มีใครก็รู้สึกว่าพ่อแม่รักตัวเองมากกว่าตัวเราบ้าง

สวัสดีทุกคน ตอนนี้เราอายุ20แล้ว 20ปีกับประสบการณ์ชีวิตที่เราต้องอดทนต่อสู้มันมา เราเป็นลูกสาวคนเดียวพ่อแม่แยกทางกันเพราะพ่อมีเมียน้อยซึ่งปัจจุบันเมียน้อยของพ่อก็คือแม่เลี้ยงของเราเอง แม่เราต้องคดีจึงทำให้เราต้องมาอยู่กับพ่อโดยปริยาย ก่อนเรามาตากับยายตัดสินใจหลายครั้งและถี่ถ้วนมาก เพราะถ้าอยู่กับตาและยายเราคงเป็นเด็กที่ไม่มีอนาคต เรามาอยู่มาอยู่กรุงเทพตั้งแต่7ขวบ โดยอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงเราดีกะเรามากกูแลทุกอย่างแถมให้เรียกว่าแม่อีกต่างหาก แต่ยังไงในความรู้สึกลึกๆ เค้าก็คือแม่เลี้ยงเรา ที่เคยทำร้ายครอบครัวเราให้แหลกกระจุยแบบไม่เหลือเลย เราโตมากับคำว่ากฎเกณฑ์ กฎระเบียบ พ่อเราเป็นคนค่อนข้างเข้มงวดและมักจะใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาทุกอย่าง กินเหล้าทุกวัน สูบบุหรี่ไม่ต้องพูดถึง แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กเราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี่เลย เราโตมากับการไปเฝ้ารอพ่อในวงเหล้า โดยที่เค้าปล่อยให้เรานอนฟลุบหลับไปเลย บางทีเราไปขอนอนในรถ เค้าก็ให้เรานอน โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าเราง่วงแล้ว ควรจะกลับบ้านดีกว่า เราเป็นเด็กค่อนข้างเรียนดี คือไม่มีอะไรให้พ่อแม่หนักใจ ทุกครั้งที่เราทำผิด เราจะโดนลงโทษโดยการตี พ่อเราหาอะไรมาได้ ก็จับตีหมด ตบหน้าเรา ถีบเรา สารพัด ตอนนั้นเด็กไง เราไม่ได้คิดอะไรแค่กลัวกับขอโทษพ่อไปคิดว่าเดี๋ยวเรื่องมันก็คงจะจบ แต่สำหรับความต้องการพื้นฐานของเด็ก เราไม่ขาดเลยนะ ไปเที่ยว กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ปู่ย่าตายาย เรียกได้ว่าภายนอกดูสมบูรณ์แบบมาก มีครั้งนึงตอนป.4 พ่อเรามีเมียน้อย แม่เลี้ยงเราจับได้ทะเลาะกันหนักมาก พ่อเอาปืนมาขู่จะยิงเรากะแม่เลี้ยงด้วย ไม่น่าเชื่อใช่มะ แต่มันคือความจริง ทั้งคู่เลยห่างกันแบบไม่อยู่บ้านเดียวกันเป็นเดือน พ่อเราติดเมียน้อยคนใหม่มาก เราไม่ชอบเค้า แบบว่าเกลียดมันมาก เวลาอยู่ในรถเราก็จะว่าเค้าว่า ทำไมต้องมาเป็นเมียน้อยพ่อเรา ชอบแย่งครอบครัวคนอื่นหรอ รู้มั้ยพ่อเราทำไง ไล่เราลงจากรถอ่ะ เด็กป.4 ไล่ลงจากรถกลางถนน แต่เราไม่ลงเพราะเรากลัวกลับบ้านไม่ถูก มันมืดแล้ว ผ่านไปจนเราขึ้น ม.1 เราสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลได้ พ่อแม่ดีใจกันใหญ่ ตอนนั้นมีความสุขมากบวกกับพ่อเลิกกับเมียน้อยได้แล้ว