าใส่ไม่ได้ ก็ต้องผ่าตัดเพื่อใส่นะ ส่วนจะผ่าแบบเปิด หรือส่องกล้อง ค่อยดูกันอีกที นัดทำพรุ่งนี้เลย เราถามหาสาเหตุ แน่นอนว่าหมอยูโร ไม่ตอบบอกแค่ว่า ขอส่องกล้องดูก่อน
1 ก.ย.60 มา รพ.แต่เช้า นัดส่องกล้อง ใส่ท่อ dj เรามานอนให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดตั้งแต่ เที่ยง บ่ายโมง หมอยูโรคนเมื่อวาน พาเราเข้าห้องผ่าตัด ระหว่างรอจัดอุปกรณ์ พยาบาลบอกว่า หมอยูโรคนนี้ คือ ผศ.นพ.ที่เก่งมากๆ หมอยูโรก็ยิ้ม เราก็ค่อยสบายใจหน่อย ว่ารอบนี้หมอทำให้เอง ไม่ใช่แบบรอบที่แล้วที่ต้องฝากผ่าตัดด้วย ใครจะรู้ เห็นมีแต่ผ่าตัดคลอด ที่มีฝากพิเศษ นาทีเจ็บปวดมาละ หมอมาในชุดเขียว ดูช่องคลอดเรา แล้วบอกว่าปัสสาวะไหลอยู่ตลอด ไม่ต้องเกรงนะ หมอใสยาชา แล้วใช้เวลาทำประมาณ 5 นาที ทีนี้โคตรเจ็บเลย หมอส่องกล่องเข้าไป พร้อมใส่ท่อ dj ได้ยินเสียงบอกผู้ช่วย หยุด เริ่ม หยุดเริ่ม เราทั้งเจ็บทั้งปวด พยาบาลมาบีบที่เท้าเราบอกหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ จะดีขึ้น สรุปหมอใส่ไม่สำเร็จ เดินมาบีบมือเรา เพราะเราร้องไห้อีกแล้ว มันเจ็บจนบอกไม่ถูก พอเราเริ่มสงบ หมอบอกให้เราแอดมิท นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ทที่ รพ. จะเริ่มรักษาวันจันทร์ ที่ 4 ก.ย.ด้วยการวางยาสลบ แล้วส่องกล้องเข้าไปใส่ท่อ dj จากไตซ้าย ยาวไปถึงกระเพาะปัสสาวะ ความยาว 40 cm. เพื่อระบายน้ำจากไตลงกระเพาะปัสสาวะ เพราะรูที่รั่วปิดเองได้ จากนั้น 3 เดือนก็มาส่องกล้องแบบใสยาชา เพื่อเอาท่อออก แต่ถ้าส่องกล้องแล้วหมอยังทำไม่ได้ หมอจะผ่าเปิดหน้าท้องนะ เราก็ตกลง จากนั้นก็ได้อยู่หอผู้ป่วยแบบรวม เพราะรอบนี้เราไม่มีคนเฝ้า ที่บ้านเราป่วยเป็นไข้หวัดทุกคนเลย นอนให้ยา 2 คืน
4 ก.ย.60 วันที่ตื่นเต้นมาถึงแล้ว พยาบาลพาเราไปส่งห้องผ่าตัด 11.00 รอบนี้คนในห้องผ่าตัด สิบกว่าคนได้มีนักเรียนแพทย์ด้วย เรากลัวอีกละ หมอวางยาเริ่มทำหน้าที่ ก่อนดมยา แน่นอนเราถามหาหมอเจ้าของเราอยู่ไหน (คือกลัวแบบรอบที่แล้วเลือกหมอเจ้าของไข้คนนี้ แต่ตอนผ่าตัดส่งอีกคนมา) หมอเดินมาจับมือเหมือนเดิม(คือหมอคงรู้ว่าเรากลัว) เปิดหน้ากากให้เราดูหน้า เราโอเค หมอย้ำว่าถ้าส่องกล้องไม่ได้ ต้องผ่านะ จากนั้นก็เอานิ้วมาวาดตำแหน่งที่ท้อง เรากะความยาวน่าจะ 5 cm. ในใจรู้เลยว่า หมอจะผ่าแน่ๆ (เพราะพูดย้ำมา 2 รอบแล้ว)
15:00 เราตื่นในห้องพักฟื้น แบบปวดระดับ 8-9 พยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดให้ ก็ยังไม่หาย สรุปฉีดไป 4 รอบ 17:00 กลับหอผู้ป่วย พ่อแม่ สามี เป็นห่วงมาก คืนนี้นอนไม่ได้เลย ฉีดยาแก้ปวดอีก 2 รอบ
