“โสเภณี เขาจะมีหัวใจรักใครสักคน” ได้จริงๆหรอ....กับเรื่องราวที่ผมเป็นแฟนกับโสเภณี โดยที่ไม่รู้ว่าเธอเป็น..มาครึ่งปี

สวัสดีครับ  กระทู้นี้ผมอยากจะระบาย  เพราะผมแค่ไม่รู้จะไปบอกกล่าวกับใคร  มันเป็นความรัก  ที่ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
เอาเป็นว่าผมจะเริ่มจาก  เมื่อตอนที่ผมเลิกกับแฟนคนเก่าที่คบมานาน  เพราะเธอไปมีคนใหม่ก็แล้วกัน
ตอนนั้นผมเสียใจมาก  แต่ผมก็ข้ามผ่านมันมาได้แบบทุลักทุเลที่สุด  วันๆผมมุดตัวอยู่แต่ในป่าในเขา
เพราะไม่อยากออกมาพบเจอความจริง  ในสิ่งที่ผมได้เผชิญ

จนที่สุดเพื่อนผม  ก็มาตามหา  มาปลอบใจ  แล้วก็ชักชวนให้ผมออกไปสู่โลกภายนอกอีกครั้ง
ผมจึงออกไปตามเพื่อน  เฮฮากันไปวันๆหลังเสร็จจากงานหลัก  พอได้คลายความเหงา ความเศร้าไปได้
ผมเป็นคนจังหวัดตรัง  พอตกกลางคืนก็จะขับมอเตอร์ไซค์กับเพื่อนๆเข้าไปเที่ยวตามแหล่งนั่งดื่ม นั่งเที่ยวในตัวเมืองตรัง
จนวันนั้น  ผมไปนั่งร้านขายเครื่องดื่มและขนมสไตล์โบราณ  ที่มีจักรยานเก่าๆแล้วรูปวาดคนสำคัญของเมืองตรังในอดีตตั้งอยู่ในร้าน

ผมไปกัน5คน  มีผม เพื่อนชายอีก3 และแฟนสาวของเพื่อนอีก1คน  เรานั่งดื่มๆเครื่องดื่มและสั่งขนมมากินพร้อมถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้
ภายในร้านไปเรื่อย  สักพัก  มีผู้หญิงเดินเข้าร้านมา2คน  แต่งตัวธรรมดา เสื้อยืดกางเกงยีนส์  หน้าตามึนๆเหมือนคนหลับไม่เต็มที่
อีกคนหน้าแบนๆ ดั้งไม่ค่อยมี ตาตี่ๆ  มาถึงก็นั่งโต๊ะที่ไม่ไกลจากพวกผม  เธอสั่งเครื่องดื่มและไปตักขนมมานั่งกินกัน
คุยกันด้วยภาษาอีสาน  ผมนั่งด้านที่ต้องมองไปทางนั้นพอดี  ผมก็เลยมอง  โดยเฉพาะคนที่หน้ามึนๆนั้น  ผมรู้สึกชอบเธอมากเวลาเธอยิ้ม

ผมมองจนเหมือนเธอจะรู้สึกตัวครับ  เพราะเราสบตากันหลายครั้งแล้วเธอจะหลบตาผมไปก้มหน้า  แต่เธอไม่ได้ยิ้มหรืออะไรให้ผม
พวกผมนั่งกันนาน  แต่เธอ2คนพอกินเสร็จ ก็เช็คบิลแล้วเดินออกไป  ผมชะเง้อตามทำท่าจะลุกตามไปดู  แต่ก็ต้องดึงตัวเองกลับมานั่ง
เพื่อนผมมันคงรู้  ก็แซวผมว่า

“ชอบคนไหนวะ  ขนาดจะลุกตามเลย  ทำไมไม่ตามไปขอเบอร์ล่ะ  อาจจะไม่ได้เจออีกแล้วนะเว้ย”