แต่การที่เราต้องนั่งวงเหล้ายังเหมือนเดิม นี่เราเล่าคร่าวๆนะ เพราะพ่อเรามีเมียน้อยและกิ๊กๆอีกเยอะ แม่เลี้ยงเราแทบบ้าตาย พอขึ้น ม.1 เรามีเพื่อนใหม่ที่สนิท สนิทกันมาก ตอนนั้นติ่งเกาหลีกำลังมา เราชอบเต้นcoverกะเพื่อน ซ้อมเต้นทุกเย็น พอมีการประกวดหรือโชว์ เราชอบที่จะลงชื่อ แต่ผลปรากฎว่าพ่อแม่เราไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะแม่เลี้ยงเรา ห้ามและขัดขวางเราตลอด แต่ยังโชคดีที่พ่อเราไม่ได้ขนาดนั้น บางทีก็แอบให้เราไปเต้น พอแม่เลี้ยงจับได้ เค้าโกรธเรามาก ไม่คุยกะเรา แบบแยกกันกินข้าว พ่อเราไปทำงานต่างประเทศพอดี เลยจำเป็นต้องอยู่กันสองคน แบบทรมานมาก พ่อก็ไม่อยู่ เราก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆเค้าเนอะ ไม่งั้นคงไม่ทำแบบนี้ มันโหดไปนะสำหรับเด็ก ม.ต้น สำหรับการแยกกันกินข้าว ไม่คุย ไม่มองหน้าแค่เพียงเพราะการแอบไปเต้นcoverที่งานโรงเรียน เราชอบการเต้นมาก แบบแกะทุกเพลงของsnsd นัดเต้นตอนเย็นกะเพื่อนๆ ซ้อมได้แปปเดียวต้องรีบกลับ พ่อแม่โทร.ตาม ทำให้เราต้องทิ้งสิ่งเรารักเพียงเพราะแม่เลี้ยงเรา ไม่ชอบ!!! พอมา ม.ปลาย ปัญหาเล็กๆน้อยๆเราเริ่มชินละ แต่ที่รู้สึกได้คือ พ่อแม่เราคาดหวังกะเรามากเลยเรื่องการสอบเข้ามหาลัย เราก็ตั้งใจเรียนเพื่อนท่านทั้งสองเลย อยากให้ภูมิใจในตัวเรา เราก็เรียนดีในระดับต้นๆของโรงเรียนเลย สอบแลกเปลี่ยนได้ตอน ม.3 เค้าก็ไม่ให้เราไป แต่ก่อนสอบเค้าสัญญากะเราว่าถ้าติดตะให้ไปเพราะเค้าไม่เชื่อว่าเราจะติดจริงๆ สรุปไม่ได้ไปค่ะ สอบติด ติดตัวสำรอง แต่คุณครูที่โรงเรียนอยากให้ไปประชุมเพราะมีโอกาสติดตัวจริงสูง ยังไงรู้มั้ยคะ แม่เลี้ยงเราไม่ไปประชุม คือทิ้งสิทธิ์เลย เราแบบเสียใจมาก พอขึ้น ม.6 เราเชื่อว่าทุกคนเป็นแบบเรา กดดันทั้งตัวเอง เพื่อนๆและครอบครัว เพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันไม่ได้ง่ายเลยค่ะ ยิ่งเป้าหมายเราสูงเพียงใด มันยิ่งยากและเหนื่อยเท่านั้น เราได้รางวัลชนะเลิศแข่งขันคณิตศาสตร์ ม.ปลาย เราดีใจมากกกกก จากคนที่อ่อนคณิตและมาจนถึงจุดนี้ เรารู่นะเรามีวันนี้ได้เพราะพ่อเราส่งไปเรียนพิเศษ เราจึงรักและทุ่มเทการสอบเข้าเพื่อนท่านจริงจัง เราสอบติด มหาลัยของรัฐย่านบางเขน ดีใจมากกกกกก คะแนนเราถึงในภาคที่เราอยากเข้า แต่แม่เลี้ยงของเราจัดการวุ่นวายกับการเลือกลำดับเราทำให้เราติดภาคที่ต้องจ่ายค่าเทอมเยอะกว่า สรุปยังไงรู้มั้ยคะ เรากู้ค่าเรียนเอง ภาระตกมาที่เรา พ่อเราเงินเดือนเยอะก็จริง