5 ก.ย.60 เช้ามาพบตัวเองในสภาพ มีถุงระบายเลือดข้างตัว เลือดแดงๆ เกือบเต็มถุง สายฉี่พร้อมถุง ฉี่แดงเหมือนเลือดเลย ลุกนั่งนี่แบบสุดๆ เจ็บปวดมาก หมอยูโรคนผ่า มาหาเราตอน 7:00 น. แจ้งว่าท่อไตเราอักเสบจนตีบ หมอต้องตัดที่ตีบออกแล้วต่อให้ใหม่ พร้อมใส่ท่อ dj ให้แล้ว อีกไม่เกิน 3 เดือนเอาออก แล้วหมอก็ไป นศ.พ.มาทำแผลให้ วันนี้เราเพลีย หลับทั้งวัน ตอนเย็นพยาบาลให้ลอง ลุกนั่งข้างเตียง พาไปเดินล้างหน้าที่ห้องน้ำ เพื่อให้ลำไส้ทำงาน
6 ก.ย. 60 ยังให้ยาฆ่าเชื้ออยู่นะ เลือดก็ออกเยอะ ฉี่ก็แดง แผลก็มีเลือดซึม วันนี้หมอยูโรมาเยี่ยมเราเหมือนเดิม เราเริ่มมีสติก็ถามถึงสาเหตุ แน่นอนว่าหมอตอบน้อยๆ ว่าการผ่าตัดรอบที่แล้วมันยาก ก็เลยมีผล คือโดนอวัยวะข้างเคียง ท่อไตเราไม่ได้ฉีกขาด แต่มีรูรั่วเล็กๆ ทำให้อักเสบจนตีบ พอมันตีบเนื้อก็เลยตายบางส่วน หมอถึงใส่สายไม่สำเร็จ เลยต้องผ่าตัดต่อให้เรียบร้อยแล้ว
7 ส.ค.60 อาการดีขึ้นตามลำดับ แต่วันนี้เราได้เห็นแผลตัวเองครั้งแรก น้ำตามาเป็นทางอีกแล้ว แม๊กเย็บแผล 18 ตัว มันไม่ใช้ 5 cm. ที่คิดไว้ หมอยูโร มาเยี่ยมวันนี้ เราบ่นยับเลยเรื่องแผลใหญ่ คำตอบที่ได้คือ นอกจากแผลใหญ่จะแล้ว หมอตัดกล้ามเนื้อตรงท้องบางส่วนด้วยคนไข้จะเจ็บมากๆเวลาขยับตัว เพราะท่อไตอยู่ด้านหลัง หมอให้ดูมือ บอกแผลเล็กๆ แล้วมือหมอจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ อืม เราก็พยายามจะเข้าใจมุกของหมออ่ะนะ แต่เมือคิดถึงเงิน 2 หมื่นที่เราจ่ายไป ตอนผ่าครั้งแรก กับแผลที่เห็นในวันนี้ บอกเลยจุกอกมาก?????
9 ส.ค. เรากลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้วนะ ลุกนั่งได้ เดินใกล้ๆได้ แต่แผลช้ำมาก 14 ส.ค. เอาแม๊กออก 26 ส.ค. หมอยูโรนัดติดตามอาการ
รอบแรก ลาป่วย 9-25 ก.ย
รอบสอง ลาป่วย 30ส.ค.-14 กย. แต่เอาจริงๆ 15 ส.ค.เราไปทำงานไม่ได้แน่ๆ คงต้องลาพักผ่อนเพิ่ม เพราะร่างกายมันไม่ไหวจริง
" แต่สิ่งหนึ่งที่หมอยูโร ไม่ได้บอกเรา แต่บอก นศ.พ. ที่มาศึกษาเคสเราคือ เคสนี้ตอนประเมินอาการคนไข้ เป็นช็อคโกแลตซีสต์ขนาดใหญ่ และรุนแรงมีความเสี่ยงที่จะผ่าแบบส่องกล้อง เพราะทำได้ยาก "
ถึงตอนนี้ เราอยากถามหาความรับผิดชอบจากหมอที่ผ่าคนแรก กับ อาจารย์ ป.... ที่ทำให้เราต้องเจ็บตัว เสียเวลา เสียเงิน เสียโอกาสรับงานสำคัญ โอกาสก้าวหน้าในการงาน ลาป่วยเกิน 1 เดือน ขั้นเราหายแน่นอน
แต่ก็ถามไม่ได้ เกรงใจหมอยูโร ที่เขาช่วยซ่อมร่างกายให้เรา ดูเขาเอาใจใส่ผู้ป่วยมากๆ แต่หมอที่ผ่าเราไม่เคยมีแม้แต่คำขอโทษ เลย
ขอบคุณคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ เราก็อยากมาเล่าประสบการณ์ที่ได้มา ถึงแม้จะเตรียมตัวมาอย่างดี มันก็พลาดกันได้ ก็ไม่รู้ว่าจะโทษหมอ หรือโทษตัวเองที่ดวงซวยเอง
**มีแก้ไข คำผิด วันที่ผิด