ผมก็เลยบอกไปว่า   “เออ  ชอบคนผมยาวๆ หน้ามึนๆว่ะ  แต่ไม่กล้าไปขอเบอร์หรอก “

“อ่อนจังมืง  ชอบใครก็จีบไปเลย  ถามไปเลย  ตอนนี้มืงโสด  เขาจะตอบสนองมั้ยก็ไม่ต้องแคร์  ขอแค่กล้าทำ”

ผมก็ยิ้มๆแล้วบอกไปว่า  “เอาไว้ถ้าเจอเค้าอีกครั้ง   กุจะเข้าไปขอเบอร์เขาแล้วกัน”

“เหอะๆ  เออๆ เขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้  เขาคงอยู่ให้มืงเจออีกหรอกมั้ง  ให้จริงนะ เจออีกทีต้องขอเบอร์นะเว้ย”  เพื่อนผมแขวะ

จากวันนั้นผ่านไปอีกหลายวัน  แต่แปลกที่ผมยังนึกถึงแต่ผู้หญิงหน้ามึนๆคนนั้น  พอนึกถึงก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเองครับ
ว่านี่ล่ะมังที่เขาเรียกว่าอาการตกหลุมรักแรกพบ   ผมเคยเจอผู้หญิงมามากมายในแว้บแรก  แต่ไม่เคยมีใครอยู่ในหัวผมได้นานเท่าคนนี้เลย
เย็นของวันนึง  เพื่อนๆผมก็มาชวนผมเข้าไปเที่ยวเล่นในเมืองตรังอีก  ผมก็ไป  เราพากันไปนั่งบริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฏา
นั่งๆอยู่  เพื่อนผมมัน ตีไหล่ผม  แล้วชี้สวนไหล่ผมไปด้านหลังว่า

“เฮ้ยๆ บ่าว  นั่นสองสาววันก่อนที่เจอใช่มั้ยวะ  ที่มืงบอกว่าชอบแล้วถ้าเจออีกครั้งจะขอเบอร์น่ะ”

ทุกคนก็หันไปมอง  ผมก็หัวใจพองโตเลย  เพราะจำหน้าเธอได้แม่นผมบอก  “เออๆใช่จริงๆว่ะ “
แต่รู้สึกวันนี้เธอจะไม่ได้มากับเพื่อนเธอคนนั้นแค่2คน ครับ  เพราะผมเห็นมีผู้หญิงอีกหลายคนคุยกันอยู่เฮฮามาก บ่งบอกว่ามาด้วยกัน
แล้วเธอก็อยู่ท่ามกลางผู้หญิงกลุ่มนั้น  เพื่อนผมมันก็เย้วๆใส่ผมทันทีว่า

“เอ้า  ทำตามคำพูดหน่อยดิบ่าว  ไหนบอกวันก่อน  ถ้าเจอเขาอีกจะเข้าไปขอเบอร์  เนี่ยๆเจอแล้ว  พิสูจน์หัวใจหน่อย”

ผมก็หน้าชา  ขาแข็งเลย  เพราะผมเองก็ไม่เคยเข้าไปขอเบอร์สาวท่ามกลางเพื่อนของฝ่ายหญิงมากมายแบบนี้มาก่อน
แต่ผมก็เจอแรงยุ  แรงแซว  แรงแขวะ  บวกกับหัวใจผมเอง  ผมก็เลยเดินแบบกล้าๆกลัวๆไปช้าๆ
แต่ก็ไปเดินวนซ้าย วนขวา รอบๆกลุ่มพวกเธอ ทำท่าเหมือนวิ่งออกกำลังกาย  ทั้งๆที่ใส่กางเกงยีนส์  รองเท้าคีบช้างดาว
ผมหันไปมองพวกเพื่อนๆผม  ที่นั่งส่งยิ้ม  ส่งสัญญาณมือว่าให้เข้าไปหลายครั้ง  ผมเหงื่อแตก  เป่าลมออกปากฟู่ๆ
พอเหมือนใจจะสู้  ผมก็ก้าวเท้าตรงแน่วเข้าไป  แต่ก็เดินหักหลบไปอีกหลายที