แต่ก็มีภาระค่าใช้จ่ายในอดีตที่ต้องชำระมากเช่นกัน จึงทำให้บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก เราไม่อยากเป็นภาระ จึงตัดสินใจกู้ค่าเรียนค่ะ เราเรียนพอใช้ได้ คือไม่ได้แย่และก็ไม่ได้ดีมากขนาดนั้น ประมาณ 3.4 พ่อกะแม่เราก็ภูมิใจในตัวเราอ่ะนะ แต่!!! เรารู้สึกว่าตลอดชีวิตที่เราเข้ามาในกรุงเทพฯ เราค่อนข้างจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อแม่ ไม่มีเรื่องให้ท่านต้องหนักใจ แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเหมือนเราไม่มีค่าอะไรเลย เหมือนเป็นคนใช้ในบ้าน ทำงานบ้านทุกอย่าง พอไม่ทำก็จะโดนประชด โดนแม่เลี้ยงเหน็บบ้างหละ หลังๆเราไม่ทำเลย เพราะไม่มีกำลังใจ ทำแล้วก็คิดว่ามันเป็นหน้าที่เรา เราต้องทำตลอด ความจริงคือไม่ ทุกคนต้องช่วยกันสิ เราคิดนะ งานบ้านมันควรจะช่วยกันทำ มีความสุขกับการทำความสะอาดบ้าน หลังๆเราทำแค่บางอย่าง แต่ส่วนใหญ่ประมาณ80% เราก็ยังทำอยู่ เราเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบ ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนกะเพื่อนๆแบบอิสระ คือไปกลับ ต้องรายงานทุกระยะ เวลากลับที่แน่นอน ซึ่งถ้าเราไปเราต้องขอ ละคือพ่อแม่จะคิดว่าการขอไปเที่ยวห้างกะเพื่อนคือสิ่งที่ไม่ปกติ คือถามละเอียดยิบ และเหมือนเราขอตังค์พ่อกะแม่สักแสนนึงอ่ะ พอให้ไปเค้าท่านจะพูดว่า ดูซิอุตส่าห์ให้ไป พ่อใจดีมั้ย แต่สำหรับเรามันเป็นเรื่องปกติมากที่วัยรุ่นจะไปเดินห้างกะเพื่อน และไม่ได้ไปทั้งวันด้วยนะ ไปตอนสอบเสร็จ แบบฉลองอ่ะ ได้บ้างไม่ได้บ้าง จนเพื่อนเราเวลาจะไปไหนต้องถามเราตลอดว่าขอพ่อได้ยัง เรารู้สึกเหมือนไม่มีอิสระในการตัดสินใจเลย เหมือนเด็กพิเศษอ่ะ ที่พ่อแม่ต้องคอยตาม ทุกคนคงคิดว่า เค้าเป็นห่วงเรารึเปล่าเลยเป็นห่วงขนาดนี้ คำตอบคือ ไม่ใช่ เราเห็นพ่อแม่คนอื่นเป็นห่วงลูก แต่เค้าก็ให้ลูกไปโดยการไปรับไปส่ง นี่ไม่มีเลย เรากลับเองตลอด เรียนพิเศษเลิก2ทุ่ม ถ้าเป็นห่วงจริงๆทำไมไม่มารับ คือแบบมืดแล้วด้วย นี่หรอเราคิดว่านี่คือการเป็นห่วง ฝนตกบางทีรอมอไซด์ โทรมาหานะ แต่ให้เรานั่งรอมอไซด์ตากฝนไปเอง กลับมาพ่อเราทำไรอยู่รู้มะ นอนอยู่ เราแบบเสียใจมาก ช่วงนี้เราเครียดเรื่องการเรียนบ่อย ซึ่งถ้าเราบ่นหรือพูดอะไร พ่อเราจะไม่ฟังคือรำคาญนั่นเอง ส่วนแม่เลี้ยงฟัง แต่ก็เหมือนฟังผ่านๆอ่ะ สรุปคือเราต้องคอยโทรไปปรึกษาเพื่อนตลอด ได้เพื่อนเนี่ยแหละ ไม่งั้นคงเครียดมาก พ่อเราอารมณ์ร้อนขึ้นทุกวัน ตะคอก ใส่อารมณ์กับเราทั้งๆที่บางทีเราไม่ผิด เราก็งอนนะ เสียความรู้สึกหลายๆเรื่อง แต่เราก็งอนไม่นานหรอก เข้าใจว่าพ่อคงมีเรื่องเครียด แต่ความรู้สึกลึกๆเราแบบเศร้ามากเลย เวลาเราทำผิด ท่านทั้งสองจะโกรธเรานานมาก เราไม่เข้าใจว่าทำไม เหมือนเราไม่ใช่ลูกอ่ะ แม่เลี้ยงเราเวลาโมโหเรา จะค้อนสายตาใส่เรา แบบเรารู้สึกถึงความเกลียดที่อยู่ในสายตาได้ บางทีเราไม่ได้ทำไรผิด ค่าโดนด่าฟรี ไม่มีการขอโทษเราเลย ทั้งพ่อและแม่เหมือนท่านคงเสียฟอร์มอ่ะ กับการขอโทษลูก หลายๆครั้งที่เราเสียความรู้สึกแต่ต้องเก็บมาร้องไห้คนเดียว เราไม่อยากบอกกลัวท่านจะไม่สบายใจและคิดมาก ถ้าอารมณ์ไม่ดีแล้วเราพูดอะไรที่ตรงๆหรือแสดงสีหน้าแบบรำคาญ เป็นเรื่อง เค้าจะโกรธเรามาก แต่เรามักจะพูดความจริงและเราไม่ได้มองว่าการพูดความจริงเป็นการเถียง พ่อกับแม่เลี้ยงเรารักเรานะเรารู้สึก แต่เรารู้สึกว่าท่านรักเราน้อยเกินไป รักเราแค่ทางกาย ทางความรู้สึกทางจืตใจนี่คือแทบจะไม่มี ความดีที่ท่านมีให้เราก็มี พาเราไปเที่ยว พาไปกินของที่เราอยากกิน กูหนัง นอนเล่นกันวันหยุด เรามีความสุขมาก แต่เมื่อไหร่ที่มีเรื่อง เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระโถน เป็นถังขยะ ที่รองรับอารมณ์ คอยโดนพูดทำร้ายความรู้สึกแบบแรงๆ มันเจ็บนะ เจ็บมากๆถ้าคนอื่นทำ เราจะไม่เจ็บแบบนี่เลย และเรื่องล่าสุดที่ทำให้เราตัดสินใจมาตั้งกระทู้คือ เราทะเลาะกะพ่อบนโต๊ะอาหาร โดยที่เราบอกพ่อว่าถ้าไม่มีตังค์ให้เราไปเรียน เราไปกู้ค่าครองชีพเองก็ได้นะ เราไม่อยากรบกวนพ่อ แต่สิ่งที่พ่อคิดคือ เราดูถูกเค้าและโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องแคร์เค้า เราไม่ได้คิดแบบนั้น เราคิดว่าถ้าไม่มีตังค์ก็บอก เราจะได้ช่วยแก้ปัญหา และพ่อเราไม่คุยกะเรา3วัน เราโทรมาขอติวหนังสือกะพ่อ พ่อเราตะคอกเสียงใส่และให้แม่เลี้ยงเราคุยแทน เราแบบเสียใจมากอ่ะลึกๆ แต่เก็บไว้ หลับบ้านมาเราร้องไห้แบบหนักมาก ตื่นมาก็ยังร้องไห้ และตอนนี้ที่พิมพ์อยากจะร้องนะ แต่ตาบวมและร้องไม่ออกแล้ว เราแสบตามาก เสียใจมากๆอ่ะ กะความดีที่เราตั้งใจทำให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่ท่านกลับมองว่าเราคือของตาย จะทำยังไงกะเราก็ได้ อีกอย่างเราน้อยใจมากเรื่องนึงคือ เราเป็นเด็กที่ไม่เคยได้ของดีๆเลย สักชิ้นเดียว นี่คือเรื่องจริง ครั้งแรกที่ได้iPhone4 เพราะเราสอบได้เลขตัวเดียวแล้วตกลงกะพ่อว่าถ้าได้เลขตัวเดียวเราจะได้ iPhone5 สรุปพ่อให้แม่เลี้ยงมาต่อรองกะเรา ผิดสัญญาที่ให้ไว้ เราจึงต้องเอาiPhone4ของแม่เลี้ยงมาใช้ iPhone4ที่ใช้แล้ว iPhone4 ที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อให้เราตั้งแต่แรก เรื่องนั้นจบไป เราได้โน้ตบุ๊คตัวนึงมา ดีใจมากจะได้มีของดีๆใช้กะเค้า พ่อเราเอาไปทำงานและยึดเป็นของตัวเองเลย อยากได้กระเป๋าเราบอกแม่เลี้ยง ใบนี้สวยมาก อยากได้ 1,200 เค้าบอกว่ามันแพงไป สรุปยังไงรู้มะ แม่ของเพื่อนที่เราสนิทซื่อมาให้ มันจุกนะทั้งดีใจที่ได้กระเป๋า แต่เสียใจที่คนที่ซื้อมห้ไม่ใช่คนที่เรารักมากที่สุด โทรศัพท์ล่าสุดตอนนี้ที่เราใช่คือ iPhone6 plus ทุกคนคงจะคิดว่าดี นี่ไงก็ได้ของดีๆแล้วไง ไม่ใช่อย่างที่คิด แม่แท้ๆเราซื้อให้เรา แม้ว่าเค้าจะไม่ได้มีตังค์เท่าพ่อเรา แต่เค้าเองเงินที่เค้ามีซื้อให้เรา ตอนแรกปม่เลี้ยงเราเห็นละจะเอาให้พ่อเราด้วยนะ เราไม่ยอม เราไม่เคยได้ของดีๆเลย อยากใช้กะเค้าบ้าง เห็นเพื่อนไป ม. มีรถขับ เราอยากได้นะ แต่คงไม่มีวันนั้นหรอก เราตั้งใจว่าเราจะสร้างอนาคตและเก็บเงินซื้อเองทุกอย่างให้พ่อกะแม่เห็นว่าเราไม่เป็นภาระใคร เรามีทุกวันนี้เพราะตัวเราเอง ลึกๆมันน้อยใจนะ แบบไม่มีไรเลย เพื่อนๆทุกคนพ่อแม่ให้ทำเพื่อลูกอ่ะ แต่สำหรับเรา พ่อแม่เราทำเพื่อตัวเองมากๆ ซื้อมอไซด์500,000 ให้ตัวเองได้ มีของแบรนด์เนมใช้เองได้ แต่สำหรับลูกอย่างเราไม่เคยได้ใช้ของดีๆเลย เราจึงตัดสินใจว่า ต่อไปนี้เราจะเป็นคนใหม่ คนที่ไม่ต้องคิดถึงคนอื่นมากเกินไป เราจะเป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องใส่ใจกะคนอื่นมากเกินไป เราจะไม่แคร์อะไรทั้งสิ้นถ้าสิ่งที่เราทำอยู่ ไม่ได้เดือนร้อนใคร และวันนี้วันที่3ที่เราไม่ได้คุยกับพ่อ แม่เราไป ตจว กะที่ทำงาน ซึ่งเราอยู่กับพ่อสองคน เราไม่ออกไปกินข้าวแต่เช้า สรุปพ่อเราไปข้างนอก เราได้ยินว่าเค้าจะไปต่างจังหวัด เค้าทิ้งเราไว้คนเดียว นี่คือสิ่งที่เค้าทำ เวลาเค้าเจ็บป่วยเราดูแลอย่างดี ปวดขา เอาน้ำอุ่นมาให้แช่ ดูแลจัดยา ไม่ให้ทำอะไร ทำกับข้าวให้ เป็นห่วงเค้า แต่ดูสิ่งที่เค้าทำสิ แม้ว่าเราจะโกรธแค่ไหน เราก็ไม่เคยละเลยหน้าที่ลูกเลย แต่พ่อเราทิ้งให้เราอยู่คนเดียว โดยไม่บอกอะไรเราสักคำ เราตัดสินใจถูกใช่มั้ย ว่าพ่อกับแม่เลี้ยงเรารักตัวเองมากกว่าเรา เราสบายใจขึ้นเยอะหลังจากได้ระบายในนี้ ขอบคุณทุกคนนะที่อุตส่าห์อ่านเรื่องไม่เป็นเรื่องมาจนถึงนี่ ถ้าถามว่าทำไมเราไม่ไปปรึกษาเพื่อนสนิทเรา เราเกรงใจเค้ามาก เค้าก็มีเรื่องเยอะพอแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่