จนเริ่มเป็นที่ผิดสังเกตของกลุ่มเธอ  เพราะผมหันไปเจอหน้าของผู้หญิงในกลุ่ม  พากันมองมาที่ผมแล้วซุบซิบพอดี  
แต่ผมไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกัน   ผมก็เลยเดินหนีไปไกลๆเลย  เดินวนรอบอนุสาวรีย์ไปแอบซุ่มทำใจ
ผมกลัวเข้าไปแล้วหน้าแตกออกมา  แต่ผมนึกถึงเพลงของพี่ป้างที่ร้องว่า  

“ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว  ให้เธอนี้ไม่แคล้วไม่คลาดกัน”

ผมเลยเดินแบบมุ่งมั่นแบบเดินดุ่มๆตรงเข้าไปเลยครับ  ไปยืนตรงข้างกลุ่มพวกเธอ  ผมยืนขาสั่นนิดๆ  เพราะสายตาทุกชีวิตในวงนั้น
หันมามองผมหมด  เพราะไม่รู้ว่าอึ้งหรือกลัว  ที่ผมเดินเข้ามายืนแล้วไม่พูดอะไร  จนใครสักคนในนั้นพูดมาว่า
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ผมหันไปมอง  ผู้หญิงหน้ามึนๆคนนั้น  สบตาแล้วถามเธอว่า  “จำผมได้มั้ยครับ  ที่เจอกันที่ร้านนั้นหลายวันก่อน”
คนอื่นๆหันไปมองเธอ  ได้ยินเสียงถามเบาๆ  “ไผวะอิแย้”  
ตกลงเธอชื่อแย้หรอ  (ผมคิดในใจ)   แย้ เธอก็เหมือนมองหน้าผมแล้วใช้ความคิด  ก่อนจะ  ร้อง  อ๋อ  ขึ้นมาแล้วบอกผมว่า
“พอจะจำได้ นายมีอะไรหรอ”

ผมก็เลยกลั้นใจพูดไปตรงๆว่า “ ขอเบอร์  ขอไลน์  ขอเฟซหน่อยได้มั้ย  มีแฟนหรือยัง”  แล้วผมก็ก้มหน้ายิ้มเกร็งตูดรอคำตอบ
เธอเงียบ  ทุกคนเงียบ ผมเงยหน้ามอง  เหมือนทุกคนอึ้ง  ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดขึ้นว่า  “จะเอาไปเฮ็ดหยางละอ้ายเบอร์อิแย้ “
ผมก็บอกไปตรงๆอีกดอกว่า  ที่ผมเห็นแย้วันก่อนที่ร้านนั้น  ผมรู้สึกชอบเธอ  และได้ให้คำพูดกับเพื่อนๆไว้แล้วว่า  ถ้าได้เจอเธออีก
ผมจะเข้ามาขอเบอร์  พอผมพูดเสร็จ  พวกเพื่อนๆเธอก็โห่ฮาใส่แย้  จับตัวเธอเขย่า  พูดอะไรเป็นภาษาอิสานที่ผมก็จำมันไม่ได้
แต่อยู่ในเชิงหยอกล้อนี่ล่ะ   เพื่อนๆเธอบอกให้ผมส่งโทรศัพท์แล้วเปิดไลน์มา  ผมก็ส่งให้

พวกเธอเอาให้แย้  แย้ก็รับไปแล้วส่งกลับมา  ในนั้นเป็นไลน์เธอ  แต่เธอไม่ได้ให้เบอร์โทรหรือเฟซผม  ผมก็ไม่ซีเรียส  ได้เท่านั้นผมก็ดีใจ
ถือโทรศัพท์กลับมาได้ก็เดินยิ้มมาหาเพื่อน  เพื่อนก็ยิ้มให้ผม  แล้วแซวผมว่า  “เห้ย  มืงนี่มันแน่จริงๆว่ะ”  แล้วมันก็จับมือผมเขย่าๆ
ขอให้มีความสุขเพื่อน  เดินหน้าจีบอย่างเดียว  ชีวิตจะได้มีสีสัน  
ผมกลับบ้านมา  แต่ก็ยังไม่กล้าทักไลน์ไป  เพราะไม่รู้จะเริ่มคุยยังไงดี

3วันผ่านไป  ดึกคืนนึง  เสียงไลน์ ตุ๊งขึ้นมา  ผมกำลังเคลิ้มๆจะหลับแล้ว เลยเปิดดู
หัวใจผมพองโต  เพราะเป็นแย้นั่นเองที่ทักมาหาผมก่อนด้วยประโยคว่า
“เอาไลน์ไปทำไม  ถ้าไม่ทักมาคุย”
ผมก็ตอบกลับไป “เขิน  ไม่กล้าคุยอ่ะ”
หลังจากนั้นผมกับเธอก็คุยไลน์กันไปมา  ขาดๆหายๆเว้นช่วงไปบ้าง  แต่ก็นานจนกินเวลาตั้งแต่3ทุ่ม ไปถึงตี3

พอดีฝนตก  ผมเลยไม่ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง  ผมก็ดีใจว่าเธอคงอาจจะรู้สึกชอบพอผมอยู่บ้าง  ไม่งั้นคงไม่คุยกับผมมาถึงตี3แบบนี้
และเราก็จะคุยกันในช่วงเวลานี้แทบทุกวัน  เว้นวันที่ผมไม่ว่างจริงๆที่ไม่ได้คุย  
จนเราเริ่มคอลไลน์คุยกันบ้าง  วิดีโอคอลหากันบ้าง  หลักๆเธอจะเป็นคนขอมา  เธอบอกว่าพ่อดุ  ผมอย่าคอลไปก่อนนอกจากเธอคอลเอง
ผมอยากไปเจอเธอ  เธอก็มาเจอผม  โดยที่จะมากับเพื่อนเธอคนที่หน้าแป้นๆตาตี่ๆคนนั้น  
เรานัดเจอกันไม่เป็นที่  แล้วแต่เธอจะนัดเจอ  แต่เธอไม่ยอมให้ผมไปส่งบ้าน  เธอบอกผมว่าพ่อเธอดุมาก
จะออกมาได้  ต้องมากับเพื่อนเท่านั้น  ผมเองก็งงๆว่า  เธอเป็นคนอิสานไม่ใช่หรอ  ทำไมเธอมามีพ่ออยู่ที่ตรัง
แต่ผมก็ไม่ได้ซักอะไรไปตามที่คิด  มองเห็นแต่ความสุขตรงหน้า  ผมคุยกับเธอ
จริงๆเธอไม่ได้ชื่อแย้  แต่เธอชื่ออื่น  แย้เป็นสรรพนามที่เพื่อนเธอเรียก  แต่ผมก็เรียกเธอว่าแย้  เพราะมันแนวดี
เธอจะมาเจอผมได้คราวละ  1-2 ชม.ช่วงกลางวัน

ผมพาเธอไปกิน  ไปเดินตรงนั้นตรงนี้  ตามแต่ใจเธอต้องการ  ผมรู้สึกชอบเธอมากยิ่งขึ้น  ตรงที่ไม่ว่าจะกินอะไร  เธอจะควักเงินเพื่อช่วยหารครึ่งตลอด  ไม่มีทีท่าละโมบให้ผมเลี้ยงแต่ฝ่ายเดียว  แต่ผมก็จะขอเป็นคนเลี้ยงเธอเอง เสมอ  เพราะนิสัยผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่คบแฟนคนเก่า
พอถึงเวลา  เธอก็จะโทรให้เพื่อนคนนั้นมารับกลับ   ผมเคยพยายามขับรถตาม  เพราะอยากรู้บ้านของเธอ  แต่ผมก็ตามไม่ทัน  เพราะเพื่อนเธอ
ขับรถในเมืองตรังชำนาญมาก  จนคลาดสายตาผมไปอย่างไว  ผมคุยกับแย้แบบนี้อยู่1เดือน  จนผมว่าเธอคงจะมีใจให้ผมแน่ๆ
ผมเลยขอเธอเป็นแฟน   เธอไม่ตอบตกลงในทันที  ดูเธอลังเลใจ  แต่พอกลับบ้านไป  เธอก็คอลมาตอบตกลงเป็นแฟนกับผม

ผมดีใจมากๆ  ที่จะได้มีแฟนอีกครั้ง  แต่ผมก็อึดอัดอยู่บ้างตรงที่  ผมไม่สามารถไปเจอแย้ได้ตลอด  ตามที่ใจผมต้องการ
เธอบอกว่าพ่อเธอดุมากๆ  เลยหาโอกาสออกมาเจอผมได้แค่เท่านี้  แต่มันก็เป็นช่วงเวลา  ที่ผมกับเธอมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน
แย้เธอไม่ได้สวยมากมาย  แต่เธอเป็นคนที่ยิ้มทีไร  แล้วผมใจละลายหลงใหลรอยยิ้มเธอทุกที  เราคบกันจนผ่านไป5เดือน
จนวันนึง เป็นวันหยุดเทศกาล   เธอนัดผมไปเจอตอนกลางคืน  เพื่อนเธอมาส่งแย้  แย้บอกเพื่อนเธอว่า  เดี๋ยวตอนเช้ากลับเอง
ผมก็แปลกใจมาก   ว่าหมายความว่าอะไร  เช้ากลับเอง  เธอบอกไม่มีอะไรหรอก   เธอโกหกพ่อเธอว่า  คืนนี้จะมานอนบ้านเพื่อน
เพราะอยากเที่ยวกับผมให้เต็มที่1คืน

ใช่ครับ  คืนนั้นผมกับแย้เที่ยวกันเต็มที่ ครึ่งคืน  จบลงที่ผมไปเปิดโรงแรมนอนกับเธอ  เป็นครั้งแรกที่ผมกับแย้มีอะไรกัน
ผมมีความสุขมาก  และแย้ก็เมาหน่อยๆ  ผมขอโทษเธอ  และสัญญากับเธอว่า  ผมจะรับผิดชอบเธอ  จะเข้าไปคุยกับพ่อเธอ
ถ้าแย้ตรงการ  แย้บอก  “ ไม่เป็นไรหรอก  เราเป็นแฟนกันนี่  รู้แค่ว่า  แย้รักบ่าว ก็พอ”
เป็นความสุขที่ผมขาดหายไปนาน  และรู้สึกอยากจะอยู่กับแย้ในฐานะ  ผัว-เมียแบบนี้
แต่แย้ก็ยังไม่ยอมให้ผมไปบ้านเธอ  ข้ออ้างคือพ่อดุ  และกลางคืนออกจากบ้านมาหาผมไม่ได้
เจอกันได้แค่ช่วงเย็นๆ  วันเกิดผม  เธอซื้อเค้กมาให้ผมที่สวนสาธารณะ  ผมลืมกลุ่มเพื่อนไปเลย  ตั้งแต่มีแย้เข้ามา

ผมกับแย้  ยังแอบไปมีอะไรกันบ้างประปราย  ทุกครั้งผมไม่เคยป้องกันใดๆ  ตั้งใจว่าจะทำให้เธอท้อง  แต่เหมือนจะไม่ได้ผล  
เพราะมันไม่มีวี่แววนั้นเลย  แย้ก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม  ผมรักแย้มาก  ส่วนแย้ก็แสดงให้เห็นว่ารักผมมากเหมือนกัน
ผมชอบเวลาแย้หลับ  ไรผมบนหน้าของเธอมันดูละมุน  น่าทะนุถนอม  ผมชอบหอมหน้าผากเธอ  เวลาที่ได้นอนด้วยกันแล้วเธอหลับตา
ตลอดเวลาที่คบกัน  เธอไม่เคยแสดงอาการหิวเงินกับผมเลย  นั่นทำให้ผมยิ่งรักเธอสุดใจ

...จน เช้าวันนึง  ผมนั่งอยู่หน้าบ้าน  นั่งเหลาไม้อยู่  เพื่อนผมที่ผมหายจากมันไปนาน  ก็แวะเข้ามา
มันก็ถามผม   “เห้ย  บ่าว หายหัวเลยนะมืง  เป็นไงมั่งแล้ว”
ผมตอบมัน  “กุสบายดี  ตอนนี้ชีวิตมีความสุข”
มันถาม  “อัพเดตชีวิตมาที  กำลังอินเลิฟหรือไง  กุเห็นอัพรูปคู่ลงเฟส  แต่ไม่ยอมให้เห็นหน้าแฟน  ร้ายกาจจริง ใครวะ สาวบ้านไหน”
“ก็คนนั้นแหละ”
“คนไหนวะ”
“คนหน้ามึนๆ  ที่มืงยุให้กุไปขอเบอร์ไง”
“หา...เอาจริงดิ  นี้มืงคบจริงเออ”
“เออ  คบมา5เดือนแล้ว”
“ได้กันยัง”
“จะรออะไรล่ะ”
“มืงรักมากมั้ย”
“มากดิคนนี้หวังแต่ง”
“อั้ยหยา   เห้อออ....บ่าวเห้อ”
เพื่อนผมอุทานออกมา  จนผมถามมันว่า  ทำไมมันต้องทำท่าเหนื่อยใจแบบนั้นด้วย  นี่ผมมีแฟนนะ  ควรดีใจกับผมสิ  มันก็ตบบ่าผม
แล้วถามผมอีกว่า  “ถ้าผมบอกอะไรไป  บ่าวจะโกรธผมมั้ย”    ผมตอบ ผมจะโกรธทำไม  มีอะไรหนักหนาหรอ
เพื่อนผมก็บอกว่า  แย้น่ะ  จริงๆแล้วเป็นเด็กร้าน  (คาราโอเกะ)  ร้านนึงในเมืองตรัง  อยู่กันเป็นเล้า  เพื่อนผมเคยขับรถผ่าน
แต่ไม่เคยเข้า  มันเห็นแย้  แต่งตัววาบหวิว นุ่งสั้น  เดินเข้าออกร้านนั้นอยู่  มันก็จำได้ว่าเป็นคนที่ผมชอบ  แต่มันก็ไม่ได้เอามาบอกผม
เพราะไม่คิดว่าผมจะไปจีบจริงจังอะไร  แล้วผมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะอวดแฟนกับเพื่อน  หรือบอกเพื่อนว่าจีบใครสักเท่าไหร่

ตอนนั้นผมอึ้ง  ผมถามย้ำๆว่าจริงหรอ  ตาฝาดหรือเปล่า  ไม่อำผมใช่มั้ย  เพื่อนผมบอก  ไม่ได้อำ  มันเห็นจริงๆ
ผมขอให้มันพาผมไปในคืนนั้นเลย  ผมจะจ่ายเงินออฟเด็กร้านนั้นที่ว่าให้มันฟรีๆ1คน   มันก็บอกผมว่า  พาไปก็ได้  แต่มันไม่เอาหรอก
ค่าตีหม้อฟรีอะไรนั่น  เพราะมันไม่ชอบเที่ยวผู้หญิงแบบนั้น  ตอนหัวค่ำ  ผมก็ทักไลน์ไปหาแย้ ยังทำตัวปกติ
ก่อนจะวาง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่